ราชอาณาจักรนาวาร์
ราชอาณาจักรนาวาร์ (อังกฤษ: Kingdom of Navarre; สเปน: Reino de Navarra; ฝรั่งเศส: Royaume de Navarre) เดิมชื่อ ราชอาณาจักรปัมโปลนา[1] เป็นราชอาณาจักรในยุโรปที่ตั้งอยู่สองฝั่งเหนือใต้ของเทือกเขาพิรินีทางด้านมหาสมุทรแอตแลนติก
ราชอาณาจักรนาวาร์ Reino de Navarra Nafarroako Erresuma | |||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 824–ค.ศ. 1620 | |||||||||||
ราชอาณาจักรนาวาร์ ค.ศ. 1400 (เขียวเข้ม) | |||||||||||
สถานะ | ราชอาณาจักร | ||||||||||
เมืองหลวง | ปัมโปลนา | ||||||||||
ภาษาทั่วไป | บาสก์, สเปน | ||||||||||
ศาสนา | คริสต์ศาสนา (โรมันคาทอลิก) | ||||||||||
การปกครอง | ราชาธิปไตย | ||||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | สมัยกลาง | ||||||||||
• ก่อการกบฏต่อจักรวรรดิแฟรงก์ | ค.ศ. 824 | ||||||||||
• เปลี่ยนชื่อจากปัมโปลนาเป็นนาวาร์ | ค.ศ. 1004 | ||||||||||
• สเปนผนวกนาวาร์ตอนไต้ | ค.ศ. 1522 | ||||||||||
• รวมกับฝรั่งเศสโดยการเสกสมรสในรัชสมัยของพระเจ้าอ็องรีที่ 4 | ค.ศ. 1589 | ||||||||||
• สิ้นสุด | ค.ศ. 1620 | ||||||||||
|
ราชอาณาจักรนาวาร์ก่อตั้งขึ้นเมื่อ Íñigo I of Pamplona ผู้นำบาสก์ (Basque) ผู้ได้รับเลือกและประกาศให้เป็นพระเจ้าแผ่นดินแห่งปัมโปลนา (ราว ค.ศ. 824) นำการกบฏต่อต้านอำนาจการปกครองของชาวแฟรงก์ในบริเวณนั้น
ด้านใต้ของราชอาณาจักรถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรกัสติยาในปี ค.ศ. 1513 ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรสเปน ทางด้านเหนือยังคงเป็นอิสระจนมารวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของฝรั่งเศสโดยการสมรสในปี ค.ศ. 1589 เมื่อพระเจ้าอ็องรีที่ 3 แห่งนาวาร์ทรงขึ้นครองราชบัลลังก์ฝรั่งเศสเป็นพระเจ้าอ็องรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส และในที่สุดก็รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1620
ประวัติศาสตร์
แก้ยุคเริ่มต้นของราชวงศ์นาวาร์
แก้ในปี ค.ศ. 714 ชาวมัวร์ซึ่งเป็นชาวมุสลิมได้เข้ายึดครองลุ่มแม่น้ำเอโบร ทว่ามีอำนาจไม่มากพอที่จะกุมอำนาจทางการเมืองและสังคมได้ ผู้ปกครองชาวบาสก์ของปัมโปลนาจึงยังคงมีอิสรภาพในระดับหนึ่ง ต่อมาชาวคริสต์ลุกขึ้นมาต่อต้านชาวมัวร์ ราวปี ค.ศ. 798 อิญญิโก อารีสตาได้ยุติการอยู่ภายใต้อำนาจของชาวมัวร์และสถาปนาตนเป็นผู้ปกครองอิสระภายใต้ร่มเงาของชาวแฟรงก์ อันเป็นจุดเริ่มต้นของราชวงศ์อิญญิเกซ ราชวงศ์แรกที่ปกครองนาวาร์ (หรือราชอาณาจักรปัมโปลนา) ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 9 เมื่อพระเจ้าการ์ซีอา อิญญิเกซได้ขึ้นครองอำนาจ ราชวงศ์อิญญิเกซของนาวาร์ก็มีอำนาจแข็งแกร่งพอที่จะไม่ต้องอยู่ภายใต้ร่วมเงาของใคร พระองค์ได้สร้างสายสัมพันธ์ทางการทูตและครอบครัวกับราชอาณาจักรอัสตูเรียส
