โปเกมอน (ญี่ปุ่น: ポケモンโรมาจิ: 'Pokémon') หรือในชื่อเต็มว่า พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ (ญี่ปุ่น: ポケットモンスターโรมาจิ: 'Poketto Monsutā ทับศัพท์จาก Pocket Monsters'[1][2]) เป็นสื่อแฟรนไชส์ที่บริหารจัดการโดยบริษัท โปเกมอน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่สร้างโดยการร่วมมือกันระหว่างสามบริษัทวิดีโอเกมสัญชาติญี่ปุ่น นินเท็นโด, เกมฟรีก และ ครีเซอส์ ลิขสิทธิ์ของแฟรนไซส์แบ่งออกเป็นสามบริษัทแต่นินเท็นโดเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าเพียงผู้เดียว และเป็นแฟรนไชส์ที่สร้างโดย ซาโตชิ ทาจิริ ประธานบริษัทเกมฟรีกเมื่อปี ค.ศ. 1996 แรกเริ่มออกจำหน่ายวิดีโอเกมแนวบทบาทสมมุติบนเครื่องเล่นเกมบอยชนิดเล่นเชื่อมกันได้ระหว่างเครื่องต่อเครื่องพัฒนาโดยบริษัทเกมฟรีก ตั้งแต่นั้นมา โปเกมอนกลายมาเป็นสื่อแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จและได้กำไรมากเป็นอันดับ 2 รองจากแฟรนไชส์มาริโอ[3]

โปเกมอน
โลโก้อย่างเป็นทางการของ โปเกมอน ในต่างประเทศ;ชื่อดั้งเดิมของ โปเกมอนในประเทศญี่ปุ่น คือ พ็อกเก็ตมอนสเตอร์
สร้างโดยซาโตชิ ทาจิริ
เค็ง ซูงิโมริ
งานต้นฉบับพ็อกเก็ตมอนสเตอร์ "เรด และ กรีน (1996)
สื่อสิ่งพิมพ์
เรื่องสั้นPokémon Junior
การ์ตูนโปเกมอน มังงะ
ภาพยนตร์และโทรทัศน์
ภาพยนตร์ดู รายชื่อภาพยนตร์โปเกมอน
แอนิเมชันซีรีส์โปเกมอน (อนิเมะ) (1997–ปัจจุบัน)
โปเกมอน โครนิเคิล (2006)
การแสดงละคร
มิวสิคัลโปเกมอน ไลฟ์! (2000)
เกม
ดั้งเดิมโปเกมอน เทรดดิงการ์ดเกม
โปเกมอน เทรดดิงฟิกเกอร์เกม
วิดีโอเกมโปเกมอน ชุดวิดีโอเกม
ซูเปอร์สแมชบราเธอร์
เสียง
เพลงประกอบโปเกมอน 2.บี.เอ.มาสเตอร์ (1999)
ดูอื่นๆ รายชื่อเพลงธีมในโปเกมอน
เบ็ดเตล็ด
ธีมพาร์กโปเกพาร์ก

โปเกมอนถูกจำหน่ายในรูปของอนิเมะ มังงะ เกมสะสมการ์ด ของเล่น หนังสือ และสื่ออื่นๆ แฟรนไชส์โปเกมอนได้ฉลองครบรอบ 10 ปีไปเมื่อปี ค.ศ. 2006[4] และจนถึงวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 ยอดขายสะสมของวิดีโอเกม (รวมถึงเครื่องเล่นเกมคอนโซล เช่น นินเทนโด 64 ลายพิกะจู) ขึ้นถึงมากกว่า 200 ล้านสำเนา[5] ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 บริษัท 4คิดส์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่จัดการเกี่ยวกับลิขสิทธิ์โปเกมอนที่ไม่ใช่เกม ประกาศว่าบริษัทเห็นว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงตัวแทนแฟรนไชส์โปเกมอนใหม่ บริษัทโปเกมอนของสหรัฐอเมริกา (ปัจจุบันคือบริษัทเดอะโปเกมอนคอมพานี) สาขาย่อยของบริษัทโปเกมอนในญี่ปุ่น มีหน้าที่ตรวจตราลิขสิทธิ์โปเกมอนนอกทวีปเอเชีย[6]

แนวคิด

แนวคิดเกี่ยวกับโลกโปเกมอน ทั้งวิดีโอเกมและโลกนิยายของโปเกมอน เกิดมาจากงานอดิเรกสะสมแมลง ซึ่งซะโตะชิ ทะจิริ กรรมการบริหารบริษัทโปเกมอนเคยทำเมื่อยังเด็ก ตัวผู้เล่นในเกมถูกกำหนดให้เป็นโปเกมอนเทรนเนอร์ หรือนักฝึกโปเกมอน และมีเป้าหมายสองประการ (ในเกมโปเกมอนส่วนใหญ่) คือ สะสมโปเกมอนทุกชนิดในภูมิภาคที่เกมกำหนดเพื่อให้เติมเต็มโปเกเด็กซ์ หรือสมุดภาพโปเกมอน และเพื่อฝึกฝนทีมของโปเกมอนที่พวกเขาจับได้ให้เอาชนะทีมโปเกมอนของนักฝึกโปเกมอนคนอื่น และกลายเป็นนักฝึกโปเกมอนที่แข็งแกร่งที่สุดเรียกว่า โปเกมอนมาสเตอร์ รูปแบบการสะสม การฝึก และต่อสู้นั้นพบได้ในแฟรนไชส์โปเกมอนทุกเวอร์ชัน รวมถึงวิดีโอเกม ซีรีส์อนิเมะ และมังงะ และโปเกมอนเทรดดิงการ์ดเกม (Pokémon Trading Card Game)

ในโลกนิยายของโปเกมอนนั้น นักฝึกที่พบโปเกมอนป่าจะสามารถจับโปเกมอนตัวนั้นโดยโยนมอนสเตอร์บอล (อุปกรณ์ทรงกลมที่ออกแบบพิเศษที่ถูกผลิตออกมามาย) ไปที่มัน ถ้าโปเกมอนหลบหนีจากขอบเขตของโปเกบอลไม่สำเร็จ จะถือว่าโปเกมอนตัวนั้นเป็นของนักฝึกคนนั้นทันที ในภายหลัง มันจะเชื่อฟังคำสั่งของนักฝัก ถ้าหากผู้ฝึกไม่ขาดประสบการณ์จนทำให้โปเกมอนเอาแต่ใจตัวเอง นักฝึกสามารถส่งโปเกมอนตัวใดตัวหนึ่งของเขาออกไปเข้าร่วมต่อสู้กับโปเกมอนตัวอื่นในแบบไม่ถึงชีวิต ถ้าโปเกมอนฝั่งตรงข้ามเป็นโปเกมอนป่า นักฝึกสามารถจับโปเกมอนนั้นได้ด้วยมอนสเตอร์บอล และเป็นการเพิ่มโปเกมอนชนิดใหม่ในคอลเลคชันของเขา โปเกมอนที่มีเจ้าของอยู่แล้วไม่อาจถูกจับได้ เว้นแต่ในสถานการณ์พิเศษ ณ จุดใดจุดหนึ่งของเกม ถ้าโปเกมอนเอาชนะคู่ต่อสู้ได้จนคู่ต่อสู้หมดสภาพ (นั่นคือ หมดสติ) โปเกมอนที่ชนะจะได้รับค่าประสบการณ์ และอาจได้เพิ่มระดับหรือเลเวล เมื่อเลเวลเพิ่ม ค่าสถิติ (หรือค่าสเตต) ของในความสถัดแต่ละด้านของโปเกมอนจะเพิ่มขึ้น เช่น ค่าการโจมตีและค่าความเร็ว ตลอดเวลานั้น โปเกมอนอาจได้เรียนรู้ท่า (มูฟ) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้ในการต่อสู้ นอกจากนี้ โปเกมอนหลายสปีชีส์ยังมีลักษณะพิเศษในการลอกคราบและเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นโปเกมอนสปีชีส์ใหม่ที่คล้ายๆกันแต่แข็งแกร่งขึ้น เรียกกระบวนการนี้ว่า การวิวัฒนาการ

ในเนื้อเรื่องหลัก โหมดเล่นคนเดียวของแต่ละเกมต้องการให้นักฝึกโปเกมอนเลี้ยงดูทีมโปเกมอนเพื่อเอาชนะนักฝึกที่เป็นตัวละครที่ไม่ใช่ตัวผู้เล่น (non-player character: NPC) มากมายและโปเกมอนของพวกเขา แต่ละเกมได้ปูเส้นทางเป็นเส้นตรงผ่านภูมิภาคของโลกโปเกมอนสำหรับให้นักฝึกเดินทาง ดำเนินเหตุการณ์สำคัญ (event) และต่อสู้กับคู่ต่อสู้ในระหว่างทาง คุณลักษณะของแต่ละเกมจะเสนอนักฝึกโปเกมอนผู้ทรงพลัง 8 คน เรียกว่า ยิมลีดเดอร์ หรือหัวหน้ายิม ที่นักฝึกจะต้องเอาชนะเพื่อดำเนินเนื้อเรื่อง และจะได้เข็มกลัดยิมเป็นรางวัล และเมื่อได้เข็มกลัดครบ 8 อัน นักฝึกโปเกมอนคนนั้นจะมีสิทธิ์เข้าแข่งขันในโปเกมอนลีกประจำภูมิภาค ซึ่งนักฝึกผู้มีพรสวรรค์ 4 คน (เรียกว่า Elite Four หรือ จตุรเทพทั้งสี่) จะท้าต่อสู้กับนักฝึกให้ต่อสู้ 4 ครั้งแบบรับช่วงต่อกัน ถ้านักฝึกเอาชนะฝีมือของบุคคลเหล่านี้ได้ เขาจะต้องท้าต่อสู้กับแชมเปียนประจำภูมิภาค (Regional Champion) ผู้เป็นนักฝึกระดับมาสเตอร์ที่เพิ่มเอาชนะจตุรเทพทั้งสี่ได้ นักฝึกคนใดที่ชนะการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้จะกลายเป็นแชมเปียนคนใหม่ และได้ชื่อว่าเป็นโปเกมอนมาสเตอร์

รายชื่อโปเกมอน

วิดีโอเกม

เจเนอเรชัน

เกมโปเกมอนดั้งเดิมเป็นเกมแนวบทบาทสมมุติ (role-playing games: RPG) ร่วมกับแนววางแผน และถูกสร้างขึ้นโดยซาโตชิ ทาจิริสำหรับเกมบอย เกมแนวบทบาทสมมุตินี้และภาคต่อ รีเมค และเวอร์ชันแปลภาษาอังกฤษถือว่าเป็นเกมโปเกมอน "ภาคหลัก" และเป็นเกมที่แฟนคลับส่วนใหญ่อ้างอิงถึงเมื่อพูดถึง "เกมโปเกมอน" ลิขสิทธิ์โปเกมอนทั้งหมดที่ตรวจสอบโดยบริษัทโปเกมอนถูกแบ่งหยาบๆออกเป็นเจเนอเรชัน เจเนอเรชันเหล่านี้เป็นการแบ่งภาคตามลำดับเวลาตามการออกจำหน่ายในทุกๆหลายปี เมื่อภาคต่ออย่างเป็นทางการของเนื้อเรื่องหลักออกจำหน่ายซึ่งนำเสนอโปเกมอนชนิดใหม่ ตัวละครใหม่ ระบบการเล่นใหม่ ภาคต่อภาคนั้นถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเจเนอเรชันใหม่ของแฟรนไชส์ เกมหลักและของเสริม อนิเมะ และเกมสะสมการ์ดก็จะถูกปรับให้ทันสมัยด้วยคุณลักษณะใหม่ในแต่ละครั้งที่เจเนอเรชันใหม่เริ่มขึ้น แฟรนไชส์โปเกมอนได้เริ่มต้นเจเนอเรชันที่ห้าเมื่อวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2010 ในประเทศญี่ปุ่น

