แรกนาขวัญ
บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่หน้าอภิปราย
|
แรกนาขวัญ (อังกฤษ: Ploughing Ceremony; เขมร: ព្រះរាជពិធីបុណ្យច្រត់ព្រះនង្គ័ល เปรี๊ยะเรียจเพียะถีจร๊อดเปรี๊ยะเนียงก็วล; สิงหล: වප් මඟුල් Vap Magula;; พม่า: လယ်ထွန်မင်္ဂလာ, ออกเสียง: [lɛ̀tʰʊ̀ɰ̃ mɪ̀ɰ̃ɡəlà] Lehtun Mingala หรือ မင်္ဂလာလယ်တော် Mingala Ledaw) เป็นพิธีกรรมที่พบเห็นได้ในหลายประเทศทางแถบเอเชีย จัดขึ้นเพื่อเริ่มต้นฤดูการปลูกข้าวแบบดั้งเดิม
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ | |
---|---|
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญที่กรุงเทพมหานคร ประเทศสยาม พ.ศ. 2451 | |
ชื่อทางการ |
|
ชื่ออื่น | วันพืชมงคล วันเกษตรกร |
จัดขึ้นโดย | กัมพูชา, ศรีลังกา และไทย |
ประเภท | วันสำคัญประจำชาติในประเทศไทยและกัมพูชา เทศกาลท้องถิ่นในศรีลังกา |
ความสำคัญ | เป็นจุดเริ่มต้นของฤดูปลูกข้าว |
การถือปฏิบัติ | การไถนา |
วันที่ | ตามกำหนดของโหรา (ไทย) แรม 4 ค่ำ เดือน 6 (กัมพูชา)[3] |
วันที่ในปี 2023 | 17 พฤษภาคม |
วันที่ในปี 2024 | 10 พฤษภาคม |
ในประเทศไทย การแรกนาขวัญซึ่งกระทำโดยราชสำนักนั้นประกอบด้วยพิธีสองอย่างตามลำดับ คือ พระราชพิธีพืชมงคล เป็นพิธีพุทธซึ่งตั้งขึ้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพิธีพราหมณ์ซึ่งกระทำสืบเนื่องมาแต่สมัยสุโขทัย[ต้องการอ้างอิง] ปัจจุบัน เรียกวันแรกนาขวัญว่า วันพืชมงคล ซึ่งจัดไม่ตรงกันทุกปีสุดแต่สำนักพระราชวังจะกำหนด วันพืชมงคลยังเป็นวันเกษตรกรไทย เพื่อระลึกถึงความสำคัญของเกษตรกรรมในเศรษฐกิจไทย และเป็นวันหยุดราชการด้วย แต่ไม่เป็นวันหยุดธนาคาร
ประเทศไทย
แก้พระราชพิธีพืชมงคล
แก้เป็นพิธีทางพุทธศาสนา มีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกำหนดให้มีขึ้นเป็นครั้งแรก เป็นพิธีทำขวัญเมล็ดพืชพันธุ์ต่าง ๆ เช่น ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ถั่ว งา เป็นต้น ฯลฯ มีจุดมุ่งหมายที่จะให้เมล็ดพันธุ์เหล่านั้น ปราศจากโรคภัยและให้อุดมสมบูรณ์เจริญงอกงามดี
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
แก้เป็นพิธีทางศาสนาพราหมณ์ เป็นพิธีพราหมณ์มีมาแต่โบราณ เป็นพิธีเริ่มต้นการไถนาเพื่อหว่านเมล็ดข้าว มีจุดมุ่งหมายที่จะให้เป็นอาณัติสัญญาณว่า บัดนี้ฤดูกาลแห่งการทำนาและเพาะปลูกได้เริ่มขึ้นแล้ว พระราชพิธีทั้งสองนี้ ได้กระทำเต็มรูปแบบมาเรื่อย ๆ จนถึงปี พ.ศ. 2479 ได้เว้นไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ด้วยสถานการณ์โลกและบ้านเมืองอยู่ในภาวะที่ไม่สมควรจะจัดงานใด ๆ จึงว่างเว้นไป 10 ปี ต่อมาทางราชการพิจารณาเห็นว่าประเทศไทย เป็นประเทศกสิกรรม โดยเฉพาะทำนาควรจะได้ฟื้นฟู ประเพณีเก่าอันเป็นมงคลแก่การเพาะปลูก ดังนั้น ใน พ.ศ. 2490 จึงกำหนดให้มีพิธีพีชมงคลขึ้นอีก แต่มีแค่พระราชพิธีพืชมงคลเท่านั้น (พิธีเต็มรูปแบบว่างเว้นไปถึง 23 ปี) ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2503 จึงจัดให้มีราชพิธีจรดพระนาคัลแรกนาขวัญร่วมกับพิธีพืชมงคลนับแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้จึงจัดให้เป็นวันสำคัญของชาติ
