วัดพระศรีมหาอุมาเทวี

โบสถ์พราหมณ์แบบอินเดียใต้ในกรุงเทพมหานคร
(เปลี่ยนทางจาก วัดแขกสีลม)

วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (ทมิฬ: அருள்மிகு ஶ்ரீ மஹாமாரி அம்மன் கோவில் อรุลมิกุ ศรี มหามาริอัมมัน โกวิล)[1] หรือ วัดแขกสีลม เป็นโบสถ์พราหมณ์ ตั้งอยู่เลขที่ 2 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ถวายการบูชาพระแม่มริอัมมัน เจ้าแม่พื้นเมืองท้องถิ่นในอินเดียภาคใต้ซึ่งถูกการผสานความเชื่อ ซึ่งถูกอธิบายว่าเป็นอวตารของพระแม่อุมาเทวี พระชายาของพระศิวะตามคติพหุเทวนิยมในศาสนาฮินดูเป็นเทพประธานของวัดแห่งนี้[2][3]

วัดพระศรีมหาอุมาเทวี
அருள்மிகு ஶ்ரீ மஹாமாரி அம்மன் கோவில்
โคปุระของวัดพระศรีมหาอุมาเทวี
ศาสนา
ศาสนาศาสนาฮินดู
เทพพระแม่มริอัมมัน
เทศกาลนวราตรี
สถานะโบสถ์พราหมณ์ ลัทธิศักติ
ที่ตั้ง
ที่ตั้งเลขที่ 2 ถนนปั้น แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร
ประเทศประเทศไทย
วัดพระศรีมหาอุมาเทวีตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีมหาอุมาเทวี
แผนที่แสดงที่ตั้งในกรุงเทพมหานคร
พิกัดภูมิศาสตร์13°43′17″N 100°31′22″E / 13.72139°N 100.52278°E / 13.72139; 100.52278
สถาปัตยกรรม
ผู้ก่อตั้งไวตรี ประเดียอะจิ
เสร็จสมบูรณ์ราว พ.ศ. 2453-2454

ประวัติ

แก้

เทวสถานนี้มีหลักฐานปรากฏมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ราว พ.ศ. 2453-2454 โดยคณะผู้ศรัทธาชาวทมิฬผู้อาศัยอยู่ย่านตำบลริมคลองสีลม และตำบลหัวลำโพง อำเภอบางรัก เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่บนดินแดนย่านแหลมมลายูรวมทั้งทางภาคใต้ของประเทศไทย

เมื่อนายไวตี พ่อค้าวัว และญาติมิตรชาวฮินดูที่ตั้งบ้านเรือนและประกอบอาชีพอยู่ย่านตำบลหัวลำโพง อำเภอบางรัก และตำบลริมคลองสีลม อำเภอบางรัก มีศรัทธาจัดสร้างวัดเพื่อเป็นที่บูชาพระอุมาเทวี ตามลัทธิศักติทางศาสนาฮินดู โดยเริ่มต้นตั้งเป็นศาลไม้ใต้ต้นสะเดาในไร่อ้อยริมคลองสีลม แถววัดวัวลำพองหรือหัวลำโพงในปัจจุบันนี้

ต่อมาคณะกรรมการผู้ก่อตั้งวัด เช่น นายไวตรี ประเดียอะจิ (ต้นตระกูลไวตี เจ้าของเดิมที่ดินใน ซ.สีลม 13 หรือ ซ.ไวตี ถนนสีลม) นายนารายเจติ นายโกบาระตี ได้หาที่ดินเพื่อตั้งสถานที่ถาวร โดยขอแลกที่ดินของพวกตนกับที่ดินสวนผักริมคลองสีลมของนางอุปการโกษากร (ปั้น วัชราภัย) มรรคนายิกาวัดสุทธิวราราม ภรรยาหลวงอุปการโกษากร (เวก หรือ เวท วัชราภัย) ปัจจุบันเป็นหัวถนนปั้นด้านที่ตัดกับถนนสีลม โดยนำเทวรูปองค์เทพและ เทวี ต่าง ๆ มาจากประเทศอินเดียโดยมีพระแม่มารีอัมมันเป็นองค์ประธานของเทวสถาน รวมทั้งเทวรูปศิลาสลักพระพิฆเนศ และเทพแห่งความสำเร็จ ผู้ที่ได้รับการประทานพรจากพระศิวะ เทพบิดร ให้เป็นเทพผู้ได้รับการเริ่มต้นบูชาก่อนการบูชาเทพ-เทพีองค์อื่น ๆ ทุกครั้ง

