เอร์นัน เกรสโป
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
เอร์นัน ฆอร์เฆ เกรสโป (สเปน: Hernán Jorge Crespo; เกิดวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2518) อดีต นักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา เป็นหนึ่งในดาวยิงคนสำคัญของฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา เล่นเป็นตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า เกรสโปเป็นศูนย์หน้าที่มีความสามารถในการเข้าทำประตูได้ดีคนหนึ่งของโลก มีความรวดเร็ว สามารถยิงได้ทั้งสองเท้าใช้โอกาสไม่เปลือง และทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอ แฟนบอลให้ฉายาว่า "บัลดานิโต" เพราะลักษณะการวิ่งเหมือนกับฆอร์เฆ บัลดาโน นักเตะทีมชาติอาร์เจนตินาชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1986
ข้อมูลส่วนตัว | |||
---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | เอร์นัน ฆอร์เฆ เกรสโป | ||
วันเกิด | 5 กรกฎาคม ค.ศ.1975 (47ปี) | ||
สถานที่เกิด | บัวโนสไอเรส , อาร์เจนตินา | ||
ส่วนสูง | 184 ซ.ม. (6 ft 0 in) | ||
ตำแหน่ง | กองหน้า | ||
ข้อมูลสโมสร | |||
สโมสรปัจจุบัน | อัลอัยน์ (ผู้จัดการทีม) | ||
สโมสรเยาวชน | |||
1988-1993 | ริเวอร์เพลต | ||
สโมสรอาชีพ* | |||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) |
1993–1996 | ริเวอร์เพลต | 62 | (24) |
1996–2000 | ปาร์มา | 116 | (62) |
2000–2002 | ลาซิโอ | 54 | (39) |
2002–2003 | อินเตอร์ มิลาน | 18 | (7) |
2003–2008 | เชลซี | 49 | (20) |
2004–2005 | → มิลาน (ยืม) | 28 | (10) |
2006–2008 | → อินเตอร์ มิลาน(ยืม) | 49 | (18) |
2008–2009 | อินเตอร์ มิลาน | 14 | (2) |
2009–2010 | เจนัว | 16 | (5) |
2010–2012 | ปาร์มา | 46 | (10) |
รวม | 453 | (197) | |
ทีมชาติ‡ | |||
1996 | อาร์เจนตินา รุ่นอายุไม่เกิน23ปี | 6 | (6) |
1995–2007 | อาร์เจนตินา | 64 | (35) |
จัดการทีม | |||
2014–2015 | ปาร์มา รุ่นเด็ก | ||
2015–2016 | โมเดน่า | ||
2019–2020 | แบนฟิลด์ | ||
2020–2021 | เดเฟนซา จัสติเซีย | ||
2021 | เซาเปาลู | ||
2022–2023 | อัดดุฮัยล์ | ||
2023– | อัลอัยน์ | ||
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 2006 |
สโมสร
แก้เกรสโปเกิดที่เมืองโฟลริดาในย่านบิเซนเตโลเปซ ซึ่งเป็นย่านชานเมืองทางตอนเหนือของกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เริ่มเป็นเล่นบอลครั้งแรกกับสโมสรฟุตบอลริเวอร์เพลต ในฤดูกาล 1993-1994 ทำประตูได้ 13 ประตู จากการลงเตะ 25 นัด และช่วยให้ริเวอร์เพลตคว้าแชมป์อาเปร์ตูราในปี ค.ศ. 1993 และ 1994 และช่วยทำให้ริเวอร์เพลตคว้าแชมป์โกปาลีเบร์ตาโดเรส (ซึ่งเป็นถ้วยฟุตบอลใบใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้) ได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1996
