รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม

รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม (สวีเดน: Nobelpriset i litteratur, อังกฤษ: Nobel Prize in Literature) เป็นรางวัลโนเบลหนึ่งในห้าสาขา ที่ริเริ่มโดยอัลเฟรด โนเบล ตั้งแต่ ค.ศ. 1895[3] โดยรางวัลนี้บริหารจัดการโดยมูลนิธิโนเบลและมอบให้โดยคณะกรรมการที่ประกอบด้วยสมาชิกห้าคนที่ได้รับเลือกจากบัณฑิตยสถานสวีเดน[4] มีพิธีมอบเป็นครั้งแรก เมื่อ ค.ศ. 1901[5] ผู้รับรางวัลแต่ละคนจะได้รับเหรียญ ประกาศนียบัตร และเงินรางวัลที่มีการปรับเปลี่ยนมาแล้วหลายครั้ง[6] พิธีมอบรางวัลมีขึ้นในวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเสียชีวิตของอัลเฟรด โนเบล ที่กรุงสต็อกโฮล์ม[7]

รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม
(สวีเดน: Nobelpriset i litteratur)
ฮอเรซ เองดาห์ล อดีตเลขาธิการถาวรของบัณฑิตยสถานสวีเดน ประกาศให้ฌี.แอม.เฌ. เลอ เกลซีโย เป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมในปี 2008
รางวัลสำหรับผลงานที่โดดเด่นในสาขาวรรณกรรม
ที่ตั้งสต็อกโฮล์ม
จัดโดยบัณฑิตยสถานสวีเดน
รางวัล11 ล้านครูนาสวีเดน (2023)[1]
รางวัลแรก1901
ผู้รับรางวัลยุน อูลัฟ ฟ็อสเซอ (2023)[2]
เว็บไซต์nobelprize.org

ในปี 2023 รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมได้มอบให้แก่บุคคลแล้ว 120 ราย[8] ในปี 1958 เมื่อบอริส ปัสเตร์นัค ชาวรัสเซียได้รับรางวัลเขาถูกบังคับให้ปฏิเสธรางวัลต่อสาธารณชนภายใต้แรงกดดันจากรัฐบาลของสหภาพโซเวียต ในปี 1964 ฌ็อง-ปอล ซาทร์ประกาศว่าเขาไม่ประสงค์จะรับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม[9] เนื่องจากเขาเคยปฏิเสธการให้เกียรติอย่างเป็นทางการทั้งหมดในอดีตมาโดยตลอด[10] อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการโนเบลไม่ยอมรับการปฏิเสธ และรวมปัสเตร์นัค และซาทร์ ไว้ในรายชื่อผู้ได้รับรางวัลโนเบลด้วย[11]

มีผู้หญิงสิบเจ็ดคนที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ซึ่งเป็นจำนวนรางวัลโนเบลของสตรีสูงสุดอันดับสองรองจากรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ[12][13] มีสี่กรณีที่มอบรางวัลให้กับคนสองคน (1904, 1917, 1966, 1974) ไม่มีการมอบรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมในเจ็ดปี (1914, 1918, 1935, 1940–1943) เป็นเวลาสามปีที่รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมถูกเลื่อนออกไปหนึ่งปี: รางวัลสำหรับปี 1915[14], 1949[15] และ 2018[16][17][8] โดยมีการรับรางวัลแต่ละรางวัลพร้อมกับของปีถัดไป ในเดือนตุลาคมของปีต่อมา

รายชื่อผู้ได้รับรางวัล แก้

ค.ศ. ชื่อ สัญชาติ ภาษา หมายเหตุ
1901 ซูว์ลี พรูว์ดอม
(Sully Prudhomme)
  ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส) "ในการรับรู้เป็นพิเศษขององค์ประกอบบทกวีของเขาซึ่งให้หลักฐานของอุดมคติอันสูงส่ง ความสมบูรณ์แบบทางศิลปะและการผสมผสานที่หายากของคุณสมบัติของทั้งหัวใจและสติปัญญา"[18]
1902 เทโอดอร์ ม็อมเซิน
(Theodor Mommsen)
  เยอรมนี (เยอรมัน) "ผู้ทรงคุณวุฒิด้านศิลปะการเขียนประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ยังมีชีวิต โดยมีการอ้างอิงพิเศษถึงงานชิ้นสำคัญของเขา History of Rome [en]"[19]
1903 บีเยินส์จาเนอ มัตตีนียึส บีเยินซ็อน
(Bjørnstjerne Martinius Bjørnson)
  นอร์เวย์ (นอร์เวย์) "เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อกวีนิพนธ์อันสูงส่ง งดงาม และหลากหลายของเขา ซึ่งมีความโดดเด่นอยู่เสมอด้วยความสดชื่นของแรงบันดาลใจและความบริสุทธิ์ที่หาได้ยากของจิตวิญญาณ"[20]
1904* เฟรเดริก มิสทราล
(Frédéric Mistral)
  ฝรั่งเศส (อุตซิตา) "ในการรับรู้ถึงความคิดริเริ่มที่สดใหม่และแรงบันดาลใจที่แท้จริงของการผลิตบทกวีของเขา ซึ่งสะท้อนอย่างซื่อสัตย์ถึงทิวทัศน์ธรรมชาติและจิตวิญญาณดั้งเดิมของผู้คนของเขา และนอกจากนี้ยังเป็นผลงานที่สำคัญของเขาในฐานะนักปรัชญาชาวพรอว็องส์"[21]
1904* โฆเซ เอเชกาไร อี เอย์ซากีร์เร
(José Echegaray y Eizaguirre)
  สเปน (สเปน) "ในการรับรู้ถึงองค์ประกอบมากมายและยอดเยี่ยมของลักษณะที่เป็นปัจเจกและเป็นต้นฉบับ ได้รื้อฟื้นประเพณีอันยิ่งใหญ่ของละครสเปน"[21]
1905 แคนรึก แชงกีเยวิตช์
(Henryk Sienkiewicz)
  โปแลนด์ (โปแลนด์) "เนื่องด้วยคุณความดีอันโดดเด่นของเขาในฐานะนักเขียนบทประพันธ์มหากาพย์"[22]
1906 โจซูเอ คาร์ดุชชี
(Giosue Carducci)
  อิตาลี (อิตาลี) "ไม่เพียงแต่พิจารณาจากการเรียนรู้เชิงลึกและการวิจัยเชิงวิพากษ์ของเขาเท่านั้น แต่นอกเหนือจากนั้นเพื่อเป็นการยกย่องพลังงานสร้างสรรค์ ความสดใหม่ของสไตล์ และพลังแห่งบทกวีซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของผลงานกวีนิพนธ์ของเขา"[23]
1907 รัดยาร์ด คิปลิง
(Rudyard Kipling)
  สหราชอาณาจักร (อังกฤษ) "โดยคำนึงถึงพลังของการสังเกต ความคิดริเริ่มของจินตนาการ ความสามารถทางความคิด และความสามารถที่โดดเด่นในการเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของการสร้างสรรค์ของนักเขียนที่มีชื่อเสียงระดับโลกคนนี้"[24]
1908 รูด็อล์ฟ คริสท็อฟ อ็อยเคิน
(Rudolf Christoph Eucken)
