พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

(เปลี่ยนทางจาก พรรคคอมมิวนิสต์สยาม)

พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) (อังกฤษ: Communist Party of Thailand - CPT) เป็นพรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย ดำเนินแนวทางตามลัทธิมาร์กซ์ ลัทธิเลนิน และลัทธิเหมา พรรคก่อตั้งในปี พ.ศ. 2485 แต่ไม่เคยจดทะเบียนจัดตั้งตามกฎหมายอย่างเป็นทางการ แม้ว่าจะเคยมีอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยสังกัดพรรคอยู่ช่วงหนึ่ง[5] แต่บทบาทส่วนใหญ่ของพรรคเป็นที่จดจำจากเหตุการณ์การก่อการกำเริบคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นการจับอาวุธขึ้นสู้กับทางการไทย

พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
ชื่อย่อพคท.
ผู้ก่อตั้งโฮจิมินห์
หัวหน้าวิชัย ชูธรรม[1][2][3]
ก่อตั้งพ.ศ. 2485[4]
ถูกยุบมีความเคลี่อนไหวทางการเมืองครั้งสุดท้ายในช่วงพุทธทศวรรษที่ 2520
แยกจากพรรคคอมมิวนิสต์ทะเลใต้
หนังสือพิมพ์มหาชน (หนังสือพิมพ์) [en]
ฝ่ายทหารกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย
สื่อหลักสถานีเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย
อุดมการณ์คอมมิวนิสต์
ลัทธิมากซ์–เลนิน
ลัทธิเหมา
จุดยืนซ้ายจัด
สีแดง
เพลงแองเตอร์นาซิอองนาล และ ภูพานปฏิวัติ
ธงประจำพรรค
การเมืองไทย
รายชื่อพรรคการเมือง
การเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2523 บทบาทของพรรคได้สิ้นสุดลงแล้วเป็นส่วนใหญ่[6] แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการดำเนินกิจกรรมของอดีตสมาชิกพรรค หรือความพยายามจดทะเบียนชื่อพรรคการเมืองอยู่

ประวัติ แก้

พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เดิมเรียก พรรคคอมมิวนิสต์สยาม เริ่มก่อตั้งโดยโฮจิมินห์ ชาวเวียดนาม ใช้นามแฝงว่า สหายซุง โดยประชุมครั้งแรกแบบลับ ๆ ที่ โรงแรมตุ้นกี่ หน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง เมื่อ 20 เมษายน พ.ศ. 2473 โดยแต่งตั้งหลี หรือ โงจิ๊งก๊วก เป็นเลขาธิการพรรคคนแรก และมีตัวแทนสองคนคือ ตัง หรือ เจิ่นวันเจิ๋น และ เหล่าโหงว หรือ อู่จื้อจือ[7] จนก่อตั้งเป็นรูปร่างเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2485 หลังการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1 ที่กรุงเทพมหานคร[4] โดยมีสมาชิกก่อตั้ง 57 คน พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเป็นพรรคแนวอุดมการณ์ ยึดมั่นในลัทธิมากซ์-เลนินและลัทธิเหมา โดยมีความมุ่งหมายเพื่อสร้างความเสมอภาคทางชนชั้น ชี้นำสังคมโดยพรรคคอมมิวนิสต์ และต่อสู้เอาชนะระบบทุนนิยมด้วยวิธี "ป่าล้อมเมือง"

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ไทยยกเลิกกฎหมายคอมมิวนิสต์ช่วงหนึ่งเพื่อแลกกับการที่สหภาพโซเวียตยอมรับไทยเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ ทำให้พรรคมีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอยู่ช่วงหนึ่ง โดยมีอดีต ส.ส. สังกัด พคท. แต่หลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ.2494 มีการตราพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495 ซึ่งทำให้การคงอยู่ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ทำให้พรรคต้องลงต่อสู้ใต้ดินอีกครั้ง

สมาชิกในช่วงแรกเป็นชนชั้นล่างส่วนใหญ่ และเคลื่อนไหวด้วยการลอบสังหารทางการเมือง ส่วนทางการไทยก็ตอบโต้ด้วยมาตรการ "ถีบลงเขา เผาลงถังแดง" ต่อประชาชนที่ต้องสงสัยว่าฝักใฝ่คอมมิวนิสต์[8] ในปี 2508 พรรคเริ่มการก่อการกำเริบคอมมิวนิสต์ในประเทศ

สมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นมากหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ทำให้มีนักศึกษาและปัญญาชนหนีเข้าป่าไปจำนวนมาก ท่ามกลางบรรยากาศการปราบปรามผู้มีความคิดฝ่ายซ้ายอย่างเข้มข้นในเวลานั้น แต่พรรคประสบปัญหาเป็นเผด็จการตามลัทธิเหมา รวมทั้งเริ่มขาดการสนับสนุนจากต่างชาติ ทำให้รัฐบาลเป็นฝ่ายเหนือกว่ามากขึ้นเป็นลำดับ

จนเมื่อปี 2523 ได้มีการออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 และอีกฉบับในปี 2525 นิรโทษกรรมสมาชิกพรรคที่ออกจากป่าให้มาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย นับเป็นการสิ้นสุดการก่อการกำเริบครั้งนั้น

