พระครูวรนาถรังษี (ปุย ปุญฺญสิริ)

พระครูวรนาถรังษี (ปุย ปุญฺญสิริ) หรือนิยมเรียกว่า “หลวงพ่อปุย วัดเกาะ” เป็นพระเถราจารย์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุพรรณบุรี อดีตเจ้าคณะตำบลบางงาม เจ้าอาวาสวัดเกาะ ตำบลวังหว้า อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี[1]

พระครูวรนาถรังษี (ปุย ปุญฺญสิริ)

(ปุย รักกูล , หลวงพ่อปุย วัดเกาะ)
หลวงพ่อปุย วัดเกาะ
ส่วนบุคคล
เกิด31 พฤษภาคม พ.ศ.2438 (84 ปี 8 เดือน 8 วัน ปี)
มรณภาพ8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2523
นิกายมหานิกาย
การศึกษาอักขระไทย, อักขระขอม, ภาษาอังกฤษ, พระธรรมวินัย, พระปริยัติธรรม, พระธรรมเทศนา, สมถกรรมฐาน, วิปัสสนากรรมฐาน, แพทย์แผนโบราณ, อักขระเลขยันต์, พุทธาคม
ลายมือชื่อ
ตำแหน่งชั้นสูง
ที่อยู่วัดเกาะ ตำบลวังหว้า อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
อุปสมบท27 พฤษภาคม พ.ศ.2461
พรรษา62 พรรษา
ตำแหน่งเจ้าคณะตำบลบางงาม , เจ้าอาวาสวัดเกาะ

ชาติภูมิ

แก้

ชื่อ ปุย นามสกุล รักกูล ชาตะ วันศุกร์ ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2438 (วันพระ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 7 ปีมะแม) ณ บ้านใกล้ศาลพ่อปู่หมื่น หมู่บ้านบางงาม ตำบลบางงาม (ปัจจุบันอยู่ในเขตตำบลวังหว้า) อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี[2]

เป็นบุตรคนที่ 1 ในจำนวน 5 คน ของนายหลาด (ฉลาด) นางแรด นามสกุล รักกูล ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกร (ทำนา)

วัยเยาว์

แก้

บิดามารดานำไปฝากเป็นลูกศิษย์วัดเกาะ อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อให้ศึกษาเล่าเรียนและรับการอบรมสั่งสอนจากหลวงปู่เฒ่าพลาย (เจ้าอาวาส) ผู้มีศักดิ์เป็นตา โดยพำนักอยู่กับท่านตั้งแต่ อายุ 5 - 15 ปี (พ.ศ. 2443 - 2453) รวมเป็นระยะเวลา 10 ปี

ศึกษาอักขระขอม เลขยันต์ แพทย์แผนโบราณ วิชาอาคม วิปัสสนากรรมฐานจากหลวงปู่เฒ่าพลาย ศึกษาอักขระไทยจากพระใบฎีกาอินทร์ (หลวงพ่อวัดใหม่โรงหีบ) เจ้าอาวาสวัดราษฎรบำรุง ซึ่งวัดตั้งอยู่ไม่ไกลกัน ศึกษาการแสดงพระธรรมเทศนาแบบโบราณจากหลวงพ่ออ่วม (พระลูกวัด วัดเกาะ) เป็นพระธรรมกถึกศึกษามาแต่วัดราชบุรณราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร[2]

ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา สามารถท่องบทสวดมนต์ต่างๆ อาทิ เจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน พระปาฏิโมกข์ ขานนาค ได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก หลวงปู่เฒ่าพลายจึงมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นครูต่อหนังสือแก่ผู้ที่จะบรรพชาหรืออุปสมบท ทั้งที่ยังไม่เคยผ่านการบวชมาก่อน[3]

ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ด้านวิชาอาคม แพทย์แผนโบราณ เป็นที่ไว้วางใจจากผู้เป็นพระอาจารย์และชาวบ้าน มีชื่อเสียงว่ารักษาโรคและไล่ผีได้ ภายหลังเมื่อเป็นหนุ่มให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน จนได้รับสมญานามว่า "หมอปุย" และ "หมอปุยขับผี"[4]

ส่วนการแสดงพระธรรมเทศนาแบบโบราณ ภายหลังเมื่อบวชเป็นพระแล้วมีชื่อเสียงทางด้านนี้มาก ถึงขนาดเคยมีการเทศน์สามหรือสี่ธรรมาสน์ประชัน ก็ยังเอาท่านไม่ลง เนื่องจากเทศน์มีไหวพริบดีมาก ไม่ว่าจะถามหรือตอบ ยึดหลักธรรมะและองค์แห่งพระธรรมกถึกอยู่ตลอดเวลา[2]

 
ภาพถ่าย หลวงพ่อปุย ในวัยหนุ่ม (พรรษาแรกๆ)
 
หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย (ซ้าย) หลวงพ่อปุย วัดเกาะ (ขวา) พ.ศ.2502

วัยหนุ่ม

แก้

ราว พ.ศ. 2453 - 2454 หลังหลวงปู่เฒ่าพลายมรณภาพ จึงออกจากวัดเกาะ กลับไปอยู่บ้านเพื่อช่วยครอบครัวประกอบอาชีพ ทำหน้าที่เป็นโคบาล เลี้ยงโค กระบือ

สมัยนั้นพื้นที่แถบนี้ยังมีสภาพเป็นป่าดงพงดิบ มีสัตว์ร้ายนานาชนิด หลายครั้งเกิดเหตุการณ์สัตว์เลี้ยงของเพื่อนบ้านถูกเสือคาบไป ต้องช่วยตามหาเข้าไปในป่าลึก ผจญภัยกับสัตว์ร้ายหรือเรื่องราวอาถรรพ์ จึงนำความรู้ที่ศึกษามาช่วยเหลือชาวบ้านให้ผ่านพ้นปัญหาได้ด้วยดี[3]

ยามว่างชอบฝึกจิต ฝึกกรรมฐานในป่าช้า ป่าอาถรรพ์ ดินแดนลี้ลับ เช่น ท่ายายเภา ซึ่งชาวบ้านเกรงกลัวมาก มีความเชื่อว่าเป็นเมืองลับแล เคยมีคนถามท่านว่า "ไม่กลัวผี ไม่กลัวตายหรือ" ท่านตอบกลับว่า "กลัวเขาทำไม เขาอยากพบ อยากเจอเราด้วยซ้ำไป จึงต้องไปโปรดเขา แผ่ส่วนกุศลให้ เขาจะได้ไปเกิดได้" ท่านทำเช่นนี้อยู่หลายปี กระทั่งบวชเป็นพระภิกษุแล้ว จึงไม่มีผู้ใดพบเจอเรื่องราวอาถรรพ์ที่ท่ายายเภาอีกเลย[4]

พ.ศ. 2456 ร่วมกับคณะศิษย์พระใบฎีกาอินทร์ (เจ้าคณะหมวดบ้านคอย เจ้าอาวาสวัดราษฎรบำรุง) และชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบ้านคอย ตำบลบางงาม ช่วยทางราชการดำเนินการแผ้วถางป่า ทำถนน ขุดสระน้ำ และสร้างพลับพลา รองรับการเสด็จของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ในการเสด็จบวงสรวงและสมโภชเจดีย์ยุทธหัตถี ที่บ้านดอนทำพระ ตำบลบ้านคอย อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมทั้งเข้าร่วมรับเสด็จในระยะห่าง

ด้วยมีลักษณะร่างกายกำยำ แข็งแรง เป็นคนมีวิชาความรู้ ความคิดโตเกินวัย มีน้ำใจ กล้าหาญ กล้าได้กล้าเสีย มนุษยสัมพันธ์ดี เป็นที่นับถือของชาวบ้าน ส่งผลให้เป็นผู้กว้างขวาง มีพรรคพวกจำนวนมาก และได้รับยกย่องให้เป็นหัวหน้า (ลูกพี่) โดยถือคติว่า ไม่สร้างความเดือดร้อน ไม่รังแกผู้ใด แต่ใครจะมารังแกไม่ได้

รู้จักกับนักเลงแถบตัวเมืองสุพรรณบุรี คือ นายแต้ม (ภายหลังบวชเป็นพระภิกษุ คือ พระครูประภัศร์ธรรมาภรณ์ (แต้ม ปุญฺญสุวณฺโณ) วัดพระลอย) เคยมากินนอนเที่ยวเล่นในพื้นที่แถบนี้ เมื่อบวชเป็นพระภิกษุจำพรรษาที่วัดราษฎรบำรุง ช่วงปี พ.ศ. 2457 - 2461[5] เป็นลูกศิษย์พระใบฎีกาอินทร์ ครูบาอาจารย์เดียวกัน จึงทำให้ทั้งสองชอบพอ ไปมาหาสู่ ช่วยเหลือซึ่งกันและกันตลอดมา

 
ภาพถ่าย หลวงพ่อปุย ลงลายมือ เขียนคติธรรม พ.ศ.2472

รับราชการทหาร

แก้

พ.ศ. 2458 เข้ารับการคัดเลือกเป็นทหาร ผลจับได้ใบแดง จึงต้องเป็นทหารกองประจำการ เนื่องด้วยเป็นผู้มีความรู้ความสามารถด้านแพทย์แผนโบราณและอ่านออกเขียนได้ จึงได้รับเลือกให้สังกัดอยู่หน่วยทหารเสนารักษ์ ประจำการที่กรุงเทพมหานคร ระยะเวลา 2 ปี ระหว่างนี้ได้ศึกษาภาษาอังกฤษจากผู้มีความรู้ในกรมกอง กระทั่งสามารถอ่านได้[2]

