ซุนเหลียง (ค.ศ. 243[a] – 260) มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า ซุน เลี่ยง (จีนตัวย่อ: 孙亮; จีนตัวเต็ม: 孫亮; พินอิน: Sūn Liàng) ชื่อรอง จื่อหมิง (จีน: 子明; พินอิน: Zǐmíng) เป็นจักรพรรดิลำดับที่ 2 ของรัฐง่อก๊กในยุคสามก๊กของจีน พระองค์เป็นพระโอรสองค์สุดท้องและรัชทายาทของซุนกวนจักรพรรดิผู้ก่อตั้งรัฐง่อก๊ก พระองค์ยังเป็นที่รู้จักในฐานันดรศักดิ์ว่าอ๋องแห่งห้อยเข (會稽王 ไคว่จีหวาง) หรือโฮ่วกวานโหว (候官侯) ซึ่งเป็นฐานันดรศักดิ์ที่พระองค์ได้รับภายหลังจากที่พระองค์ถูกปลดจากตำแหน่งจักรพรรดิในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 258 โดยซุนหลิมผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซุนฮิวพระเชษฐาของซุนเหลียงขึ้นสืบราชบัลลังก์ แล้วทรงโค่นล้มซุนหลิมจากอำนาจและสังหารซุนหลิม สองปีหลังจากซุนเหลียงถูกปลดจากราชบัลลังก์ พระองค์ทรงถูกกล่าวหาเท็จว่าทรงคิดก่อกบฏ ซุนเหลียงจึงถูกลดฐานันดรศักด์จากอ๋องเป็นโหว ภายหลังพระองค์ทรงกระทำอัตวินิบาติกรรม

ซุนเหลียง (ซุน เลี่ยง)
孫亮
จักรพรรดิแห่งง่อก๊ก
ครองราชย์21 พฤษภาคม ค.ศ. 252 – 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 258
ก่อนหน้าซุนกวน
ถัดไปซุนฮิว
รัชทายาทแห่งง่อก๊ก
ดำรงตำแหน่งธันวาคม ค.ศ. 250 หรือมกราคม ค.ศ. 251 – 21 พฤษภาคม ค.ศ. 252
ก่อนหน้าซุนโฮ
ถัดไปซุนเปียน
อ๋องแห่งห้อยเข (會稽王 ไคว่จีหวาง)
ดำรงตำแหน่ง9 พฤศจิกายน ค.ศ. 258 – ค.ศ. 260
โฮ่วกวานโหว (候官侯)
ดำรงตำแหน่งค.ศ. 260
ประสูติค.ศ. 243
สวรรคตค.ศ. 260 (17 พรรษา)
พระมเหสีเฉฺวียน ฮุ่ยเจี่ย
พระนามเต็ม
ชื่อสกุล: ซุน (孫)
ชื่อตัว: เหลียง (亮 เลี่ยง)
ชื่อรอง: จื่อหมิง (子明)
รัชศก
ราชวงศ์ราชวงศ์ซุน
พระราชบิดาซุนกวน
พระราชมารดาพัวฮูหยิน