 
การต่อสู้ระหว่าง บัลบาซอร์ เลเวล 5 (ด้านล่าง) กับ ชาแมนเดอร์ เลเวล 5 (ด้านบน)ในเกมโปเกมอนเจเนอเรชันแรก โปเกมอน เรดและบลู

แฟรนไชส์โปเกมอนเริ่มต้นเจเนอเรชันแรกด้วยการวางจำหน่าย พ็อคเก็ตมอนสเตอร์ อากะและมิโดริ (เรด และกรีน ตามลำดับ) สำหรับเครื่องเกมบอยในญี่ปุ่น เมื่อเกมได้รับความนิยมอย่างสูง เวอร์ชันปรับปรุง อาโอะ (บลู) ถูกจำหน่ายหลังจากนั้น และเวอร์ชันอาโอะถูกแก้ไขใหม่เป็น โปเกมอนเร้ดแอนด์บลู เพื่อจำหน่ายทั่วโลก เกมเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1998 ส่วนเวอร์ชันดั้งเดิม อากะ และ มิโดริ นั้นไม่เคยได้ออกจำหน่ายนอกประเทศญี่ปุ่น[7] หลังจากนั้น เวอร์ชันปรับปรุงต่อไปในชื่อ โปเกมอน เยลโลว์: สเปเชียล พิกะจู๋ เอดิชั่น ออกจำหน่ายเพื่อนำคุณสมบัติเกี่ยวกับสีของเครื่องเกมบอยคัลเลอร์มาใช้ รวมถึงนำเสนอเนื้อเรื่องที่ใกล้เคียงกับอนิเมะมากยิ่งขึ้น เกมเจเนอเรชันแรกนี้นำเสนอโปเกมอนเจเนอเรชันดั้งเดิม 151 ชนิด (เรียงโดยสมุดภาพโปเกมอนสากล ครอบคลุมฟุชิงิดาเนะ จนถึง นิว ธีรเมธ) และแนวคิดพื้นฐานของเกมเกี่ยวกับการจับโปเกมอน การฝึกฝนโปเกมอน การต่อสู้ และการแลกเปลี่ยนโปเกมอนทั้งกับคอมพิวเตอร์และตัวผู้เล่น เกมเวอร์ชันเหล่านี้ดำเนินเนื้อเรื่องในเขตภูมิภาคคันโต ซึ่งเป็นภูมิภาคสมมุติ แม้ว่าชื่อนี้จะไม่ได้ถูกใช้จนถึงเจเนอเรชันที่สอง

เจเนอเรชันที่สองของโปเกมอนเริ่มขึ้นใน ค.ศ. 1999 ด้วยการจำหน่าย โปเกมอน โกลด์และซิลเวอร์ สำหรับเกมบอยคัลเลอร์ เช่นเดียวกับเจเนอเรชันที่แล้ว เวอร์ชันปรับปรุงชื่อ โปเกมอน คริสตัล ก็ถูกจำหน่ายในเวลาต่อมา เจเนอเรชันที่สองนำเสนอโปเกมอนตัวใหม่ 100 ชนิด (เริ่มที่ชิโกริต้า และสิ้นสุดที่ เซเลบี) รวมแล้วมีโปเกมอน 251 ชนิดให้สะสม ฝึกฝน และต่อสู้ นอกจากนี้ยังมีโปเกมอนมินิซึ่งเป็นเครื่องเล่นเกมมือถือออกวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2001 ในญี่ปุ่นในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2001 และในยุโรปใน ค.ศ. 2002

โปเกมอนเข้าสู่เจเนอเรชันที่สามด้วยการออกจำหน่าย โปเกมอน รูบีและแซฟไฟร์ สำหรับเครื่องเกมบอยแอ็ดวานซ์ในปี ค.ศ. 2002 ตามด้วยเกมโปเกมอน เรดและบลูเวอร์ชันรีเมคในชื่อ โปเกมอน ไฟร์เรดและลีฟกรีน และเวอร์ชันปรับปรุงของโปเกมอน รูบีและแซฟไฟร์ในชื่อ โปเกมอน เอเมอรัลด์ เจเนเรชันที่สามนำเสนอโปเกมอนตัวใหม่ 135 ชนิด (เริ่มที่คิโมริ และสิ้นสุดที่เดโอคิชิสุ) รวมเป็น 386 ชนิด อย่างไรก็ตาม เจเนอเรชันนี้ยังได้รับคำวิจารณ์เกี่ยวกับการนำคุณลักษณะของเกมหลายประการออกไป รวมไปถึง ระบบกลางวันกลางคืนที่มีในเจเนอเรชันที่แล้ว และเป็นเวอร์ชันแรกที่ช่วยให้ผู้เล่นสะสมโปเกมอนเพียงจำนวนที่ระบบได้จัดประเภทไว้แทนที่จะต้องสะสมโปเกมอนทุกชนิด (202 ชนิดจาก 386 ชนิดสามารถหาจับได้ในเกมเวอร์ชันรูบีและแซฟไฟร์)

ในปี ค.ศ. 2006 ญี่ปุ่นได้เริ่มเจเนอเรชันที่สี่ของแฟรนไชส์ด้วยการออกจำหน่ายเกม โปเกมอน ไดมอนด์และเพิร์ล สำหรับเครื่องนินเทนโด ดีเอส เจเนอเรชันที่สี่นำเสนอโปเกมอนตัวใหม่อีก 107 ชนิด (เริ่มที่นาเอโทรุ และสิ้นสุดที่อาร์เซอุส) ทำให้มีโปเกมอนรวม 493 ชนิด[8] "จอสัมผัส" ของนินเทนโด ดีเอส ทำให้เกมมีคุณลักษณะใหม่ เช่น การทำอาหารโปเกมอนหรือพอฟฟิน (poffin) ด้วยปากกาหรือสไตลัส (stylus) และการใช้ Pokétch แนวคิดระบบการเล่นใหม่รวมไปถึงระบบการจัดประเภทโครงสร้างท่าต่อสู้ใหม่ ระบบการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้เล่นแบบออนไลน์และต่อสู้ผ่านการเชื่อมต่อนินเทนโดวายฟาย (Nintendo Wi-Fi Connection) การกลับมา (และส่วนเพิ่มเติม) ของระบบกลางวันกลางคืนจากเจเนอเรชันที่สอง การเพิ่มเติมการประกวดโปเกมอนของเจเนอเรชันที่สามให้เป็น "ซูเปอร์คอนเทสต์" (Super Contest) และภูมิภาคใหม่ชื่อ ซินโนะ (Sinnoh) ที่มีส่วนที่เป็นใต้ดินสำหรับระบบการเล่นแบบหลายคนนอกเหนือจากพื้นที่บนพื้นดิน เช่นเดียวกับโปเกมอนเยลโลว์ คริสตัล และเอเมอรัลด์ เวอร์ชันปรับปรุงของโปเกมอนไดมอนด์แอนด์เพิร์ลมีคือ โปเกมอน แพลตินัม ออกจำหน่ายในเดือนกันยายน ค.ศ. 2008 ในญี่ปุ่น เดือนมีนาคม ค.ศ. 2009 ในสหรัฐอเมริกา และเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2009 ในออสเตรเลียและยุโรป เกมภาคเสริมในเจเนอเรชันที่สี่คือภาคต่อของโปเกมอนสเตเดียมที่ชื่อ โปเกมอน แบทเทิลเรฟโวลูชัน สำหรับเครื่องวี ที่สามารถเชื่อมต่อวายฟายได้ด้วย[9] นินเทนโดประกาศในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2009 ว่าภาครีเมคของโปเกมอนโกลด์แอนด์ซิลเวอร์ในชื่อ โปเกมอน ฮาร์ตโกลด์และโซลซิลเวอร์ ออกจำหน่ายสำหรับเครื่องนินเทนโด ดีเอส ภาคฮาร์ตโกลด์และโซลซิลเวอร์นั้น เนื้อเรื่องจะอยู่ที่ภูมิภาคโจโตและออกจำหน่ายในเดือนกันยายน ค.ศ. 2009 ในญี่ปุ่น[10]

เจเนอเรชันที่ห้าของโปเกมอนเริ่มในวันที่ 18 กันยายนด้วยการออกจำหน่ายเกม โปเกมอน แบล็คและไวท์ ในญี่ปุ่นสำหรับเครื่องนินเทนโด ดีเอส[11] เดิมบริษัทโปเกมอนได้ประกาศเกมนี้ออกเมื่อวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2010 ว่ายังไม่แน่นอนว่าจะออกจำหน่ายในปีนั้น[12][13] ก่อนจะประกาศในวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 2010 ว่าเกมจะออกจำหน่ายวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2010[14] เวอร์ชันนี้ฉากถูกตั้งอยู่ที่ภูมิภาคอิชชูหรือยูโนวา และใช้ความสามารถในการเรนเดอร์ 3 มิติของเครื่องนินเทนโด ดีเอสให้มีขอบเขตเหนือกว่าภาคแพลตินัม ฮาร์ตโกลด์และโซลซิลเวอร์ อย่างที่เห็นในฉากตัวผู้เล่นเดินผ่านมหานคร Castelia City มีโปเกมอนตัวใหม่ทั้งหมด 156 ชนิดแนะนำในเจเนอเรชันนี้ (เริ่มที่วิคทินี่ และสิ้นสุดที่เกโนเซคท์)[15] รวมถึงกลไลเกมใหม่ เช่น ซีเกียร์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติการเชื่อมต่อแบบไร้สาย[16] และความสามารถในการอัปโหลดข้อมูลเกี่ยวกับเกมลงอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ของผู้เล่น[17] โปเกมอน แบล็คและไวท์ออกจำหน่ายในยุโรปวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2011 ในอเมริกาเหนือวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 2011 และออสเตรเลียในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2011 ในวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2012 นินเทนโดออกจำหน่าย โปเกมอน แบล็คทูและไวท์ทูในญี่ปุ่นสำหรับเครื่องนินเทนโด ดีเอส และในอเมริกาเหนือและยุโรปเมื่อต้นเดือนตุลาคม

ในวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 2013 นินเทนโดประกาศเกม โปเกมอน เอกซ์และวาย สำหรับเครื่องนินเทนโด 3ดีเอส อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเจเนอเรชันที่หกของเกม เกมจะถูกเรนเดอร์ในแบบ 3 มิติ และออกจำหน่ายในวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 2013 [18] ในวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 นินเทนโดได้ประกาศภาครีเมคของ"โปเกมอนรูบีและแซฟไฟร์" ในชื่อ "โปเกมอน โอเมก้ารูบี้และอัลฟ่าแซฟไฟร์" พร้อมเนื้อหาเพิ่มเติม ออกจำหน่ายในวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015

คุณภาพและกราฟิกได้ถูกพัฒนารูปแบบให้เป็น Full Body ในเกม "โปเกมอน ซันและมูน" ที่ถูกประกาศโดยนินเทนโดในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 ซึ่งถือว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่เจ็ดของเกม และจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 ต่อมาในวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 2017 นินเทนโดได้ประกาศเกม "โปเกมอน อัลตร้าซันและอัลตร้ามูน" ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องในโลกคู่ขนานของโปเกมอนซันและมูน และวางขายพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 และถือว่าเป็นภาคสุดท้ายของเกมโปเกมอนในเครื่องนินเทนโด 3ดีเอส และล่าสุดวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 นินเทนโดได้ประกาศเกมโปเกมอนภาคหลักเกมแรกในเครื่องนินเท็นโดสวิตช์ 'โปเกมอน เล็ตส์โกพิคาชู!และเล็ตส์โกอีวุย!' ซึ่งเป็นการรีเมคของโปเกมอนเยลโล่ว์ โดยนำเสนอโปเกมอนเพียงแค่เจเนอเรชั่นที่ 1 เท่านั้น (151 ตัว) แต่ได้มีการประกาศถึงโปเกมอนมายาใหม่ 2 ตัวจากเจเนอเรชั่นที่ 7 "เมลตัน" และ "เมลเมตัล" ที่สามารถหาได้จากโปเกมอน โก ซึ่งสามารถส่งไปที่เกมโปเกมอน เล็ตส์โกพิคาชู!และเล็ตส์โกอีวุย!ได้เช่นกัน ทำให้ในภาคนี้มีโปเกมอนทั้งหมด 153 ตัว เกมภาคนี้ได้ออกจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 2018

