ประพันธ์ คูณมี
ประพันธ์ คูณมี (เกิด 14 มิถุนายน พ.ศ. 2497)สมาชิกวุฒิสภาไทย ชุดที่ 12 อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และอดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีชื่อเล่นที่เรียกกันในหมู่เพื่อน ๆ ว่า "ผอม"
ประพันธ์ คูณมี ท.ช. | |
---|---|
![]() ขณะชุมนุมร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 | |
เกิด | ประพันธ์ คูณมี 14 มิถุนายน พ.ศ. 2497 อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย |
สัญชาติ | ไทย |
การศึกษา | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ |
อาชีพ | นักการเมือง นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ทนายความ |
ปีปฏิบัติงาน | พ.ศ. 2516–ปัจจุบัน |
มีชื่อเสียงจาก | ทนายความของ นาวาอากาศตรี ประสงค์ สุ่นศิริ แนวร่วมคนสำคัญของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย |
พรรคการเมือง | พรรคความหวังใหม่ พรรคพลังธรรม พรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองใหม่ |
คู่สมรส | กัลยาณี คูณมี |
บุตร | 1 คน |
ญาติ | ประสงค์ สุ่นศิริ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย |
ประวัติแก้ไข
เมื่อเหตุการณ์ 14 ตุลา เป็นหนึ่งในนักศึกษาที่เข้าร่วมในเหตุการณ์ โดยทำงานร่วมกับสหพันธ์นักศึกษาเสรี และหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา ได้หลบหนีเข้าป่า ร่วมงานกับ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) มีชื่อจัดตั้งว่า "สหายสงคราม" มีเขตงานเป็นของตนเองโดยไม่เกี่ยวข้องกับพรรคคอมมิวนิสต์ฯ ในนาม "เขตงาน 196 ภูเขียว, ชัยภูมิ"
เมื่อออกจากป่า นายประพันธ์ได้กลับมาเรียนต่อจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และระดับปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และจบเนติบัณฑิตไทย รุ่นที่ 37 โดยเป็นลูกศิษย์ของ พิศิษฏ์ เทศะบำรุง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และได้ร่วมกันก่อตั้งสำนักทนายความขึ้นในชื่อ "สำนักงานพิศิษฏ์ ประพันธ์ และเพื่อน"
ทางการเมืองแก้ไข
ในปี พ.ศ. 2533 นาวาอากาศตรี ประสงค์ สุ่นศิริ ซึ่งมีความสนิทสนมกับ พิศิษฏ์ เทศะบำรุง ได้ร่วมก่อตั้งพรรคความหวังใหม่ กับ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ประพันธ์จึงเข้าร่วมทำงานกับพรรคความหวังใหม่อยู่ระยะเวลาหนึ่ง และหลังจากออกจากพรรคความหวังใหม่ ประพันธ์ ยังคงมีความเคลื่อนไหวร่วมกับ นาวาอากาศตรี ประสงค์ มาโดยตลอด โดยหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 ประพันธ์และ นาวาอากาศตรี ประสงค์ ก็ได้เข้าร่วมงานกับพรรคพลังธรรม ของ พลตรี จำลอง ศรีเมือง แต่ทว่าก็มีความขัดแย้งกันอีก โดยที่ประพันธ์ได้วิจารณ์ตัว พลตรี จำลองในที่ประชุมพรรค จึงได้ถอนตัวออกมา
ต่อมาชื่อของประพันธ์ คูณมี เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมากขึ้น จากบทบาทร่วมกับ กลุ่มประชาชนเพื่อชาติและราชบัลลังก์ ในการเคลื่อนไหวประท้วง ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปลายปี พ.ศ. 2547 ร่วมกับ นาวาอากาศตรี ประสงค์ สุ่นศิริ จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ ทักษิณ ถึงกับตั้งฉายาประพันธ์ว่า "ทนายปีศาจ" และในการเลือกตั้งเมื่อต้นปี พ.ศ. 2548 ประพันธ์ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ โดยลงในเขต กรุงเทพมหานคร คือ เขตบางซื่อ แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง
ต่อมาในเหตุการณ์การขับไล่ ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี พ.ศ. 2549 ประพันธ์ คูณมี ได้เข้าร่วมเคลื่อนไหวกับ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีบทบาทเป็นโฆษกบนเวที และต่อมาภายหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ประพันธ์ได้รับแต่งตั้งเป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ใน เลือกตั้งในปลายปี พ.ศ. 2550 ประพันธ์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ในเขต 7 กรุงเทพมหานคร (เขตบางกะปิ เขตสะพานสูง เขตมีนบุรี และเขตลาดกระบัง) ร่วมทีมกับ สำราญ รอดเพชร และ นาถยา เบ็ญจศิริวรรณ ในครั้งนั้นนางนาถยา ได้คะแนนเป็นลำดับที่ 3 รวม 101,007 คะแนน ชนะการเลือกตั้ง ขณะที่นายสำราญได้คะแนนเป็นลำดับที่ 5 รวม 90,978 คะแนน และ นายประพันธ์ได้คะแนนเป็นลำดับที่ 6 รวม 90,667 คะแนน ไม่ได้รับการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามน่าสังเกตว่าคะแนนของประพันธ์ ทิ้งห่างจากอันดับ 7 ร้อยตำรวจเอก นิติภูมิ นวรัตน์ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ได้เพียง 33,011 คะแนน ทั้งที่ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2549 ร้อยตำรวจเอก นิติภูมิ เคยได้รับคะแนนสูงที่สุดในประเทศถึง 257,420 คะแนน โดยมี สมัคร สุนทรเวช ได้ 240,312 คะแนน ตามมาเป็นอันดับที่ 2
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2551 ภายหลังการกลับประเทศไทยของ ทักษิณ ชินวัตร ด้วยเหตุผลเพื่อต่อสู้คดี และ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศฟื้นโครงสร้างองค์กรเพื่อติดตามตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล เกี่ยวกับการดำเนินคดีดังกล่าว ประพันธ์ คูณมี ได้ปรากฏชื่อเป็นที่ปรึกษา ของ สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย (สปท.) องค์กรภาคประชาชนที่จัดตั้งขึ้นโดยอ้างอิงความตามรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเมืองภาคประชาชน และประกาศทำงานร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ต่อมา ประพันธ์เป็นที่ปรึกษาของคุณหญิง กัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ในรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ได้ลาออกเพื่อเข้าเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ ในปลายปี พ.ศ. 2552[1] ซึ่งเมื่อหลังการลาออกแล้ว มีผู้วิจารณ์ว่าประพันธ์ได้โจมตีรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีค่อนข้างมาก[2][3]
อดีตมีรายการโทรทัศน์ที่เป็นพิธีกรเองทางช่อง ASTV คือ ปากกล้าขาไม่สั่นกับประพันธ์ คูณมี ออกอากาศทุกเย็นวันเสาร์-อาทิตย์ ปัจจุบัน ได้ลาออกจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพร้อมยุติบทบาทการเป็นพิธีกรทางช่อง ASTV เพื่อไปหาเสียงช่วย พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ผู้สมัครรับเลือกตั้งรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556 โดยหากได้รับเลือกตั้ง จะรับตำแหน่งรองผู้ว่าฯ แต่ก็ไม่ได้รับการเลือกตั้ง[4]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์แก้ไข
- พ.ศ. 2550 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)[5]
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ ประพันธ์ คูณมี ลาออกที่ปรึกษา รมว.วิทย์ เข้าการเมืองใหม่
- ↑ ประพันธ์ คูณมี ลาออกจากผู้ช่วยรัฐมนตรีหรือยัง
- ↑ ฝากความถึงคุณประพันธ์ คูณมีว่า เพราะใช้สมอง ถึงมองว่า ท่านนายกยังเหมาะที่จะเป็นนายกต่อไป จากโอเคเนชั่น
- ↑ 'ประพันธ์ คูณมี 'โพสต์ประกาศลาออกแกนนำพธม.หันช่วย'เสรีพิศุทธ์ จากฐานเศรษฐกิจ
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เก็บถาวร 2022-05-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๔ ตอนที่ ๑๘ ข หน้า ๒, ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐
คำนูณ สิทธิสมาน. ปรากฏการณ์สนธิ จากเสื้อสีเหลืองถึงผ้าพันคอสีฟ้า. ISBN 9749460979