พ.ศ. 2460 เมื่อถึงคราวจะปลดจากทหารกองประจำการ ผู้บังคับบัญชาเห็นว่ามีความรู้ความสามารถและประพฤติดี จึงชักชวนให้เป็นทหารต่อ แล้วจะประดับยศให้ แต่ท่านปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่าเป็นห่วงทางบ้านและต้องการจะอุปสมบททดแทนผู้มีพระคุณตามที่ได้ตั้งใจไว้

หลังปลดประจำการ บิดามารดาหมายมั่นหญิงสาวในหมู่บ้านไว้ หวังให้ท่านสร้างครอบครัวหลังจากอุปสมบทและลาสิกขาแล้ว แต่ท่านกลับไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้

 
ภาพวาด หลวงพ่อปุย โดย AI

อุปสมบท

แก้

วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2461 (วันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย) บรรพชาและอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดเกาะ (อุโบสถหลังเก่า) อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมี[6]

พระครูปลื้ม เจ้าคณะแขวงศรีประจันต์ เจ้าอาวาสวัดพร้าว (หลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว) เป็นพระอุปัชฌาย์

พระสมุห์พริ้ง ผู้ช่วยเจ้าคณะแขวงศรีประจันต์ เจ้าอาวาสวัดจันทร์ (หลวงพ่อพริ้ง วัดวรจันทร์) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ 

พระใบฎีกาอินทร์ เจ้าคณะหมวดบ้านคอย เจ้าอาวาสวัดใหม่ (หลวงพ่ออินทร์ วัดราษฎรบำรุง) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ 

ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า "ปุญฺญสิริ" (อ่านว่า ปุน-ยะ-สิ-หฺริ)

การศึกษา

แก้
  • พ.ศ. 2463 จำพรรษาที่วัดหัวเขา ศึกษาสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน พุทธาคม จากหลวงพ่ออิ่ม (เจ้าอาวาส) ผู้ได้รับตำราถ่ายทอดมาแต่โบราณ ตั้งแต่สมัยพระอาจารย์ธรรมโชติ วัดเขานางบวช[4] ถ่ายทอดมาเป็นลำดับกระทั่งถึงหลวงพ่อปุย โดยได้รับคำยกย่องจากหลวงพ่ออิ่มว่า เปรียบเสมือนบัวที่พ้นน้ำแล้ว ทั้งยังเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ ไม่ต้องจ้ำจี้จ้ำไช ต่อมาจึงกราบลาหลวงพ่ออิ่มเพื่อกลับไปช่วยจัดงานฌาปนกิจศพพระใบฎีกาอินทร์ในปี พ.ศ. 2464 แต่ยังคงไปมาหาสู่ตลอดระยะเวลาหลายปี กระทั่งหลวงพ่ออิ่มมรณภาพ[2] พ.ศ. 2480
  • พ.ศ. 2464 - 2465 หลังเสร็จงานฌาปนกิจศพพระใบฎีกาอินทร์ ร่วมกับคณะศิษย์พระครูปลื้ม (พระอุปัชฌาย์) นำโดยพระอาจารย์เซ้ง จัดงานทำบุญอายุและหล่อรูปเหมือนพระครูปลื้ม แล้วจำพรรษาที่วัดพร้าว ศึกษาวิปัสสนากรรมฐาน พุทธาคม จากพระครูปลื้ม

ครูบาอาจารย์

แก้

พบบันทึกรายนามครูบาอาจารย์ทั้งพระภิกษุและฆราวาสที่หลวงพ่อปุยเคยศึกษา ปรากฏชื่อในสมุดไทย (สมุดข่อย) สมุดฝรั่ง และเท่าที่ลูกศิษย์ทราบ ดังนี้[7]