ล่าสุดในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 ได้มีการประกาศเกมโปเกมอนภาคใหม่ และภาคแรกของเจเนอเรชั่นที่แปด ผ่านทาง Pokémon Direct โดยปรากฏชื่อภาคใหม่ว่า "โปเกมอน ซอร์ดและชิลด์" ลงในเครื่องนินเท็นโดสวิตซ์ โดยในเกมภาคนี้นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือ จะมีโปเกมอนไม่ครบทุกสายพันธุ์อีกต่อไป เนื่องจากการพัฒนากราฟิกของโมเดลโปเกมอนทุกตัวนั้นจะทำให้เกมออกจำหน่ายได้ไม่ตรงเวลา เกมภาคนี้จะมีการวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019

กลไกของการเล่น

แกนหลักของซีรีส์เกมโปเกมอนนั้นพัวพันกับการจับและการต่อสู้กับโปเกมอน เริ่มจากโปเกมอนเริ่มต้น ผู้เล่นสามารถจับโปเกมอนป่าโดยทำให้มันอ่อนแอและจับมันด้วยโปเกบอล ในทางกลับกัน พวกเขาสามารถเลือกที่จะต่อสู้กับมันให้ชนะแล้วโปเกมอนจะได้รับค่าประสบการณ์ เป็นการเพิ่มระดับหรือเลเวลและสอนท่าใหม่ ๆ ให้กับมัน โปเกมอนตัวหนึ่งสามารถวิวัฒนาการไปเป็นร่างใหม่ที่แข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยการเพิ่มระดับหรือด้วยการใช้ไอเทมที่เกมกำหนด ตลอดการเล่นเกม ผู้เล่นจะต้องต่อสู้กับนักฝึกโปเกมอนเพื่อดำเนินเรื่อง ด้วยเป้าหมายหลักคือหัวหน้ายิมที่หลากหลายและได้สิทธิในการเป็นแชมป์เปียนในทัวร์นาเมนต์ เกมภาคต่อๆมาได้เปิดตัวภารกิจรองมากมาย รวมถึงแบทเทิลฟรอนเทียร์ที่มีรูปแบบการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ และการประกวดโปเกมอนที่จะได้เห็นการแสดงของโปเกมอนบนจอ

โปเกมอนเริ่มต้น

อีกมุมมองที่สอดคล้องกันของเกมโปเกมอน ตั้งแต่โปเกมอน เร้ด และ บลู บนเครื่องเกมบอย ไปจนถึงโปเกมอนแบล็ค และ ไวท์บนเครื่องนินเทนโด ดีเอส คือการที่ผู้เล่นสามารถเลือกโปเกมอนหนึ่งในสามที่กำหนดไว้เป็นตัวเริ่มต้นของการผจญภัย เรียกโปเกมอนสามตัวเหล่านี้ว่า "โปเกมอนเริ่มต้น" (starter Pokémon) ผู้เล่นสามารถเลือกโปเกมอนรูปแบบพืช รูปแบบไฟ หรือรูปแบบน้ำได้[19] ตัวอย่างเช่น ในโปเกมอนเร้ด และ บลู (และเวอร์ชันรีเมค ไฟร์เร้ด และ ลีฟกรีน) ผู้เล่นสามารถเลือกฟุชิงิดาเนะ ฮิโตะคาเงะ และเซนิกาเมะ แต่ในโปเกมอนเยลโล่ว์ ซึ่งเป็นภาคที่สร้างขึ้นโดยมีเนื้อเรื่องอ้างอิงตามเนื้อเรื่องของอนิเมะ ผู้เล่นจะได้รับพิกะจู รูปแบบไฟฟ้า มาเป็นโปเกมอนเริ่มต้น แต่อย่างไรก็ตาม ในภาคนี้ ผู้เล่นจะได้รับโปเกมอนเริ่มต้นสามตัวของภาค เร้ด และ บลู ระหว่างทางในภายหลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นในเกมอื่น ๆ ของแฟรนไชส์[20] อีกมุมมองหนึ่ง คู่แข่งของผู้เล่นจะเลือกโปเกมอนเริ่มต้นที่มีรูปแบบได้เปรียบกับโปเกมอนของเราเสมอ ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้เล่นเลือกโปเกมอนรูปแบบพืช คู่แข่งก็จะเลือกโปเกมอนรูปแบบไฟ เป็นต้น แต่ในโปเกมอน เยลโล่ว์ ซึ่งมีข้อยกเว้นนั้น คู่แข่งจะเลือกอีวุยเป็นโปเกมอนเริ่มต้น แต่ต่อมาอีวุยจะพัฒนาร่างได้เป็นธันเดอร์ส ชาวเวอร์ส หรือบูสเตอร์นั้น จะถูกตัดสินจากผลการต่อสู้กับคู่แข่งว่าแพ้หรือชนะในระหว่างทาง ในเกมบนเครื่องเล่น เกมคิวบ์ ที่ชื่อ โปเกมอนโคลอสเซียม และโปเกมอนเอ็กดี: เกลออฟดาร์คเนส ก็มีข้อยกเว้น นั้นคือในขณะที่เกมส่วนใหญ่ โปเกมอนเริ่มต้นจะเริ่มที่เลเวล 5 แต่เกมเหล่านี้จะเริ่มต้นการเดินทางที่เลเวล 10 และ 25 ตามลำดับ ใน โคลอสเซียม โปเกมอนเริ่มต้นของผู้เล่นคือเอฟี และแบล็คกี้ และใน เกลออฟดาร์คเนส โปเกมอนเริ่มต้นของผู้เล่นคือ อีวุย

สมุดภาพโปเกมอน

สมุดภาพโปเกมอน (Pokédex) เป็นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์สมมุติในอนิเมะและวิดีโอเกมโปเกมอน สำหรับในเกมนั้น เมื่อใดที่โปเกมอนตัวหนึ่ง ๆ ถูกจับเป็นครั้งแรก ข้อมูลของมันจะเพิ่มเข้าไปในสมุดภาพนี้ แต่ในอนิเมะหรือมังงะนั้น สมุดภาพโปเกมอนเป็นสารานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ ปกติมีไว้เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ของโปเกมอน สมุดภาพโปเกมอนยังใช้ในการอ้างอิงถึงรายชื่อโปเกมอนซึ่งโดยทั่วไปจะเรียงตามหมายเลข ในวิดีโอเกม นักฝึกโปเกมอนจะเห็นเป็นที่ว่างเปล่า ณ ขณะเริ่มต้นเกม ผู้ฝึกจะต้องพยายามเติมเต็มสมุดภาพโดยเผชิญหน้ากับโปเกมอน และจับมันให้ได้สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน ผู้เล่นจะเห็นชื่อและรูปภาพของโปเกมอหลังจกไข่พบเจอโปเกมอนที่ไม่เคยเจอมาก่อน หลังจากการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นโปเกมอนป่า หรือการต่อสู้กับผู้ฝึกคนอื่น (ยกเว้นการต่อสู้แบบเชื่อมต่อเครื่องเล่นกับผู้เล่นคนอื่น เช่นในแบทเทิลฟรอนเทียร์) ในโปเกมอนภาคเร้ดและบลู ข้อมูลโปเกมอนจะเพิ่มในสมุดภาพง่าย ๆ โดยการดูรูปโปเกมอน เช่นในสวนสัตว์นอกเขตซาฟารีโซน ตัวละคร NPC ก็อาจทำให้สมุดภาพเพิ่มข้อมูลโปเกมอนเข้าไปได้โดยการอธิบายลักษณะของโปเกมอนระหว่างการพูดคุยกัน ข้อมูลอื่น ๆ หาได้หลังจากผู้เล่นได้รับโปเกมอนสายพันธุ์นั้น ๆ แล้ว หรืออาจจะผ่านการจับโปเกมอนป่า การพัฒนาร่างของโปเกมอน การฟักไข่ (ตั้งแต่รุ่นที่สองเป็นต้นมา) หรือการแลกเปลี่ยนโปเกมอน ข้อมูลที่จะได้เห็นเหล่านั้นเช่น น้ำหนัก ส่วนสูง ชนิดสายพันธุ์ และรายละเอียดสั้น ๆ ของโปเกมอน ในภาคต่อ ๆ มา สมุดภาพรุ่นใหม่อาจมีข้อมูลรายละเอียดที่มากขึ้นเช่น ขนาดของตัวโปเกมอนเปรียบเทียบกับตัวผู้ฝึก หรือรายชื่อโปเกมอนแยกตามถิ่นที่อยู่อาศัย (ข้อมูลนี้จะเห็นได้แค่ในภาคไฟร์เร้ดและลีฟกรีนเท่านั้น) สมุดภาพโปเกมอนล่าสุดสามารถจุข้อมูลของโปเกมอนทุกตัวที่รู้จักกันในปัจจุบัน เกมโปเกมอน โคลอสเซียม และโปเกมอนเอกซ์ดี:เกลออฟดาร์คเนส บนเครื่องเกมคิวบ์ มีระบบการช่วยเหลือข้อมูลโปเกมอนแบบดิจิทัล (Pokémon Digital Assistant; P★DA) ดูคล้ายกับสมุดภาพโปเกมอน แต่สามารถบอกว่าโปเกมอนรูปแบบไหนได้เปรียบหรือเสียเปรียบโปเกมอนรูปแบบไหน และยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถเฉพาะของโปเกมอนได้ด้วย[21]

เทรนเนอร์

ผู้จับโปเกมอนต้องใช้โปเกมอนในการสู้กัน ในเกมเมื่อเจอใช้ท้าสู้กับผู้เล่น โดยเทรนเนอร์ทุกคนจะมีทีมโปเกมอนหลักสูงสุดพกติดตัวคือ 6 ตัว กับสามารถจับเพิ่มได้ โดยส่วนเกินนั้นจะเอาไปเก็บในคลังโดยเก็บมากเท่าไหร่ก็ได้ กับจัดทีมสู้ได้ โดยเทรนเนอร์มีลำดับตามกันไปของแต่ละเขต เมื่อเทรนเนอร์ที่อยู่เขตไหนต้องรวบรวมเข็ดกลัดประจำเขตครบ 8 อันนั้น จะสามารถเข้าร่วมแข่งโปเกมอนลีคได้ โดยการแข่งนั้นจะป็นการเฟ้นหาตัวแชมป์เปี้ยน