สถานะทางการเมืองของนาวาร์เป็นมั่นคงขึ้นภายใต้การปกครองของราชวงศ์ต่อมา คือ ราชวงศ์ฆีเมเนส พระเจ้าซันโช การ์เซส ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฆีเมเนสได้ดำเนินนโยบายขยายอาณาเขตด้วยการต่อสู้กับชาวมัวร์ พระองค์ได้สร้างสัมพันธไมตรีกับราชอาณาจักรคริสเตียนอื่น ๆ ในคาบสมุทรไอบีเรีย
ยุคเรืองอำนาจ
แก้ภายใต้การปกครองของพระเจ้าซันโช การ์เซสและรัชกาลต่อ ๆ มานาวาร์ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดทางอำนาจ การผสมผสานระหว่างความช่ำชองทางการทูตและความแข็งแกร่งทางการทหารทำให้ราชอาณาจักรอยู่รอดในยุคที่อิทธิพลของรัฐเคาะลีฟะฮ์ในสเปนรุ่งเรืองถึงขีดสุดในคริสต์ศตวรรษที่ 10
พระเจ้าซันโช การ์เซสที่ 3 มหาราชซึ่งปกครองนาวาร์ตั้งแต่ ค.ศ. 1004 ถึง ค.ศ. 1035 สามารถรวมราชอาณาจักรชาวคริสต์ในสเปนเป็นหนึ่งเดียวได้เป็นระยะเวลาสั้น ๆ โดยทรงปกครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของชาวคริสต์ในคาบสมุทรไอบีเรีย ได้แก่ ปัมโปลนา, นาเฆรา, อารากอน, โซบราเบ, ริบาร์โกร์ซา, กัสติยา และเลออน ขณะเดียวกันได้อ้างสิทธิ์ในกัสกอญและเคาน์ตีบาร์เซโลนา รัชสมัยของพระองค์เป็นยุคแห่งการขยายตัวทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจของราชอาณาจักรปัมโปลนาไปพร้อม ๆ กับการขยายอาณาเขต พระมหากษัตริย์นาวาร์เป็นผู้บริหารจัดการเส้นทางสู่ซันเตียโก ทรงนำสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์มาใช้ และเผยแผ่วัฒนธรรมคลูนิคไปทั่วราชอาณาจักร
ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 9 ราชอาณาจักรปัมโปลนาถูกบีบให้หยุดการขยายอาณาเขตเนื่องจากอำนาจที่เพิ่มขึ้นของกัสติยาและอารากอน ซึ่งคุกคามความมั่นคงทางการเมืองของราชอาณาจักรที่ผนวกรวมเป็นหนึ่งเดียว การไม่ยอมตัดสินใจว่าจะตั้งตนเป็นอิสระหรือจะอยู่ภายใต้ร่วมเงาของฝรั่งเศสทำให้กษัตริย์ของกัสติยาและอารากอนซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของนาวาร์ตกอยู่ในสถานะลำบากในช่วงสมัยกลางตอนต้น
ยุคภายใต้ราชบัลลังก์อารากอน
แก้จักรวรรดิของพระเจ้าซันโชคงอยู่ได้ไม่นาน ในปี ค.ศ. 1076 พระเจ้าซันโช รามีเรซแห่งอารากอนได้เข้ายึดครองปัมโปลนา ทำให้ราชอาณาจักรตกอยู่ภายใต้การปกครองของอารากอนจนถึงปี ค.ศ. 1134 กระทั่งแยกตัวออกมาในรัชสมัยของพระเจ้าการ์ซีอา รามีเรส และกลับมามีอิสรภาพทางการเมืองอีกครั้ง ในรัชสมัยต่อมาของพระเจ้าซันโชที่ 6 ราชอาณาจักรปัมโปลนาได้เปลี่ยนชื่อเป็นราชอาณาจักรนาวาร์ เพื่อยืนยันถึงอำนาจทางการเมืองและความเป็นอธิปไตยทางอาณาเขต ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรอื่นในคาบสมุทรไอบีเรีย โดยเฉพาะกัสติยา
ทว่าในระหว่างการกอบกู้อิสรภาพกลับคืนมานี้อาณาจักรได้สูญเสียอาณาเขตไปอย่างต่อเนื่อง จนในปี ค.ศ. 1200 ในรัชสมัยของพระเจ้าซันโชที่ 7 ดินแดนอาลาบา, กีปุซโกอา และดุรันเกซาโดในบิซกายาถูกพระมหากษัตริยกัสติยาพิชิตเอาไป ฝั่งตะวันตกของนาวาร์จึงถูกพรมแดนของกัสติยาขวางไว้ บีบให้นาวาร์หันไปให้ความสนใจกับการขยายอาณาเขตไปทางเหนือสู่ดินแดนอุลตราปูเอร์ตอสของฝรั่งเศสและทางตะวันออกสู่พื้นที่ชายแดนที่ติดกับอารากอนแทน