  • 1.พระครูปลื้ม วัดพร้าว (พระอุปัชฌาย์, ศึกษาวิปัสสนากรรมฐาน และพุทธาคม)
  • 2.พระครูธรรมสารรักษา (หลวงพ่อพริ้ง วัดวรจันทร์, พระกรรมวาจาจารย์, ศึกษาแพทย์แผนโบราณ และพุทธาคม)
  • 3.พระใบฏีกาอินทร์ (หลวงพ่ออินทร์ วัดราษฎรบำรุง, พระอนุสาวนาจารย์, ศึกษาหนังสือไทย และพระธรรมวินัย)
  • 4.พระมหาสุนทร ศรีโสภาค วัดราษฎรบำรุง, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ศึกษาพระปริยัติธรรม)
  • 5.หลวงพ่ออ่วม วัดเกาะ (ศึกษาการแสดงพระธรรมเทศนาแบบโบราณ)
  • 6.หลวงพ่อน้อย (เป็นพระภิกษุแถบเหนือจังหวัดสุพรรณบุรีขึ้นไป ยังไม่ทราบวัด, ศึกษาแพทย์แผนโบราณ)
  • 7.หลวงพ่อฉาย (ยังไม่ทราบวัด, ศึกษาแพทย์แผนโบราณ)
  • 8.ครูพาย (หลวงปู่เฒ่าพลาย วัดเกาะ, ศึกษาหนังสือขอม แพทย์แผนโบราณ วิปัสสนากรรมฐาน และพุทธาคม)
  • 9.ครูอิ่ม (หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา, ศึกษาสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน และพุทธาคม)
  • 10.ครูสุฃ (สันนิษฐานว่าคือ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา เป็นผู้พาไปสมัยยังจำพรรษาอยู่ที่นั่น (?) นอกจากนี้ยังพบหลักฐานหนังสือที่ระลึกร่วมงานฌาปนกิจศพหลวงพ่อเคลือบ วัดบ่อแร่ พระฐานานุกรมและศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่ศุข ตกทอดอยู่ที่วัดเกาะ บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ในอดีต)
  • 11.ครูชิต (ศึกษาแพทย์แผนโบราณ)
  • 12.ครูทอง (ศึกษาแพทย์แผนโบราณ)
  • 13.ครูดี
  • 14.ครูวัย
  • 15.ครูต่วน
  • 16.ครูแจ่ม
  • 17.ครูผัน
  • 18.ครูแพ่ง
  • 19.ครูอ่อง จันทรคราส (ศึกษาวิชาอาคม)
  • 20.หมอคำ (ศึกษาแพทย์แผนโบราณ และวิชาอาคม)
  • 21.ก๋งบัว (ศึกษาวิชาอาคม)
  • 22.สมีฃำ (ศึกษาจากตำราสมีฃำ)
  • 23.พระอาจารย์ในจังหวัดนนทบุรี เมื่อครั้งไปจำพรรษาที่จังหวัดนนทบุรี (ยังไม่ทราบนามชัดเจน)
 
หลวงพ่อปุย ถ่ายที่หน้าหอสวดมนต์ (หลังเก่า)