  1. เทรนเนอร์ เป็นลำดับทั่วไปที่มีมากที่สุด ที่ออกเดินทางหรือประจำเขตหรือเมืองทั่วไป
  2. โคออดิเนเตอร์ เป็นเทรนเนอร์ที่เข้าประกวดโปเกมอนคอนเทสต์เป็นหลัก
  3. เพอร์ฟอเมอร์ เป็นเทรนเนอร์ที่เข้าประกวดไตรโปคาลอน ซึ่งจะมีเฉพาะภูมิภาคคาลอสและมีแค่ผู้หญิงเท่านั้น
  4. ยิมลีดเดอร์ เป็นเทรนเนอร์ขั้นพิเศษในแต่ละเขต จะมีเมืองที่ตนประจำการอยู่ โดยเป็นเทรนเนอร์ที่เป็นเจ้าของยิม เรียกได้ว่าเป็นผู้นำเมืองเกี่ยวกับโปเกมอน คอยหาทางแก้ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องโปเกมอนในเมือง กับคอยให้เทรนเนอร์ที่เดินทางผ่านเพื่อฝึกใช้โปเกมอนต่อสู้ ถ้าเทรนเนอร์ชนะยิมลีดเดอร์ได้ หรือยิมลีดเดอร์ยอมรับในตัวเทรนเนอร์ จะมอบเข็มกลัดหรือเหรียญตราเป็นรางวัล ซึ่งเขตอโลล่าเป็นเขตเดียวที่ไม่มียิมลีดเดอร์
  5. เบรน เทรนเนอร์พิเศษที่มีฝีมือเหนือกว่ายิมลีดเดอร์ โดยจะอยู่ที่ทาวเวอร์ที่เป็นหอคอยของแบทเทิลฟรอนเทียร์ โดยเป็นเทรนเนอร์ที่อยู่ลำดับเข้าใกล้จตุรเทพมาก มีไม่กี่เขตที่มีเบรน โดยเทรนเนอร์จะต้องเข้ารับการทดสอบที่ซับซ้อนในหอคอยต่างๆ ที่รูปแบบแตกต่างกัน
  6. 4 จตุรเทพ เทรนเนอร์ 4 คน ที่อยู่เหนือกว่ายิมลีดเดอร์ เคยเข้าร่วมโปเกมอนลีคมาก่อน เข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์เปี้ยนมากที่สุด เมื่อแชมป์เปี้ยนถูกโค่น จะถูกลดขั้นมาเป็น 1 ในจตุรเทพ ส่วนคนที่เป็นจตุรเทพลำดับล่างสุดจะถูกปลดออกไป แต่ถ้าแชมป์เปี้ยนถอนตัว จะให้ 1 ใน 4 คนมาแทนที่ กับหาคนมาเพิ่มในตำแหน่งที่ว่างของจตุรเทพ ไม่ก็ถ้าแชมป์เปี้ยนถอนตัว กับทั้ง 4 คนปฏิเสธจะต้องหาแชมป์เปี้ยนคนใหม่ โดยเทรนเนอร์ท้าชิงชนะ 4 คน แล้วมาเป็นแทน ซึ่งระบบยิมชาเล้นจ์ของภูมิภาคกาล่าร์ทำให้เป็นเขตเดียวที่ไม่มี 4 จตุรเทพ
  7. แชมป์เปี้ยน ผู้เป็นเทรนเนอร์ที่แข่งแกร่งที่สุดของเขตนั้น โดยมี 4 จตุรเทพคอยอารักขา ในบางเขตก็ไม่มี หรือก็เป็นแชมป์ที่ประจำทั้ง 2 เขตในคนเดียวอย่างในเขตโจโตกับคันโตใช้ตำหน่งแชมป์ร่วมกันในคนเดียว ซึ่งเขตอโลลาเป็นเขตเดียวที่ไม่มีแชมป์เปี้ยน
  8. โปเกมอน มาสเตอร์ เทรนเนอร์ในตำนาน เป็นตำแหน่งสูงสุดของเทรนเนอร์ทั้งหมด เรียกได้ว่าขนาดแชมป์เปี้ยนของเขตยังเทียบไม่ติด เพราะโปเกมอนมาสเตอร์คือแชมป์เปี้ยนของโลก

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันความหมายของโปเกมอนมาสเตอร์ยังคงคลุมเครือ และสามารถตีความได้หลากหลายทิศทาง เช่น ซาโตชิ ตัวละครจากโปเกมอนเวอร์ชันอนิเมะ ได้นิยามความหมายของโปเกมอนมาสเตอร์ไว้ว่า เป็นโปเกมอนเทรนเนอร์ที่เป็นเพื่อนกับโปเกมอนทุกตัวบนโลก เป็นต้น

องค์กรชั่วร้าย

กลุ่มองค์กรร้ายคือเหล่าเทรนเนอร์ คอยจับโปเกมอน กับทำเรื่องผิดกฎหมายในเขต คอยรวบรวมโปเกมอนมากมายในเขตมาสร้างกองทัพโปเกมอนใช้ยึดเขตขยายอำนาจยึดครองโลก แต่ล้มเหลว(เพราะต้องยึดครองเขตตนอยู่ให้ได้ก่อน)

  1. แก๊งร็อคเก็ต องค์กรหลักของเรื่องอนิเมะ อยู่เขตคันโตกับโจโต คือพวกกลุ่มโจร มีผู้นำสูงสุดคือซาคากิ (Giovanni) คอยจับโปเกมอนมาหากำไรกับจับมาทดลองด้วยวิธีที่โหดร้ายกับป่าเถื่อน ไม่เคยมีโปเกมอนไหนที่รอดชีวิตกลับมาได้
  2. แก๊งอควา เป็นองค์กรของเขตโฮเอ็น รูปแบบเกี่ยวกับทางน้ำกับโจรสลัด ทั้งยังหมายครอบครองโปเกมอนที่ชื่อไคโอก้า เป็นศัตรูโดยตรงกับแก๊งแม็กม่า มีผู้นำสูงสุดคืออาโอกิริ (Archie)
  3. แก๊งแม็กม่า เป็นองค์กรของเขตโฮเอ็น รูปแบบเกี่ยวกับโจรภูเขา ทั้งยังหมายครอบครองโปเกมอนที่ชื่อกราด้อน เป็นศัตรูโดยตรงกับแก๊งอควา มีผู้นำสูงสุดคือมาสึบุสะ (Maxie)
  4. แก๊งกิงกะ เป็นองค์กรของเขตชินโอ รูปแบบเกี่ยวกับอวกาศ ทั้งโปเกมอนกับต่างดาวกับมิติ มีผู้นำสูงสุดคืออาคากิ (Cyrus)
  5. แก๊งพลาสม่า เป็นองค์กรของเขตอิชชู รูปแบบเกี่ยวกับพวกราชวงศ์โบราณของแถบยุโรป แนวแบบลัทธิ กับสายลับทั้งยังวิจัยทั้งครอบครองพลังของโปเกมอนในตำนานของเขต มีผู้นำสูงสุดคือเกจิส ฮาร์โมเนีย โกรเปียส (Ghetsis)
  6. แก๊งแฟลร์ เป็นองค์กรของเขตคาลอส รูปแบบพวกวิจัยทางโปเกมอนทางด้านวิวัฒนาการของโปเกมอน มีผู้นำสูงสุดคือเฟอร์ดาลีย์ (Lysandre)
  7. แก๊งสคัล เป็นองค์กรของเขตอโลลา รูปแบบเป็นพวกนักเลงหรือเด็กแว๊น มีผู้นำสูงสุดคือกุซม่า (Guzma)
  8. แก๊งร็อคเก็ตเรนโบว์ เป็นองค์กรของเขตอโลลา มีอุดมการณ์คล้ายกับแก๊งร็อคเก็ต เป็นการนำหัวหน้าตัวร้ายทุกๆแก๊งมารวมกัน ยกเว้นกุซม่า โดยมีผู้นำสูงสุดคือซาคากิ หัวหน้าแก๊งร็อคเก็ต
  9. แก๊งเยล เป็นองค์กรของเขตกาลาร์ รูปแบบเป็นพวกโอตากุ มีผู้นำสูงสุดคือเนสึ (Piers)
  10. แก๊งสตาร์ เป็นองค์กรของเขตพัลเดีย

รายชื่อวิดีโอเกมโปเกมอน

ในสื่ออื่น

แอนิเมชัน

โปเกมอนฉบับอนิเมะรวมถึงภาพยนตร์ดำเนินเนื้อเรื่องโดยแยกออกจากการผจญภัยต่าง ๆ ในวิดีโอเกม (ยกเว้นภาคเยลโล่ว์ ที่ดำเนินเรื่องตามเนื้อเรื่องอนิเมะ) โปเกมอนฉบับอนิเมะเป็นเรื่องราวภารกิจอันยิ่งใหญ่ของตัวละครหลัก "ซาโตชิ" หรือ "แอช แคทชัม" (Ash Ketchum) เพื่อจะเป็นโปเกมอนมาสเตอร์ในเรื่องการฝึกโปเกมอน เขาและเพื่อนกลุ่มเล็ก ๆ เดินทางตามโลกที่มีโปเกมอนเต็มไปหมด ในภาคแรก (original series) ในเขตภูมิภาคคันโต เริ่มต้นในวันซาโตชิได้เป็นนักฝึกโปเกมอนวันแรก โปเกมอนตัวแรกซึ่งเป็นโปเกมอนคู่หูคือพิคาชู ซึ่งแตกต่างจากเกมที่จะได้เลือกฟุชิงิดาเนะ ฮิโตะคาเงะ และเซนิกาเมะ ซีรีส์นี้ดำเนินไปตามเนื้อเรื่องของเกมโปเกมอนภาคเร้ดและบลู ในเขตภูมิภาคที่ชื่อว่าคันโต ร่วมเดินทางไปกับ "ทาเคชิ" หรือ "บร็อก" (Brock) หัวหน้ายิมของเมืองนิบิ หรือพิวเตอร์ซิตี (Pewter City) และ "คาสึมิ" น้องสาวคนสุดท้องของกลุ่มพี่น้องหัวหน้ายิมในยิมของเมืองฮานาดะ หรือเซรูเลียนซิตี (Cerulean City) ซีซันต่อมาคือ Pokémon: Adventures on the Orange Islands ซึ่งเป็นการผจญภัยในหมู่เกาะออเร้นจ์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เป็นเอกลักษณ์ของเรื่อง และเปลี่ยนตัวละครจากทาเคชิเป็น "เค็นจิ" หรือ "เทรซีย์" (Tracey) จิตรกรและผู้ดูแลโปเกมอน ซีซันต่อมา เป็นเนื้อเรื่องของโปเกมอนรุ่นที่สอง ประกอบด้วย Pokémon: The Johto Journeys, Pokémon: Johto League Champions และ Pokémon: Master Quest ดำเนินเรื่องในเขตภูมิภาคโจโต มีตัวละครสามคนคือซาโตชิ ทาเคชิ และคาสึมิ เช่นเดิม

การผจญภัยยังคงดำเนินต่อในซีซัน Pokémon: Advanced ของซีรีส์ Pokémon: Advanced Generation ดำเนินเนื้อเรื่องตามเกมโปเกมอนรุ่นที่สาม ซาโตชิและเพื่อน ๆ เดินทางในเขตภูมิภาคโฮเอ็นซึ่งอยู่ทางใต้ ซาโตชิได้เป็นครูและผู้ให้คำปรึกษาให้กับนักฝึกโปเกมอนมือใหม่ที่ชื่อ "ฮารุกะ" หรือ "เมย์" (May) น้องชายของเธอ "มาซาโตะ" หรือ "แม็กซ์" (Max) ก็ร่วมเดินทางด้วย แต่ไม่ได้เป็นนักฝึกโปเกมอน แต่เขากลับรู้ข้อมูลโปเกมอนมากมาย และเป็นผู้ค้นหาเส้นทางตลอดการเดินทางด้วยโปเกนาวิ ในซีรีส์นี้ ทาเคชิก็มาร่วมเดินทางกับซาโตชิ แต่คาสึมิต้องกลับไปที่ยิมฮานาดะเพื่อทำหน้าที่เป็นหัวหน้ายิม (คาสึมิ รวมถึงตัวละครอื่น ยังปรากฏในซีรีส์พิเศษ Pokémon Chronicles ด้วย) ต่อด้วยซีซัน Pokémon: Advanced Challenge, Pokémon: Advanced Battle และจบซีรีส์ด้วยซีซัน Pokémon: Battle Frontier ยึดหลักตามเนื้อเรื่องเกมภาคเอเมอรัลด์และมุมมองลักษณะของเกมภาคไฟร์เร้ดและลีฟกรีน

ซีรีส์ต่อไปคือโปเกมอน ไดมอนด์ แอนด์ เพิร์ล (Diamond & Pearl) โดยซีรีส์นี้มาซาโตะ น้องชายของฮารุกะ ได้ออกจากกลุ่ม ซึ่งเขากลับไปยังโทกะซิตี้ และได้ดูแลโปเกมอนของพ่อของเขาซึ่งเป็นยิมลีดเดอร์และเลือกโปเกมอนเริ่มต้นและออกเดินทางด้วยตัวเอง และฮารุกะได้ไปเข้าแข่งขัน Pokemon Contest ที่ภูมิภาคโจโต ซาโตชิ ทาเคชิ และเพื่อนคนใหม่ "ฮิคาริ" หรือ "ดอว์น" (Dawn) ร่วมออกเดินทางไปตามภูมิภาคชินโอ