ยุคภายใต้อิทธิพลของฝรั่งเศส
แก้ทิศทางของประวัติศาสตร์นาวาร์เปลี่ยนไปในปี ค.ศ. 1234 เมื่อการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าซันโชที่ 7 ทำให้ราชวงศ์นาวาร์สิ้นสุดลง ราชอาณาจักรยอมอยู่ภายใต้อิทธิพลของฝรั่งเศสเพื่อเอาตัวรอดจากแรงกดดันจากกัสติยาและอารากอน ชาวฝรั่งเศสกลุ่มแรกที่ขึ้นครองบัลลังก์นาวาร์คือราชวงศ์ช็องปาญ โดยตีโบที่ 1 เคานต์แห่งช็องปาญ พระภาคิไนยของพระเจ้าซันโชที่ 7 ต่อด้วยราชวงศ์กาแปที่ครองทั้งบัลลังก์ฝรั่งเศสและบัลลังก์นาวาร์ในช่วง ค.ศ. 1274 ถึง ค.ศ. 1326 ผู้ปกครองชาวฝรั่งเศสที่โด่งดังในประวัติศาสตร์นาวาร์คือชาร์ลที่ 2 เคานต์แห่งเอเวรอที่ทำให้นาวาร์มีความสำคัญในระดับนานาชาติจากการเข้าไปพัวพันในกิจการภายในของฝรั่งเศส จนนำพาราชอาณาจักรต่าง ๆ ในคาบสมุทรไอบีเรียเข้าสู่สงครามร้อยปี ชาร์ลมีความทะเยอทะยานที่จะกอบกู้ดินแดนเดิมในสเปนที่เคยเป็นราชอาณาจักรในยุคของพระเจ้าซันโช การ์เซสที่ 3 กลับคืนมา พระองค์ได้รับสมญานามว่า "ผู้ร้ายกาจ" จากการปรับเปลี่ยนนโยบายด้านการต่างประเทศของนาวาร์อย่างน่าไม่อายอยู่บ่อยครั้ง เพื่อปรับเปลี่ยแรงกดดันจากต่างประเทศที่มีต่อนาวาร์ ทว่าพระเจ้าชาร์ลเป็นทีจงรักภักดีของคนในปกครองและรักษาเอกราชของนาวาร์ไว้ได้ แต่พระองค์ได้สูญเสียการครอบครองในฝรั่งเศสทั้งหมดยกเว้นอัลเลียนปูเอร์ตอส ในปี ค.ศ. 1379 พระองค์ถูกบีบคั้นจนต้องยอมให้ทหารรักษาการณ์ของกัสติยาเข้ามาอยู่ในปราสาททางตอนใต้ของพระองค์
ความขัดแย้งเรื่องการสืบราชบัลลังก์และการสิ้นสภาพความเป็นราชอาณาจักร
แก้การสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าชาร์ลที่ 3 ก่อเกิดความขัดแย้งในการสืบราชบัลลังก์จนนำไปสู่สงครามกลางเมือง พระเจ้าชวนที่ 2 ผู้นำฝ่ายอารากอนได้สมรสกับบลังกา ทายาทในราชบัลลังก์นาวาร์และขึ้นครองตำแหน่งเป็นกษัตริยแห่งนาวาร์และอารากอนในปี ค.ศ. 1458
ในปี ค.ศ. 1484 ราชบัลลังก์ตกเป็นของฌ็องที่ 2 แห่งอาลแบร แต่อิสรภาพเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับนาวาร์ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างสองรัฐใหญ่ที่เป็นศัตรูกัน คือ ฝรั่งเศสและสเปน สงครามภายในดำเนินอยู่ครึ่งศตวรรษและสร้างประโยชน์ให้แก่พระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอนซึ่งให้การสนับสนุนฝ่ายบูมงต์และเข้ารุกรานนาวาร์ในปี ค.ศ. 1512 ในปี ค.ศ. 1515 ราชอาณาจักรถูกผนวกเข้ากับราชบัลลังก์กัสติยาอย่างเป็นทางการ ความพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ทำให้ดอนฌ็องและดอนญากาตาลีนา เด อาลแบร สองกษัตริย์คู่สุดท้ายแห่งนาวาร์ขอลี้ภัยในอีกฝั่งหนึ่งของเทือกเขาพิรินีและไม่ได้ข้ามกลับมาอีก ทั้งคู่ได้ให้การสนับสนุนราชวงศ์บูร์บงที่ขึ้นมามีอำนาจในฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1555 นาวาร์ฝั่งฝรั่งเศสซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ราบชันทางตะวันตกของเทือกเขาพิรินียังคงความเป็นราชอาณาจักรอิสระได้จนถึงปี ค.