เหตุการณ์ - ผลงานสำคัญ

แก้
  • พ.ศ. 2466 พระอาจารย์แคล้ว เจ้าอาวาสวัดเกาะ ลาสิกขา ทางคณะสงฆ์จังหวัดสุพรรณบุรี โดยการนำเสนอของ พระครูปลื้ม เจ้าคณะแขวงศรีประจันต์ (เจ้าคณะอำเภอ) มีมติแต่งตั้ง พระปุย เป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะ รูปใหม่
  • พ.ศ. 2466 เป็นพระกรรมวาจาจารย์ (คู่สวด)
  • พ.ศ. 2468 สอบได้นักธรรม ชั้นตรี สำนักเรียนวัดราษฎรบำรุง อำเภอศรีประจันต์ (ภายหลังแยกเป็นอำเภอดอนเจดีย์) จังหวัดสุพรรณบุรี
  • พ.ศ. 2470 เปิดสอนนักธรรมที่วัดเกาะ โดยเป็นผู้ดำเนินการสอนเอง
  • พ.ศ. 2470 เป็นเจ้าคณะหมวดบางงาม (เจ้าคณะตำบล)
  • พ.ศ. 2473 เป็นกรรมการจัดงานฌาปนกิจศพพระครูปลื้ม วัดพร้าว (พระอุปัชฌาย์)
  • พ.ศ. 2476 เป็นกรรมการคณะสงฆ์แขวงศรีประจันต์ ในการสอบซ่อมธรรมวินัย ที่วัดวรจันทร์ โดยมี พระครูธรรมสารรักษา (พริ้ง วชิรสุวณฺโณ) เป็นประธาน
  • พ.ศ. 2476 - 2477 พระยารามราชภักดี (หม่อมหลวง สวัสดิ์ อิศรางกูร) ข้าหลวงประจำจังหวัดสุพรรณบุรี กับ ขุนสมรรถชัยศรี นายอำเภอศรีประจันต์ ขอให้ช่วยเหลือราชการ ในการปราบปรามผู้ร้าย (เสือ) ที่กำลังอาละวาดสร้างความเดือดร้อนอยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรี
  • พ.ศ. 2477 เป็นผู้อุปการะตั้งโรงเรียนประชาบาลวัดเกาะ โดยมี ขุนสมรรถชัยศรี นายอำเภอศรีประจันต์ เป็นประธาน ใช้ศาลาการเปรียญวัดเกาะเป็นสถานศึกษา
  • พ.ศ. 2477 เป็นผู้สำรวจที่ดินและดำเนินเรื่องสร้างวัดสระศรีเจริญ (วัดหนองสระ) อำเภอศรีประจันต์ (ภายหลังแยกเป็นอำเภอดอนเจดีย์) จังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกับกำนันพริ้ง และนายมิ่ง ชาวบ้านในพื้นที่
  • พ.ศ. 2481 เป็นกรรมการศึกษา โรงเรียนวัดเกาะ
  • พ.ศ. 2485 เป็นกรรมการ ตรวจธรรมสนามหลวง ชั้นตรี
  • พ.ศ. 2485 ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเกาะ และเจ้าคณะหมวดบางงาม ไปจำพรรษาที่วัดแค บางคูเวียง จังหวัดนนทบุรี  
  • พ.ศ. 2489 ชาวบ้านอาราธนาให้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะ (รักษาการเจ้าอาวาสวัดเกาะ)
  • พ.ศ. 2491 สร้างศาลาการเปรียญ (หลังเก่า) วัดเกาะ โดยมี หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย (สหธรรมิก) เป็นนายช่างช่วยก่อสร้าง  
  • พ.ศ. 2495 เป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะ
  • พ.ศ. 2496 เริ่มสร้างอุโบสถ (หลังปัจจุบัน) วัดเกาะ โดยมี หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย (สหธรรมิก) เป็นนายช่าง และชาวบ้านร่วมก่อสร้าง
  • พ.ศ. 2496 ปฏิสังขรณ์มณฑป พระพุทธรูป (หลวงพ่อโต) ในมณฑป
  • พ.ศ. 2497 สร้างหอระฆัง วัดเกาะ
  • พ.ศ. 2500 หล่อพระประธานประจำอุโบสถ วัดเกาะ โดยมี หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย (สหธรรมิก) และชาวบ้านร่วมสร้าง
  • พ.ศ. 2501 ร่วมสังฆกรรม อุปสมบทพระ ณ พระอุโบสถวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร กับพระธรรมวโรดม (สมเด็จพระสังฆราช ฯ ปุ่น ปุณฺณสิริ) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร ได้รับคำชมจากพระธรรมวโรดมท่ามกลางคณะสงฆ์ในพระอุโบสถว่า "สวดได้ไพเราะ อักขระชัดเจน และเปลี่ยนวิภัตติได้โดยถูกต้อง มิต้องทัก" พร้อมกับมอบปากกาด้ามทองให้เป็นของขวัญ และนับแต่นั้นทั้งสองท่านจึงชอบพอเป็นพิเศษ และไปมาหาสู่เป็นประจำ
  • พ.ศ. 2502 พิธีผูกพัทธสีมาอุโบสถ วัดเกาะ วันที่ 10 - 14 เมษายน (5 วัน 5 คืน) โดยมี พระธรรมวโรดม (สมเด็จพระสังฆราช ฯ ปุ่น ปุณฺณสิริ) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร เป็นประธาน
  • พ.ศ. 2503 เป็นพระครูชั้นประทวน
  • พ.ศ. 2505 เป็นพระอุปัชฌาย์
  • พ.ศ. 2508 สร้างกุฏิเจ้าอาวาส วัดเกาะ
  • พ.ศ. 2508 เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นตรี โดยเป็นปีพิเศษที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) ในพระบรมมหาราชวัง ด้วยพระองค์เอง [8]
  • พ.ศ. 2509 เป็นเจ้าคณะตำบลบางงาม
  • ราว พ.ศ. 2510 สร้างฌาปนสถาน (เมรุเก่า) วัดเกาะ โดยพระเทพคุณาธาร วัดพระพิเรนทร์ กรุงเทพมหานคร (สหธรรมิก) ช่วยสร้าง
  • พ.ศ. 2515 สร้างกุฏิสงฆ์ (หลังใหม่) วัดเกาะ
  • พ.ศ. 2515 เป็นผู้อุปถัมภ์ สร้างศาลาการเปรียญ วัดหนองเพียร อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
  • พ.ศ. 2516 สร้างกำแพงแก้วรอบอุโบสถ และกำแพงหน้าวัด วัดเกาะ
  • พ.ศ. 2517 เป็นผู้อุปถัมภ์ การปฏิสังขรณ์ วัดโพธิ์ศรีเจริญ อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
  • พ.ศ. 2517 สร้างหอสวดมนต์ (หลังใหม่) วัดเกาะ
  • พ.ศ. 2518 เป็นผู้อุปถัมภ์ สร้างศาลาการเปรียญ วัดดงขี้เหล็ก อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
  • พ.ศ. 2518 เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท
  • พ.ศ. 2520 เป็นผู้อุปถัมภ์ โรงเรียนศึกษาผู้ใหญ่ "รักขิตวันมุนี" วัดโพธิ์เจริญ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี
  • พ.ศ. 2521 เป็นผู้อุปถัมภ์ พิธียกช่อฟ้าศาลาการเปรียญ วัดหนองเพียร อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
  • พ.ศ. 2521 เป็นประธานหน่วยอบรมประชาชน ประจำตำบลวังหว้า
  • พ.ศ. 2522 เริ่มโครงการสร้างศาลาการเปรียญ (หลังใหม่) วัดเกาะ
  • เป็นประธานอุปถัมภ์สร้างสถานีอนามัยตำบลวังหว้า (ปัจจุบันคือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวังหว้า) อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
  • สนับสนุนพัฒนาหมู่บ้านวัดเกาะ ชนะเลิศการประกวดหมู่บ้านพัฒนา อันดับที่ 1 ของเขต และอันดับที่ 1 ของภาคกลาง ประจำปี พ.ศ. 2516 - 2517 ของกระทรวงมหาดไทย
  • ร่วมสร้างและปฏิสังขรณ์ สนับสนุน พัฒนาวัดต่างๆ จำนวนหลายวัด อาทิ วัดสระกระโจม วัดธัญญวารี (หนองนา) วัดดอนเจดีย์ วัดสระศรีเจริญ (หนองสระ) วัดโพธาราม (บ้านคอยเหนือ) วัดดงขี้เหล็ก วัดโพธิ์ศรีเจริญ (ดงตาป้อม) วัดหนองเพียร
 