  เยอรมนี (เยอรมัน) "ในการตระหนักถึงการค้นหาความจริงอย่างจริงจัง พลังความคิดที่ทะลุปรุโปร่ง วิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของเขา และความอบอุ่นและความแข็งแกร่งในการนำเสนอ ซึ่งเขาได้พิสูจน์และพัฒนาปรัชญาชีวิตในอุดมคติในผลงานมากมายของเขา"[25]
1909 เซลมา ลอเกร์เลิฟ
(Selma Lagerlöf)
  สวีเดน (สวีเดน) "ในความซาบซึ้งในอุดมคติอันสูงส่ง จินตนาการอันเจิดจ้า และการรับรู้ทางจิตวิญญาณที่เป็นลักษณะเฉพาะของงานเขียนของเธอ"[26]
1910 เพาล์ ไฮเซอ
(Paul Heyse)
  เยอรมนี (เยอรมัน) "เพื่อเป็นบรรณาการแก่ศิลปะที่สมบูรณ์ เปี่ยมด้วยอุดมการณ์ ซึ่งเขาได้แสดงให้เห็นในอาชีพการงานอันยาวนานของเขาในฐานะกวี ผู้แต่งเนื้อร้อง นักเขียนบท นักประพันธ์ และนักเขียนเรื่องสั้น ที่มีชื่อเสียงระดับโลก"[27]
1911 มอริส มาแตร์แล็งก์
(Maurice Maeterlinck)
  เบลเยียม (ฝรั่งเศส) "ในความชื่นชมกิจกรรมทางวรรณกรรมหลายด้านของเขา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานบทละครของเขา ซึ่งโดดเด่นด้วยจินตนาการอันล้ำค่าและรูปแบบของบทกวี ซึ่งเผยให้เห็นบางด้านที่ซ่อนอยู่ของเทพนิยาย, แรงบันดาลใจที่ลึกซึ้ง ในขณะที่นำเสนอด้วยวิธีที่ซ่อนเร้นดึงดูดความรู้สึกของผู้อ่านและกระตุ้นจินตนาการของพวกเขา"[28]
1912 แกร์ฮาร์ท เฮาพท์มัน
(Gerhart Hauptmann)
  เยอรมนี (เยอรมัน) "โดยหลักเพื่อการตระหนักรู้ถึงผลงานการประพันธ์ที่ประสบความสำเร็จ, หลากหลาย และโดดเด่นของเขา ในขอบเขตของศิลปะการละคร"[29]
1913 รพินทรนาถ ฐากุร
(Rabindranath Tagore)
  อินเดีย (เบงกอล) "เพราะบทกวีที่ละเอียดอ่อน สดใหม่ และงดงามของเขา ด้วยทักษะที่สมบูรณ์ เขาได้รังสรรค์บทกวี แสดงออกด้วยถ้อยคำภาษาอังกฤษของเขาเอง จึงนับเป็นส่วนหนึ่งของวรรณกรรมตะวันตก"[30]
1914
ไม่มีการมอบรางวัล
ไม่มีการมอบรางวัล เงินรางวัลมอบคืนแก่กองทุนพิเศษของรางวัลสาขานี้
1915 รอแม็ง รอล็อง
(Romain Rolland [en])
  ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส) "เพื่อเป็นการยกย่องจินตนาการอันสูงส่งของการผลิตวรรณกรรมของเขา ตลอดจนความเห็นอกเห็นใจและความรักในความจริงซึ่งเขาได้บรรยายถึงมนุษย์ประเภทต่าง ๆ"[14]
1916 คาร์ล กุสตัฟ แวร์เนอร์ ฟอน ไฮเดินสตัม
(Carl Gustaf Verner von Heidenstam [en])
  สวีเดน (สวีเดน) "ในการรับรู้ถึงความสำคัญของเขา ในฐานะตัวแทนผู้นำของยุคใหม่ในด้านวรรณกรรม"[31]
1917* คาร์ล แอดอล์ฟ เกลเลอโรป
(Karl Adolph Gjellerup)
  เดนมาร์ก (เดนมาร์ก) "สำหรับบทกวีที่หลากหลายและสมบูรณ์ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากอุดมคติอันสูงส่ง"[32]
1917* เฮนริก พอนทอปปีดัน
(Henrik Pontoppidan [en])
  เดนมาร์ก (เดนมาร์ก) "สำหรับการพรรณาความจริงแท้ของชีวิตปัจจุบันในเดนมาร์ก"[32]
1918
ไม่มีการมอบรางวัล
ไม่มีการมอบรางวัล เงินรางวัลมอบคืนแก่กองทุนพิเศษของรางวัลสาขานี้
1919 คาร์ล ชปิทเทอเลอร์
(Carl Spitteler [en])
  สวิตเซอร์แลนด์ (เยอรมัน) "ในความนิยมเป็นพิเศษของมหากาพย์ Olympian Spring"[33]
1920 คนุท ฮัมซุน
(Knut Hamsun)
  นอร์เวย์ (นอร์เวย์) "สำหรับงานที่สำคัญของเขา Growth of the Soil [en] "[34]
1921 อานาตอล ฟร็องส์
(Anatole France)
  ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส) "ในการตระหนักถึงความสำเร็จทางวรรณกรรมอันยอดเยี่ยมของเขาซึ่งมีลักษณะตามแบบผู้สูงศักดิ์, ความเห็นอกเห็นใจมนุษย์อย่างลึกซึ้ง, ความสง่างาม และอารมณ์แบบฝรั่งเศสที่แท้จริง"[35]
1922 ฆาซินโต เบนาเบนเต
(Jacinto Benavente [en])
  สเปน (สเปน) "สำหรับบุคลิกที่มีความสุข ซึ่งเขาได้สานต่อประเพณีอันโด่งดังของละครสเปน"[36]
1923 วิลเลียม บัตเลอร์ เยตส์
(William Butler Yeats)
  ไอร์แลนด์ (อังกฤษ) "สำหรับกวีนิพนธ์ที่ให้แรงบันดาลใจมาโดยตลอดของเขา ซึ่งมีรูปแบบศิลปะชั้นสูงในการแสดงออกถึงจิตวิญญาณของคนทั้งชาติ"[37]
1924 ววาดึสวัฟ แรย์มอนต์
(Wladyslaw Reymont [en])
  โปแลนด์ (โปแลนด์) "สำหรับมหากาพย์ระดับชาติอันยิ่งใหญ่ของเขา The Peasants [en] "[38]
1925 จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์
(George Bernard Shaw)
  ไอร์แลนด์ (อังกฤษ) "สำหรับงานของเขาซึ่งมีทั้งอุดมคตินิยมและความเป็นมนุษย์ การเสียดสีที่กระตุ้นอารมณ์มักถูกผสมผสานด้วยความงดงามของบทกวีที่โดดเด่น"[39]
1926 กราเซีย เดเลดดา
(Grazia Deledda [en])
  อิตาลี (อิตาลี) "สำหรับงานเขียนในอุดมคติที่สร้างแรงบันดาลใจของเธอ ซึ่งแสดงรูปแบบที่ชัดเจนของภาพชีวิตบนเกาะบ้านเกิด และการจัดการกับปัญหาของมนุษย์โดยทั่วไปอย่างเห็นอกเห็นใจและลึกซึ้ง"[40]
1927 อ็องรี แบร์กซอน
(Henri Bergson [en])
  ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส) "ในการรับรู้ถึงแนวความคิดที่รุ่มรวยและมีชีวิตชีวาของเขา และทักษะอันยอดเยี่ยมในการนำเสนอ"[41]
1928 ซีกรี อึนเซ็ต
(Sigrid Undset [en])
  นอร์เวย์ (นอร์เวย์) "โดยสำคัญสำหรับคำอธิบายที่ทรงพลังของเธอเกี่ยวกับชีวิตในพื้นที่ทางเหนือในยุคกลาง"[42]
1929 โทมัส มันน์
(Thomas Mann [en])
  เยอรมนี (เยอรมัน) "นัยสำคัญยิ่งสำหรับนวนิยายยอดเยี่ยมของเขา Buddenbrooks ซึ่งได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องว่าเป็นหนึ่งในผลงานคลาสสิกของวรรณคดีร่วมสมัย"[43]
1930 ซินแคลร์ ลูอิส
(Sinclair Lewis [en])
  สหรัฐ (อังกฤษ) "สำหรับคำบรรยายและเลขนศิลป์ที่มีพลัง และความสามารถในการสร้างตัวละครประเภทใหม่ที่มีไหวพริบและอารมณ์ขัน"[44]