ศ. 1589 จนถูกรวมเข้ากับฝรั่งเศส ราชวงศ์บูร์บงของฝรั่งเศสได้ขึ้นปกครองสเปนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1700 เป็นต้นมา แต่ในฝรั่งเศสราชวงศ์ถูกปฏิวัติในปี ค.ศ. 1789
หลังถูกกัสติยาพิชิต นาวาร์ถูกบริหารปกครองโดยอุปราชซึ่งมีอำนาจเทียบเท่ากษัตริย์แห่งปัมโปลนา ขณะเดียวกันหน่วยงานต่าง ๆ ของราชอาณาจักร โดยเฉพาะสภานิติบัญญัติ มียังคงอยู่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ถึง 17 ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ได้มีการออกกฎหมายยกให้การเงินของราชอาณาจักรอยู่ในการตัดสินใจของกษัตริย์สเปน ในปี ค.ศ. 1576 ได้มีการจัดตั้งสภาอาณาจักรขึ้นมาแทนที่สภานิติบัญญัติและบริหารปกครองนาวาร์ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นสภาจังหวัด ต่อด้วยสภาภูมิภาคนาวาร์ และในปี ค.ศ. 1982 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นรัฐบาลนาวาร์ แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของสเปน แต่นาวาร์มีการบริหารปกครองและกฎหมายเป็นของตนเองในฐานะแคว้นปกครองตนเอง
การสืบราชบัลลังก์
แก้ราชวงศ์อิญญิเกซ
แก้- พระเจ้าอิญญิโก อาริสตาแห่งปัมโปลนา ปฐมกษัตริย์แห่งนาวาร์ (หรือปัมโปลนา) ผู้ก่อตั้งชาติในปี ค.ศ. 824
- พระเจ้าการ์เซีย อิญญิเกซ สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชบิดาในปี ค.ศ. 851 หรือ ค.ศ. 852
- พระเจ้าฟอร์ตุน การ์เซส สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชบิดาในปี ค.ศ. 870 ทรงครองราชย์เป็นเวลา 30 ปีและเป็นพระมเหากษัตริย์คนสุดท้ายของราชวงศ์อิญญิเกซ พระมเหสีของพระองค์เป็นพระราชินีที่ได้รับการบันทึกชื่อคนแรกของปัมโปลนา ทรงมีพระนามว่าออเรีย พระเจ้าฟอร์ตุน การ์เซสถูกแทนที่โดยซันโช การ์เซสในปี ค.ศ. 905 และเกษียณตนเข้าสู่อาราม ทรงสิ้นพระชนม์ในอารามดังกล่าวในปี ค.ศ. 922
ราชวงศ์ฆีเมเนซ
แก้- ซันโช การ์เซสเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฆิเมเนส และเป็นที่รู้จักในเวลาต่อมาในชื่อพระเจ้าซันโชที่ 1 แห่งปัมโปลนา ทรงอภิเษกสมรสกับตอดาซึ่งเป็นพระนัดดาของกษัตริย์คนก่อน
- พระเจ้าการ์ซิอา ซันเชซที่ 1 แห่งปัมโปลนา สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชบิดา ทรงอภิเษกสมรสกับอันเดรโกโต กาลินเดซ ลูกพี่ลูกน้องชั้นที่หนึ่งของพระองค์เอง ทรงทอดทิ้งอันเดรโกโตในปี ค.ศ. 942 และอภิเษกสมรสใหม่กับเตเรซาแห่งเลออน
- พระเจ้าซันโชที่ 2 แห่งปัมโปลนา พระราชโอรสของกษัตริย์คนก่อนกับอันเดรโกโต ทรงมีตำแหน่งเป็นเคานต์แห่งอารากอนอยู่แล้วตามสายเลือดทางพระมารดา พระองค์อาจเป็นกษัตริย์คนแรกที่ขนานนามตนเองว่ากษัตริย์แห่งนาวาร์ แม้ตำแหน่งดังกล่าวจะถูกใช้อย่างกว้างขวางในคริสต์ศตวรรษที่ 11 พระเจ้าซันโชที่ 2 อภิเษกสมรสกับอูร์รากา เฟร์นันเดซ