ซีรีส์ต่อไปคือพ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เบส วิชเชส! (Best Wishes!) โดยซีรีส์นี้ฮิคาริได้ออกจากกลุ่มเพื่อเข้าแข่งขัน Pokemon Contest ที่ภูมิภาคโฮเอ็น และทาเคชิได้ออกจากกลุ่ม หลังจากที่ทาเคชิร่วมเดินทางด้วยกันมานานตั้งแต่ซีรีส์แรก เพื่อไปศึกษาต่อในการเป็น Pokemon Docter ซาโตชิได้เจอเพื่อนใหม่ "ไอริส" หรือ "ไอริส" (Iris) และ "เด็นโตะ" หรือ "ไคแลน" (Cilan) คู่หูคนใหม่และร่วมออกเดินทางไปตามภูมิภาคอิชชู และหมู่เกาะเดโคโลล่า

ซีรีส์ต่อไปคือพ็อกเก็ตมอนสเตอร์ XY โดยซีรีส์นี้ไอริสและเด็นโตะได้ออกจากกลุ่ม โดยที่ไอริสได้ออกเดินทางโดยหวังที่จะเป็นดราก้อนมาสเตอร์ และเด็นโตะได้ไปเข้าการแข่งขันตกปลาตามภูมิภาคต่างๆ ซาโตชิได้ออกเดินทางกับเพื่อนใหม่ "เซเรน่า" หรือ "เซเรน่า" (Serena), "ยูรีก้า" หรือ "บอนนี่" (Bonnie) และ "ซิตรอน" หรือ "เคลมอนต์" (Clemont) ในภูมิภาคคาลอส

ซีรีส์ต่อไปคือพ็อกเก็ตมอนสเตอร์ ซันแอนด์มูน (Sun & Moon) โดยซีรีส์นี้เซเรน่าได้ออกจากกลุ่มเพื่อเข้าแข่งขัน Pokemon Contest ที่ภูมิภาคโฮเอ็น และซิตรอนกลับไปทำหน้าที่ยิมลีดเดอร์ของเมียร์เร่ยิมอีกครั้ง ซาโตชิได้ได้พบกับเพื่อนใหม่ "คาคิ" หรือ "คิอาเว" (Kiawe), "มาโอะ" หรือ "มาโลว์" (Mallow), "มามาเนะ" หรือ "โซโฟเคิลส์" (Sophocles), "ซุยเรน" หรือ "ลานา" (Lana), และ "ลิเลีย" หรือ "ลิเลีย" (Lillie) และได้เข้าโรงเรียนโปเกมอนที่เกาะเมเลเมเล่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคอโลลา

ซีรีส์ต่อไปคือพ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เจอร์นีย์ (Journeys) โดยซีรีส์นี้ทั้ง 6 คนได้แยกกันเพื่อไปทำตามเป้าหมายและความฝันของตนเอง คาคิตัดสินใจที่จะไปตระเวนเกาะและท้าสู้บททดสอบใหญ่ให้ครบทุกเกาะ มามาเนะไปที่ภูมิภาคโฮเอ็นเพื่อเยี่ยมชมสถานีอวกาศ ซุยเรนได้มุ่งหน้าออกทะเลเพื่อตามหามานาฟี่ มาโอะตัดสินใจที่จะอยู่และพัฒนาร้านอาหารของบ้านของตน ลิเลียได้แยกไปตามหาพ่อของตนพร้อมกับกลาดิโอ้และลูซามิเน่ และซาโตชิที่ได้พบกับเพื่อนใหม่ "โก" หรือ "โกห์" (Goh) ทั้งสองคนได้ร่วมเดินทางตั้งแต่ภูมิภาคคันโตถึงภูมิภาคกาลาร์ ในฐานะรีเสิร์ชเฟลโลของสถาบันวิจัยซากุรางิ โดยมีเพื่อนของโกที่ชื่อ "โคฮารุ" หรือ "โคลอี้" (Chloe) มาร่วมเดินทางบ้างเป็นครั้งคราว ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของซีรีส์ โกและโคฮารุได้ออกจากกลุ่ม โดยที่โกได้ออกเดินทางไปตามเส้นทางของตนเอง และโคฮารุได้สานต่อหน้าที่รีเสิร์ชเฟลโลของซาโตชิและโก และซาโตชิได้ออกเดินทางครั้งใหม่ โดยมีคาสึมิและทาเคชิร่วมเดินทางไปด้วยกันอีกครั้ง และซีรีส์นี้จะเป็นภาคสุดท้ายที่จะมีซาโตชิและพิคาชูเป็นตัวละครหลัก

ซีรีส์ล่าสุดคือ พ็อคเก็ตมอนสเตอร์ ฮอไรซันส์ (Horizons) ซึ่งจะเป็นซีรีส์ภาคแรกที่เปลี่ยนตัวละครหลักในการดำเนินเรื่อง เป็น 2 ตัวละครใหม่ที่ชื่อ "ลิโกะ" หรือ "ลิโกะ" (Liko) และ "รอย" หรือ "รอย" (Roy) ทั้งสองคนได้เข้าร่วมกลุ่มผจญภัยเล็กๆที่มีชื่อว่า "ไรซิ่งโวลเทคเกอร์ส" และได้ออกเดินทางรอบโลกไปด้วยกัน

นอกจากซีรีส์ทางโทรทัศน์ ยังมีโปเกมอนฉบับภาพยนตร์สร้างขึ้นทั้งหมด 23 ภาค โดยโปเกมอนภาพยนตร์ที่ 14 ทั้งสองภาคที่ชื่อ Pokémon the Movie: Black—Victini and Reshiram และ White—Victini and Zekrom นั้นถือว่าเป็นภาคเดียวกัน ในโปเกมอนฉบับภาพยนตร์บางภาค ยังมีการสะสมสินน้ำใจ เช่นการ์ดเกม ให้สะสมด้วย

การ์ตูนโปเกมอนนั้นมีหลายภาค จนถึงทุกวันนี้ โปเกมอนยังไม่มีตอนจบ การ์ตูนเรื่องนี้ถูกผลิตเพิ่มขึ้นอีกมากมายหลายตอน แบ่งได้เป็นหลายภาค โดยภาคแรกนั้นเป็นแบบฉบับดั้งเดิม (Original series) จำนวน 276 ตอน[22] ภาคต่อไปคือ แอดวานซ์ เจเนอเรชัน (Advance Generation) หรือ AG จำนวน 192 ตอน[23] ภาคต่อไปคือ ไดมอนด์ แอนด์ เพิร์ล (Diamond & Pearl) หรือ DP จำนวน 191 ตอน[24] ภาคต่อไปคือ เบสท์ วิช (Best Wishes!) หรือ BW จำนวน 142 ตอน[25] ภาคต่อไปคือ เอ็กซ์วาย (XY) จำนวน 140 ตอน[26] ภาคต่อไปคือ ซันแอนด์มูน (Sun and Moon) หรือ SM จำนวน 146 ตอน[27] ภาคต่อไปคือ เจอร์นีย์ (Journeys) หรือ JN จำนวน 147 ตอน[28]

สำหรับประเทศไทยนั้น ปัจจุบันได้มีการนำการ์ตูนโปเกมอนมาฉายทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ในรายการโมเดิร์นไนน์การ์ตูน, ช่องทรูสปาร์ก, ทรูโฟร์ยู ของทรูวิชันส์, ช่องไทยรัฐทีวี และช่องจีเอ็มเอ็ม 25

โปเกมอนฉบับอนิเมะได้ทำเป็นซีรีส์ ดังนี้

พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ / Pocket Monsters: Original Series

พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เป็นอนิเมะซีรีส์แรก โดยมักจะเรียกคำย่อว่า "โปเกมอน"[22]

พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ แอดวานซ์ เจเนอเรชัน / Pocket Monsters Advanced Generation

พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ แอดวานซ์ เจเนอเรชัน เป็นภาคต่อของพ็อกเก็ตมอนสเตอร์ โดยบางครั้งจะเรียกคำย่อว่า "โปเกมอน AG"[23]

พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ ไดมอนด์ & เพิร์ล / Pocket Monsters Diamond & Pearl

พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ ไดมอนด์ & เพิร์ล เป็นภาคต่อของ พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ แอดวานซ์ เจเนอเรชัน โดยบางครั้งจะเรียกคำย่อว่า "โปเกมอน DP"[24]

พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เบสวิช Pocket Monsters Best Wishes!

พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เบสวิช เป็นภาคต่อของ พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ ไดมอนด์ แอนด์ เพิร์ล โดยบางครั้งจะเรียกคำย่อเป็น "โปเกมอน BW" หรือ "โปเกมอน BW2"[25]

  • พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เบสวิช ซีซั่น 2 / Pocket Monsters Best Wishes! Season 2
  • พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เบสวิช ซีซั่น 2 เอพพิโซด N / Pocket Monsters Best Wishes! Season 2 Episode:N
  • พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เบสวิช ซีซั่น 2 เดโคโลล่า แอดเวนเจอร์ / Pocket Monsters Best Wishes! Season 2 Decolora Advantures (Da!)

พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ XY / Pocket Monsters XY, พ็อคเก็ตมอนสเตอร์ XY&Z / Pocket Monsters XY&Z

พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ XY เป็นภาคต่อของ พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เบสวิช[26]

พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ ซันแอนด์มูน / Pocket Monsters Sun & Moon

พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ ซันแอนด์มูน เป็นภาคต่อของ พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ XY โดยบางครั้งจะเรียกคำย่อเป็น "โปเกมอน SM"[27]

พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เจอร์นีย์ / Pocket Monsters Journeys

พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เจอร์นีย์ เป็นภาคต่อของ พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ ซันแอนด์มูน โดยบางครั้งจะเรียกคำย่อเป็น "โปเกมอน JN"[28]

  • วันที่ออกอากาศ: 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 - 24 มีนาคม พ.ศ. 2566
  • จำนวนตอนที่ออกอากาศ: 147 ตอน

พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ ฮอไรซันส์ / Pocket Monsters Horizons

พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ ฮอไรซันส์ เป็นภาคต่อของ พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เจอร์นีย์ โดยบางครั้งจะเรียกคำย่อเป็น "โปเกมอน HZ"[29]

  • วันที่ออกอากาศ: 14 เมษายน พ.ศ. 2566 - ปัจจุบัน

OVA และ ตอนพิเศษ

  • พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ คริสตัล ตำนานของไรโคสายฟ้า
  • พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ THE ORIGIN

