อิหร่านปาห์ลาวี

รัฐจักรวรรดิแห่งอิหร่าน (เปอร์เซีย: کشور شاهنشاهی ایران, Kešvar-e Šâhanšâhi-ye Irân),[1] รู้จักกันในชื่อ รัฐจักรวรรดิแห่งเปอร์เซีย,[a] เป็นชื่อทางการของรัฐอิหร่านภายใต้การปกครองของราชวงศ์ปาห์ลาวี

รัฐจักรวรรดิแห่งอิหร่าน

کشور شاهنشاهی ایران
ค.ศ. 1925–ค.ศ. 1979
เพลงชาติ(ค.ศ. 1925–1933)
Salāmati-ye Dowlat-e Elliye-ye Irān
(เพลงคารวะรัฐอันประเสริฐยิ่งแห่งเปอร์เซีย)

(ค.ศ. 1933–1979)
Sorude Šâhanšâhiye Irân
(สดุดีจักรพรรดิอิหร่าน)
แผนที่อิหร่านในสมัยราชวงศ์ปาห์ลาวี
แผนที่อิหร่านในสมัยราชวงศ์ปาห์ลาวี
สถานะราชอาณาจักร
เมืองหลวงเตหะราน
ภาษาทั่วไปภาษาเปอร์เซีย
การปกครองรัฐเดี่ยว
ระบบรัฐสภา
ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
(ทางนิตินัย) ภายใต้ลัทธิอำนาจนิยม รัฐพรรคการเมืองเดียว (1975–78)
ชาห์ 
• ค.ศ. 1925–1941
พระเจ้าชาห์ เรซา ปาห์ลาวี
• ค.ศ. 1941–1979
พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี
นายกรัฐมนตรี 
• ค.ศ. 1925 - 1926
โมฮัมหมัด-อาลี ฟารุฆี (คนแรก)
• ค.ศ. 1979
ชาปูร์ บัคเตียร์ (คนสุดท้าย)
ประวัติศาสตร์ 
• ก่อตั้งราชวงศ์ปาห์ลาวี
15 ธันวาคม ค.ศ. 1925
• สนธิสัญญาไตรมิตรอิหร่าน-อังกฤษ-โซเวียต
17 กันยายน ค.ศ. 1941
• รัฐประหารอิหร่าน
19 สิงหาคม ค.ศ. 1953
• การปฏิวัติขาว
26 มกราคม ค.ศ. 1963
• การปฏิวัติอิหร่าน (การปฏิวัติอิสลาม)
11 มกราคม ค.ศ. 1979
• การปฏิวัติอิสลาม
11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1979
สกุลเงินเรียล
ก่อนหน้า
ถัดไป
อิหร่านกอญัร
รัฐบาลเฉพาะกาลแห่งอิหร่าน

สงครามโลกครั้งที่สอง แก้ไข

หลังจากที่เยอรมนีรุกรานสหภาพโซเวียตในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1941 แล้ว อังกฤษและสหภาพโซเวียตก็เป็นพันธมิตรกัน และทั้งสองประเทศก็เริ่มให้ความสนใจกับอิหร่าน โดยทั้งสองประเทศต่างก็เห็นว่าจะสามารถใช้ทางรถไฟของอิหร่านในการขนส่งจากอ่าวเปอร์เซียมายังสหภาพโซเวียตได้ แต่เนื่องจากพระเจ้าชาห์ เรซาปฏิเสธที่จะเนรเทศชาวเยอรมัน อังกฤษและสหภาพโซเวียตจึงรุกรานอิหร่าน และปลดพระเจ้าชาห์ออกจากตำแหน่งและเข้าควบคุมการรถไฟของอิหร่านในเดินสิงหาคม ค.ศ. 1941ต่อมาในปีค.ศ. 1942 สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นพันธมิตรกับทั้งสองประเทศได้ส่งกำลังทหารเข้าช่วยดูแลระบบรถไฟของอิหร่าน และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน ทั้งสามประเทศก็เข้าควบคุมแหล่งน้ำมันของอิหร่านเพื่อผลประโยชน์ของประเทศของตน อำนาจของพระเจ้าชาห์ เรซาจึงสิ้นสุดลง แต่ทั้งสามประเทศก็อนุญาตให้พระโอรสของพระเจ้าชาห์ เรซาขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์ได้

ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1942 ทั้งสามประเทศได้ลงนามในข้อตกลงกับอิหร่านว่าจะยอมรับเอกราชของอิหร่าน และจะถอนกองกำลัทั้งหมดภายในหกเดือนหังจากสงครามสิ้นสุดลง สหรัฐอเมริกาได้ยืนยันข้อตกลงเดิมอีกครั้งในปีค.ศ. 1943 ในการประชมุที่จัดขึ้นในเตหะราน แต่ในปีค.ศ. 1945 สหภาพโซเวียตก็ยังปฏิเสธที่จะประกาศกำหนดเวลาที่จะถอนกำลังออกจากจังหวัดอาเซอร์ไบจานตะวันตกและอาเซอร์ไบจานตะวันออก ที่ซึ่งสหภาพโซเวียตสนับสนุนการเคลื่อนไหวที่จะปกครองตัวเอง ในขณะเดียวกัน พรรคตูเดห์ที่เป็นพรรคคอมมิวนิสต์ที่เริ่มมีอิทธิพลและมีที่นั่งในสภา เริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นโดยเฉพาะในภาคเหนือของอิหร่าน รัฐบาลอิหร่านจึงพยายามส่งกองทัพเข้าไปจัดระเบียบในภาคเหนือของประเทศ แต่พื้นที่ในภาคเหนือของอิหร่านส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่ในความควบคุมของพรรคการเมืองพรรคนี้

ในที่สุด สหภาพโซเวียตก็ถอนกำลังออกจากอิหร่านในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1946 แต่สถานการณ์ก็ยังคงตึงเครียดต่อมาอีกหลายเดือน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เป็นตัวการเร่งให้เกิดสงครามเย็นระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต

ระบบการเมืองของอิหร่านได้เริ่มเปิดกว้างมากขึ้น และพรรคการเมืองต่าง ๆ ก็พัฒนาขึ้นเป็นลำดับ ในปีค.ศ. 1944 ได้มีการเลือกตั้งที่เป็นการแข่งขันกันอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปี บริษัทน้ำมันอังกฤษ - อิหร่าน ซึ่งรัฐบาลอังกฤษเป็นเจ้าของก็เริ่มผลิตและขายน้ำมันอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1930 ชาวอิหร่านบางคนได้เริ่มสนับสนุนให้โอนกิจการน้ำมันมาเป็นของชาติ และหลังจากปีค.ศ. 1946 เป็นตนมา แนวคิดดังกล่าวก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเป็นลำดับ

สงครามเย็น แก้ไข

ดูเพิ่ม แก้ไข

อ้างอิง แก้ไข

  1. "IRAN: Keshvaré Shahanshahiyé Irân", The Statesman's Year-Book 1978–79, Springer, 2016, pp. 674–682, ISBN 9780230271074
  1. From 15 December 1925 until 21 March 1935.