- พระเจ้าการ์ซิอา ซันเชสที่ 2 สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชบิดา ทรงอภิเษกสมรสกับฆิเมนา เฟร์นันเดซ ในปี ค.ศ. 1000 พระองค์ถูกสังหารในสมรภูมิ
- พระเจ้าซันโชที่ 3 สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชบิดา พระองค์อภิเษกสมรสกับมูนิอาโดนาแห่งกัสติยา และเป็นบิดาของบุตรชายนอกสมรสที่ต่อมาขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอารากอน
- พระเจ้าการ์ซิอา ซันเชสที่ 3 สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชบิดา ทรงอภิเษกสมรสกับเอสเตฟานิอาแห่งฟัวซ์
- พระเจ้าซันโชที่ 4 สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชบิดา ทรงอภิเษกสมรสกับพลาซ็องเซียแห่งนอร์ม็องดี พระอนุชาของพระองค์รวมหัวกันลอบสังหารพระองค์ในปี ค.ศ. 1076
- พระเจ้าซันโช รามิเรซ ครองตำแหน่งเป็นกษัตริย์แห่งอารากอนอยู่แล้ว ทรงอภิเษกสมรสกับอิซาเบลแห่งอูร์เกลซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1071 พระองค์ได้อภิเษกสมรสใหม่กับเฟลิเซียแห่งรูซี
- พระเจ้าเปโดรที่ 1 สืบทอดตำแหน่งทั้งในปัมโปลนาและอารากอนต่อจากพระราชบิดา ทรงอภิเษกสมรสสองครั้ง พระมเหสีคนแรกคือแอนเญ็สแห่งอากีแตนซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1097 พระธิดาสองคนของทั้งคู่สิ้นพระชนม์ก่อนพระราชบิดา พระองค์อภิเษกสมรสใหม่กับเบร์ตาแห่งอารากอน แต่ทั้งคู่ไม่มีพระโอรสธิดาด้วยกัน
- พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 1 พระอนุชาต่างมารดาของกษัตริย์คนก่อน ทรงอภิเษกสมรสระยะสั้น ๆ กับอูร์รากาแห่งเลออนและกัสติยา แต่การสมรสถูกประกาศให้เป็นโมฆะและทั้งคู่ไม่มีพระโอรสธิดาด้วยกัน
- พระเจ้าการ์ซิอา รามิเรซ พระราชนัดดาของพระเจ้าการ์ซิอา ซันเชสที่ 3 ผ่านทางบุตรนอกสมรส พระองค์เป็นที่รู้จักในชื่อผู้กอบกู้ ด้วยทรงกอบกู้อิรภาพของปัมโปลนากลับคืนมา ทรงอภิเษกสมรสกับมาร์เกอริตแห่งเลเกลอซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1141 พระองค์จึงอภิเษกสมรสใหม่ในปี ค.ศ. 1144 กับอูร์รากาแห่งกัสติยา
- พระเจ้าซันโชที่ 6 พระราชโอรสของกษัตริย์คนก่อนกับพระมเหสีคนแรก พระองค์เป็นคนแรกที่ใช้ชื่อ "นาวาร์" แทนปัมโปลนา พระเจ้าซันโชอภิเษกสมรสกับซันชาแห่งกัสติยา เบเรงเกลา พระธิดาคนโตของทั้งคู่อภิเษกสมรสกับพระเจ้าริชาร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ
- พระเจ้าซันโชที่ 7 สืบทอดตำแหน่งต่จากพระราชบิดา พระมเหสีคนแรกของพระองค์คือกงสต็องส์แห่งตูลูส ส่วนพระมเหสีคนที่สองไม่มีใครทราบชื่อ พระองค์ไม่มีพระโอรสธิดากับพระมเหสีทั้งสองคน ทำให้พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งนาวาร์คนสุดท้ายของราชวงศ์ฆีเมเนส
ราชวงศ์บลัว