ภาพยนตร์

Original Series

  1. โปเกมอน มูฟวี่ 1 ตอน ความแค้นของมิวทู (Pokémon: The First Movie / Mewtwo Strikes Back) (1998)
  2. โปเกมอน มูฟวี่ 2 ตอน ลูเกีย จ้าวแห่งทะเลลึก (Pokémon: The Movie 2000 / Revelation - Lugia) (1999)
    การต่อสู้ที่ดุเดือดของโปเกมอนจอมอหังการแห่งท้องทะเลลึก (พิเศษ: โปเกมอนผจญภัย 1 ท้ายแผ่น)
  3. โปเกมอน มูฟวี่ 3 ตอน ผจญภัยบนหอคอยปีศาจ (Pokémon 3: The Movie / Lord of the "UNKNOWN" Tower) (2000)
    หอคอยที่เต็มไปด้วยอำนาจมืดของโปเกมอนปริศนา (พิเศษ: โปเกมอนผจญภัย 2 ท้ายแผ่น)
  4. โปเกมอน Specials ตอน ต้นกำเนิดของมิวทู (Pokémon: The Birth of Mewtwo) (2000)
    เป็นภาคก่อนของโปเกมอน มูฟวี่ ตอน ความแค้นของมิวทู
  5. โปเกมอน Specials ตอน มิวทูฉันยังอยู่ (Pokémon: Mewtwo Returns) (2000)
    เป็นภาคต่อของโปเกมอน มูฟวี่ ตอน ความแค้นของมิวทู (ในประเทศไทย เคยออกอากาศทางช่อง 9)
  6. โปเกมอน มูฟวี่ 4 ตอน ย้อนเวลาตามล่าเซเลบี (Pokémon 4Ever / Celebi A Timeless Encounter) (2001)
    การต่อสู้และการไล่ล่า เพื่อแย่งชิงโปเกมอนน้อย (พิเศษ: โปเกมอนผจญภัย 3 ท้ายแผ่น)
  7. โปเกมอน มูฟวี่ 5 ตอน เทพพิทักษ์แห่งนครสายน้ำ (Pokémon Heroes: Latios and Latias) (2002)
    ผจญภัยในดินแดนแห่งสายน้ำ และการต่อสู้ที่ดุเดือด (พิเศษ...โปเกมอนผจญภัย 4 ท้ายแผ่น)
    Advanced Generation
  8. โปเกมอน มูฟวี่ 6 ตอน คำอธิษฐานแห่งดวงดาว (Pokémon: Jirachi Wish Maker) (2003)
    คำอธิษฐาน ความปรารถนา และการผจญภัยที่ไม่สิ้นสุด (พิเศษ...โปเกมอนผจญภัย 5 ท้ายแผ่น)
  9. โปเกมอน มูฟวี่ 7 ตอน เดโอคิซิส ปะทะ เร็คคูซ่า (Pokémon: Destiny Deoxys) (2004)
    การต่อสู้ระหว่างโปเกมอนทรงพลัง ใครจะเป็นผู้ชนะ !
  10. โปเกมอน มูฟวี่ 8 ตอน มิวและอัศวินคลื่นพลัง (Pokémon: Lucario and the Mystery of Mew) (2005)
    ต้นไม้ผู้ให้กำเนิดโลก สู่ตำนานแห่งอัศวินและคลื่นพลังลึกลับ
  11. โปเกมอน Specials ตอน สุดยอดโปเกมอนโคลนนิง (Pokémon: The Mastermind of Mirage Pokémon) (2006)
    10th Anniversary Special ! เป็นตอนพิเศษที่สร้างขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 10 ปีโปเกมอน
  12. โปเกมอน มูฟวี่ 9 ตอน โปเกมอนเรนเจอร์กับเจ้าชายมานาฟี่แห่งท้องทะเล (Pokémon Ranger and the Temple of the Sea) (2006)
    เจ้าชายแห่งท้องทะเลกับภารกิจเสี่ยงตาย เพื่อปกป้องขุมทรัพย์ใต้ทะเลลึก
    Diamond and Pearl
  13. โปเกมอน มูฟวี่ 10 ตอน เดียร์ก้า VS พาลเกีย ดาร์คไร (Pokémon: The Rise of Darkrai) (2007) *
  14. โปเกมอน มูฟวี่ 11 ตอน กิราติน่า กับช่อดอกไม้แห่งท้องฟ้าน้ำแข็ง เชมิน (Pokémon: Giratina and the Sky Warrior) (2008) *
  15. โปเกมอน มูฟวี่ 12 ตอน อาร์เซอุส สู่ชัยชนะแห่งห้วงจักรวาล (Pokémon: Arceus and the Jewel of Life) (2009) *
  16. โปเกมอน มูฟวี่ 13 ตอน โซโลอาร์ค เจ้าแห่งมายา (Pokémon: Zoroark: Master of Illusions) (2010)
    Best Wishes
  17. โปเกมอน มูฟวี่ 14 ตอน วิคตินี กับ ผู้กล้าสีดำ เซครอม (Pokémon the Movie: Black—Victini and Reshiram) (2011) **
  18. โปเกมอน มูฟวี่ 14 ตอน วิคตินี กับ ผู้กล้าสีขาว เรชิรัม (Pokémon the Movie: White—Victini and Zekrom) (2011) **
  19. โปเกมอน มูฟวี่ 15 ตอน คิวเรม กับนักรบศักดิ์สิทธิ์ เคลดิโอ (Pokémon the Movie: Kyurem VS. The Sword of Justice) (2012)
  20. โปเกมอน มูฟวี่ 16 ตอน เกโนเซ็กท์ เจ้าความเร็ว กับการตื่นรู้ของ มิวทู (Pokémon the Movie: Genesect and the Legend Awakened) (2013)
    XY
  21. โปเกมอน มูฟวี่ 17 ตอน รังไหมผู้ทำลายล้างและดีแอนซี (Pokémon the Movie: The Cocoon of Destruction and Diancie) (2014)
  22. โปเกมอน มูฟวี่ 18 ตอน อภิมหาศึกฮูปาถล่มโลก (Pokémon the Movie: Hoopa and the Clash of Ages) (2015)[30]
  23. โปเกมอน มูฟวี่ 19 ตอน โวเคเนียน กับจักรกลปริศนา มาเกียนา (Pokémon the Movie: Volcanion and the Mechanical Marvel) (2016)
    Sun and Moon
  24. โปเกมอน มูฟวี่ 20 ตอน ฉันเลือกนาย! (Pokémon the Movie: I Choose You!) (2017) ***
  25. โปเกมอน มูฟวี่ 21 ตอน เรื่องราวแห่งผองเรา (Pokémon the Movie: The Power of Us) (2018) ***
  26. โปเกมอน มูฟวี่ 22 ตอน ความแค้นของมิวทู อีโวลูชัน (Pokémon the Movie: Mewtwo Strikes Back: EVOLUTION) (2019) *** ****
    Journeys
  27. โปเกมอน มูฟวี่ 23 ตอน โคโค่ (Pokémon the Movie: Secret of the Jungle) (2018) ***
  • มูฟวี่ 10-12 เป็นมูฟวี่ไตรภาคที่มีเนื้อหาเชื่อมโยงกัน
    • มูฟวี่ 14 เป็นมูฟวี่ที่มีเนื้อหาเหมือนกัน ต่างกันตรงรายละเอียดบางจุดเท่านั้น
      • มูฟวี่ 20, 21 และ 23 เป็นมูฟวี่ที่ดำเนินเรื่องในโลกคู่ขนาน โดยตัวละครที่ปรากฏเป็นคนละคนกับในซีรีส์หลัก
        • มูฟวี่ 22 มีเนื้อหาเดียวกันกับมูฟวี่ 1 แต่จะถูกนำเสนอในรูปแบบ 3D โดยใช้ CGI animation ตลอดทั้งเรื่อง

เรื่องสั้นพิคาชู

เป็นเรื่องสั้นช่วงหลังจากที่ฉายภาพยนตร์จบแล้ว

  1. โปเกมอน Pikachu ตอน วันหยุดของพิคาชู (Pokémon Pikachu: Pikachu's Vacation) (1998)
    Pikachu's Vacation จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 1
  2. โปเกมอน Pikachu ตอน พิคาชูผจญภัยช่วยเหลือ (Pokémon Pikachu: Pikachu's Rescue Adventure) (1999)
    Pikachu's Rescue Adventure จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 2
  3. โปเกมอน Pikachu ตอน พิคาชูและพิชู (Pokémon Pikachu: Pikachu & Pichu) (2000)
    Pikachu & Pichu จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 3
  4. โปเกมอน Pikachu ตอน พิคาชูคือพิคาโบ (Pokémon Pikachu: Pikachu's PikaBoo) (2001)
    Pikachu's PikaBoo จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 4
  5. โปเกมอน Pikachu ตอน การตั้งแค้มป์ของพิคาชู (Pokémon Pikachu: Camp Pikachu) (2002)
    Camp Pikachu จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 5
  6. โปเกมอน Pikachu ตอน สอนเต้น!! (Pokémon Pikachu: Gotta Dance!!) (2003)
    Gotta Dance!! จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 6
  7. โปเกมอน Pikachu ตอน บทเพลงวิ้งๆของ เมโลเอตตา (Pokémon Pikachu: Meloetta's Sparkling Recital) (2012)
    Meloetta's Sparkling Recital จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 15
  8. โปเกมอน Pikachu ตอน พิคาชู กับอีวุย และผองเพื่อน (Pokémon Pikachu: Eevee & Friends) (2013)
    Eevee & Friends จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 16
  9. โปเกมอน Pikachu ตอน พิคาชู ฉันคือกุญแจอะไรกันนะ? (Pokémon Pikachu: Pikachu, What's This Key?) (2014)
    Pikachu, What's This Key? จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 17
  10. โปเกมอน Pikachu ตอน พิคาชู กับวงดนตรีโปเกมอน (Pokémon Pikachu: Pikachu and the Pokémon Band) (2015)
    Pikachu and the Pokémon Band จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 18

ซีดี

มีการผลิตซีดีโปเกมอนขายในอเมริกาเหนือ ส่วนใหญ่ผลิตขึ้นเกี่ยวกับโปเกมอนฉบับภาพยนตร์ 3 เรื่องแรก หาซื้อได้บ่อย ๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2544 ในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2550 ซีดีที่ผลิตขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี ได้วางขายโดยจุเพลงประกอบภาษาอังกฤษ 18 แทร็ก และเป็นการวางขายซีดีฉบับภาษาอังกฤษครั้งแรกที่วางขายมากกว่า 5 ปี เพลงประกอบภาพยนตร์โปเกมอนได้วางขายในญี่ปุ่นด้วย

ปี เรื่อง
29 มิถุนายน พ.ศ. 2542[31] Pokémon 2.B.A. Master
9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542[32] เพลงประกอบภาพยนตร์ Pokémon: The First Movie
8 กุมภาพันธ์, พ.ศ. 2543 Pokémon World
9 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 Pokémon: The First Movie Original Motion Picture Score
18 กรกฎาคม พ.ศ. 2543 เพลงประกอบภาพยนตร์ Pokémon The Movie 2000
พ.ศ. 2543 Pokémon The Movie 2000 Original Motion Picture Score
23 มกราคม พ.ศ. 2544 Totally Pokémon
3 เมษายน พ.ศ. 2544 Pokémon 3: The Ultimate Soundtrack
9 ตุลาคม พ.ศ. 2544 Pokémon Christmas Bash
27 มีนาคม พ.ศ. 2550 Pokémon X: Ten Years of Pokémon

โปเกมอน เทรดดิงการ์ดเกม

โปเกมอน เทรดดิงการ์ดเกม เป็นเกมสะสมการ์ด มีจุดมุ่งหมายคล้ายคลึงกับการต่อสู้ของโปเกมอนในวิดีโอเกม ผู้เล่นใช้การ์ดโปเกมอนที่มีค่าความแข็งแกร่งและค่าความอ่อนแอบนการ์ดแต่ละใบ เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้โดยการ "น็อคเอาต์" การ์ดโปเกมอนของเขา[33] การ์ดเกมนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในอเมริกาเหนือโดยบริษัท วิซาร์ดออฟเดอะโคสต์ (อังกฤษ: Wizards of the Coast) ในปี ค.ศ. 1999[34] อย่างไรก็ตาม เมื่อโปเกมอนรูบี้แอนด์แซฟไฟร์วางจำหน่ายออกมา บริษัทโปเกมอนได้เรียกคืนการ์ดเกมจากวิซาร์ดออฟเดอะโคสต์ และเริ่มต้นตีพิมพ์จำหน่ายเอง[34] การขยายกิจการของบริษัทในเวลาต่อมาคือการเปิดตัว โปเกมอนอีเทรดดิงการ์ดเกม ซึ่งเป็นการ์ดที่สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องนินเทนโด อีรีดเดอร์ ต่อมานินเทนโดหยุดการผลิตของการ์ดเหล่านี้และต่อการปล่อย EX ไฟร์เร้ดและลีฟกรีนแทน นินเทนโดวางจำหน่ายเทรดดิงการ์เกมเวอร์ชันเกมบอยคัลเลอร์ในญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1998 และวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาและยุโรปในปี ค.ศ. 2000 ด้วย โปเกมอนเทรดดิงการ์ดเกมนี้ยังประกอบด้วยการ์ดเวอร์ชันดิจิทัลจากการ์ดชุดดั้งเดิม และการ์ดเสริม 2 ชนิด (Jungle และ Fossil) รวมถึงการ์ดมากมายที่ผลิตขึ้นเฉพาะสำหรับเกม เกมภาคต่อเฉพาะเวอร์ชันญี่ปุ่นได้วางจำหน่ายในปี ค.ศ. 2001[35]