พระประวัติช่วงต้น แก้

ซุนเหลียงประสูติใน ค.ศ. 243 เป็นพระโอรสของซุนกวนและพัวฮูหยินพระสนมคนโปรดคนหนึ่งของซุนกวน ซุนเหลียงในฐานะพระโอรสองค์สุดท้องของซุนกวนได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากพระบิดาผู้ทรงมีความสุขอย่างมากที่มีพระโอรสในวัยชรา (ทรงมีพระชนมายุ 60 พรรษาในขณะที่ซุนเหลียงประสูติ) ซุนเหลียงยังประสูติในท่ามกลางบรรยากาศภายในพระราชวังซึ่งเหล่าขุนนางต่างแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายเพื่อเข้าสนับสนุนพระเชษฐา 2 พระองค์ของซุนเหลียงซึ่งกำลังต่อสู้แย่งชิงอำนาจกัน ได้แก่ ซุนโฮผู้เป็นรัชทายาทและซุน ป้า (孫霸) ผู้เป็นอ๋องแห่งหลู่ (魯王 หลู่หวาง) ในเดือนกันยายนหรือตุลาคม ค.ศ. 250 ซุนกวนทรงเบื่อหน่ายต่อการต่อสู้แย่งชิงอำนาจระหว่างซุนโฮและซุน ป้า ซุนกวนจึงมีรับสั่งให้ซุน ป้ากระทำอัตวินิบาตกรรม และปลดซุนโฮจากตำแหน่งรัชทายาท ตามคำทูลโน้มน้าวของเจ้าหญิงกิมก๋งจู๋[b] พระธิดาองค์โตของพระองค์ผู้ทรงกล่าวหาเท็จต่อซุนโฮและฮองฮูหยินพระมารดาหวังจะให้ซุนโฮถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาท ซุนกวนทรงแต่งตั้งซุนเหลียงเป็นรัชทายาทองค์ใหม่ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 250 หรือมกราคม ค.ศ. 251[c] จากนั้นกิมก๋งจู๋จึงจัดให้ซุนเหลียงสมรสกับเฉวียน ฮุ่ยเจี่ย หลานสาวของจวนจ๋องพระสวามีของกิมก๋งจู๋ ในปี ค.ศ. 251 ซุนกวนทรงแต่งตั้งพัวฮูหยินพระมารดาของซุนเหลียงขึ้นเป็นจักรพรรดินี

ในปี ค.ศ. 252 ซุนเหลียงทรงสูญเสียทั้งพระมารดาและพระบิดาต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็ว ช่วงต้นปีนั้น พัวฮูหยินถูกลอบปลงพระชนม์ แต่วิธีการที่พระองค์ถูกปลงพระชนม์ยังเป็นปริศนา ขุนนางง่อก๊กอ้างว่าข้ารับใช้ของพัวฮูหยินทนต่ออารมณ์รุนแรงของพัวฮูหยินไม่ได้ จึงรัดพระศอของพระองค์ขณะที่พระองค์บรรทม ในขณะที่นักประวัติศาสตร์จำนวนหนึ่งรวมถึงหู ซานสิ่ง (胡三省) ผู้เขียนอรรถาธิบายในจือจื้อทงเจี้ยนของซือหม่า กวางเชื่อว่าขุนนางระดับสูงของง่อก๊กสมคบคิดกันเพราะพวกเขากลัวว่าพัวฮูหยินจะเข้ายึดอำนาจในฐานะจักรพรรดินีพันปีหลวงหลังการสวรรคตของซุนกวน ต่อมาในปีเดียวกันซุนกวนสวรรคต ซุนเหลียงจึงขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่

รัชสมัย แก้

ในสมัยที่จูกัดเก๊กเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แก้

ก่อนที่ซุนกวนจะสวรรคต พระองค์ทรงเลือกจูกัดเก๊กให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในคอยค้ำจุนแก่ซุนเหลียง ตามความเห็นชอบของซุนจุ๋น ผู้ช่วยของพระองค์ที่ทรงไว้วางพระทัย ประชาชนในจักรพรรดิต่างชื่นชมจูกัดเก๊กอย่างมาก เนื่องจากเขาได้เป็นที่รู้จักมาจากความเป็นสำเร็จทางการทหารและการทูตที่เกี่ยวข้องกับชนเผ่าพื้นเมืองไป่เยว่และสำหรับความไวพริบอันรวดเร็วของเขา อย่างไรก็ตาม ข้อสงสัยเพียงประการเดียวของซุนกวนคือ จูกัดเก๊กนั้นยิ่งยโสโอหังและมีความเห็นที่สูงเกินไปเกี่ยวกับความสามารถของเขาเอง - จะกลายเป็นลางหายนะ