แก้- พระเจ้าตีโบที่ 1 แห่งนาวาร์ พระภาคิไนยของกษัตริย์คนก่อน โดยทรงเป็นบุตรชายของบลังกาแห่งนาวาร์ พระธิดาคนสุดท้องของพระเจ้าซันโชที่ 6 แห่งนาวาร์และพระขนิษฐาของพระเจ้าซันโชที่ 7 พระมเหสีคนแรกของพระเจ้าตีโบคือแกร์ทรูดแห่งดักสบวร์กที่หย่าขาดกันหลังสมรสได้สองปีโดยไม่มีพระโอรสธิดา พระองค์อภิเษกสมรสใหม่กับแอนเญ็สแห่งบูฌูซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1231 พระองค์อภิเษกสมรสอีกครั้งกับมาร์เกอรีตแห่งบูร์บง
- พระเจ้าตีโบที่ 2 แห่งนาวาร์ พระราชโอรสของกษัตริย์คนก่อนกับมาร์เกอรีตแห่งบูร์บง ทรงอภิเษกสมรสกับอีซาแบลแห่งฝรั่งเศส แต่ทั้งคู่ไม่มีพระโอรสธิดาด้วยกัน
- พระเจ้าอ็องรีที่ 1 แห่งนาวาร์ พระอนุชาของกษัตริย์คนก่อน ทรงอภิเษกสมรสกับบล็องช์แห่งอาร์ตัว
- สมเด็จพระราชินีนาถฌานที่ 1 แห่งนาวาร์ พระธิดาวัยทารกของกษัตริย์คนก่อน เมื่อพระชนมายุได้ 11 พรรษา ทรงอภิเษกสมรสกับอนาคตพระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศส พระนางเป็นผู้ปกครองคนสุดท้ายนาวาร์ที่มาจากราชวงศ์บลัว
ราชวงศ์กาแป
แก้- พระเจ้าหลุยส์ที่ 1 แห่งนาวาร์ (หรือพระเจ้าหลุยส์ที่ 10 แห่งฝรั่งเศส) สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชมารดา พระมเหสีคนแรกของพระองค์คือมาร์เกอรีตแห่งบูร์กอญ พระนางถูกจับกุมตัวในเหตุสัมพันธ์ชู้สาวตูร์เดอเนส์ลและสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1315 ระหว่างถูกคุมขัง พระเจ้าหลุยส์อภิเษกสมรสใหม่กับเคลเมนเทียแห่งฮังการี
- พระเจ้าฌ็องที่ 1 แห่งฝรั่งเศสและนาวาร์ พระราชโอรสของกษัตริย์คนก่อนกับเคลเมนเทียแห่งฮังการีซึ่งเสด็จพระราชสมภพหลังการสิ้นพระชนม์ของพระราชิบดา พระองค์มีชีวิตอยู่เพียงห้าวัน
- พระเจ้าฟิลิปที่ 5 แห่งฝรั่งเศสและที่ 2 แห่งนาวาร์ พระปิตุลาของพระเจ้าฌ็อง ทรงสมรสกับฌวนที่ 2 เคานเตสแห่งบูร์กอญซึ่งถูกจับกุมตัวในเหตุสัมพันธ์ชู้สาวตูร์เดอเนส์ลเช่นกัน ทว่าพระสวามีไม่ทอดทิ้งพระนาง
- พระเจ้าชาร์ลที่ 4 แห่งฝรั่งเศสและที่ 1 แห่งนาวาร์ พระอนุชาคนเล็กของกษัตริย์คนก่อน ทรงสมรสกับบล็องช์แห่งบูร์กอญซึ่งถูกจับกุมตัวในเหตุสัมพันธ์ชู้สาวตูร์เดอเนส์ลเช่นกัน การสมรสถูกประกาศให้เป็นโมฆะและบล็องช์สิ้นพระชนม์ระหว่างถูกคุมขัง กษัตริย์อภิเษกสมรสใหม่กับมารีแห่งลักเซมเบิร์ก แต่พระนางสิ้นพระชนม์ในการคลอดพระโอรสที่สิ้นพระชนม์เช่นกัน พระเจ้าชาร์ลจึงอภิเษกสมรสอีกครั้งกับฌวน ดีฟโรซ์ สายอาวุโสของราชวงศ์กาแปสิ้นสุดลงหลังการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
- สมเด็จพระราชินีนาถฌานที่ 2 แห่งนาวาร์ พระราชธิดาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 10 แห่งฝรั่งเศสและที่ 1 แห่งนาวาร์ พระมารดาของพระนางถูกจับกุมตัวในเหตุสัมพันธ์ชู้สาวตูร์เดอเนส์ล จึงเป็นที่สงสัยว่าใครคือบิดาตัวจริงของพระนาง แต่พระเจ้าหลุยส์ได้กล่าวบนเตียงสิ้นพระชนม์ว่าพระนางเป็นพระธิดาของพระองค์ พระนางอภิเษกสมรสกับฟีลิปแห่งเอเวรอซึ่งขึ้นปกครองร่วมกับพระนาง
ราชวงศ์เอเวรอ