1931 เอริก เอเซล คาร์ลเฟลด์
(Erik Axel Karlfeldt [en])
  สวีเดน (สวีเดน) "บทกวีของเอริก เอเซล คาร์ลเฟลด์"[45]
1932 จอห์น กอลส์เวอร์ธี
(John Galsworthy)
  สหราชอาณาจักร (อังกฤษ) "สำหรับศิลปะการบรรยายที่โดดเด่นของเขาซึ่งมีรูปแบบสูงสุดใน The Forsyte Saga "[46]
1933 อีวาน บูนิน
(Ivan Bunin)
  จักรวรรดิรัสเซีย
(ลี้ภัย)
(รัสเซีย) "สำหรับศิลปะที่เคร่งครัดซึ่งเขาได้สืบสานประเพณีคลาสสิกของรัสเซียในการเขียนร้อยแก้ว"[47]
1934 ลุยจี ปีรันเดลโล
(Luigi Pirandello [en])
  อิตาลี (อิตาลี) "สำหรับการฟื้นฟูอย่างกล้าหาญและชาญฉลาดในศิลปะการละครและการแสดง"[48]
1935
ไม่มีการมอบรางวัล
ไม่มีการมอบรางวัล เงินรางวัล 1/3 มอบคืนแก่กองทุนหลัก และเงินรางวัล 2/3 มอบคืนแก่กองทุนพิเศษของรางวัลสาขานี้
1936 ยูจีน โอนีล
(Eugene O'Neill [en])
  สหรัฐ (อังกฤษ) "สำหรับพลัง ความบริสุทธิ์ใจ และอารมณ์ความรู้สึกลึก ๆ ของผลงานละครของเขา ซึ่งรวบรวมแนวคิดดั้งเดิมของโศกนาฏกรรม"[49]
1937 รอเฌ มาร์แต็ง ดูว์ การ์
(Roger Martin du Gard [en])
  ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส) "สำหรับพลังทางศิลปะและความจริงซึ่งเขาได้พรรณนาถึงความขัดแย้งของมนุษย์ตลอดจนแง่มุมพื้นฐานของชีวิตร่วมสมัยในนวนิยายชุด Les Thibault ของเขา"[50]
1938 เพิร์ล เอส. บัก
(Pearl S. Buck)
  สหรัฐ (อังกฤษ) "สำหรับการบรรยายชีวิตชาวนาที่มั่งคั่งและยิ่งใหญ่ในจีน และวรรณกรรมชีวประวัติชิ้นเอกของเธอ"[51]
1939 ฟรันส์ เอมิล ซิลลันแป
(Frans Eemil Sillanpää [en])
  ฟินแลนด์ (ฟินแลนด์) "สำหรับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับชาวชนบทในประเทศของเขาและศิลปะอันประณีตงดงาม ซึ่งเขาได้พรรณาให้เห็นวิถีชีวิตของกลุ่มชนเหล่านั้นและความสัมพันธ์ของพวกเขากับธรรมชาติ"[52]
1940
ไม่มีการมอบรางวัล
ไม่มีการมอบรางวัล เงินรางวัล 1/3 มอบคืนแก่กองทุนหลัก และเงินรางวัล 2/3 มอบคืนแก่กองทุนพิเศษของรางวัลสาขานี้
1941
ไม่มีการมอบรางวัล
ไม่มีการมอบรางวัล เงินรางวัล 1/3 มอบคืนแก่กองทุนหลัก และเงินรางวัล 2/3 มอบคืนแก่กองทุนพิเศษของรางวัลสาขานี้
1942
ไม่มีการมอบรางวัล
ไม่มีการมอบรางวัล เงินรางวัล 1/3 มอบคืนแก่กองทุนหลัก และเงินรางวัล 2/3 มอบคืนแก่กองทุนพิเศษของรางวัลสาขานี้
1943
ไม่มีการมอบรางวัล
ไม่มีการมอบรางวัล เงินรางวัล 1/3 มอบคืนแก่กองทุนหลัก และเงินรางวัล 2/3 มอบคืนแก่กองทุนพิเศษของรางวัลสาขานี้
1944 โยฮันเนส วิลเฮล์ม เยนเซน
(Johannes Vilhelm Jensen [en])
  เดนมาร์ก (เดนมาร์ก) "สำหรับความแข็งแกร่งและความสมบูรณ์ที่หาได้ยากของจินตนาการในบทกวีของเขาซึ่งผสมผสานความอยากรู้อยากเห็นทางปัญญาของขอบเขตที่กว้าง, สไตล์ที่กล้าหาญและการสร้างสรรค์ที่สดใหม่"[53]
1945 กาบริเอลา มิสตรัล
(Gabriela Mistral)
  ชิลี (สเปน) "สำหรับเนื้อหาในบทกวีของเธอซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากอารมณ์อันทรงพลัง ทำให้ชื่อของเธอเป็นสัญลักษณ์ของแรงบันดาลใจในอุดมคติของลาตินอเมริกาทั้งหมด"[54]
1946 แฮร์มัน เฮ็สเซอ
(Hermann Hesse)
  เยอรมนี,[55]
1923:   สวิตเซอร์แลนด์[55]
(เยอรมัน) "สำหรับงานเขียนที่สร้างแรงบันดาลใจของเขา ซึ่งเติบโตด้วยความกล้าหาญและชาญฉลาด เป็นตัวอย่างคลาสสิกของอุดมคติด้านมนุษยธรรมและรูปแบบที่มีคุณภาพสูง"[56]
1947 อ็องเดร ฌีด
(André Gide [en])
  ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส) "สำหรับงานเขียนที่ครอบคลุมและมีนัยสำคัญทางศิลปะ ซึ่งปัญหาและเงื่อนไขของมนุษย์ได้ถูกนำเสนอด้วยความรักที่แน่วแน่ในความจริงและความเข้าใจทางจิตวิทยาที่เฉียบแหลม"[57]
1948 ที. เอส. เอเลียต
(T. S. Eliot [en])
  สหรัฐ,[58]
1927:   สหราชอาณาจักร[58]
(อังกฤษ) "สำหรับผลงานที่โดดเด่นและเป็นผู้บุกเบิกในกวีนิพนธ์ในปัจจุบัน"[59]
1949 วิลเลียม ฟอกเนอร์
(William Faulkner)
  สหรัฐ (อังกฤษ) "สำหรับผลงานอันทรงพลังและมีเอกลักษณ์ทางศิลปะของเขาในนวนิยายอเมริกันสมัยใหม่"[15]
1950 เบอร์ทรันด์ รัสเซลล์
(Bertrand Russell)
  สหราชอาณาจักร (อังกฤษ) "ในการรับรู้ถึงงานเขียนที่หลากหลายและมีความสำคัญของเขา ซึ่งสนับสนุนอุดมคติด้านมนุษยธรรมและเสรีภาพในการคิด"[60]
1951 แพร์ ลาเกอร์กวิสต์
(Pär Lagerkvist [en])
  สวีเดน (สวีเดน) "เพื่อพลังทางศิลปะและความเป็นอิสระของจิตใจอย่างแท้จริง ซึ่งพยายามนำเสนอในบทกวีของเขาในการค้นหาคำตอบของคำถามนิรันดร์ที่มนุษยชาติกำลังเผชิญอยู่"[61]
1952 ฟร็องซัว โมรียัก
(François Mauriac)
  ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส) "สำหรับความเข้าใจที่ลึกซึ้งทางจิตวิญญาณและความเข้มข้นทางศิลปะที่เขามี ซึ่งนวนิยายของเขาได้แทรกผ่านบทละครชีวิต"[62]
1953 วินสตัน เชอร์ชิลล์
(Winston Churchill)
  สหราชอาณาจักร (อังกฤษ) "สำหรับความเชี่ยวชาญในการบรรยายประวัติศาสตร์และชีวประวัติ ตลอดจนคำปราศรัยอันยอดเยี่ยมในการปกป้องคุณค่าที่สูงส่งของมนุษย์"[63]
1954 เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์
(Ernest Hemingway)
  สหรัฐ (อังกฤษ) "สำหรับความเชี่ยวชาญด้านศิลปะการเล่าเรื่อง ล่าสุดได้แสดงให้เห็นใน The Old Man and the Sea และสำหรับอิทธิพลที่เขามีต่อรูปแบบร่วมสมัย"[64]
1955 ฮัลโตร์ คิลยัน ลัฆส์แนส
(Halldór Kiljan Laxness)