ใน พ.ศ. 796 เมื่อซุนกวนสวรรคต สุมาสู ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งรัฐวุยก๊กได้ยกทัพเข้าโจมตีออกเป็นสามง่ามครั้งใหญ่ต่อรัฐง่อก๊ก อย่างไรก็ตาม กองกำลังจูกัดเก๊กสามารถเอาชนะกองทัพหลักของวุยก๊กได้ ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างหนัก ชื่อเสียงของจูกัดเก๊กได้เป็นที่ยอมรับ ใน พ.ศ. 797 เขาได้ดำเนินแผนการที่มีมาระยะหนึ่งแล้ว - เพื่อรวบรวมชายฉกรรจ์เกือบทั้งหมดที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในรัฐอู่ตะวันออกเพื่อเข้าโจมตีรัฐวุยก๊กครั้งใหญ่ - แม้จะมีการคัดค้านจากข้าราชการหลายคนก็ตาม เขายังได้คอยประสานการโจมตีกับเกียงอุย ขุนพลจากรัฐฉู่ฮั่น ซึ่งเป็นพันธมิตรของรัฐอู่ตะวันออก อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ของเขากลับกลายเป็นความผิดพลาด ในตอนแรก เขามุ่งเป้าไปที่อำเภอฉิวฉุน(โซ่วชุน) (壽春; ลู่อัน, มณฑลอานฮุยในปัจจุบัน) แต่ระหว่างทาง เขากลับเปลี่ยนใจและเข้าโจมตีอำเภอหับป๋า(เหอเฟ่ย์)แทน แม้ว่าการป้องกันของอำเภอหับป๋าจะแข็งแกร่งและมีจุดประสงค์เพื่อต้านทานการโจมตีครั้งใหญ่ของรัฐอู่ตะวันออก กองกำลังของจูกัดเก๊กแทบหมดสภาพจากการปิดล้อมที่ยาวนานและประสบกับโรคระบาด ซึ่งจูกัดเก๊กดูเพิกเฉย ในที่สุดเขาได้ตัดสินใจถอนกำลังภายหลังกองทัพเสริมของรัฐวุยก๊กมาถึง แต่แทนที่จะกลับไปยังเมืองเจี้ยนเย่(เกี๋ยนเงียบ) ซึ่งเป็นเมืองหลวง(หนานจิง, มณฑลเจียงซูในปัขจจุบัน) เพื่อกล่าวขอโทษสำหรับกลยุทธ์ที่ผิดพลาดของเขาเอง เขากลับออกจากเมืองหลวงไปพักหนึ่งและไม่เคยกล่าวขอโทษแก่ประชาชนสำหรับความสูญเสียครั้งใหญ่ที่พวกเขาได้รับ

ในที่สุดเมื่อจูกัดเก๊กได้กลับมายังเจี้ยนเย่ เขาได้พยายามอย่างยิ่งที่จะกำจัดความขัดแย้งทั้งหมดโดยลงโทษทุกคนที่ไม่เห็นด้วยกับเขา เขาได้วางแผนที่จะโจมตีรัฐวุยก๊กอีกครั้ง โดยไม่สนใจถึงความสูญเสียครั้งใหญ่ที่ประชาชนได้รับและความไม่พอใจของพวกเขา ซุนจุ๋นได้ตัดสินใจที่จะสังหารจูกัดเก๊กเสีย เขาได้กราบทูลแก่ซุนเหลียงว่า จูกัดเก๊กคิดวางแผนก่อการกบฎ และเขาได้วางกับดักในงานเลี้ยงสำหรับจูกัดเก๊ก (ยุวจักรพรรดิทรงรับรู้แผนการของซุนจุ๋นมากน้อยเพียงใดและไม่ปรากฎชัดเจนว่าพระองค์ทรงเห็นด้วยหรือไม่ นักประวัติศาสตร์แต่เดิมต่างบอกเป็นนัยว่าซุนเหลียงทรงรับรู้และเห็นชอบด้วย แต่พระองค์ทรงมีพระชนมพรรษาเพียง 10 พรรษาในตอนนั้น) ในท่ามกลางงานเลี้ยง มือสังหารที่ซุนจุ๋นมอบหมายให้ลอบสังหารจูกัดเก๊กจนสำเร็จ จากนั้นกองกำลังของซุนจุ๋นได้เข้ากวาดล้างครอบครัวตระกูลจูกัดจนหมดสิ้นในที่สุุด