ปี 2553 ธง แจ่มศรี ออกแถลงการณ์ยุติการนำแต่ไม่ยุบพรรค จนเกิดความไม่พอใจและกดดันให้เขาลาออกจากเลขาธิการพรรค และเลือกให้วิชัย ชูธรรม เป็นเลขาธิการพรรคแทน ในที่สุดธง แจ่มศรี และสหายจึงไปจัดตั้งพรรคประชาธิปไตยประชาชนไทย" (พปท.) และมีการเคลื่อนไหวแบบ “ปิดลับที่สุด”[9]

ปัจจุบันพรรคคอมมิวนิสต์ยังมีอยู่[6] โดยยังมีการจัดกิจกรรมของอดีตสมาชิกพรรคและนักรบ ตลอดจนมีความพยายามจดทะเบียนชื่อพรรคการเมือง แต่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิเสธโดยอ้างเหตุผลว่าคอมมิวนิสต์เป็น "ระบอบการปกครอง" ที่เป็นปรปักษ์กับประชาธิปไตย

รายชื่อเลขาธิการพรรค แก้

รายชื่อเลขาธิการพรรค เรียงตามวาระที่ได้ดำรงตำแหน่ง โดยการเลือกเลขาธิการพรรคนั้น จะกระทำในที่ประชุมสมัชชา พคท. แต่ละครั้ง

  1. พ.ศ. 2485 - พิชิต ณ สุโขทัย (จูโซ่วลิ้ม, พายัพ อังคะสิงห์) (แหล่งข้อมูลบางแหล่งไม่เห็นด้วยกับข้อมูลนี้ โดยอ้างว่า ในขณะนั้น นายพิชิตไม่ได้เข้าร่วมประชุมสมัชชาด้วย)[10]
  2. พ.ศ. 2495 - ประสงค์ วงศ์วิวัฒน์ (ทรง นพคุณ)
  3. พ.ศ. 2504 - มิตร สมานันท์ (เจริญ วรรณงาม) ชาวอุดรธานี สำเร็จการศึกษาสาขาวารสารศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมต่อต้านญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ศึกษาต่อที่สถาบันลัทธิมารก์ซเลนินที่กรุงปักกิ่ง และเสียชีวิตลงในปี พ.ศ. 2521
  4. พ.ศ. 2525 - ประชา ธัญญไพบูลย์ (ธง แจ่มศรี) ชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม เข้าร่วมพรรคตั้งแต่อายุ 17 ปี[11]
  5. พ.ศ. 2553 - วิชัย ชูธรรม (สหายเล่าเซ้ง) ได้รับการประกาศให้เป็นเลขาธิการพรรคคนที่ห้าโดยคณะกรรมการกลางพรรค ฝ่ายเสียงข้างมาก นำโดย ไวฑูรย์ สินธุวานิชย์ และวินัย เพิ่มพูนทรัพย์ หลังจากความขัดแย้งทางการเมืองภายในพรรค

อดีตสมาชิกที่มีชื่อเสียงของพรรค แก้

ดูเพิ่ม แก้

อ้างอิง แก้

  1. ขุนน้ำหมึก. "เปิดตัว "จ่านิว" ผู้สืบทอด "ธง แจ่มศรี"". คมชัดลึก. สืบค้นเมื่อ 2021-01-24.
  2. มาสขาว, เมธา. ""ธง แจ่มศรี" วีรชนปฏิวัติตลอดกาล". The Isaan Record. สืบค้นเมื่อ 2021-01-24.
  3. "กลับมาแล้ว คอมมิวนิสต์ไทย". คมชัดลึก. สืบค้นเมื่อ 2021-01-24.
  4. 4.0 4.1 นิตยสาร สารคดี ฉบับที่ 232 มิถุนายน 47 ปีที่ 20 "บทสัมภาษณ์ ธง แจ่มศรี เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย"
  5. ย้อนประวัติพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ในการเปิดตัวครั้งแรกหลังสงบนิ่งกว่า 30 ปี
  6. 6.0 6.1 คอมมิวนิสต์, แห่งประเทศไทย. "ผู้นำพคท.คนสุดท้าย บทเรียนขัดแย้งรุนแรง : ชกไม่มีมุม". พรรคคอมมิวนิสต์ไทยในวาระสุดท้าย. สืบค้นเมื่อ 15 July 2019.[ลิงก์เสีย]
  7. นิตยสาร สารคดี ฉบับที่ 232 มิถุนายน 2547 หน้า 73
  8. "ถังแดง : ความทรงจำบาดแผลที่ไม่เคยห่างหายไปจากสังคมไทย". มติชนออนไลน์. 9 September 2019. สืบค้นเมื่อ 7 November 2021.
  9. “คอมมิวนิสต์ไทย” บนเส้นทางรัฐสภา?
  10. พิชิต ณ สุโขทัย (จูโซ่วลิ้ม, พายัพ อังคะสิงห์) พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
  11. "ธง แจ่มศรี เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-03-21. สืบค้นเมื่อ 2012-03-21.