  ไอซ์แลนด์ (ไอซ์แลนด์) "สำหรับพลังอันยิ่งใหญ่ที่สดใสของเขา ซึ่งได้ฟื้นฟูศิลปะการเล่าเรื่องที่ยิ่งใหญ่ของไอซ์แลนด์"[65]
1956 ฆวน รามอน ฆิเมเนซ
(Juan Ramón Jiménez [en])
  สเปน (สเปน) "สำหรับงานกวีนิพนธ์ ซึ่งในภาษาสเปนถือเป็นตัวอย่างของจิตวิญญาณที่สูงส่งและความบริสุทธิ์ทางศิลปะ"[66]
1957 อาลแบร์ กามูว์
(Albert Camus)
  ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส) "สำหรับการสร้างสรรค์วรรณกรรมที่สำคัญของเขาด้วยสายตาที่ชัดเจนเอาจริงเอาจัง ได้ส่องสว่างปัญหาของมโนธรรมของมนุษย์ในยุคสมัยของเรา"[67]
1958 บอริส ปัสเตร์นัค
(Boris Pasternak [en])[68]
  สหภาพโซเวียต (รัสเซีย) "สำหรับความสำเร็จที่สำคัญของเขาทั้งในกวีนิพนธ์ร่วมสมัย และบทประพันธ์มหากาพย์ในขนบประเพณีของชนชาติรัสเซีย"[68]
1959 ซัลวาโตเร กวาซีโมโด
(Salvatore Quasimodo [en])
  อิตาลี (อิตาลี) "สำหรับบทกวีนิพนธ์ของเขา ซึ่งจุดประกายการแสดงออกอย่างคลาสสิกถึงประสบการณ์ที่น่าเศร้าของชีวิตในยุคสมัยของเรา"[69]
1960 แซ็ง-จอน แปร์ส
(Saint-John Perse [en])
  ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส) "สำหรับภาพการโผบินและการปลุกเร้าในบทกวีของเขา ซึ่งเป็นรูปแบบที่มีวิสัยทัศน์สะท้อนถึงเงื่อนไขเวลาของเรา"[70]
1961 อีวอ อานดริช
(Ivo Andric [en])
  ยูโกสลาเวีย (บอสเนีย-โครเอเชีย-มอนเตเนโกร-เซอร์เบีย) "สำหรับพลังในมหากาพย์ซึ่งเขาได้วางแนวแก่นเรื่องและพรรณนาถึงชะตากรรมของมนุษย์ ที่นำมาจากประวัติศาสตร์ประเทศของเขา"[71]
1962 จอห์น สไตน์เบ็ก
(John Steinbeck)
  สหรัฐ (อังกฤษ) "สำหรับงานเขียนที่สมจริงและเต็มไปด้วยจินตนาการ ผสมผสานกับอารมณ์ขันที่เห็นอกเห็นใจและความเข้าใจสังคมที่หลักแหลม"[72]
1963 โยร์โกส เซเฟริส
(Giorgos Seferis [en])
  กรีซ (กรีก) "สำหรับงานกวีนิพนธ์ที่มีชื่อเสียงของเขา ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความรู้สึกลึกล้ำของอาณาวัฒนธรรมกรีก"[73]
1964 ฌ็อง-ปอล ซาทร์
(Jean-Paul Sartre) (ไม่รับรางวัล)[74]
  ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส) "สำหรับงานของเขาที่อุดมด้วยความคิดและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งอิสรภาพและการแสวงหาความจริง ซึ่งมีผลกระทบที่แผ่กว้างในยุคสมัยของเรา"[74]
1965 มิคาอิล โชโลคอฟ
(Michail Sholokhov)
  สหภาพโซเวียต (รัสเซีย) "สำหรับพลังทางศิลปะและการมีบูรณภาพ ซึ่งในมหากาพย์เรื่อง Don เขาได้แสดงออกถึงช่วงสำคัญในประวัติศาสตร์ของชีวิตชาวรัสเซีย"[75]
1966* ชมูเอล โยเซฟ อักนอน
(Shmuel Yosef Agnon [en])
  อิสราเอล (ฮีบรู) "สำหรับศิลปะการเล่าเรื่องที่มีลักษณะเฉพาะอย่างลึกซึ้งพร้อมเกร็ดจากชีวิตของชาวยิว"[76]
1966* เน็ลลี ซัคส์
(Nelly Sachs)
  เยอรมนี,[77]
1952:   สวีเดน[77]
(เยอรมัน) "สำหรับกวีนิพนธ์และบทละครอันโดดเด่นของเธอ ซึ่งตีความชะตากรรมของชาวอิสราเอลด้วยการนำส่งสารที่มีพลัง"[76]
1967 มิเกล อังเฮล อัสตูเรียส
(Miguel Ángel Asturias [en])
  กัวเตมาลา (สเปน) "สำหรับความสำเร็จทางวรรณกรรมที่มีสีสันของเขา หยั่งรากลึกในคุณลักษณะประจำชาติและประเพณีของชาวอินเดียนในลาตินอเมริกา"[78]
1968 ยาซูนาริ คาวาบาตะ
(Yasunari Kawabata)
  ญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น) "สำหรับความเชี่ยวชาญในการเล่าเรื่องของเขา ซึ่งตอบสนองต่อสุนทรียภาพที่ดีในการแสดงออกแก่นแท้ของจิตใจชาวญี่ปุ่น"[79]
1969 ซามูเอล เบ็คเค็ทท์
(Samuel Beckett)
  ไอร์แลนด์ (อังกฤษ)/(ฝรั่งเศส) "สำหรับงานเขียนของเขา ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ของนวนิยายและบทละคร ซึ่งนำเสนอความอัตคัดของมนุษย์ในยุคใหม่ซึ่งได้รับการยกระดับ"[80]
1970 อะเลคซันดร์ โซลเซนิตซิน
(Aleksandr Solzhenitsyn)
  สหภาพโซเวียต (รัสเซีย) "สำหรับพลังทางจริยธรรมซึ่งเขาได้สืบทอดประเพณีที่สำคัญของวรรณคดีรัสเซีย"[81]
1971 ปาโบล เนรูดา
(Pablo Neruda)
  ชิลี (สเปน) "สำหรับบทกวีที่แสดงพลังพื้นฐานซึ่งนำสู่โชคชะตาของทวีปและความฝันที่มีชีวิตชีวา"[82]
1972 ไฮน์ริช เบิล
(Heinrich Böll)
  เยอรมนีตะวันตก (เยอรมัน) "สำหรับงานเขียนของเขาซึ่งรวมเอามุมมองที่กว้างขวางเกี่ยวกับเวลาและทักษะที่ละเอียดอ่อนในการกำหนดบุคลิกตัวละคร ได้เป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูวรรณคดีเยอรมัน"[83]
1973 แพทริก ไวต์
(Patrick White [en])
  ออสเตรเลีย (อังกฤษ) "สำหรับมหากาพย์และจิตวิทยาในศิลปะการเล่าเรื่อง ซึ่งได้นำทวีปใหม่เข้าสู่โลกวรรณกรรม"[84]
1974* เอย์วินด์ จอห์นสัน
(Eyvind Johnson)
  สวีเดน (สวีเดน) "สำหรับศิลปะการเล่าเรื่อง, การมองการณ์ไกลในดินแดนและยุคสมัย, ในประโยชน์ต่อเสรีภาพ"[85]
1974* แฮร์รี มาร์ตินสัน
(Harry Martinson)
  สวีเดน (สวีเดน) "สำหรับงานเขียนที่สัมผัสความสดชื่นและสะท้อนถึงจักรวาล"[85]
1975 เออูเจนีโอ มอนตาเล
(Eugenio Montale [en])
  อิตาลี (อิตาลี) "สำหรับบทกวีของเขาที่โดดเด่นและมีความอ่อนไหวทางศิลปะอย่างมาก ได้ตีความคุณค่าของมนุษย์ภายใต้สัญลักษณ์ของมุมมองต่อชีวิตที่ปราศจากภาพลวงตา"[86]
1976 ซอล เบลโลว์
(Saul Bellow)
  แคนาดา,[87]
1941:   สหรัฐ[88]
(อังกฤษ) "เพื่อปัญญาของมนุษย์และการวิเคราะห์ที่ละเอียดอ่อนของวัฒนธรรมร่วมสมัย ที่รวมอยู่ในงานของเขา"[89]
1977 บิเซนเต อาเลย์กซันเดร
(Vicente Aleixandre [en])