วัดพระศรีมหาอุมาเทวีเป็นเทวสถานในลัทธิศักติ คือนับถือเทวีเป็นหลัก เช่น พระศรีมหาอุมาเทวี พระชายาของพระศิวะ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพระผู้ทำลาย ถือได้ว่าเมื่อยามที่พระองค์เสวยร่างเป็นเจ้าแม่อุมา จะเป็นเจ้าแห่งความเมตตากรุณา และงามสง่า ดังนั้นผู้มีจิตศรัทธาจึงนิยมไปกราบไหว้บูชา และขอพร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องความรัก และเรื่องการขอบุตร

สถาปัตยกรรมและศิลปกรรม

แก้
 
ซุ้มโคปุระวัดพระศรีมหาอุมาเทวี

สถาปัตยกรรมและศิลปกรรมของเทวสถานเป็นลักษณะศิลปะประเพณีโบราณของอินเดียตอนใต้ (สถาปัตยกรรมดราวิเดียน) ผสมผสานกัน ระหว่างสมัยโจฬะและปาละ ในอินเดีย ซึ่งจะพบศิลปะทางสถาปัตยกรรมแบบนี้ได้ในเทวาลัยตอนใต้ของประเทศอินเดียโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐทมิฬนาดู

ด้านในเทวสถานมีโบสถ์ตั้งอยู่ตรงกลาง หันหน้าไปด้านถนนปั้น ด้านในสุดของโบสถ์แบ่งเป็น 3 ซุ้ม ซุ้มใหญ่ตรงกลาง มี 2 ล็อก ล็อกหน้าเป็นทางเดินเข้า ล็อกในประดิษฐาน เทวรูปปูนปั้น และเทวรูปหล่อลอยองค์ พระแม่มารีอัมมัน ซุ้มด้านซ้ายและขวาของโบสถ์ ประดิษฐานเทวรูปของพระโอรสทั้งสอพระองค์ ซุ้มด้านซ้าย (ด้านข้างในเทวสถาน) เป็นซุ้มประดิษฐานเทวรูปศิลาสลักองค์พระพิฆเนศ ซุ้มด้านขวา (ด้านริมถนนสีลม) ประดิษฐานเทวรูปสลักศิลาองค์ พระขันทกุมาร ซุ้มในโบสถ์ทั้ง 3 ซุ้มนี้ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปข้างใน ยกเว้นพราหมณ์พิธีผู้มีคุณสมบัติอันสมควร แถวด้านซ้ายของโบสถ์หน้าซุ้มพระพิฆเนศ มีแท่นตั้งมีเทวรูปรูปหล่อลอยองค์พร้อมแท่นวางมีห่วงเหล็กที่สร้างไว้สำหรับอัญเชิญออกแห่ในงานพิธีหรือเทศกาลต่าง ๆ ของเทวสถาน อันได้แก่ พระพิฆเนศ พระศิวะ พระกฤษณะ พระวิษณุ พระลักษมี พระขันทกุมาร พระแม่มารีอัมมัน พระแม่กาลี พระสรัสวดีและมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ เป็นพระพุทธชินราชจำลองตั้งวางอยู่ด้านข้างประตูโบสถ์ด้านใน ส่วนด้านขวาของโบสถ์หน้าซุ้มเทวรูปศิลา พระขันทกุมาร มีซุ้มพระนาฎรายาและพระแม่ศิวะกามี เทวรูปพระหนุมาน, ตู้เก็บใบคำทำนายเซียมซีของวัด ทางเข้าด้านหน้าโบสถ์ทั้งซ้ายขวา เป็นสถานที่สำหรับจำหน่ายเครื่องบูชาและเทวรูปวัตถุมงคลต่างๆ ของทางเทวสถาน