แก้- พระเจ้าชาร์ลที่ 3 แห่งนาวาร์ สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชมารดา ทรงเป็นผู้ปกครองนาวาร์คนแรกที่มาจากราชวงศ์เอเวรอ พระองค์อภิเษกสมรสกับฌวนแห่งฝรั่งเศส พระธิดาคนสุดท้องของทั้งคู่คือฌวนแห่งนาวาร์ ซึ่งอภิเษกสมรสกับพระเจ้าเฮนรีที่ 4 แห่งอังกฤษ
- พระเจ้าชาร์ลที่ 3 แห่งนาวาร์ สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชมารดา ทรงสมรสกับเลโอนอร์แห่งกัสติยา
- สมเด็จพระราชินีนาถบล็องช์ที่ 1 แห่งนาวาร์ สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชบิดา พระสวามีคนแรกของพระราชินีบล็องช์คือพระเจ้ามาร์ตินที่ 1 แห่งซิซิลี ทั้งคู่มีพระโอรสที่อายุสั้นหนึ่งคน หลังเป็นม่ายทรงอภิเษกสมรสใหม่กับพระเจ้าชวนที่ 2 แห่งอารากอน หลังพระนางสิ้นพระชนม์ พระเจ้าชวนผู้เป็นพระสวามีบริหารราชการนาวาร์ต่อด้วยพระองค์เองโดยไม่ให้สิทธิ์ในการปกครองแก่การ์โลสผู้เป็นพระราชโอรส การ์โลสกับแอ็กเนสแห่งคลีฟส์แต่ไม่มีบุตร พระองค์สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1461 โดยไม่เคยได้ปกครองนาวาร์
ราชวงศ์ตรัสตามารา
แก้- สมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 2 แห่งนาวาร์ พระราชธิดาของพระราชินีบล็องช (บลังกา) ที่ 1 และพระขนิษฐาของการ์โลส พระนางอภิเษกสมรสกับพระเจ้าเอนริเกที่ 4 แห่งกัสติยา แต่ชีวิตสมรส 13 ปีของทั้งคู่ถูกประกาศให้เป็นโมฆะด้วยเหตุผลว่าไม่เคยสมบูรณ์และบลังกาถูกส่งตัวกลับบ้าน พระนางถูกพระบิดาจับขังคุกจนสิ้นพระชนม์
- สมเด็จพระราชินีนาถเลโอนอร์ที่ 1 แห่งนาวาร์ สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระเชษฐภคินี พระนางไม่ได้รับสิทธิ์ตามตำแหน่งจากพระบิดาเช่นกัน แต่สองพ่อลูกมีมิตรภาพที่ดีต่อกันมากพอที่จะทำให้พระนางได้รับอนุญาตให้ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแห่งนาวาร์ พระนางแต่งงานกับแกสตงที่ 4 เคานต์แห่งฟรัวซ์ เมื่อพระเจ้าชวนที่ 2 สิ้นพระชนม์ พระราชินีเลโอนอร์จึงได้เข้ารับการสาบานตนเป็นพระมหากษัตริย์แห่งนาวาร์ แต่ทรงสิ้นพระชนม์ในอีกสองสัปดาห์ต่อมา
ราชวงศ์ฟลัวซ์
แก้- พระเจ้าฟรานซิสโกที่ 1 แห่งนาวาร์ สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระอัยกี เนื่องจากพระบิดาของพระองค์สิ้นพระชนม์ก่อนพระราชินีเลโอนอร์ผู้เป็นมารดา พระองค์เป็นที่รู้จักในชื่อพระเจ้าฟรานซิสโก เฟบูส ทรงมีพระชนมายุเพียง 12 พรรษขณะขึ้นครองตำแหน่งเป็นกษัตริย์แห่งนาวาร์และอยู่ภายใต้การสำเร็จราชการแผ่นดินแมกเดลานาแห่งฝรั่งเศสผู้เป็นพระราชชนนี
- สมเด็จพระราชินีนาถกาตาลีนาแห่งนาวาร์ พระขนิษฐาของกษัตริย์พระองค์ก่อน ทรงอภิเษกสมรสกับฌ็องแห่งอาลแบร ด้วยพระนางต้องการการสนับสนุนจากฌ็องเนื่องจากพระปิตุลาของพระนางได้อ้างสิทธิ์ในบัลลังก์เช่นกัน
ราชวงศ์อาลแบร
แก้- พระเจ้าอ็องรีที่ 2 แห่งนาวาร์ สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชมารดา ทรงอภิเษกสมรสกับมาร์เกอรีตแห่งอ็องกูแลม