  สเปน (สเปน) "สำหรับการเขียนบทกวีเชิงสร้างสรรค์ที่ส่องให้เห็นสภาพของมนุษย์ในจักรวาลและในสังคมปัจจุบัน ในขณะเดียวกันก็แสดงถึงการสืบสานที่สำคัญของจารีตกวีนิพนธ์สเปนช่วงระหว่างสงคราม"[90]
1978 อิซาค บาเชวิส ซิงเกอร์
(Isaac Bashevis Singer [en])
  โปแลนด์,[91]
1943:   สหรัฐ[92]
(ยิดดิช) "สำหรับศิลปะการเล่าเรื่องที่เร้าอารมณ์ของเขาซึ่งมีรากฐานมาจากวัฒนธรรมประเพณีของชาวยิวโปแลนด์ ซึ่งนำเสนอสภาพความเป็นสากลของมนุษย์"[93]
1979 โอดีเซอัส เอลีติส
(Odysseas Elytis [en])
  กรีซ (กรีก) "สำหรับบทกวีของเขาซึ่งแย้งกับประเพณีพื้นฐานของกรีก แสดงออกด้วยความความรู้สึกที่แข็งแกร่งและการมองภาพที่ชัดเจนในปัญญาของมนุษย์สมัยใหม่ที่ต่อสู้เพื่ออิสรภาพและความคิดสร้างสรรค์"[94]
1980 ตแชสวัฟ มีวอช
(Czeslaw Milosz [en])
  โปแลนด์,
1970:   สหรัฐ,[95]
1992:   ลิทัวเนีย (กิตติมศักดิ์)[96]
(โปแลนด์) "ผู้ที่มีมุมมองที่ชัดเจนแน่วแน่ในการป่าวประกาศสภาวะของมนุษย์ในโลกแห่งความขัดแย้งที่รุนแรง"[97]
1981 อิไลอัส คาเนตติ
(Elias Canetti [en])
  บัลแกเรีย,[98]
1952:   สหราชอาณาจักร[98]
(เยอรมัน) "สำหรับงานเขียนที่มองการณ์ไกล อุดมด้วยความคิด และพลังทางศิลปะ"[99]
1982 กาบริเอล การ์ซิอา มาร์เกซ
(Gabriel García Márquez)
  โคลอมเบีย (สเปน) "สำหรับนวนิยายและเรื่องสั้นของเขา ที่ซึ่งความมหัศจรรย์และความสมจริงถูกรวมเข้าด้วยกันในโลกแห่งจินตนาการที่รังสรรค์ขึ้นอย่างเข้มข้น สะท้อนถึงชีวิตในทวีปและความขัดแย้ง"[100]
1983 วิลเลียม โกลดิง
(William Golding)
  สหราชอาณาจักร (อังกฤษ) "สำหรับนวนิยายของเขาซึ่งประกอบด้วยความเฉียบแหลมของศิลปะการเล่าเรื่องที่สมจริงและความหลากหลายและเป็นสากลของตำนาน ให้ความกระจ่างของสภาพมนุษย์ในโลกปัจจุบัน"[101]
1984 ยาโรสลัฟ ไซเฟิร์ต
(Jaroslav Seifert [en])
  เชโกสโลวาเกีย (เช็ก) "สำหรับกวีนิพนธ์ของเขาที่เปี่ยมด้วยความสดชื่น และการสร้างสรรค์อันล้ำเลิศ ให้จินตภาพที่ปลดเปลื้องจิตวิญญาณความไม่ย่อท้อและความเก่งกาจของมนุษย์"[102]
1985 โกลด ซีมง
(Claude Simon [en])
  ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส) "นวนิยายของเขาได้รวมเอาความคิดสร้างสรรค์อย่างกวีและอย่างจิตรกรเข้ากับการตระหนักรู้อย่างลึกซึ้งถึงเวลา ในการพรรณนาถึงสภาพของมนุษย์"[103]
1986 วอเล โชยิงกา
(Wole Soyinka [en])
  ไนจีเรีย (อังกฤษ) "ในมุมมองของโลกทัศน์ทางวัฒนธรรมและด้วยบทกวีที่หวือหวา สร้างรูปแบบของละครแห่งการดำรงอยู่"[104]
1987 โจเซฟ บรอดสกี
(Joseph Brodsky [en])
  สหภาพโซเวียต,[105]
1977:   สหรัฐ[105]
(รัสเซีย)/(อังกฤษ) "เพื่อการประพันธ์ที่โอบอ้อมอารี เปี่ยมด้วยความชัดเจนของความคิดและความเข้มข้นของบทกวี"[106]
1988 นะญีบ มะห์ฟูซ
(Naguib Mahfouz)
  อียิปต์ (อาหรับ) "ผู้ซึ่งผ่านผลงานที่อุดมไปด้วยความแตกต่าง - บัดนี้เห็นความสมจริงกระจ่างชัด, บัดนี้นำมาซึ่งความคลุมเครือ - ได้ก่อร่างศิลปะการเล่าเรื่องแบบอาหรับที่ประยุกต์เข้ากับมวลมนุษยชาติ"[107]
1989 กามิโล โฆเซ เซลา
(Camilo José Cela [en])
  สเปน (สเปน) "สำหรับร้อยแก้วที่รุ่มรวยและเข้มข้น ด้วยความกรุณาปราณีที่ผูกมัดทำให้เกิดวิสัยทัศน์ที่ท้าทายเกี่ยวกับความอ่อนแอของมนุษย์"[108]
1990 ออกตาบิโอ ปัซ
(Octavio Paz [en])
  เม็กซิโก (สเปน) "สำหรับการเขียนที่เร้าอารมณ์ด้วยขอบเขตที่กว้างไกล โดดเด่นด้วยความรู้สึกที่ชาญฉลาดและบูรณภาพของความมีมนุษยธรรม"[109]
1991 นาดีน กอร์ดิเมอร์
(Nadine Gordimer)
  แอฟริกาใต้ (อังกฤษ) "สำหรับผู้อ่านงานเขียนมหากาพย์อันงดงามของเธอ ได้รับ - ในคำพูดของ อัลเฟรด โนเบล - ประโยชน์อย่างมากที่มีต่อมนุษยชาติ"[110]
1992 เดริก วอลคอต
(Derek Walcott [en])
  เซนต์ลูเชีย (อังกฤษ) "สำหรับชุดผลงานบทกวีที่เปล่งแสงยิ่งใหญ่ ซึ่งสนับสนุนโดยทรรศนะทางประวัติศาสตร์ เป็นผลลัพธ์จากความมุ่งมั่นของพหุวัฒนธรรม"[111]
1993 โทนี มอร์ริสัน
(Toni Morrison)
  สหรัฐ (อังกฤษ) "ผู้ประพันธ์นวนิยายที่โดดเด่นด้วยพลังแห่งวิสัยทัศน์และความหมายของบทกวี ได้มอบความมีชีวิตให้กับแง่มุมที่สำคัญของความเป็นจริงแบบอเมริกัน"[112]
1994 เค็นซาบูโร โอเอะ
(Kenzaburō Ōe)
  ญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น) "ผู้ซึ่งพลังกวีได้สร้างโลกแห่งจินตนาการ ที่ซึ่งชีวิตและตำนานมารวมกัน ถ่ายทอดภาพที่น่าอึดอัดใจในสภาพการณ์ปัจจุบันของมนุษย์"[113]
1995 เชมัส ฮีนีย์
(Seamus Heaney [en])
  ไอร์แลนด์[114][115] (อังกฤษ) "สำหรับงานเขียนที่งดงามในถ้อยคำและลึกซึ้งทางจริยธรรม ซึ่งเชิดชูปาฏิหาริย์ในชีวิตประจำวันและอดีตที่มีชีวิต"[116]
1996 วิสวาวา ชึมบอร์สกา
(Wisława Szymborska)
  โปแลนด์ (โปแลนด์) "สำหรับกวีนิพนธ์ที่เหน็บแนมอย่างแม่นตรง ช่วยให้บริบททางประวัติศาสตร์และชีวภาพปรากฏชัดในส่วนประกอบของสภาพที่เป็นจริงของมนุษย์"[117]
1997 ดาริโอ โฟ
(Dario Fo)
  อิตาลี (อิตาลี) "ผู้ที่จำลองแบบตัวตลกของยุคกลางในอำนาจการลงทัณฑ์ และการรักษาศักดิ์ศรีของผู้ซึ่งถูกกดขี่"[118]
1998 ฌูแซ ซารามากู
(José Saramago [en])
  โปรตุเกส (โปรตุเกส) "ผู้ที่มีอุปมาอุปมาซึ่งจินตนาการ ความเห็นอกเห็นใจ และการประชดประชันอย่างต่อเนื่องช่วยให้เราเข้าใจความจริงที่เข้าใจยากได้อีกครั้ง"[119]
1999 กึนเทอร์ กรัส
(Günter Grass)
  เยอรมนี (เยอรมัน) "ผู้ที่นำความสนุกของนิทานชาวผิวสี ซึ่งพรรณนาถึงใบหน้าที่ถูกลืมเลือนของประวัติศาสตร์"[120]