ในสมัยที่ซุนจุ๋นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แก้

ภายหลังซุนจุ๋นได้สังหารจูกัดเก๊กแล้ว เขาได้ทำการรวบรวมอำนาจอย่างรวดเร็ว ในตอนแรก เขาได้แบ่งปันอำนาจกับเตงอิ๋นซึ่งมองดูเพียงแค่เปลือกนอก แต่เขากลับควบคุมทางทหาร ในไม่ช้าเขาได้กลายเป็นจอมเผด็จการมากกว่าจูกัดเก๊กเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาได้กล่าวหาอันเป็นเท็จต่อซุนโฮ อดีตองค์รัชทายาทว่า พระองค์ทรงสมคบคิดกับจูกัดเก๊ก และบีบบังคับให้ซุนโฮกระทำอัตวินิบาตกรรม การกระทำเยี่ยงเผด็จการของเขานำไปสู่การสมรู้ร่วมคิดระหว่าง Sun Ying (孫英) อู๋โหวและขุนนางฝ่ายทหารนามว่า Huan Lü (桓慮) แต่เขารับรู้แผนการใน พ.ศ. 798 และทั้ง Sun Ying และ Huan Lü ได้ถูกประหารชีวิต

ในน พ.ศ. 799 ท่ามกลางรัฐวุยก๊กต้องรับมือกับการก่อกบฎของบู๊ขิวเขียม และ บุนขิม กองกำลังง่อก๊กที่นำโดยซุนจุ๋ได้พยายามเข้าโจมตีบริเวณชายแดนของรัฐวุยก๊ก แต่กลับต้องถอนกำลังออกไปภายหลังจากที่สุมาสูสามารถปราบกบฎได้อย่างรวดเร็ว (บุนขิม และกองทหารของเขาได้ยอมจำนนต่อเขาภายหลังจากที่พวกเขาพ่ายแพ้) ต่อมาในปีนั้น มีการค้นพบแผนการต่อต้านซุนจุ๋นอีกครั้ง และข้าราชการจำนวนมากถูกประหารชีวิตพร้อมกับซุน หลู่-ยฺวี่ พระราชธิดาของซุนกวนซึ่งถูกใส่ร้ายป้ายสีโดยพระเชษฐภคินีของพระนางอย่างซุน หลู่ปัง

ใน พ.ศ. 800 ซุนจุ๋นได้ทำตามแนะนำของ บุนขิม กำลังวางแผนโจมตีรัฐวุยก๊ก เมื่อเขาล้มป่วยกระทันหัน และมอบหมายให้ซุนหลิม ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาเข้ามารับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แทนตนเอง และถึงแก่อสัญกรรมหลังจากนั้นไม่นาน

ในสมัยที่ซุนหลิมเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แก้

การถึงแก่อสัญกรรมของซุนจุ๋นทำให้เกิดมรสุมการเมืองครั้งใหญ่ ขุนพลนามว่า ลีกี (Lü Ju) ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำกองทัพหลักต่อกรกับรัฐวุยก๊ก รู้สึกโกรธแค้นที่ซุนจุ๋น จอมเผด็จการได้แต่งตั้งซุนหลิมซึ่งไม่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองแต่อย่างใด ลิกีได้เรียกร้องให้เตงอิ๋นขึ้นมาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แทนที่อย่างเปิดเผย และเตงอิ๋นก็ยินยอมที่จะดำเนินการร่วมกับเขา ซุนหลิมได้ทำการตอบโต้ทางทหารและกองกำลังของเขาสามารถเอาชนะเตงอิ๋นและลิกีได้ เตงอิ๋นและตระกูลของเขาถูกประหารชีวิตทั้งหมด ในขณะที่ลิกีได้กระทำอัตวินิบากกรรม ด้วยความรู้สึกของเขาจากการที่สามารถเอาชนะเตงอิ๋นและลิกีได้ ซุนหลิมเริ่มหยิ่งยโสโอหังมากขึ้นเรื่อย ๆ