การประกอบพระราชพิธีพืชมงคล (วันที่หนึ่ง)
แก้เป็นพระราชพิธีทางสงฆ์โดยจะประกอบพระราชพิธีในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทุกรัชกาลเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จพระราชดำเนินขึ้นสู่พระอุโบสถ ทรงจุด ธูป เทียน ถวายนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรและพระพุทธรูปที่สำคัญ พระราชาคณะถวายศีลจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลทรงพระสุหร่าย ถวายดอกไม้บูชา พระคันธาราษฎร์ ทรงอธิษฐานเพื่อความสมบูรณ์แห่งพืชผลของประเทศไทย แล้วพระมหาราชครู ประธานคณะพราหมณ์ อ่านประกาศพระราชพิธีพืชมงคล พระสงฆ์ 11 รูป เจริญพระพุทธมนต์จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาล ทรงหลั่งน้ำสังข์ พระราชทานใบมะตูม ทรงเจิม พระราชทานธำมรงค์ กับพระแสงปฏัก สำหรับตำแหน่งพระยาแรกนาแก่ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แล้วทรงหลั่งน้ำสังข์ พระราชทานใบมะตูม ทรงเจิมแก่เทพีผู้ที่จะเข้าในการพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ขณะนั้นพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา พนักงานประโคมฆ้องชัย เครื่องดุริยางค์ หลังจากนั้นทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระอุโบสถเสด็จพระราชดำเนินกลับ
การประกอบพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ (วันที่สอง)
แก้เป็นงานพระราชพิธีที่กระทำในตอนเช้าของรุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งทำหน้าที่พระยาแรกนาพร้อมด้วยเทพีขึ้นรถยนต์หลวงที่หน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ออกจากพระบรมมหาราชวังทางประตูสวัสดิโสภา ถนนสนามไชยไปยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เมื่อเดินทางมาถึงจะได้ตั้งกระบวนแห่อิสริยยศ แล้วเดินกระบวนแห่อิสริยยศไปส่งที่โรงพิธีพราหมณ์ พระยาแรกนาจุดธูปเทียนถวายสักการะเทวรูปสำคัญในโรงพิธีพรามณ์อันได้ เทวรูป พระอิศวร พระอุมาภควดี พระพรหม พระพิฆเนศ พระนารายณ์ พระลักษมี พระมเหศวรี และพระพลเทพ แล้วจะได้ตั้งสัตยาธิษฐาน หยิบผ้านุ่งแต่งกายไว้พร้อม เมื่อพระยาแรกนาตั้งสัตยาธิษฐานหยิบได้ผ้านุ่งผืนนั้นทับผ้านุ่งเดิมอีกชั้นหนึ่ง นุ่งอย่างบ่าวขุนเตรียมออกแรกนา
พระยาแรกนาขึ้นรถยนต์หลวงออกจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เทพีและข้าราชการ (แต่งเครื่องแบบเต็มยศประดับราชอิสริยาภรณ์) เชิญเครื่องยศขึ้นรถตามเป็นกระบวน เมื่อเข้าสู่พระอุโบสถแล้วพระยาแรกนาและเทพีจุดธูปเทียนถวายนมัสการบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร แล้วไปที่ปราสาทพระเทพบิดรถวายสักการะพระบรมรูปสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราช แล้วไปขึ้นรถยนต์หลวง เป็นกระบวนออกจากจัดพระศรีรัตนศาสดารามไปยังท้องสนามหลวง
เวลา 7 นาฬิกา เจ้าพนักงานจัดตั้งริ้วกระบวนอิสริยยศตามประเพณีโบราณรับพระยาแรกนา พระยาแรกนาลงจากรถยนต์หลวงแล้วสวมลอมพอกเดินเข้าประจำที่ในกระบวนพร้อมด้วยคู่เคียง 2 ข้าง ๆ ละ 8 นาย ผู้เชิญเครื่องยศและเทพีจัดเป็นรูปกระบวนยาตราไปยังโรงพิธีพราหมณ์ ประโคมกลองชนะ สังข์ แตร ตลอดทาง