ในปี ค.ศ. 1996 เกรสโปได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรฟุตบอลปาร์มาในประเทศอิตาลี ช่วงที่อยู่ปาร์มาก็ช่วยทำให้ได้รองแชมป์ลีกด้วยการยิงไป 12 ประตู จากการลงเล่น 27 นัด และในปี ค.ศ. 1999 ก็ช่วยให้ปาร์มาได้ดับเบิลแชมป์ด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่าคัพและอิตาเลียนคัพได้สำเร็จ ก่อนที่จะย้ายมาร่วมทีมลาซิโอในปี ค.ศ. 2000 ด้วยค่าตัวแพงเป็นสถิติโลก ซึ่งมีนักเตะเพียงไม่กี่คนที่มีค่าตัวระดับนี้
เกรสโปเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกคนหนึ่ง ในช่วงที่ย้ายทีมจากสโมสรฟุตบอลปาร์มามาที่สโมสรฟุตบอลลาซิโอ เป็นเงิน 37,000,000 ปอนด์ และเล่นให้กับสโมสรลาซิโออยู่เพียง 2 ฤดูกาล คือ ฤดูกาล 2000-2001 และ 2001-2002 โดยฤดูกาลแรกที่อยู่กับลาซิโอ เกรสโปก็ยิงได้ 26 ประตูและเป็นดาวซัลโวสูงสุดในกัลโชเซเรียอา แต่ลาซิโอได้เพียงแค่อันดับที่ 3 เท่านั้น ในฤดูกาล 2001-2002 เกรสโปบาดเจ็บอยู่พักหนึ่งและลงเล่นเป็นตัวจริงไม่กี่นัด ทำประตูได้ 14 ประตู
ในปีถัดมา ทางลาซิโอมีปัญหาทางการเงิน จึงจำใจต้องขายนักเตะที่สำคัญออกไป ซึ่งมีนักเตะซูเปอร์สตาร์ทั้งอาเลสซานโดร เนสตา และเอร์นัน เกรสโปรวมอยู่ด้วย โดยขายให้กับอินเตอร์มิลาน ทางอินเตอร์ได้ทำข้อตกลงซื้อเกรสโปด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร พร้อมแถมแบร์นาร์โด กอร์ราดีให้กับทางลาซิโออีกด้วย ซึ่งอินเตอร์ต้องการเกรสโปมาทดแทนโรนัลโดที่ย้ายไปอยู่กับเรอัลมาดริด เกรสโปอยู่กับทางอินเตอร์ได้เพียงฤดูกาลเดียวก็เป็นที่หมายตาของเซลซี ภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมเกลาดีโอ รานีเอรี ที่ต้องการนักเตะซูเปอร์สตาร์เข้ามาเสริมทีม ซึ่งเป็นช่วงที่โรมัน อับราโมวิชทุ่มซื้อเชลซีและให้ผู้จัดการทีมเลือกนักเตะซูเปอร์สตาร์ที่ต้องการโดยพร้อมจ่ายเท่าไรก็ได้ โดยเชลซีทุ่มซื้อเกรสโปด้วยจำนวนเงินกว่า 16,800,000 ปอนด์ เกรสโปจึงย้ายไปค้าแข้งบนเกาะอังกฤษกับเชลซีในปี ค.ศ. 2003
ซึ่งช่วงเวลาที่ย้ายไปอยู่กับเชลซีฤดูกาลแรกนั้น เกรสโปได้ลงเพียง 19 นัด ทำไป 10 ประตู ก่อนที่เชลซีจะเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็นโชเซ มูรีนโย ในฤดูกาลปี 2004-2005 เกรสโปไม่อยู่ในแผนการทำทีม จึงถูกปล่อยให้เอซีมิลานยืมตัวไป 1 ฤดูกาล ฟอร์มการเล่นของเกรสโปจึงดีขึ้นและมีส่วนช่วยให้เอซีมิลานเข้าชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก พบกับลิเวอร์พูล ซึ่งนัดนี้เกรสโปช่วยทำประตูให้มิลาน 2 