ด้านลานเทวสถานด้านหน้าโบสถ์มีเสาสีทองขนาดใหญ่สูงเท่าหลังคาโบสถ์ ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างประตูหน้าของเทวสถานและช่องกลางโบสถ์ซึ่งมีซุ้มใหญ่ตรงกลาง ที่ประดิษฐานพระศรีมหามารีอัมมันอยู่ด้านในสุด ด้านบนสุดของเสาเป็นโยนีลิงก์ขนาดใหญ่ ซึ่งจะถูกตกแต่งประดับประดาและชักธงรูปสิงห์ประจำองค์พระแม่ ขึ้นในช่วงสัปดาห์เทศกาลนวราตรี

บนลานหน้าเทวสถานมีเทวาลัยขนาดเล็กอีก 3 เทวาลัย เทวาลัยแรกอยู่บริเวณกลางลานหน้าโบสถ์ด้านขวา (ด้านถนนสีลม) เป็นเทวาลัยประดิษฐานศิวลึงค์อันเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระศิวะ อีก 2 เทวาลัยอยู่ที่มุมริมสุดด้านหน้าของเทวสถานด้านถนนปั้นตัดกับถนนสีลม เป็นเทวาลัยประดิษฐานพระพรหม และเทวาลัยประดิษฐานเทวรูปเทวดานพเคราะห์ริมรั้วด้านถนนสีลมระหว่างเทวาลัยพระพรหมและศิวลึงค์ มีหอระฆังที่ต้องตีตลอดเวลาขณะที่พราหมณ์ทำพิธีบูชาเทพเจ้า

ส่วนด้านข้างของเทวสถานริมซ้ายติดกับบ้านเรือนของเอกชนในถนนปั้น ใกล้รั้วเป็นซุ้มใหญ่ประดิษฐานเทวรูปอีก 3 ซุ้มซึ่งเป็นเทพท้องถิ่นของชาวอินเดียใต้ ได้แก่พระอัยนาร์ พระแม่สัปตกรรณี พระแม่เปชายี พระอัคนีวิรัน พระแม่เปะริยาจจิ พระมาดูไรวีรั่น พระกัตตราวรายัน ถัดเข้าไปข้างในเป็นแผ่นสลักรูป ศรียันตรามหาลักษมี ซึ่งหันหน้าเข้าหาถนนสีลมถัดเข้าอีกเป็นอาคารสำนักงานของทางวัด

เทศกาลนวราตรี

แก้

ในช่วงวันขึ้น 1-9 ค่ำ เดือน 11 รวม 9 วัน 9 คืนนั้น เป็นช่วงเวลาของเทศกาลดูเซร่า หรือนวราตรี ของชาวฮินดู ซึ่งจะเป็นงานแห่พระแม่ในวันที่ 10 ของเทศกาลนวราตรีหรือวันวิชัยทัศมี และเชื่อกันว่าในช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่พระแม่และขบวนเทพจะเสด็จมายังโลกเพื่อประทานพรให้กับมนุษย์

อ้างอิง

แก้

"สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-07-10. สืบค้นเมื่อ 2007-07-07. โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 มิถุนายน 2550 16:50 น.

แผนที่

แก้
  1. https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2198380970426241&id=100007630781298
  2. https://www.matichonacademy.com/tour-story/%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%A1
  3. https://www.finearts.go.th/promotion/view/22581-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B5