ครั้นเวลาประมาณ 08.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีทุกรัชกาล เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิตไปยังพลับพลาที่ประทับบริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อเป็นองค์ประธานในงานพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
เมื่อถึงฤกษ์พิธีไถหว่าน ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งทำหน้าที่พระยาแรกนาจะได้ยาตราพร้อมเทพีออกจากโรงพิธีพราหมณ์ มีราชบัณฑิตและพราหมณ์นำผ่านพลับพลาหน้าพระที่นั่ง พระยาแรกนาเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายบังคม แล้วไปยังลานแรกนา เจ้าพนักงานจูงพระโคเทียมแอก พระยาแรกนาเจิมพระโคและคันไถ จับหางไถแล้วไถดะไปโดย ทักษิณาวรรต 3 รอบ ไถแปร 3 รอบ พร้อมหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวพนักงานประโคมฆ้องชัยเครื่องดุริยางค์ แล้วไถกลบอีก 3 รอบ เพื่อกลบเมล็ดพันธุ์ข้าวลงในดิน เสร็จแล้วพนักงานปลดพระโคออกจากแอก พระยาแรกนาและเทพีกลับไปยังโรงพิธีพราหมณ์
พราหมณ์เสี่ยงทายของกิน 7 สิ่ง ตั้งเลี้ยงพระโค เมื่อพระโคกินของสิ่งใดโหรหลวงจะถวายคำพยากรณ์ เสร็จแล้วจะเบิกเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ตัวแทนสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ และปราชญ์เกษตรของแผ่นดินสาขาต่าง ๆ เข้ารับพระราชทานโล่เกียรติคุณ หลังจากนั้นจะได้แห่พระยาแรกนาเป็นกระบวนอิสริยยศออกจากโรงพิธีพราหมณ์ พระยาแรกนากราบถวายบังคมแล้วเข้ากระบวนไปขึ้นรถยนต์หลวงพร้อมด้วยเทพีไปรอเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีทุกรัชกาล ที่แปลงนาทดลองในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีทุกรัชกาล เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งออกจากพลับพลาพิธีไปยังแปลงนาทดลองในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา พระยาแรกนาเข้ากราบถวายบังคม พระยาแรกนาและเทพีนำเมล็ดพันธุ์ข้าวไปหว่านในแปลงนาทดลอง เพื่อปลูกไว้ใช้ในพระราชพิธีในปีต่อไป เมื่อพระยาแรกนาหว่านข้าวเสร็จแล้ว เข้าไปกราบถวายบังคมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีทุกรัชกาล เป็นอันเสร็จพระราชพิธี
การทำนายไทย
แก้พิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญของไทยจะให้พราหมณ์ผู้ประกอบพิธีทำการทำนายสถานการณ์ของบ้านเมืองในปีนั้นๆ จากสิ่งที่พระโคเลือกกิน ดังนั้นการที่พระโคเลือกกินสิ่งต่างๆ จึงมีความหมายตามคำทำนายดังนี้
- ข้าว หรือ ข้าวโพด พยากรณ์ถึง ธัญญาหาร ผลาหาร จะบริบูรณ์ดี
- ถั่ว หรือ งา พยากรณ์ถึง ผลาหาร ภักษาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี
- น้ำ หรือ หญ้า พยากรณ์ถึง น้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหารจะอุดมสมบูรณ์
- เหล้า พยากรณ์ถึง การคมนาคมจะสะดวกขึ้น การค้าขาย กับต่างประเทศดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจรุ่งเรือง
กำหนดวันพืชมงคล