- พระราชินีฌวนที่ 3 แห่งนาวาร์ สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชบิดา พระนางถูกบังคับให้สมรสกับวิลเลียม ดยุคแห่งยูลิช-คลีฟส์-แบร์ก โดยทรงถูกลากตัวไปที่แท่นประกอบพิธี พระนางยังคงแสดงท่าทีต่อต้านต่อไปจนกระทั่งการสมรสถูกประกาศให้เป็นโมฆะในอีกสี่ปีต่อมา พระนางสมรสใหม่กับอ็องตวน เดอ บูร์บงซึ่งมีเชื้อสายในบัลลังก์ฝรั่งเศส
ราชวงศ์บูร์บง
แก้- พระเจ้าอ็องรีที่ 3 แห่งนาวาร์ สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชมารดา ทรงอภิเษกสมรสกับมาร์เกอรีตแห่งวาลัว แต่ทั้งคู่มีชีวิตสมรสที่ไม่มีความสุขและไร้ซึ่งบุตรธิดา การขึ้นครองบัลลังก์ฝรั่งเศสบีบคั้นให้พระองค์ต้องมีทายาท การสมรสจึงถูกประกาศให้เป็นโมฆะ พระองค์ได้อภิเษกสมรสใหม่กับมารี เดอ เมดีซี
- พระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศสและที่ 2 แห่งนาวาร์ สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชบิดา ทรงอภิเษกสมรสกับอานน์แห่งออสเตรีย ในปี ค.ศ. 1620 ราชอาณาจักรนาวาร์ถูกผสานรวมกับฝรั่งเศส แต่กษัตริย์ฝรั่งเศสยังคงครองตำแหน่งเป็นกษัตริย์แห่งนาวาร์ไปจนถึงปี ค.ศ. 1791 ตำแหน่งถูกฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1814 ถึง ค.ศ. 1830 ในช่วงการฟื้นฟูราชวงศ์บูร์บง
อ้างอิง
แก้- Ariqita y Lasa, Colección de documentos para la historia de Navarra (Pamplona, 1900)
- Bascle de Lagreze, La Navarre française (Paris, 1881)
- Blade, Les Vascons espagnols (Agen, 1891)
- Pierre Boissonade, Histoire de la reunion de la Navarre à la Castille (Paris, 1893)
- Chappuys, Histoire du royaume de Navarre (Paris, 1590; 1616)
- Favyn, Histoire de Navarre (Paris, 1612)
- Ferreras, La Historia de España (Madrid, 1700-27)
- Galland, Memoires sur la Navarre (Paris, 1648)
- Idem, Annales del reino de Navarra (5 vols., Pamplona, 1684-95; 12 vols., Tolosa, 1890-92)
- Idem, Diccionario de las antigüedades de Nayanna (Pamplona, 1840-43)
- Idem, Historia compendiada del reino de Navarra (S. Sebastián, 1832)
- Jaurgain, La Vasconie (Pau, 1898)
- de Marca, Histoire de Bearn (Paris, 1640)
- Moret, Investigationes históricas del reino de Navarra (Pamplona, 1655)
- Oihenart, Notitia utriusque Vasconiae (Paris, 1656)
- Sorauren, Mikel. Historia de Navarra, el estado vasco. Pamiela, 1999. ISBN 84-7681-299-X
- Risco, La Vasconia en España Sagrada, XXXII (Madrid, 1779)
- Ruano Prieto, Anexión del Reino de Navarra en tiempo del Rey Católico (Madrid, 1899)
- Urzaniqui, Tomás, and de Olaizola, Juan María. La Navarra marítima. Pamiela, 1998. ISBN 84-7681-293-0
- Yanguas y Miranda, Crónica de los reyes de Navarra (Pamplona, 1843)