ประตู ก่อนที่จะเสมอกัน 3-3 และสุดท้ายพ่ายต่อลิเวอร์พูลในการดวลจุดโทษ ในฤดูกาล ปี 2005-2006 เกรสโปกลับมาเล่นให้เชลซีอีกครั้ง คราวนี้ได้ลงเป็นตัวจริงบ่อยครั้งมากขึ้น แต่ผลงานการทำประตูยังไม่เข้าตาผู้จัดการทีมมากนัก แต่ก็ยังอยู่ในการทำทีมของเชลซี ฤดูกาลถัดมาเชลซีได้ดึงตัวอันดรีย์ เชฟเชนโคมาร่วมทีม ทำให้เกรสโปไม่อยากอยู่เป็นตัวสำรอง เชลซีจึงปล่อยตัวให้อินเตอร์มิลานยืมตัว ด้วยสัญญายืมตัว 2 ปี
ช่วงที่กลับมาอยู่กับอินเตอร์มิลานเป็นครั้งที่ 2 เกรสโปมีส่วนช่วยให้ทีมได้เป็นแชมป์กัลโชเซเรียอาเป็นสมัยที่ 15 ในฤดูกาล 2006-2007 เป็นอย่างมาก เพราะได้เข้ามาทดแทนกองหน้าที่มีปัญหา เช่น อาเดรียนู ที่ฟอร์มการเล่นตกต่ำลงในฤดูกาลนี้พอดี จึงเป็นผลให้เกรสโปได้โอกาสลงสนามมากขึ้น สามารถทำประตูได้ 14 ลูก จากการลงเล่น 28 นัด ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2006 เกรสโปทำประตูที่ 125 ในเซเรียอา โดยการช่วยให้อินเตอร์มิลานเอาชนะซีเอนา 2 เมษายน ค.ศ. 2007 ก็ทำประตูที่ 200 ในการเล่นทั้งหมด 400 นัด นับตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 1996 เป็นต้นมา โดยเฉลี่ยแล้วยิง 0.5 ประตูต่อ 1 นัด และในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2007 เกรสโปก็ทำแฮตทริกช่วยให้อินเตอร์มิลานเอาชนะลาซิโอ 4-3 แต่ในรายการโคปปาอิตาเลีย ซึ่งอินเตอร์มิลานมีโอกาสลุ้นได้ดับเบิลแชมป์นั้น เกรสโปไม่สามารถช่วยพาทีมเป็นแชมป์ได้โดยแพ้ต่อโรมาอย่างยับเยินไปด้วยสกอร์รวม 2 นัด 7-4
ทีมชาติ
แก้ติดทีมชาติครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1995 ในนัดอุ่นเครื่องพบกับทีมชาติบัลแกเรียที่เมืองเมนโดซาของอาร์เจนตินา ในปี ค.ศ. 1996 ก็ได้ติดทีมชาติไปเล่นฟุตบอลโอลิมปิกที่สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ ซึ่งทีมชาติอาร์เจนตินาได้เพียงเหรียญเงินในโอลิมปิกครั้งนั้น ด้วยการพ่ายต่อทีมชาติไนจีเรีย 3-2 แต่เกรสโปก็ยังคงเป็นดาวซัลโวสูงสุดในฟุตบอลโอลิมปิกครั้งนั้นด้วยการยิงไปทั้งหมด 6 ประตูด้วยกัน และได้ไปเล่นฟุตบอลโลกปี ค.ศ. 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส แต่เกรสโปก็เป็นตัวสำรอง เพราะต้องหลีกทางให้กับรุ่นพี่อย่างกาเบรียล บาติสตูตา ซึ่งครั้งนั้นทีมชาติอาร์เจนตินาทำได้ดีที่สุดเพียงรอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อพลาดท่าแพ้ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในช่วงไม่กี่นาทีจะหมดเวลาไป 2-1 โดยการยิงอย่างเหนือชั้นของเดนนิส เบิร์กแคมป์ ในปี ค.ศ. 2002 เกรสโปติดทีมชาติได้มาเล่นบอลโลกอีกครั้ง คราวนี้ทีมชาติอาร์เจนตินาได้อยู่กลุ่มแห่งความตาย โดยในกลุ่มนี้มีทีมชาติอังกฤษ สวีเดน และไนจีเรียอยู่ร่วมสาย ทำให้ทีมชาติอาร์เจนตินาต้องตกรอบแรกอย่างพลิกความคาดหมาย โดยได้เพียงอันดับที่ 3 ในกลุ่มนี้เท่านั้น เกรสโปทำประตูได้เพียง 1 ลูกเท่านั้นจากนัดที่เสมอกับสวีเดน 1-1