ภาพใบหน้าหลวงพ่อปุย ในวัยชรา พ.ศ.2521

ตำแหน่ง - สมณศักดิ์

แก้
  • พ.ศ. 2466 ได้รับตราตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดเกาะ (สมัยที่ 1) สมณศักดิ์ที่ พระอธิการปุย
  • พ.ศ. 2466 ได้รับตราตั้งเป็น พระกรรมวาจาจารย์
  • พ.ศ. 2470 ได้รับตราตั้งเป็น เจ้าคณะหมวดบางงาม สมณศักดิ์ที่ เจ้าอธิการปุย
  • พ.ศ. 2485 ลาออกจากตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดเกาะ และเจ้าคณะหมวดบางงาม
  • พ.ศ. 2489 ได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดเกาะ สมณศักดิ์ที่ พระปุย
  • พ.ศ. 2495 ได้รับตราตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดเกาะ (สมัยที่ 2) สมณศักดิ์ที่ พระอธิการปุย
  • พ.ศ. 2503 ได้รับแต่งตั้งเป็น พระครูชั้นประทวน สมณศักดิ์ที่ พระครูปุย
  • พ.ศ. 2505 ได้รับตราตั้งเป็น พระอุปัชฌาย์
  • พ.ศ. 2508 ได้รับพระราชทานสมศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นตรี ในราชทินนามที่ พระครูวรนาถรังษี[9]
  • พ.ศ. 2509 ได้รับตราตั้งเป็น เจ้าคณะตำบลบางงาม
  • พ.ศ. 2518 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท ในราชทินนามเดิม
  • พ.ศ. 2521 ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานหน่วยอบรมประชาชน ประจำตำบลวังหว้า

วัตรปฏิบัติ - ปฏิปทา

แก้

ท่านเป็นพระเคร่งครัดในทางปฏิบัติ สมถะ ถ่อมตน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่เบียดเบียนรบกวนผู้ใด มีเมตตา ไม่ยึดติด มุ่งส่งเสริมการศึกษาและจริยธรรม ถือคติ "พัฒนาคนมากกว่าวัตถุ"

มีศิษย์วัดเกาะที่มีชื่อเสียงด้านการศึกษา สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญา อนุปริญญา พระมหาเปรียญ พระนักธรรม พระสวดพระปาฏิโมกข์ จำนวนหลายรูป/คน ท่านให้การบรรพชาสามเณรและอุปสมบทพระภิกษุนับแต่เป็นพระกรรมวาจาจารย์กระทั่งเป็นพระอุปัชฌาย์ ระยะเวลากว่า 50 ปี ส่วนคฤหัสถ์นั้นสอบธรรมศึกษาได้จำนวนหลายคน สนับสนุนส่งเสริมผู้ขาดโอกาสทางการศึกษาให้มีโอกาสทางการศึกษา (ส่งเรียน) โดยมุ่งเน้นพัฒนาให้เป็นผู้มีความรู้คู่คุณธรรม[6]

 
หลวงพ่อปุย ถือไม้เท้าในวัยชรา ถ่ายที่หน้าประตู กุฏิเจ้าอาวาส พ.ศ.2521

อาพาธ - มรณภาพ

แก้

บั้นปลายชีวิตหลวงพ่อปุย ตั้งแต่ พ.ศ. 2511 เป็นต้นมา เริ่มมีสุขภาพไม่ดี อาพาธเป็นโรคหอบหืด และปัสสาวะไม่ออก (นิ่ว) วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2521 ท่านจึงนิมนต์พระในวัดทั้งหมด และคณะศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิดขณะนั้น มาประชุมเพื่อเป็นสักขีพยานในการปลงสังขารและบริขารของท่าน  