2000 เกา ซิงเจี้ยน
(Gao Xingjian)
  จีน,[121][122]
1998:   ฝรั่งเศส[122]
(จีน) "สำหรับชุดผลงานที่มีเหตุผลสากล การมองทะลุความขมขื่น และความเฉลียวฉลาดทางภาษา ซึ่งได้เปิดเส้นทางใหม่สำหรับนวนิยายและบทละครจีน"[123]
2001 วี. เอส. ไนพอล
(V. S. Naipaul)
  ตรินิแดดและโตเบโก,[124]
  สหราชอาณาจักร
(อังกฤษ) "สำหรับการเล่าเรื่องที่เข้าใจได้เป็นหนึ่งเดียว และการพิเคราะห์อย่างซื่อตรงในงานที่กะเกณฑ์ให้เราเห็นการปรากฏตัวของประวัติศาสตร์ที่ถูกระงับ"[125]
2002 อิมแร แกร์เตส
(Imre Kertész)
  ฮังการี (ฮังการี) "สำหรับการเขียนที่สนับสนุนประสบการณ์อันเปราะบางของบุคคลซึ่งต่อต้านความป่าเถื่อนปราศจากเหตุผลของประวัติศาสตร์"[126]
2003 จอห์น แมกซ์เวล คุตซี
(John Maxwell Coetzee)
  แอฟริกาใต้,
2006:   ออสเตรเลีย[127]
(อังกฤษ) "ผู้พรรณนาการแสร้งสวมหน้ากากนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมที่น่าประหลาดใจของคนนอก"[128]
2004 เอ็ลฟรีเดอ เย็ลลีเน็ค
(Elfriede Jelinek)
  ออสเตรีย (เยอรมัน) "สำหรับความไพเราะของกระแสบทพูดและบทโต้ตอบในนวนิยายและบทละครซึ่งมีความกระตือรือร้นทางภาษาที่ไม่ธรรมดา เผยให้เห็นความไร้เหตุผลของการพร่ำบ่นและอำนาจในการควบคุมที่มีของสังคม"[129]
2005 ฮาโรลด์ พินเทอร์
(Harold Pinter)
  สหราชอาณาจักร (อังกฤษ) "ผู้ซึ่งในบทละครของเขาได้เปิดโปงวิกฤติการณ์ภายใต้การพูดพร่ำในชีวิตประจำวัน และกดดันให้เข้าไปสู่มุมอับของการบังคับข่มเหง"[130]
2006 ออร์ฮัน พามุค
(Orhan Pamuk)
  ตุรกี (ตุรกี) "ผู้ซึ่งในการแสวงหาจิตวิญญาณที่เศร้าโศกของเมืองบ้านเกิดของเขาได้ค้นพบสัญลักษณ์ใหม่สำหรับการปะทะและการผสมผสานกันของวัฒนธรรม"[131]
2007 ดอริส เลสซิง
(Doris Lessing)
  สหราชอาณาจักร (อังกฤษ) "ผู้ประพันธ์มหากาพย์ของประสบการณ์สตรีผู้มีความสงสัย อัคคี และพลังแห่งการมองเห็น ได้นำอารยธรรมที่ถูกแบ่งแยกมาสู่การพินิจ"[132]
2008 ฌ็อง-มารี กุสตาฟว์ เลอ เกลซีโย
(Jean-Marie Gustave Le Clézio)
  ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส) "ผู้เขียนการออกเดินทางครั้งใหม่ การผจญภัยในบทกวีและความปีติยินดีที่เย้ายวน นักสำรวจความเป็นมนุษย์ที่อยู่นอกเหนือและภายใต้อารยธรรมที่ปกครอง"[133]
2009 แฮร์ทา มึลเลอร์
(Herta Müller)
  เยอรมนี (เยอรมัน) "ผู้ที่มีความเข้มข้นของกวีนิพนธ์และความตรงไปตรงมาของร้อยแก้ว ซึ่งพรรณนาถึงภูมิทัศน์ของผู้ถูกลิดรอน"[134]
2010 มาริโอ บาร์กัส โยซา
(Mario Vargas Llosa)
  เปรู/  สเปน (สเปน) "สำหรับการทำแผนที่โครงสร้างอำนาจและภาพที่แหลมคมของเขาในการต่อต้าน การขบถ และความพ่ายแพ้ของปัจเจกชน"[135]
2011 ทูมัส ทรานสเตรอเมอร์
(Tomas Tranströmer)
  สวีเดน (สวีเดน) "โดยผ่านภาพที่กระชับและโปร่งแสงของเขา ทำให้เราเข้าถึงความเป็นจริงได้อย่างสดใหม่"[136]
2012 โม่เหยียน
(Mo Yan)
  จีน (จีน) "ผู้นำเสนอภาพมายาสมจริงซึ่งผสานนิทานพื้นบ้าน ประวัติศาสตร์ และความร่วมสมัยเข้าด้วยกัน"[137]
2013 อลิซ มุนโร
(Alice Munro)
  แคนาดา (อังกฤษ) "ปรมาจารย์ของเรื่องสั้นร่วมสมัย"[138]
2014 ปาทริก มอดียาโน
(Patrick Modiano)
  ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส) "สำหรับศิลปะแห่งความทรงจำซึ่งเขาได้นำมาซึ่งชะตากรรมของมนุษย์ที่ไม่อาจเข้าใจได้มากที่สุดและค้นพบประสบการณ์ทั้งหมดของการครองชีวิต"[139]
2015 สเวตลานา อะเลคซีเอวิช
(Svetlana Alexievich)
  เบลารุส
(เกิดใน   ยูเครน)
(รัสเซีย) "สำหรับงานเขียนที่หลากแนวของเธอ ซึ่งเป็นอนุสรณ์แห่งความทุกข์ทรมานและความกล้าหาญในสมัยของเรา"[140]
2016 บ็อบ ดิลลัน
(Bob Dylan)
  สหรัฐ (อังกฤษ) "สำหรับการสร้างสรรค์บทกวีใหม่ภายใต้ธรรมเนียมที่สำคัญยิ่งของบทเพลงอเมริกัน"[141]
2017 คาซูโอะ อิชิงูโระ
(Kazuo Ishiguro)
  สหราชอาณาจักร
(เกิดใน   ญี่ปุ่น)
(อังกฤษ) "ผู้ซึ่งประพันธ์นวนิยายที่มีพลังทางอารมณ์อันยิ่งใหญ่ ค้นพบก้นบึ้งใต้ความรู้สึกเหลวไหลที่เชื่อมโยงเราเข้ากับโลก"[142]
2018 ออลกา ตอการ์ตชุก
(Olga Tokarczuk)
  โปแลนด์ (โปแลนด์) "สำหรับจินตนาการเป็นเรื่องเล่าที่มีความหลงใหลครอบคลุมโดยรอบแสดงถึงการข้ามพรมแดนของรูปแบบชีวิต"[143]
2019 เพเทอร์ ฮันท์เคอ
(Peter Handke)
  ออสเตรีย (เยอรมัน) "สำหรับงานที่ทรงอิทธิพลด้วยความเฉลียวฉลาดทางภาษา ซึ่งได้สำรวจขอบเขตและความจำเพาะของประสบการณ์มนุษย์"[144]
2020 ลูอีส กลิก
(Louise Glück)
  สหรัฐ (อังกฤษ) "สำหรับถ้อยคำกวีที่ไร้ที่ติของเธอที่เปี่ยมด้วยความงามที่เคร่งครัด ทำให้การดำรงอยู่ของปัจเจกบุคคลเป็นสากล"[145]
2021 อับดุลราซัก เกอร์นาห์
(Abdulrazak Gurnah)
  แทนซาเนีย (อังกฤษ) "สำหรับการมองทะลุอย่างเด็ดขาดและเห็นใจต่อผลของลัทธิอาณานิคม และชะตาของผู้ลี้ภัยในภูมิภาคอ่าวระหว่างวัฒนธรรมและภาคพื้นทวีป"[146]
2022 อานี แอร์โน
(Annie Ernaux)
  ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส) "สำหรับความกล้าหาญและความเฉียบแหลมที่เธอเปิดเผยให้เห็นถึงรากเหง้า ความห่างเหินและสิ่งเหนี่ยวรั้งร่วมของความทรงจำส่วนตัว"[147][148]
2023 ยุน อูลัฟ ฟ็อสเซอ
(Jon Olav Fosse)
  นอร์เวย์ (นอร์เวย์) "สำหรับบทละครและร้อยแก้วเชิงนวัตกรรม ซึ่งสามารถเป็นเสียงให้กับสิ่งที่ไม่อาจพูดได้"[149][150]

อ้างอิง แก้

  1. "The Nobel Prize amounts". The Nobel Foundation.