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2005 ทีมชาติอาร์เจนตินาต้องเล่นบอลโลกรอบคัดเลือกโดยเผชิญกับบราซิล ทีมคู่ปรับตลอดกาล นัดนี้ทีมชาติอาร์เจนตินาสามารถเอาชนะไปได้ 3-1 ที่กรุงบัวโนสไอเรส โดยนัดนี้เกรสโปสามารถทำได้ 2 ประตู
เกรสโปทำได้ 4 ประตูในการลงแข่งฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 3 สมัย ฟุตบอลโลก 1998 ไม่สามารถทำประตูได้เพราะเป็นตัวสำรอง 1 ลูกในนัดที่เจอสวีเดนในฟุตบอลโลก 2002 ที่เหลืออีก 3 ลูกทำได้ในฟุตบอลโลก 2006 ในนัดที่เจอโกตดิวัวร์ เซอร์เบีย และรอบ 16 ทีมสุดท้ายพบกับฟุตบอลทีมชาติเม็กซิโก และได้รับรางวัลรองเท้าเงินจากฟีฟ่าในปี ค.ศ. 2006
สถิติการยิงประตู
แก้ฤดูกาล | สโมสร | ประเทศ | ลีก | ลงสนาม | ประตู |
---|---|---|---|---|---|
1993/94 | ริเวอร์เพลต | อาร์เจนตินา | ปริเมราดิบิซิออน | 25 | 13 |
1994/95 | ริเวอร์เพลต | อาร์เจนตินา | ปริเมราดิบิซิออน | 18 | 5 |
1995/96 | ริเวอร์เพลต | อาร์เจนตินา | ปริเมราดิบิซิออน | 21 | 5 |
1996/97 | ปาร์มา | อิตาลี | เซเรียอา | 27 | 12 |
1997/98 | ปาร์มา | อิตาลี | เซเรียอา | 25 | 12 |
1998/99 | ปาร์มา | อิตาลี | เซเรียอา | 30 | 16 |
1999/00 | ปาร์มา | อิตาลี | เซเรียอา | 34 | 22 |
2000/01 | ลาซิโอ | อิตาลี | เซเรียอา | 32 | 26 |
2001/02 | ลาซิโอ | อิตาลี | เซเรียอา | 22 | 13 |
2002/03 | อินเตอร์มิลาน | อิตาลี | เซเรียอา | 18 | 7 |
2003/04 | เชลซี | อังกฤษ | พรีเมียร์ลีก | 19 | 10 |
2004/05 | เอซี มิลาน | อิตาลี | เซเรียอา | 29 | 11 |
2005/06 | เชลซี | อังกฤษ | พรีเมียร์ลีก | 30 | 10 |
2006/07 | อินเตอร์มิลาน | อิตาลี | เซเรียอา | 28 | 14 |
รวม | 358 | 176
|
จากตารางประตูที่ยิงได้นับเฉพาะเล่นในลีกเท่านั้น ยังไม่ได้นับประตูจากบอลถ้วยยูโรป ถ้วยอื่นในลีก และประตูที่ทำได้ในทีมชาติ
เกียรติประวัติ
แก้นักเตะ
แก้- แชมป์พรีเมียร์ลีก : 1
- เชลซี : ฤดูกาล 2005-2006
- แชมป์กัลโชเซเรียอา : 2
- อินเตอร์มิลาน : ฤดูกาล 2006-2007 , 2007-2008
- แชมป์อาเปร์ตูรา : 3
- ริเวอร์เพลต : 1993 , 1994 , 1996
- แชมป์โกปาลีเบร์ตาโดเรส : 1
- ริเวอร์เพลต : 1996
- โคปปาอิตาเลีย : 1
- ปาร์มา : 1999
- อิตาเลียนซูเปอร์คัพ : 4
- ปาร์มา : 1999
- ลาซิโอ : 2000
- เอซีมิลาน : 2004
- อินเตอร์มิลาน : 2006
- คอมมิวนิตีชีลด์ : 1
- เชลซี : 2005
- รายบุคคล
ผู้จัดการ
แก้เดเฟนซา จัสติเซีย
เซาเปาลู
อัดดุฮัยล์
อัลอัยน์