ใน พ.ศ. 801 เมื่อพระชนมพรรษ 14 พรรษา ซุนเหลียงทรงเริ่มจัดการเรื่องสำคัญของรัฐเป็นการส่วนพระองค์ พระองค์ทรงจัดตั้งกองกำลังอารักขาส่วนพระองค์ซึ่งประกอบไปด้วยชายฉกรรจ์และข้าราชการที่มีอายุไล่เลี่ยกับเขา โดยกล่าวว่า พระองค์ทรงตั้งใจที่จะเติบโตไปพร้อมกับพวกเขา บางครั้งพระองค์ยังตั้งคำถามเกี่ยวกับการตัดสินใจของซุนหลิม ซุนหลิมเริ่มค่อนข้างวิตกกังวลต่อยุวจักรพรรดิ

ในปีต่อมานั้น ขุนพลแห่งรัฐวุยก๊กนามว่า จูกัดเอี๋ยน เชื่อว่า สุมาเจียว (น้องชายของสุมาสู) ซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์กำลังคิดจะแย่งชิงราชบังลังก์ จึงประกาศก่อการกบฎและขอความช่วยเหลือจากรัฐง่อก๊ก กองกำลังง่อก๊กกลุ่มเล็กๆ ที่นำโดย บุนขิม มาถึงอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยเหลือเขา แต่ซุนหลิมได้นำกองทัพหลักและเลือกที่จะตั้งค่ายซึ่งห่างจากซิ่วซุนเป็นระยะทางไกล ซึ่งจูกัดเอี๋ยนถูกปิดล้อมโดยสุมาเจียวและไม่ได้ทำอะไรเลย เมื่อซุนหลิมออกคำสั่งให้ขุนพลนามว่า จูอี้ พยายามที่จะปลดปล่อยซิ่วซุนด้วยกองกำลังทหารที่เหนื่อยล้าและหิวโหย จูอี้จึงปฏิเสธคำสั่ง ดังนั้นซุนหลิมได้สั่งประหารชีวิตเขา ทำให้ประชาชนที่ชื่นชมถึงทักษะทางทหารและความซื่อสัตย์ของจูอี้รู้สึกโกรธแค้นอย่างมาก ด้วยการที่ซุนหลิมไม่สามารถทำอะไรได้เลย การก่อจลาจลของจูกัดเอี๋ยนจึงล้มเหลวใน พ.ศ. 802 และทหารของ บุนขิม ได้ตกเป็นเชลยศึกของรัฐวุยก๊ก

ถูกปลดจากราชบังลังก์ แก้

ซุนหลิมรู้ว่าประชาชนและยุวจักรพรรดิต่างโกรธแค้นตนเอง และเลือกที่จะไม่กลับไปที่เจี้ยนเย่ แต่กลับส่งลูกน้องคนสนิทไปดูแลการป้องกันเมืองหลวงแทน ซุนเหลียงทรงกริ้วและวางแผนร่วมกับซุน หลู่ปัง พระเชษฐภคินีของพระองค์ ขุนพลนามว่า เล่าเสง (劉丞) ผู้เป็นพระสัสสุระของพระองค์ และจวนกี๋ (全紀) ผู้เป็นพระเทวันของพระองค์ เพื่อโค่นล้มอำนาจของซุนหลิม อย่างไรก็ตาม จวนเสียง(Quan Shang) ไม่ได้เก็บเรื่องไว้เป็นความลับจากภรรยาของเขา ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของซุนหลิม และนางจึงไปบอกกับซุนหลิม ในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 802 ซุนหลิมได้สั่งจับกุมจวนเสียงและสังหารเล่าเสงอย่างรวดเร็ว จากนั้นได้นำกองกำลังเข้าปิดล้อมพระราชวังและบีบบังคับให้ขุนนางคนอื่น ๆ เห็นด้วยที่จะทำการปลดซุนเหลียงออกจากราชบังลังก์ โดยป่าวประกาศเท็จต่อประชาชนว่า ซุนเหลียงทรงมีพระจิตวิปลาส และไร้ความสามารถ ซุนเหลียงจึงถูกลดยศฐาบรรดาศักดิ์มาเป็นอ๋อง ทรงมีพระนามว่า "อ๋องแห่งไคว่จี"

