อนุชา นาคาศัย
อนุชา นาคาศัย เป็นนักการเมืองชาวไทย ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเป็นกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในรัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชัยนาท และอดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็นหนึ่งในอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเมื่อปี พ.ศ. 2550
อนุชา นาคาศัย ม.ป.ช., ม.ว.ม. | |
---|---|
![]() | |
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี | |
อยู่ในวาระ | |
เริ่มดำรงตำแหน่ง 5 สิงหาคม พ.ศ. 2563 | |
ก่อนหน้า | เทวัญ ลิปตพัลลภ |
เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ | |
ดำรงตำแหน่ง 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563 – 18 มิถุนายน พ.ศ. 2564 | |
ก่อนหน้า | สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ |
ถัดไป | ธรรมนัส พรหมเผ่า |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 15 เมษายน พ.ศ. 2503 อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ประเทศไทย |
พรรค | รวมไทยสร้างชาติ (2566-ปัจจุบัน) พลังประชารัฐ (2561-2566) เพื่อไทย [1] ไทยรักไทย |
คู่สมรส | พรทิวา ศักดิ์ศิริเวทย์กุล (???-2557)[2] |
ศิษย์เก่า | มหาวิทยาลัยรามคำแหง |
ศาสนา | พุทธ |
ประวัติแก้ไข
อนุชา นาคาศัย มีชื่อเล่นว่า "แฮงค์" เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2503 ที่ตำบลโพนางดำตก อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท เป็นบุตรของนายสุธน นาคาศัย กับนางสุจิตรา นาคาศัย จบมัธยมศึกษาจาก โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อปี พ.ศ. 2527[3]มีน้องชายสอง คนชื่อนายอนุสรณ์ นาคาศัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาทและนายกสมาคมกีฬาชัยนาท และ นายอนุรุทธิ์ นาคาศัย เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ด้านชีวิตครอบครัวสมรสกับพรทิวา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย มีบุตร-ธิดา 2 คน ปัจจุบันได้หย่ากับภรรยา พรทิวา ศักดิ์ศิริเวทย์กุล แล้ว[4]
การทำงานแก้ไข
อนุชา นาคาศัย เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชัยนาท สังกัดพรรคไทยรักไทย และต่อมาในปี พ.ศ. 2550 ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549[5] อนุชา นาคาศัย ยังเคยให้การสนับสนุนทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีอดีตภรรยาของตนเป็นเลขาธิการพรรคอีกด้วย
ใน พ.ศ. 2561 นายอนุชาได้ย้ายมาร่วมงานกับ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับรับตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค และก้าวขึ้นมาเป็นเลขาธิการพรรคเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ต่อมาในเดือนสิงหาคมของปีเดียวกัน เขาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 อนุชาได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ปัจจุบันสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ[6]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์แก้ไข
- พ.ศ. 2553 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[7]
- พ.ศ. 2552 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[8]
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ ภารกิจลับ! "ส.ส.มันแกว" เขย่าเพื่อไทย..เพื่อใคร?
- ↑ เบื้องหลัง ไร้เงา ‘พรทิวา’ ในวัน ‘เสี่ยแฮงค์-อนุชา’ พบบิ๊กตู่
- ↑ ประวัติผู้สมัคร ส.ส.[ลิงก์เสีย]
- ↑ เบื้องหลัง ไร้เงา ‘พรทิวา’ ในวัน ‘เสี่ยแฮงค์-อนุชา’ พบบิ๊กตู่
- ↑ "เปิดรายชื่อ ทั้ง 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นระยะเวลา 5 ปี !!!". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-11-08. สืบค้นเมื่อ 2011-06-02.
- ↑ เปิดรายชื่อสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๓, เล่ม ๑๒๗ ตอนที่ ๑๔ ข หน้า ๘, ๘ ธันวาคม ๒๕๕๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๒, เล่ม ๑๒๖ ตอนที่ ๑๖ ข หน้า ๒๒, ๔ ธันวาคม ๒๕๕๒