เดือนตุลาคม พ.ศ. 2522 ท่านเริ่มอาพาธอีกครั้ง ครั้งนี้มีอาการไม่ดีนัก คณะศิษย์จึงขออนุญาตพาเข้ารับการรักษา แต่ท่านปฏิเสธด้วยปลงในสังขารแล้ว แต่คณะศิษย์ไม่อาจนิ่งเฉยได้ จำต้องขัดใจท่าน พาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อมีอาการดีขึ้น แพทย์จึงอนุญาตให้กลับวัดได้ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2522

เมื่อกลับถึงวัดเกาะ ท่านจึงอนุญาตให้ศิษย์เตรียมหีบศพไว้ และพูดเชิงล้อว่า "อย่าให้ใครใช้ก่อนนะ" หลังจากนั้นจึงสั่งเสียว่า "ฉันเองคงอยู่ด้วยไม่นาน ฝากศพด้วย"

ต่อมาท่านอาพาธด้วยโรคหอบหืดอีกครั้งหนึ่ง วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2523 คณะศิษย์จึงพาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช ครั้งนี้มีอาการค่อนข้างหนัก แต่ท่านมิได้บ่นร้องถึงทุกขเวทนาใดๆ ปกติหากห่างวัด ท่านจะเป็นห่วง พูดถึงวัดและชาวบ้าน แต่ครั้งนี้ท่านมิได้พูดถึง คล้ายกับว่าไม่มีห่วงใดๆ แล้ว มีเพียงผ้าไตรครองของท่านเท่านั้น ที่บอกกับศิษย์ให้นำมาไว้ใกล้ๆ ตัวท่าน เมื่อถึงวันใกล้ละสังขาร ท่านจึงบอกว่า "ฉันอยู่ไม่ทันสร้างศาลาฯ เสียแล้ว"[2]

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 เวลา 16.11 น. ท่านละสังขาร ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช ตรงกับวันศุกร์ ปีมะแม อันเป็นวันและปีเกิดของท่าน ซึ่งคนโบราณมีคติความเชื่อว่าตายวันตัว ถือว่าเป็นการสิ้นอายุขัย สิริอายุ 84 ปี 8 เดือน 8 วัน อุปสมบทได้ 62 พรรษ

การจัดการศพ

แก้

หลังละสังขาร คณะศิษย์ประชุมและมอบหมายให้ พระปลัดสกล ปญฺญาพโล (ภายหลังมีสมณศักดิ์ที่ พระครูสุวรรณปัญญารัต) รักษาการเจ้าอาวาสวัดเกาะในขณะนั้น เป็นประธานจัดการเรื่องงานศพ เริ่มจากอัญเชิญสรีระสังขารหลวงพ่อปุยกลับสู่วัดเกาะในวันเดียวกัน (8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523) มีพิธีสรงน้ำศพที่กุฏิหลวงพ่อปุย วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523

พิธีบำเพ็ญกุศล สวดพระอภิธรรม เวลากลางคืน ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2523 , วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 ครบ 7 วัน (สัตตมวาร) , วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2523 ครบ 50 วัน (ปัญญาสมวาร) , วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 ครบ 100 วัน (ศตมวาร)[2]

หลังครบ 100 วัน (ศตมวาร) จึงกำหนดเก็บสังขารของท่านไว้ก่อน เพื่อให้ร่างได้อยู่ทันสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่ท่านเริ่มโครงการไว้ให้ศิษย์ช่วยกันสานต่อให้แล้วเสร็จ กระทั่งเมื่อศาลาการเปรียญสร้างเสร็จ จึงอัญเชิญสรีระสังขารขึ้นประดิษฐาน วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2527

วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2530 เวลา 16.00 น. อัญเชิญสรีระสังขารจากศาลาการเปรียญขึ้นสู่ฌาปนสถานชั่วคราว (เมรุลอย 5 ยอด) ซึ่งตั้งอยู่ที่ลานหน้าศาลาการเปรียญ กลางคืนมีพิธีบำเพ็ญกุศล สวดพระอภิธรรม , วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2530 พระสงฆ์สวดมาติกา บังสุกุล ศราทธพรตคาถา เวลา 16.00 น. พิธีพระราชทานเพลิงศพ , วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2523 ช่วงเช้า มีพิธีสามหาบ เก็บอัฐิ[10]