  2. "Nobel Prize in Literature 2023". The Nobel Prize. 5 October 2023. สืบค้นเมื่อ 5 October 2023.
  3. "Alfred Nobel – The Man Behind the Nobel Prize". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-25. สืบค้นเมื่อ 2008-10-16.
  4. "The Nobel Prize Awarders". Nobel Foundation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-15. สืบค้นเมื่อ 2008-10-16.
  5. "Winners of the Nobel Prize for Literature | Nobel Prize in Literature". Encyclopedia Britannica (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-08-24. สืบค้นเมื่อ 2017-08-24.
  6. "The Nobel Prize". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-15. สืบค้นเมื่อ 2008-10-07.
  7. "The Nobel Prize Award Ceremonies". Nobel Foundation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-08-22. สืบค้นเมื่อ 2008-10-16.
  8. 8.0 8.1 "All Nobel Laureates in Literature". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-15. สืบค้นเมื่อ 2008-10-16.
  9. Flood, Alison (2015-01-05). "Jean-Paul Sartre rejected Nobel prize in a letter to jury that arrived too late". The Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). ISSN 0261-3077. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-10. สืบค้นเมื่อ 2017-08-24.
  10. "Nobel Laureates Facts". Nobel Foundation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-02-02. สืบค้นเมื่อ 2008-10-16.
  11. "Bob Dylan removes mention of Nobel prize from website". The Guardian. 2016-10-21. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-11-09. สืบค้นเมื่อ 2016-11-02.
  12. "Women Nobel Laureates". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-09-28. สืบค้นเมื่อ 2008-10-16.
  13. "Nobel Prize winners: How many women have won awards?". Telegraph.co.uk (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-08-24. สืบค้นเมื่อ 2017-08-24.
  14. 14.0 14.1 "Nobel Prize in Literature 1915". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  15. 15.0 15.1 "Nobel Prize in Literature 1949". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-19. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  16. "2018 Nobel Prize In Literature Is A Casualty Of Sex-Abuse Scandal". NPR. NPR. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 November 2018. สืบค้นเมื่อ 1 November 2018.
  17. "Nobel Prize in Literature awarded to Olga Tokarczuk and Peter Handke". The Independent. The Independent. สืบค้นเมื่อ 10 October 2019.
  18. "Nobel Prize in Literature 1901". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  19. "Nobel Prize in Literature 1902". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  20. "Nobel Prize in Literature 1903". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  21. 21.0 21.1 "Nobel Prize in Literature 1904". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  22. "Nobel Prize in Literature 1905". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  23. "Nobel Prize in Literature 1906". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  24. "Nobel Prize in Literature 1907". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-17. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  25. "Nobel Prize in Literature 1908". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  26. "Nobel Prize in Literature 1909". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-17. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  27. "Nobel Prize in Literature 1910". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  28. "Nobel Prize in Literature 1911". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  29. "Nobel Prize in Literature 1912". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  30. "Nobel Prize in Literature 1913". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-15. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  31. "Nobel Prize in Literature 1916". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  32. 32.0 32.1 "Nobel Prize in Literature 1917". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  33. "Nobel Prize in Literature 1919". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  34. "Nobel Prize in Literature 1920". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  35. "Nobel Prize in Literature 1921". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  36. "Nobel Prize in Literature 1922". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  37. "Nobel Prize in Literature 1923". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-19. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  38. "Nobel Prize in Literature 1924". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-15. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  39. "Nobel Prize in Literature 1925". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-17. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  40. "Nobel Prize in Literature 1926". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  41. "Nobel Prize in Literature 1927". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  42. "Nobel Prize in Literature 1928". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  43. "Nobel Prize in Literature 1929". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  44. "Nobel Prize in Literature 1930". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-17. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  45. "Nobel Prize in Literature 1931". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  46. "Nobel Prize in Literature 1932". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  47. "Nobel Prize in Literature 1933". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  48. "Nobel Prize in Literature 1934". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  49. "Nobel Prize in Literature 1936". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  50. "Nobel Prize in Literature 1937". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  51. "Nobel Prize in Literature 1938". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-02-18. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  52. "Nobel Prize in Literature 1939". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  53. "Nobel Prize in Literature 1944". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  54. "Nobel Prize in Literature 1945". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  55. 55.0 55.1 Hermann Hesse (1946). "Hermann Hesse: The Nobel Prize in Literature 1946". nobelprize.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-07-06. สืบค้นเมื่อ 2007-08-13. In 1923, I resigned German and acquired Swiss citizenship.
  56. "Nobel Prize in Literature 1946". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-20. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  57. "Nobel Prize in Literature 1947". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  58. 58.0 58.1 "T.S. Eliot: The Nobel Prize in Literature 1948: Biography". nobelprize.org. 1948. สืบค้นเมื่อ 2007-08-13. Thomas Stearns Eliot (1888-1965) was born in St. Louis, Missouri ... In 1927, Eliot became a British citizen and about the same time entered the Anglican Church.
  59. "Nobel Prize in Literature 1948". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  60. "Nobel Prize in Literature 1950". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  61. "Nobel Prize in Literature 1951". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  62. "Nobel Prize in Literature 1952". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  63. "Nobel Prize in Literature 1953". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  64. "Nobel Prize in Literature 1954". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-17. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  65. "Nobel Prize in Literature 1955". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  66. "Nobel Prize in Literature 1956". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-08. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  67. "Nobel Prize in Literature 1957". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  68. 68.0 68.1 Horst Frenz, บ.ก. (1969). "The Nobel Prize in Literature 1958". nobelprize.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-04-25.
  69. "Nobel Prize in Literature 1959". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  70. "Nobel Prize in Literature 1960". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  71. "Nobel Prize in Literature 1961". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  72. "Nobel Prize in Literature 1962". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  73. "Nobel Prize in Literature 1963". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-08. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  74. 74.0 74.1 Horst Frenz, บ.ก. (1969). "The Nobel Prize in Literature 1964". nobelprize.org. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-06-16. สืบค้นเมื่อ 2007-11-17.
  75. "Nobel Prize in Literature 1965". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  76. 76.0 76.1 "Nobel Prize in Literature 1966". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  77. 77.0 77.1 "Nelly Sachs Biography". Art Directory GmbH. สืบค้นเมื่อ 2007-08-13. The German writer and poet Nelly Sachs, whose original name was Leonie Sachs, was born to Jewish parents on December 10, 1891 in Berlin-Schöneberg. ... In 1950 Nelly's mother died and she wrote poems dealing with the loss. Two years later Sachs received Swedish citizenship.