มังงะ

โปเกมอนฉบับมังงะ (หนังสือการ์ตูน) ผลัตสำนักพิมพ์โชงากูกัง นั้นมีหลากหลาย โดยผู้ที่ผลิตวางขายในภาษาอังกฤษคือ Viz Communications (พิมพ์และจำหน่ายในภาษาอังกฤษในประเทศสิงคโปร์สำนักพิมพ์เก่า Chuang Yi ปัจจุบันเปลียนสำนักพิมพ์ใหม่ (โชงากูกัง เอเชีย)) มังงะนั้นแตกต่างจากวิดีโอเกมและการ์ตูนมากในเรื่องของนักฝึกโปเกมอน สามารถฆ่าโปเกมอนของฝ่ายตรงข้ามได้

โปเกมอนมังงะในประเทศไทย ไดรับลิขสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมายจากสำนักพิมพ์โชงากูกัง 3 สำนักพิมพ์คือ สำนักพิมพ์เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ สำนักพิมพ์บงกช พับลิชชิ่ง และ สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ

 
โปเกมอนสเปเชียล ของสำนักพิมพ์เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์
โปเกมอนสเปเชียล ของสำนักพิมพ์เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ 
 
โปเกมอน Try Adventure ของสำนักพิมพ์บงกช พับลิชชิ่ง
โปเกมอน Try Adventure ของสำนักพิมพ์บงกช พับลิชชิ่ง 

เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์

บงกช พับลิชชิ่ง

วิบูลย์กิจ

คำวิจารณ์และข้อถกเถียง

หลักศีลธรรมจรรยา

โปเกมอนได้รับคำวิจารณ์จากศาสนิกชนของศาสนาคริสต์ ยูดาย ชาวคริสต์เห็นว่าเกี่ยวกับความลึกลับและรุนแรงของโปเกมอน รวมถึงโปเกมอนวิวัฒนาการของโปเกมอน (แม้ว่าจะคล้ายกับการลอกคราบมากกว่า แต่โครงการ ChildCare Action Project เชื่อมโยงมันเข้ากับเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการ) ซึ่งเขาอ้างว่าขัดแย้งกับการกำเนิดทางไบเบิลของสรรพสิ่งที่รุนแรง[36] ซึ่งคนส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ จึงไม่เชื่อเรื่องนี้[37][38] อย่างไรก็ตาม สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมในวาติกันแย้งว่าโปเกมอนเทรดดิงการ์ด และวิดีโอเกมนั้น "มีจินตนาการสร้างสรรค์อย่างเต็มเปี่ยม" และ "ไม่มีผลกระทบข้างเคียงในเรื่องหลักศีลธรรมเลย"[39] ในสหราชอาณาจักร เกม "คริสเตียน เพาเวอร์ การ์ด" ได้เปิดตัวในปี ค.ศ. 1999 โดยเดวิด เทต ซึ่งกล่าวว่า "บางคนไม่ชอบโปเกมอนและต้องการทางเลือกอื่น พวกเขาเพียงต้องการเกมของคริสต์ศาสนิกชนเท่านั้น" เกมนี้ดูคล้ายกับโปเกมอนเทรดดิงการ์ดแต่ตัวละครสำคัญบนการ์ดมาจากคัมภีร์ไบเบิล[40]

ในปี ค.ศ. 1999 นินเทนโดหยุดผลิตการ์ด "Koga's Ninja Trick" เวอร์ชันญี่ปุ่นเนื่องจากรูปภาพแสดงให้เห็นถึงตัวมังจิ เครื่องหมายทางศาสนาพุทธซึ่งไม่มีนัยในด้านลบ[41]

กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่อต้านการสบประมาทของชาวยิวได้ประกาศต่อต้านเนื่องจากสัญลักษณ์นี้เป็นเหมือนสัญลักษณ์สวัสติกะกลับด้าน ซึ่งถือว่าเป็นการโจมตีชาวยิว แม้ว่านินเทนโดจะตั้งใจว่าจะวางขายการ์ดเหล่านี้เฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่นินเทนโดก็มีกำหนดการปล่อยเวอร์ชันอเมริกาเหนือในปีต่อมา กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่อต้านการสบประมาทเข้าใจว่าสัญลักษณ์ที่เป็นปัญหานั้นไม่มีเจตนาจะจู่โจมและยอมรับการที่นินเทนโดลบเครื่องหมายนี้ออกไป[42]

ในปี ค.ศ. 2001 ประเทศซาอุดิอาระเบีย ประกาศห้ามนำเกมโปเกมอนและการ์ดเข้าประเทศ โดยให้เหตุผลว่าจะเป็นการสนับสนุนกลุ่มไซออนนิสม์ โดยดูจากสัญลักษณ์ ดาราแห่งเดวิด (Star of David) ที่แสดงบนการ์ด และมีความเกี่ยวโยงกับการพนัน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎของชาวมุสลิม[43][44] โปเกมอนยังถูกกล่าวหาเนื่องจากส่งเสริมพวกวัตถุนิยมอีกด้วย[45]

ในปี ค.ศ. 1999 เด็กชายอายุ 9 ขวบ 2 คน ฟ้องร้องนินเทนโด เพราะเขาอ้างว่าเกมโปเกมอนเทรดดิงการ์ดทำให้เขาติดการพนันงอมแงม[46]

เกี่ยวกับสุขภาพ

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1997 เด็ก ๆ ชาวญี่ปุ่น 700 คนถูกส่งเข้าโรงพยาบาลหลังมีอาการลมชักกะทันหัน ซึ่งพบว่าเกิดขึ้นจากการดูการ์ตูนโปเกมอนตอนที่ 38 ตอน นักรบสมองกลโพลีกอน (ญี่ปุ่น: でんのうせんしポリゴン Dennō Senshi Porigon: EP038) เป็นผลให้ตอนนี้ไม่ได้ออกอากาศอีก ในโปเกมอนตอนนี้ จะมีการระเบิดขึ้นและมีแสงสีแดงกับสีน้ำเงินสลับกันอย่างรวดเร็ว[47] และสิ่งนี้เรียกว่า "paka-paka"[48] ซึ่งมีการระบุว่าแสงเหล่านี้เป็นสาเหตุให้เกิดอาการลมชัก แม้ว่าคน ๆ นั้นจะไม่เคยมีประวัติของโรคนี้มาก่อนก็ตาม[49] จากเหตุการณ์นี้ทำให้มีสื่อล้อเลียนโปเกมอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยปรากฏการเย้ยหยันในเรื่องเดอะซิมป์สันส์ ตอน Thirty Minutes over Tokyo[50] และเรื่องเซาท์พาร์ก ตอน Chinpokomon[51]

มอนสเตอร์ อิน มายพ็อคเก็ต

ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2000 บริษัทผู้ผลิตของเล่นขนาดเล็ก Morrison Entertainment Group ที่ตั้งอยู่ที่แมนฮัตตันบีช แคลิฟอร์เนีย ฟ้องร้องนินเทนโดว่าแฟรนไชส์โปเกมอนละเมิดตัวละครของมอนสเตอร์อินมายพ็อคเก็ต ที่ตนเป็นผู้ผลิต โดยผู้พิพากษาตัดสินว่าไม่ใช่การละเมิด ดังนั้น Morrison จึงฟ้องอุทธรณ์ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2001

อิทธิพลทางวัฒนธรรม

เนื่องจากความนิยมของโปเกมอน ส่งผลให้มีโปเกมอนเป็นเครื่องหมายอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมสมัยนิยม ตัวละครของโปเกมอนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรม ตัวอย่างเช่นบอลลูนรูปพิกะจูในขบวนพาเหรดวันขอบคุณพระเจ้าของเมซี่ (Macy's Thanksgiving Day Parade) เครื่องบินโบอิง 747-400 รูปโปเกมอน สินค้าโปเกมอนนับพัน และสวนสนุกโปเกมอนในเมืองนาโกยะ ประเทศญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 2005 และในไทเป ค.ศ. 2006 โปเกมอนยังปรากฏบนปกของนิตยสารไทม์ของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1999 การแสดงตลกชื่อ Drawn Together มีตัวละครชื่อ ลิงลิง (Ling-Ling) ที่มีลักษณะล้อเลียนพิกะจู[52] และการแสดงอื่น ๆ อีกหลายการแสดงเช่น ReBoot เดอะซิมป์สันส์ South Park The Grim Adventures of Billy and Mandy และ All Grown Up! ที่ได้อ้างถึงโปเกมอนระหว่างเนื้อเรื่อง โปเกมอนยังถูกนำเสนอในรายการ I Love the '90s: Part Deux ของสถานีโทรทัศน์ VH1 อีกด้วย การแสดงสดชื่อว่า โปเกมอนไลฟ์ (Pokémon Live!) ได้ทัวร์ไปในสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายปี ค.ศ. 2000 โดยแสดงตามเนื้อเรื่องโปเกมอนฉบับอนิเมะ แต่มีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับต่อเนื่องของเนื้อเรื่องในการแสดงนี้ จิม บุทเชอร์ กล่าวถึงโปเกมอนว่าเป็นแรงบันดาลใจในซีรีส์นวนิยายเรื่อง Codex Alera

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2001 นินเทนโดเปิดร้านค้าชื่อว่า Pokémon Center ณ ศูนย์กลางร็อกเฟลเลอร์ในนิวยอร์ก[53] โดยออกแบบขึ้นหลังร้าน Pokémon Center 2 แห่งในโตเกียวและโอซาก้า ซึ่งอาคารนี้ในเนื้อเรื่องเป็นที่ที่นักฝึกโปเกมอนนำโปเกมอนมารักษาอาการเจ็บป่วย[54] ร้านค้านี้ขายสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับโปเกมอน มี 2 ชั้น โดยเรียงเป็นลำดับสินค้าตั้งแต่เสื้อยืดสะสม อุปกรณ์เครื่องเขียน pokemon card ไปจนถึงตุ๊กตาโปเกมอน[55] ร้านแห่งนี้ยังเปิดตัว เครื่องแจกจ่ายโปเกมอน (Pokémon Distributing Machine) ที่ผู้เล่นจะวางเกมโปเกมอนลงไปเพื่อรับไข่โปเกมอนที่แจกขึ้นเฉพาะเวลานั้นเท่านั้น นอกจากนี้ร้านแห่งนี้ยังมีโต๊ะสำหรับให้ผู้เล่นเข้าไปเล่นโปเกมอนเทรดดิงการ์ดเพื่อดวลกัน ร้าน Pokémon Center นี้ปิดตัวลงและสร้าง Nintendo World Store ขึ้นมาแทนที่ในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2005[56]

โจเซฟ เจ โทบินตั้งทฤษฎีว่าความสำเร็จของแฟรนไชส์โปเกมอนส่วนใหญ่มาจากรายชื่อยาวเหยียดที่เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้และพูดถึงซ้ำ ๆ ในกลุ่มเพื่อนของตน โลกของเรื่องสมมุติมีโอกาสมากมายให้อภิปรายและสาธิตความรู้ต่อหน้าเพื่อน ๆ ในเวอร์ชันภาษาฝรั่งเศส นินเทนโดได้ใส่ใจโดยแปลชื่อของโปเกมอนเพื่อสะท้อนถึงวัฒนธรรมและภาษาของฝรั่งเศส ชื่อโปเกมอนทุกชื่อแสดงความเป็นตัวตน ที่ทำให้เด็กเชื่อว่าชื่อนั้นมีอำนาจเชิงสัญลักษณ์ เด็ก ๆ สามารถเลือกโปเกมอนตัวโปรดและใช้แสดงความเป็นตัวเอง ขณะที่ในเวลาเดียวกันก็สนับสนุนความสอดคล้องเหมือนกันภายในกลุ่ม และแบ่งแยกกลุ่มของตนจากเด็กกลุ่มอื่นโดยประเมินจากสิ่งที่พวกเขาชอบและสิ่งที่ไม่ชอบจากทุก ๆ ตอน โปเกมอนได้รับความนิยมเพราะโปเกมอนให้ความเป็นอัตลักษณ์กับกลุ่มของเด็ก ๆ ในวงกว้างได้ และเสียมันไปได้อย่างรวดเร็วเมื่อเด็ก ๆ กลุ่มนั้นพบว่ากลุ่มอัตลักษณ์นั้นใหญ่เกินไปและตามหาอัตลักษณ์อื่น ๆ ที่จะแยกเขาออกมาอยู่ในกลุ่มที่เล็กลงได้[57]

ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2009 กิจกรรม "เดือนแห่งรูปโปรไฟล์โปเกมอน" (Pokémon profile picture month) บนเว็บไซต์เฟซบุ๊กได้เริ่มขึ้น ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กกว่า 100,000 คน (โดยประมาณ) เปลี่ยนรูปภาพโปรไฟล์ในเฟซบุ๊กของตนเองให้เป็นรูปโปเกมอน ในปี ค.ศ. 2010 ประชาชนกว่า 252,000 คนตอบว่า "เข้าร่วม" กิจกรรม หรือมีคนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างน้อยสองเท่าของปีก่อนหน้า[58]

ประวัติศาสตร์ของโปเกมอนเกิดขึ้นพร้อมกับคู่แข่งอย่างแฟรนไชส์ ดิจิมอน ที่เปิดตัวในเวลาไล่เลี่ยกัน ฮวาน แคสโทร จากไอจีเอ็น ซึ่งกล่าวถึงดิจิมอนว่าเป็นอีก "มอน" หนึ่ง เขากล่าวว่าดิจิมอนไม่ได้รับความนิยมหรือความสำเร็จอยู่ในระดับเดียวกับโปเกมอน แต่ก็มียังแฟนคลับที่อุทิศตนให้[59] ลูคัส เอ็ม. โธมัส จากไอจีเอ็นกล่าวว่า โปเกมอนเป็น "การแข่งขันและการเปรียบเทียบเสมอมา" ของดิจิมอน อ้างว่าความสำเร็จของโปเกมอนมจากความง่ายของกลไกวิวัฒนาการเมื่อเทียบกับดิจิโวลูชัน[60] แหล่งข้อมูลเช่น เกมโซน (GameZone)[61] มองว่า สองแฟรนไชส์นี้มีแนวคิดและรูปแบบที่คล้ายกัน การโต้วาทีระหว่างแฟนคลับในเรื่องแฟรนไชส์ใดเกิดขึ้นก่อนยังคงมีอยู่[62] ในความจริง สื่อแรกของโปเกมอน นั่นคือโปเกมอนเร้ด และ กรีน ออกจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1996[63] ขณะที่ สัตว์เลี้ยงเสมือนจริงของดิจิมอนออกจำหน่ายในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 1997

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. [http://www.loc.gov/nls/other/ABC.html NLS/BPH: Other Writings, Tฝยวสน he ABC Book, A Pronunciation Guide]
  2. Sora Ltd. (March 9, 2008). Super Smash Bros. Brawl (Wii). Nintendo. (Announcer's dialog after the character Pokémon Trainer is selected (voice acted))
  3. Boyes, Emma (January 10, 2007). "UK paper names top game franchises". GameSpot. GameSpot UK. สืบค้นเมื่อ February 26, 2007.
  4. "Pokemon 10-Year Retrospective". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-09-30. สืบค้นเมื่อ August 19, 2009.
  5. "Pokémon Black Version and Pokémon White Version for Nintendo DS coming to Europe in Spring 2011" (Press release). Nintendo. May 29, 2010. สืบค้นเมื่อ May 28, 2010.
  6. "Pokemon USA Moves Licensing Iาn-House", Gamasutra.
  7. "Pokémon Green Info on GameFAQs" gamefaqs.com. Retrieved February 23, 2007.
  8. Lucas M. Thomas (April 4, 2007). "The Countdown to Diamond and Pearl, Part 4". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-05-28. สืบค้นเมื่อ June 29, 2008.
  9. "Cubed3 Pokémon Battle Revolution Confirmed for Wii" and soon Pokémon Mystery Dungeon 2: Darkness Exploration Team, and Time Exploration Team Cubed3.com. Retrieved June 7, 2006.
  10. "「ポケットモンスター」シリーズ最新作 2009年秋 ニンテンドーDSで発売決定!" (ภาษาญี่ปุ่น). Nintendo. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-05-11. สืบค้นเมื่อ May 8, 2009.
  11. "『ポケットモンスターブラック・ホワイト』公式サイト | ポケットモンスターオフィシャルサイト" (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ April 9, 2010.
  12. "『ポケットモンスター』シリーズ完全新作 2010年内発売に向けて開発中! | ゲーム関連 | ニュース | ポケットモンスターオフィシャルサイト" (ภาษาญี่ปุ่น). January 29, 2010. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-09-14. สืบค้นเมื่อ January 29, 2010.
  13. Brian Ashcraft (Jan 28, 2010). ""Entirely New" Pokemon Series Coming This Year – Japan – Kotaku". Kotaku. สืบค้นเมื่อ January 29, 2010.
  14. "商品情報 | 『ポケットモンスターブラック・ホワイト』公式サイト". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-05-19. สืบค้นเมื่อ June 27, 2010.
  15. Micheal G. Ryan, บ.ก. (2011). "Unova Region Pokédex". Pokémon Black & White Versions: The Official Unova Pokédex & Guide: Volume 2. The Pokémon Company. pp. 12–89. {{cite book}}: |access-date= ต้องการ |url= (help)
  16. "Cギア | 『ポケットモンスターブラック・ホワイト』公式サイト" (ภาษาญี่ปุ่น). Nintendo. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-05-01. สืบค้นเมื่อ June 28, 2010.
  17. "Webで広がる遊び | 『ポケットモンスターブラック・ホワイト』公式サイト" (ภาษาญี่ปุ่น). Nintendo. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-05-01. สืบค้นเมื่อ June 28, 2010.
  18. "Pokémon X & Y Arrives on 3DS Worldwide in October". Anime News Network. สืบค้นเมื่อ January 8, 2013.
  19. Pokémon Ruby review (page 1) เก็บถาวร 2007-03-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Gamespy.com. URL Accessed May 30, 2006.
  20. Pokémon Yellow Critical Review เก็บถาวร 2006-09-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Ign.com. URL accessed on March 27, 2006.
  21. Official Pokémon Scenario Guide Diamond and Pearl version p. 30-31
  22. 22.0 22.1 http://bulbapedia.bulbagarden.net/wiki/Original_series
  23. 23.0 23.1 http://bulbapedia.bulbagarden.net/wiki/Advanced_Generation_series
  24. 24.0 24.1 http://bulbapedia.bulbagarden.net/wiki/Diamond_&_Pearl_series
  25. 25.0 25.1 http://bulbapedia.bulbagarden.net/wiki/Best_Wishes_series
  26. 26.0 26.1 http://bulbapedia.bulbagarden.net/wiki/XY_series
  27. 27.0 27.1 https://bulbapedia.bulbagarden.net/wiki/Sun_%26_Moon_series
  28. 28.0 28.1 https://bulbapedia.bulbagarden.net/wiki/New_series
  29. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ HZ
  30. 13 โปเกมอนในตำนานพร้อมถล่มจอใน โปเกมอนเดอะมูฟวี่ อภิมหาศึกฮูปาถล่มโลก
  31. "Pokémon 2.B.A. Master Soundtrack CD". สืบค้นเมื่อ 2008-07-18.
  32. "Pokémon: The First Movie Soundtrack CD". สืบค้นเมื่อ 2008-07-18.
  33. "Pokémon Trading Card Game "How to play" guide". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-05-22. สืบค้นเมื่อ 2013-04-02. Pokemon-tcg.com. Retrieved July 3, 2006.
  34. 34.0 34.1 Pokémon Trading Card Game News; "Pokémon Ruby & Sapphire TCG Releases" Wizards.com. Retrieved July 3, 2006.
  35. "Pokemon Card GB2 info on GameFAQs". Retrieved June 8, 2008.
  36. Carder, Thomas A. Pokémon: The Movie (1999).ChildCare Action Project: 1999
  37. "Japan's Religion and Philosophy (Shinto, Buddhism, Christianity, Religion in Japan Today)". Asianinfo.org. สืบค้นเมื่อ May 21, 2010.
  38. Religion in Japan
  39. Silverman, Stephen M. Pokemon Gets Religion เก็บถาวร 2012-06-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. People
  40. Pokémon trumped by pocket saints. BBC: June 27, 2000.
  41. "Koga's Ninja Trick". Bulbapedia. สืบค้นเมื่อ August 10, 2010.
  42. Fitzgerald, Jim (December 3, 1999). "'Swastika' Pokemon card dropped". Chicago Sun-Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-12-11. สืบค้นเมื่อ 2013-04-03.
  43. "Saudi bans Pokemon". CNN. March 26, 2001. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-01-18. สืบค้นเมื่อ 2013-04-03.
  44. "Saudi Arabia bans Pokemon". BBC News. March 26, 2001. สืบค้นเมื่อ February 13, 2009.
  45. Ramlow, Todd R. Pokemon, or rather, Pocket Money. Popmatters: 2000
  46. Crowley, Kieran. "Lawsuit Slams Pokemon As Bad Bet for Addicted Kids". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2000-10-22. สืบค้นเมื่อ 2013-04-03.. New York Post: October 1999
  47. Pokemon packs a punch. Retrieved January 7, 2007.
  48. Wudunn, Sheryl (December 18, 1997). "TV Cartoon's Flashes Send 700 Japanese Into Seizures". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 2008-11-21.
  49. ""Color Changes in TV Cartoons Cause Seizures". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2004-11-08. สืบค้นเมื่อ 2013-03-17.", ScienceDaily (Waybacked).
  50. "Thirty Minutes Over Tokyo". The Simpsons Archive. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-27. สืบค้นเมื่อ July 16, 2008.
  51. "South Park Goes Global: Reading Japan in Pokemon". University of Auckland. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-17. สืบค้นเมื่อ September 30, 2008.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  52. "Pokemon Sightings and Rip-offs". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-27. สืบค้นเมื่อ June 29, 2008.
  53. Opening Date of Store
  54. "Information on the Store". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-13. สืบค้นเมื่อ 2013-04-02.
  55. "Tour Site Page". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-01-02. สืบค้นเมื่อ 2013-04-02.
  56. Manhattan Living Page On Store by the Wayback Machine beta.
  57. Joseph Jay Tobin (2004). Pikachu's global adventure: the rise and fall of Pokémon. Duke University Press. ISBN 0-8223-3287-6 ISBN 9780822332879. {{cite book}}: ตรวจสอบค่า |isbn=: ตัวอักษรไม่ถูกต้อง (help)
  58. "Pokemon Profile Picture Month". Facebook. 2010. สืบค้นเมื่อ December 5, 2010.
  59. Castro, Juan (May 20, 2005). "E3 2005: Digimon World 4". IGN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-20. สืบค้นเมื่อ April 4, 2010.
  60. Thomas, Lucas M. (August 21, 2009). "Cheers & Tears: DS Fighting Games". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-06-30. สืบค้นเมื่อ April 4, 2010.
  61. Bedigian, Louis (July 12, 2002). "Digimon World 3 Review". GameZone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-27. สืบค้นเมื่อ May 1, 2010.
  62. DeVries, Jack (November 22, 2006). "Digimon World DS Review". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-20. สืบค้นเมื่อ May 8, 2010.
  63. "Related Games". GameSpot. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-28. สืบค้นเมื่อ May 8, 2010.

แหล่งข้อมูลอื่น