แก้กำหนดวันพืชมงคลในรอบ 10 ปี โดยสำนักพระราชวัง
- พ.ศ. 2559 ตรงกับ จันทร์ที่ 9 พฤษภาคม (ขึ้น 4 ค่ำเดือน 6)
- พ.ศ. 2560 ตรงกับ ศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม (แรม 2 ค่ำเดือน 6)[4]
- พ.ศ. 2561 ตรงกับ จันทร์ที่ 14 พฤษภาคม (แรม 15 ค่ำเดือน 6)[5]
- พ.ศ. 2562 ตรงกับ พฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม (ขึ้น 6 ค่ำเดือน 6)[6]
- พ.ศ. 2563 ตรงกับ จันทร์ที่ 11 พฤษภาคม (แรม 5 ค่ำ เดือน 6)
- พ.ศ. 2564 ตรงกับ จันทร์ที่ 10 พฤษภาคม (แรม 14 ค่ำ เดือน 6)
- พ.ศ. 2565 ตรงกับ ศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม (ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 6)
- พ.ศ. 2566 ตรงกับ พุธที่ 17 พฤษภาคม (แรม 13 ค่ำ เดือน 6)
- พ.ศ. 2567 ตรงกับ ศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม (ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 6)
- พ.ศ. 2568 ตรงกับ ศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม (ขึ้น 13 ค่ำเดือน 6)
ประเทศกัมพูชา
แก้ในประเทศกัมพูชา ประวัติความเป็นมามึการจัดพิธีเริ่มครั้งแรก โดยสมเด็จ นโรดม สีหนุ
ในปัจจุบันพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเป็นพระราชพิธีอย่างหนึ่งในพระราชพิธีทวาทศมาส (พระราชพิธีบุญที่ทำขึ้นหนึ่งครั้งในหนึ่งเดือน ตามพระราชประเพณี) ตามธรรมดาแล้วพระราชพิธีนี้จะจัดขึ้นในเดือนห้า (พฤษภาคม) ซึ่งเป็นช่วงต้นฤดูกาลการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร โดยทั่วไปจะจัดขึ้นบนลานพระเมรุ อยู่ทางทิศเหนือของพระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล หรือ พระท้องนาที่ใดที่หนึ่ง ในบางปีจะจัดขึ้นในจังหวัดเสียมราฐ
การประกอบพิธี
แก้พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญส่วนใหญ่จะจัดขึ้นในวันแรม 1 ค่ำ 2 ค่ำ และ 3 ค่ำ เดือน 5 โดยจะจัดให้มีพราหมณ์ 5 คน ประกอบพิธีบูชาเทวดา 5 องค์ ณ พระท้องนา ในบางครั้งพระราชาจะเสด็จไปจรดพระนังคัลด้วยพระองค์เอง แต่บางครั้งจะมอบหมายผู้แทนองค์เป็นผู้จรดพระนังคัล ในวันแรม 4 ค่ำ เดือน 5 จะมีการแห่คณะองคมนตรี ผู้จรดพระนังคัลซึ่งเป็นตัวแทนพระราชาจะเรียกว่า สะดัจเมียก (พระยาแรกนาขวัญ) และ ภริยาพระเมฮัว (เทพี) ตัวแทนพระอัครมเหสี ออกจากพระราชวังไปยังพระท้องนา โดยที่นั่นจะมีวัว ๓ ตัวยืนรอเป็นที่เรียบร้อยสำหรับประกอบพิธีจรดพระนังคัล ผู้ที่เข้าร่วมพิธีทั้งหญิงทั้งชายจะแต่งกายในแบบกัมพูชาดั้งเดิม
วัวตัวที่ 1 สำหรับประกอบพิธีจรดพระนังคัล เรียกว่า พระโค หรือ โคพฤษภราช (วัวตัวผู้ของพระราชา) ตามพระราชประเพณี พระเคา หรือ โคพฤษภราช นั้น มีการกำหนดลักษณะที่ชัดเจนกล่าวคือ ตัวสีดำ เขาโค้งงอไปข้างหน้า แล้วปลายแหลมชี้ไปข้างบนเล็กน้อย
วัวตัวที่ 2 ที่ใช้แห่ข้างหน้าและแห่ข้างหลังนั้น ยังไม่มีการกำหนดลักษณะที่ชัดเจน อย่างไรก็ดีตามครั้งก่อนๆ ที่เคยทำกันมา จะเห็นว่าส่วนใหญ่จะเป็นวัวสีแดง ส่วนพระนังคัลทั้งสามนั้นจะทาเป็นสีดำ มีเส้นสีแดงตัดในแนวนอนเป็นช่วงๆ ส่วนของพระนังคัลสำหรับตัวแทนของพระราชานั้น จะมีลักษณะพิเศษกว่าใครคือจะมีรูปทรงเป็นพญานาค ทาสีสอง ที่คอของพญานาคจะมีพู่ทำจากขนสัตว์ติดอยู่