  78. "Nobel Prize in Literature 1967". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  79. "Nobel Prize in Literature 1968". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  80. "Nobel Prize in Literature 1969". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  81. "Nobel Prize in Literature 1970". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  82. "Nobel Prize in Literature 1971". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  83. "Nobel Prize in Literature 1972". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  84. "Nobel Prize in Literature 1973". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  85. 85.0 85.1 "Nobel Prize in Literature 1974". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  86. "Nobel Prize in Literature 1975". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  87. Michael J. Bandler (April 7, 2005). "Author Saul Bellow Dead At 89: Nobel laureate Was One of America's Great 20th Century Novelists". U.S. Department of State. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-12. สืบค้นเมื่อ 2007-08-13. Canadian by birth — the son of a Russian émigré businessman and a social worker — and Chicagoan by residence and perspective and affection for most of his life, Bellow, a naturalized U.S. citizen, was part of the generation of writers...
  88. Elinor Slater and Robert Slater, "Saul Bellow: Winner of the Nobel Prize for Literature", Great Jewish Men (Jonathan David Company, 1996) 41, ISBN 0-8246-0381-8: "Bellow became a naturalized American citizen in 1941."
  89. "Nobel Prize in Literature 1976". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-19. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  90. "Nobel Prize in Literature 1977". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  91. "Isaac Bashevis Singer: Biographical Sketch". Harry Ransom Humanities Research Center at the University of Texas at Austin. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-12-31. สืบค้นเมื่อ 2007-08-13. Isaac Bashevis Singer was born Icek-Hersz Zynger on July 14, 1904, in Leoncin, Poland. ... In 1943, Singer became a United States citizen.
  92. "Isaac Bashevis Singer: Biographical Sketch". Harry Ransom Humanities Research Center at the University of Texas at Austin. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-12-31. สืบค้นเมื่อ 2007-08-13. Isaac Bashevis Singer was born Icek-Hersz Zynger on July 14, 1904, in Leoncin, Poland. ... In 1943, Singer became a United States citizen.
  93. "Nobel Prize in Literature 1978". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-02-22. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  94. "Nobel Prize in Literature 1979". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-08. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  95. "Czeslaw Milosz". Encyclopædia Britannica. สืบค้นเมื่อ 2007-08-14. Milosz became a naturalized citizen of the United States in 1970.
  96. "Czeslaw Milosz". University of California. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-02-16. สืบค้นเมื่อ 2007-08-14. He was made an honorary citizen of Lithuania in 1992...
  97. "Nobel Prize in Literature 1980". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  98. 98.0 98.1 "Elias Canetti: The Nobel Prize in Literature 1981: Curriculum Vitae". nobelprize.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-11. สืบค้นเมื่อ 2007-08-14. 1905 Born on 25 July in Ruse, Bulgaria. 1952 Receives British citizenship.
  99. "Nobel Prize in Literature 1981". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-19. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  100. "Nobel Prize in Literature 1982". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-17. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  101. "Nobel Prize in Literature 1983". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  102. "Nobel Prize in Literature 1984". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  103. "Nobel Prize in Literature 1985". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-17. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  104. "Nobel Prize in Literature 1986". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  105. 105.0 105.1 "Joseph Brodsky 1940–1996". eNotes. สืบค้นเมื่อ 2007-08-13. Often called the best Russian poet of his generation, Brodsky was born and raised in the former Soviet Union and became an American citizen in 1977.
  106. "Nobel Prize in Literature 1987". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-19. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  107. "Nobel Prize in Literature 1988". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  108. "Nobel Prize in Literature 1989". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  109. "Nobel Prize in Literature 1990". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-19. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  110. "Nobel Prize in Literature 1991". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  111. "Nobel Prize in Literature 1992". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-17. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  112. "Nobel Prize in Literature 1993". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-03-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  113. "Nobel Prize in Literature 1994". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-19. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  114. "Seamus Heaney: The Nobel Prize in Literature 1995: Biography". nobelprize.org. 1995. สืบค้นเมื่อ 2007-10-23.
  115. "Seamus Heaney: He's seen it all". สืบค้นเมื่อ 2007-10-26. Heaney was born in Northern Ireland
    (part of the United Kingdom) , but lives full time in Dublin in the Republic of Ireland and has taken Irish citizenship. He is an avowed Irish nationalist and is referenced as Irish by the Nobel committee in their citation.
  116. "Nobel Prize in Literature 1995". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-19. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  117. "Nobel Prize in Literature 1996". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-19. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  118. "Nobel Prize in Literature 1997". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-11. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  119. "Nobel Prize in Literature 1998". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-19. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  120. "Nobel Prize in Literature 1999". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-17. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  121. "Gao Xingjian: The Nobel Prize in Literature 2000: Biography". nobelprize.org. 2000. สืบค้นเมื่อ 2007-08-13.
  122. 122.0 122.1 "Gao Xingjian 1940-". eNotes. สืบค้นเมื่อ 2007-08-13. Gao Xingjian (pronounced gow shing-jen) was born on January 4, 1940, in Ganzhou, China. ... His next plays received negative reactions from the Chinese government, causing Gao to emigrate to France in 1987 during a trip to Germany on an artistic fellowship. ... He became a naturalized French citizen in 1998...
  123. "Nobel Prize in Literature 2000". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-17. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  124. "V. S. Naipaul 1932-". eNotes. สืบค้นเมื่อ 2007-08-13. Naipaul was born in Port of Spain, Trinidad, in 1932, the second generation descendant of an East Indian grandfather who came to the West Indies in the early 1900s as an indentured laborer in the British colonial administration.
  125. "Nobel Prize in Literature 2001". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-02-01. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  126. "Nobel Prize in Literature 2002". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  127. "JM Coetzee Becomes an Australian Citizen", Mail & Guardian, 6 มีนาคม ค.ศ. 2006, เรียกดู 14 สิงหาคม ค.ศ. 2007.
  128. "Nobel Prize in Literature 2003". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-19. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  129. "Nobel Prize in Literature 2004". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-21. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  130. "Nobel Prize in Literature 2005". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-17. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  131. "Nobel Prize in Literature 2006". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-16. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  132. "Nobel Prize in Literature 2007". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-16. สืบค้นเมื่อ 2008-10-17.
  133. "Nobel Prize in Literature 2008". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 October 2008. สืบค้นเมื่อ 14 October 2008.
  134. "Nobel Prize in Literature 2009". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 October 2009. สืบค้นเมื่อ 8 October 2009.
  135. "Nobel Prize in Literature 2010". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 October 2010. สืบค้นเมื่อ 7 October 2010.
  136. "Nobel Prize in Literature 2011". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 October 2011. สืบค้นเมื่อ 6 October 2011.
  137. "Nobel Prize in Literature 2012". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 October 2012. สืบค้นเมื่อ 11 October 2012.
  138. "Nobel Prize in Literature 2013". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 October 2013. สืบค้นเมื่อ 27 January 2013.
  139. "Nobel Prize in Literature 2014". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 December 2014. สืบค้นเมื่อ 24 December 2014.
  140. "Nobel Prize in Literature 2015". Nobel Foundation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 September 2015. สืบค้นเมื่อ 8 October 2015.
  141. "Nobel Prize in Literature 2016" (PDF). Nobel Foundation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2017-09-20. สืบค้นเมื่อ 13 October 2016.
  142. "The Nobel Prize in Literature 2017 – Press Release". Nobel Prize. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 October 2017. สืบค้นเมื่อ 5 October 2017.
  143. "The Nobel Prize in Literature 2018". Nobel Foundation. สืบค้นเมื่อ 10 October 2019.
  144. "The Nobel Prize in Literature 2019". Nobel Foundation. สืบค้นเมื่อ 10 October 2019.
  145. "The Nobel Prize in Literature 2020". Nobel Foundation. สืบค้นเมื่อ 8 October 2020.
  146. "The Nobel Prize in Literature 2021". Nobel Foundation. สืบค้นเมื่อ 7 October 2021.
  147. "The Nobel Prize in Literature 2022". Nobel Foundation. สืบค้นเมื่อ 6 October 2022.
  148. "แอนนี เออร์โนซ์ นักเขียนชาวฝรั่งเศส พิชิตโนเบลสาขาวรรณกรรม". Matichon. October 6, 2022. สืบค้นเมื่อ October 6, 2022.}
  149. "The Nobel Prize in Literature 2023". Nobel Foundation. สืบค้นเมื่อ 5 October 2023.
  150. ""นักเขียนชาวนอร์เวย์" คว้ารางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมปี 2566". Daily News. October 5, 2023. สืบค้นเมื่อ October 5, 2023.}

แหล่งข้อมูลอื่น แก้