ซาโตชิ ทาจิริ

(เปลี่ยนทางจาก ซะโตะชิ ทะจิริ)

ซาโตชิ ทาจิริ (ญี่ปุ่น: 田尻 智โรมาจิSatoshi Tajiri เกิด 28 สิงหาคม ค.ศ. 1965[1]) เป็นนักออกแบบวิดีโอเกมชาวญี่ปุ่น รู้จักกันดีที่สุดในฐานะผู้สร้างแฟรนไชส์โปเกมอน และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทพัฒนาวิดีโอเกม เกมฟรีก ทาจิริ เป็นผู้ชื่นชอบเกมอาเขต เขาได้เขียนและปรับปรุงแฟนซีนเกี่ยวกับวิดีโอเกมชื่อ เกมฟรีก ร่วมกับ เค็น ซุงิโมริ ก่อนพัฒนาเป็นการก่อตั้งบริษัทในชื่อเดียวกัน ทาจิริกล่าวว่าการเชื่อมต่อเกมบอยสองเครื่องด้วยสายเคเบิลบันดาลใจให้เขาสร้างเกมที่เกิดจากการสะสมแมลง ซึ่งเป็นการสะสมและกิจกรรมที่เป็นเพื่อน ๆ ของเขาในวัยเด็ก เกมใช้เวลา 6 ปีพัฒนาจนเสร็จสมบูรณ์ เกิดเป็นเกมโปเกมอนภาคเรดและโปเกมอนภาคกรีน และนำไปสู่แฟรนไชส์ระดับหลายพันล้านที่ช่วยประคับประคองเครื่องเล่นเกมมือถือของบริษัทนินเทนโดไว้ได้ ทาจิริยังคงเป็นผู้บริหารแฟรนไชส์โปเกมอนจนถึงช่วงพัฒนาเกมโปเกมอนภาครูบีและแซฟไฟร์ หลังจากนั้นเขาเปลี่ยนมาทำหน้าที่ผู้ควบคุมการผลิตอย่างง่ายแทน

ซาโตชิ ทาจิริ
田尻 智
เกิด (1965-08-28) 28 สิงหาคม ค.ศ. 1965 (59 ปี)
เซตางายะ, โตเกียว
สัญชาติญี่ปุ่น
ศิษย์เก่าวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งชาติโตเกียว
อาชีพนักออกแบบวิดีโอเกม
ปีปฏิบัติงาน1989-ปัจจุบัน
นายจ้างเกมฟรีก
มีชื่อเสียงจากสร้างแฟรนไชส์โปเกมอน
ผลงานเด่นโปเกมอน; เมนเดลพาเลซ; พัลส์แมน

ทาจิริยังทำงานให้โครงการอื่น ๆ เช่น มาริโอภาคแยก และเดอะเลเจนด์ออฟเซลดา ด้วย ผลงานของเขาทำให้ได้รับเกียรติมากมายจากเพื่อน ๆ

ชีวิตช่วงต้น

แก้

ทาจิริเกิดวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1965 ในโตเกียว เป็นบุตรของพนักงานขายรถยนต์นิสสัน และแม่บ้าน[2] ทาจิริเติบโตในเมืองมาจิดะ โตเกียว ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเมืองที่ได้รับการดูแลดีและมีบรรยากาศแบบชนบท[3] เมื่อยังเด็ก ทาจิริชอบสะสมแมลงเป็นงานอดิเรก และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาทำงานวิดีโอเกม[4] เด็กคนอื่น ๆ เรียกเขาว่า "ดร.บั๊ก" (Dr.Bug)[3] และเขาต้องการเป็นนักกีฏวิทยา[2] ขณะที่พื้นที่เมืองของญี่ปุ่นแผ่ขยายกว้างขึ้น และพื้นดินถูกถางออก ที่อยู่อาศัยของแมลงจึงหายไป ทาจิริอยากให้เกมของเขาทำให้เด็กได้จับและสะสมสิ่งมีชีวิตที่เขาเคยมี[4] ตัวละครซาโตชิหรือแอช เคตชัม คือทาจิริในร่างเด็ก[3]

เขารู้สึกหลงใหลเกมตู้ขณะยังเป็นวัยรุ่น แม้ว่าพ่อแม่ของเขาคิดว่าเขาจะใช้เวลาว่างเป็นเด็กเกเร[2] เขาชอบเล่นเกมสเปซอินเวเดอส์ของไทโตะ ซึ่งพาให้เขาหลงใหลวิดีโอเกมอื่น ๆ ไปด้วย[3] ในที่สุดเขาเริ่มสนใจพยายามวางแผนทำเกมของตนเอง เขาถอดชิ้นส่วนของเกมแฟมิคอมออกเพื่อดูการทำงานภายใน และชนะการประกวดแนวคิดทำวิดีโอเกมที่สนับสนุนโดยเซก้า[3]

เนื่องจากความหลงใหลในเกม ทาจิริหนีเรียนบ่อยครั้งและเกือบเรียนไม่จบไฮสกูล ทำให้พ่อแม่ของเขาที่รู้สึกว่าเขาละทิ้งอนาคตของเขา รู้สึกสับสนและผิดหวัง พ่อของเขาพยายามหางานให้เขาทำที่บริษัทไฟฟ้า โตเกียวอิเล็กทริกเพาเวอร์คอมพานี แต่ทาจิริปฏิเสธตำแหน่งดังกล่าว[2] เขาเรียนชดเชยและในที่สุดก็ได้รับเกียรติบัตรจากไฮสกูล[5] ทาจิริไม่ได้เข้าเรียนระดับวิทยาลัยแต่เข้าเรียนโปรแกรมเทคนิคระยะเวลา 2 ปีที่วิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งชาติโตเกียว เอกวิชาอิเล็กทรอนิกส์และวิทยาการคอมพิวเตอร์[2]

อ้างอิง

แก้
  1. "Satoshi Tajiri Biography". IGN. News Corporation. 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-19. สืบค้นเมื่อ 27 January 2010.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 Chua-Eoan, Howard; Tim Larimer (14 November 1999). "Beware of the Pokemania". Time. New York City: Time Inc. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-17. สืบค้นเมื่อ 28 January 2010.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 Larimer, Tim (22 November 1999). "The Ultimate Game Freak". Time. New York City: Time Inc. 154 (20). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-25. สืบค้นเมื่อ 27 January 2010.
  4. 4.0 4.1 "Top 100 Game Creators of All Time". IGN. News Corporation. 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-19. สืบค้นเมื่อ 27 January 2010.
  5. Morrison, Don (22 November 1999). "To Our Readers". Time. New York City: Time Inc. 154 (20): 2–3. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-07-24. สืบค้นเมื่อ 27 January 2010.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้