จุดประสงค์อันสำคัญที่สุดของพระราชพิธีจรดพระนังคัลนั้น จัดขึ้นเพื่อเป็นการพยากรณ์ หรือ เสี่ยงทายผลผลิตเกษตรกรรมและเหตุที่จะเกิดขึ้นภายในหนึ่งปีเต็ม ตามการกระทำของพระโคในพระราชพิธีดังกล่าว พระราชาหรือพระแรกนาขวัญที่เป็นตัวแทนพระมหากษัตริย์ เป็นผู้ไถบนลานพระเมรุ ส่วนพระมเหสีหรือเทพีจะเป็นผู้หว่านเมล็ดตามข้างหลัง ลานพระเมรุจะถูกไถ ๓ รอบในพระราชพิธีดังกล่าว
ในบริเวณลานพระท้องนา หรือ ลานพระเมรุนั้น จะมีเต็นท์ดูสวยงามอยู่ และหน้าเต็นท์นั้นจะมีโต๊ะอยู่ 7 ตัว แล้วบนโต๊ะแต่ละตัวจะมีของวางของอยู่ คือ ข้าวสาร 1 โต๊ะ ถั่ว 1 โต๊ะ เม็ดข้าวโพด 1 โต๊ะ เม็ดงา 1 โต๊ะ หญ้าสด 1 โต๊ะ น้ำ 1 โต๊ะ และ เหล้า 1 โต๊ะ
ในพระราชพิธีนี้หลังจากที่ได้ไถตามขั้นตอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปจะเป็นพิธีเสี่ยงทายด้วยวัวพฤษภราช พิธีเสี่ยงทายด้วยโคพฤษภราชนี้ พราหมณ์ซึ่งเป็นพระราชครูที่ยืนข้างๆ พระนังคัลจะท่องคาถาเสี่ยงทายและให้โคบริโภคอาหาร 7 ชนิดที่ได้กล่าวไป เมื่อพระโคบริโภคสิ่งใดสิ่งหนึ่ง พราหมณ์จะพยากรณ์เหตุการณ์ หรือ ทำนายทายทักเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในหนึ่งปี เช่น โรคระบาด น้ำท่วม ผลผลิตดี และมีฝนตกหนักหรือน้อย เป็นต้น
การทำนายกัมพูชา
แก้ในการพยากรณ์ของกัมพูชานั้น หากพระโคเลือกเสวยข้าว ข้าวโพด (ពោត) ถั่ว (សណ្តែក) และงา (ល្ង) ซึ่งเป็นตัวแทนของการเก็บเกี่ยวและผลผลิต ยิ่งพระโคเสวยมากก็พยากรณ์ได้ว่าการเก็บเกี่ยวและผลผลิตจะยิ่งดีมาก หากพระโคเสวยหญ้า (ស្មៅ) พยากรณ์ถึงความเจ็บป่วย เกิดโรคระบาด หากเสวยน้ำ (ទឹក) พยากรณ์ถึงเหตุน้ำท่วม และหากเสวยเหล้า (ស្រា) พยากรณ์ว่ามีลางของสงครามหรืออาจเกิดอาชญากรความไม่สงบ
อ้างอิง
แก้- ↑ Buddhist Religious Year
- ↑ பொன்னேர் உழுதல் (in Tamil)
- ↑ "The Royal Ploughing Ceremony 2011". Tourism Cambodia. Ministry of Tourism, Cambodia. สืบค้นเมื่อ 18 July 2011.
- ↑ สำนักพระราชวัง. (การสอบถามทางโทรศัพท์) 23 ธันวาคม 2559
- ↑ ศน.แจ้งวันหยุดราชการปี 61 ของสำนักพระราชวัง
- ↑ วันหยุด พ.ศ. 2562
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้งานศึกษาที่เกี่ยวข้อง
แก้เว็บไซต์ต่างๆ
แก้- สนเทศน่ารู้ :: วันพืชมงคล - สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง
- ให้ชาวนาเป็นผู้แรกนา: ข้อเสนอปรับเปลี่ยนพิธีแรกนาขวัญในสมัยรัฐบาลคณะราษฎรยุคต้น - ปราการ กลิ่นฟุ้ง
- จรดนังคัล, แรกนา เขมรปนลาว กลายเป็นไทย - สุจิตต์ วงษ์เทศ
- พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ 13 - 14 พฤษภาคม 2561 เก็บถาวร 2021-04-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- The Royal Ploughing Ceremony
- Tourism Cambodia Highlights: Ploughing Festival
- Dr. S. Green (28 October 2009). "Singai Empire" (blogspot). Sri Lankan Tamil rulers. สืบค้นเมื่อ 11 February 2012.
King Vairamuthu ... inaugurates the food production by ploughing the paddy field.