 
รูปเหมือนบรรจุอัฐิหลวงพ่อปุย บนศาลาการเปรียญวรนาถรังษี วัดเกาะ

สิ่งเกี่ยวเนื่อง - อนุสรณ์ 

แก้
  • ศาลาการเปรียญวรนาถรังษี เป็นศาลาที่พระครูวรนาถรังษี (ปุย ปุญฺญสิริ) ริเริ่มโครงการสร้าง เมื่อ พ.ศ. 2522 แต่มรณภาพ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 ก่อน , เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523 ทางวัดจึงดำเนินการรื้อศาลาการเปรียญหลังเก่า เพื่อใช้พื้นที่ดำเนินการสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ , วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2523 มีพิธีวางศิลาฤกษ์และยกเสาศาลาฯ โดย สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธโร) วัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร เป็นประธาน , เมื่อสร้างเสร็จคณะศิษย์จึงอัญเชิญสรีระสังขารพระครูวรนาถรังษี (ปุย ปุญฺญสิริ) ขึ้นประดิษฐานบนศาลาฯ วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2527 และตั้งชื่อว่า "ศาลาการเปรียญวรนาถรังษี" เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงท่าน
  • รูปเหมือนหลวงพ่อปุย สร้างภายหลังพระครูวรนาถรังษี (ปุย ปุญฺญสิริ) มรณภาพแล้ว ภายในบรรจุอัฐิท่าน ปัจจุบันประดิษฐานบนศาลาการเปรียญวรนาถรังษี สามารถเข้าไปสักการะบูชาได้ทุกวัน
  • วันบูรพาจารย์วัดเกาะ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพพระครูวรนาถรังษี (ปุย ปุญฺญสิริ) มีพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน และถวายภัตตาหารเพล วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ของทุกปี

อ้างอิง

แก้
  1. "ตำนาน "หลวงพ่อปุย วัดเกาะ"เกจิดังเมืองสุพรรณบุรี". tnews. 2018-12-11.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 พระปลัดสกล ปญฺญาพโล. (2523). ประวัติพระครูวรนาถรังษี (ปุย ปุญฺญสิริ). กรุงเทพฯ: อาทรการพิมพ์.
  3. 3.0 3.1 มนัส โอภากุล. (2549, กันยายน). หลวงพ่อปุย วัดเกาะ. ลานโพธิ์. 32(959): 18 - 19.
  4. 4.0 4.1 4.2 ประสิทธิ์ศักดิ์ ตันตยาทร. (2517, ตุลาคม). หลวงพ่อปุย. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูป พระเครื่อง. 2(25): 9 - 13.
  5. พระครูประภัศร์ธรรมาภรณ์. (2510). อนุสสรณ์งานทำบุญอายุครบ 76 ปี พระครูประภัศร์ธรรมาภรณ์ (แต้ม ปุญฺญสุวณฺโณ). กรุงเทพฯ: บูรณะการพิมพ์.
  6. 6.0 6.1 พีระศักดิ์ สุนทรวิภาต. (2563). ที่ระลึก 125 ปีชาตกาล 40 ปีมรณภาพ พระครูวรนาถรังษี (ปุย ปุญฺญสิริ). พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: กุศลบุญการพิมพ์.
  7. กลุ่มศิษย์หลวงพ่อปุย วัดเกาะ
  8. ประสิทธิ์ศักดิ์ ตันตยาทร. (2517, พฤศจิกายน). หลวงพ่อปุย. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูป พระเครื่อง. 2(26): 41 - 46.
  9. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ เล่ม 82, ตอน 111 ง, 23 ธันวาคม พ.ศ. 2508, หน้า 11
  10. พระครูสุวรรณปัญญารัต. (2530). รายละเอียดการแบ่งงาน เนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ พระครูวรนาถรังษี (หลวงพ่อปุย ปุญฺญสิริ). ม.ป.ท. : ม.ป.พ.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้
ก่อนหน้า พระครูวรนาถรังษี (ปุย ปุญฺญสิริ) ถัดไป
พระอาจารย์แคล้ว    
เจ้าอาวาสวัดเกาะ สมัยที่ 1
(พ.ศ. 2466 — พ.ศ. 2485)
  พระอาจารย์ฉ่อย อุตฺตมสาโร
ไม่พบข้อมูล    
เจ้าคณะหมวดบางงาม
(พ.ศ. 2470 – พ.ศ. 2485)
  ไม่พบข้อมูล
พระอาจารย์เกี้ยน    
เจ้าอาวาสวัดเกาะ สมัยที่ 2
(รักษาการ พ.ศ. 2489 – พ.ศ. 2495)
(เจ้าอาวาส พ.ศ. 2495 – พ.ศ. 2523)
  พระครูสุวรรณปัญญารัต (เซ้ง, สกล ปญฺญาพโล)
พระครูโอภาสพุทธิคุณ (กอง โอภาสโก)    
เจ้าคณะตำบลบางงาม
(พ.ศ. 2509 – พ.ศ. 2523)
  พระครูสุวรรณปัญญารัต (เซ้ง, สกล ปญฺญาพโล)