ภายหลังจากถูกปลดราชบังลังก์ แก้

ซุนหลิมได้อัญเชิญซุนฮิว พระอนุชาของซุนเหลียง อ๋องแห่งหลังหยา ขึ้นมาเป็นพระจักรพรรดิองค์ใหม่ หลายเดือนต่อมา พระเจ้าซุนฮิวได้วางแผนที่จะโค่นล้มอำนาจของซุนหลิมจนสามารถจับกุมซุนหลิมได้และถูกประหารชีวิตในที่สุด อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่ถูกเนรเทศของซุนเหลียงไม่ได้ปลอดภัยแต่อย่างใดเลย เนื่องจากพระเจ้าซุนฮิวทรงกลัวอย่างยิ่งว่าจะมีแผนการทวงคืนราชบังลังก์ของซุนเหลียง ในเดือนกรกฎาคมถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 804 มีข่าวลือว่าซุนเหลียงจะได้เป็นพระจักรพรรดิอีกครั้ง และบ่าวรับใช้ของซุนเหลียงได้กล่าวหาอันเป็นเท็จว่า พระองค์เป็นผู้ใช้วิชาอาคม พระเจ้าซุนฮิวทรงลดยศฐาบรรดาศักดิ์ของซุนเหลียงมาเป็นโหว ทรงมีพระนามว่า โฮว่กวนโหว และส่งพระองค์ไปยังที่ดินศักดินาตามตำแหน่งขุนนางระดับโหวในโฮว่กวน(ฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยนในปัจจุบัน) ซุนเหลียงได้สิ้นพระชนม์ระหว่างการเดินทาง ในขณะที่นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ทรงกระทำอัตวินิบาตกรรม แต่อีกทฤษฎีหนึ่งก็คือ พระเจ้าซุนฮิวทรงวางยาพิษแก่พระองค์

ดูเพิ่ม แก้

หมายเหตุ แก้

  1. พระราชประวัติซุนเหลียงในจดหมายเหตุสามก๊กระบุว่าซุนเหลียงมีพระชนมายุ 16 พรรษา (ตามการนับอายุแบบเอเชียตะวันออก) ขณะเมื่อพระองค์ทรงถูกปลดจากตำแหน่งจักรพรรดิลงมาเป็นอ๋องแห่งห้อยเขในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 258 เมื่อคำนวณแล้วปีประสูติของพระองค์จึงควรเป็นปี ค.ศ. 243 เจี้ยนคางฉือลู่ (建康實錄) เล่มที่ 3 ระบุว่าซุนเหลียงประสูติในศักราชชื่ออูปีที่ 7 ซึ่งเทียบได้กับปี ค.ศ. 244 ในปฏิทินจูเลียน
  2. "กิมก๋งจู๋" หรือ "เฉฺวียนกงจู่" (全公主; แปลว่า "เจ้าหญิงเฉฺวียน") เป็นอีกพระนามหนึ่งของซุน หลู่ปาน (孫魯班) เพราะสมรสกับจวนจ๋องหรือเฉฺวียน ฉง (全琮)
  3. พระราชประวัติซุนกวนในจดหมายเหตุสามก๊กระบุว่าซุนเหลียงได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทในเดือน 11 ของศักราชชื่ออูปีที่ 13 ในรัชสมัยของซุนกวน เทียบได้กับช่วงเวลาระหว่างวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 250 ถึง 9 มกราคม ค.ศ. 251 ในปฏิทินจูเลียน[1]

อ้างอิง แก้

  1. ([赤烏十三年]十一月,立子亮為太子。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 47

บรรณานุกรม แก้

ก่อนหน้า ซุนเหลียง ถัดไป
ซุนกวน   จักรพรรดิจีน
ง่อก๊ก

(ค.ศ. 252 – 258)
  ซุนฮิว