สถาพร มณีรัตน์ (20 เมษายน พ.ศ. 2505 - 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555) อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน เขต 2 ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปี พ.ศ. 2544 ในสังกัดพรรคไทยรักไทย และสังกัดพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคสุดท้าย

สถาพร มณีรัตน์
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน
ดำรงตำแหน่ง
3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 – 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด20 เมษายน พ.ศ. 2505
อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน ประเทศไทย
เสียชีวิต14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 (50 ปี)
โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
พรรคการเมืองไทยรักไทย (2544–2548)
พลังประชาชน (2548–2550
เพื่อไทย (2550–2555)
คู่สมรสลาวรรณ มณีรัตน์

ประวัติ

แก้

สถาพร มณีรัตน์ เกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2505 เป็นบุตรของนายรัตน์ และนางบัวนำ มณีรัตน์ มีพี่น้อง 6 คน สมรสกับนางลาวรรณ มณีรัตน์ มีบุตร 1 คน คือ นาย กฤตภาส มณีรัตน์ (ชื่อเดิม ภาคภูมิ)

การศึกษา

แก้

นายสถาพร มณีรัตน์ เข้ารับการศึกษาชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนบ้านสันทราย ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน ต่อมาได้เข้าศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนจักรคำคณาทร และเข้าศึกษาต่อในสายอาชีวศึกษา (ปวช.) ที่วิทยาลัยเทคนิคลำพูน และระดับชั้น ปวส. ที่วิทยาลัยเทคนิคลำปาง จากนั้นได้ศึกษาจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

งานการเมือง

แก้

นายสถาพร มณีรัตน์ เริ่มทำงานเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และได้รับเลือกเป็นประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2544 ได้เข้าร่วมงานกับพรรคไทยรักไทย โดยลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 75 ไม่ได้รับเลือกตั้งในคราวแรก จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ด้านแรงงาน ต่อมาได้รับเลื่อนให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนนายกันตธีร์ ศุภมงคล เมื่อปี พ.ศ. 2545[1]

ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2548 ย้ายมาลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบแบ่งเขต จังหวัดลำพูน ได้รับเลือกโดยเอาชนะนายทรงชัย วงศ์สวัสดิ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากนั้น พ.ศ. 2550 ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชาชน ได้รับการเลือกตั้งเป็นอันดับที่ 2 ของเขต (มี ส.ส.ได้ 3 คน)

ต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ลงเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทย เอาชนะนายขยัน วิพรหมชัย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคประชาธิปัตย์ โดยในการรายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายสถาพรได้หาบลำไยและกระเทียมเข้ามาด้วยเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่ช่วยเหลือปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ[2]

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

แก้

สถาพร มณีรัตน์ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 4 สมัย คือ

  1. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 แบบบัญชีรายชื่อ (เลื่อน) สังกัดพรรคไทยรักไทย
  2. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 จังหวัดลำพูน สังกัดพรรคไทยรักไทย
  3. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 จังหวัดลำพูน สังกัดพรรคพลังประชาชน
  4. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 จังหวัดลำพูน สังกัดพรรคเพื่อไทย

ถึงแก่อนิจกรรม

แก้

สถาพร มณีรัตน์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ด้วยอาการของโรคไต หลังจากเข้ารับการรักษานานหลายเดือน[3] และมีการประกอบพิธีรดน้ำศพในวันถัดมา ณ วัดสันทราย อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พร้อมด้วยนักการเมือง ข้าราชการ และประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมพิธี[4] มีพิธีพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ณ ฌาปนสถานบ้านสันต้นข้า อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. "ประกาศสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ให้ผู้มีรายชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองลำดับถัดไปเลื่อนขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2012-01-14.
  2. นายสถาพร มณีรัตน์
  3. ไรคไตคร่าชีวิต"สถาพร มณีรัตน์"ส.ส.ลำพูนเพื่อไทย
  4. "สมชาย" อดีตนายกฯ ร่วมรดน้ำศพ ส.ส.สถาพร
  5. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๔ เก็บถาวร 2022-09-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๒๔ ข หน้า ๓, ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔
  6. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เก็บถาวร 2022-12-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๑๗ ข หน้า ๑๐, ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๑

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้