สุรินทร์ ปาลาเร่

เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย

พลตำรวจตรี สุรินทร์ ปาลาเร่ ม.ป.ช. ม.ว.ม. (เกิด 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย[1] และเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย อดีตผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6 อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสงขลา และอดีตกรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดิน

สุรินทร์ ปาลาเร่
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา
เริ่มดำรงตำแหน่ง
3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
(13 ปี 256 วัน)
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เริ่มดำรงตำแหน่ง
9 ธันวาคม พ.ศ. 2566
(1 ปี 97 วัน)
เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลาม
แห่งประเทศไทย
เริ่มดำรงตำแหน่ง
29 กันยายน พ.ศ. 2553
(14 ปี 168 วัน)
ก่อนหน้าพิเชษฐ สถิรชวาล
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 (77 ปี)
อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ประเทศไทย
ศาสนาอิสลาม
พรรคการเมืองเพื่อแผ่นดิน (2550–2554)
ประชาธิปัตย์ (2554–ปัจจุบัน)
คู่สมรสจรีพร ปาลาเร่

ประวัติ

แก้

สุรินทร์ เกิดวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เป็นบุตรนายดารุ๊ฟ กับ นางมารีย๊ะ ปาลาเร่ ด้านครอบครัวสมรสกับนางจรีพร ปาลาเร่ มีบุตร-ธิดา 3 คน

สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา และปริญญาโทจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)[2]

การทำงาน

แก้

สุรินทร์ เป็นอดีตข้าราชการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสงขลา ในปี พ.ศ. 2549[3] และได้รับเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่งของจังหวัด จากนั้นก็ได้พ้นจากตำแหน่งหลังจากมีการรัฐประหารโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) จากนั้นจึงเข้าร่วมกับนายแพทย์แวมาฮาดี แวดาโอะ จัดตั้งกลุ่มสัจานุภาพ และเข้าสังกัดพรรคเพื่อแผ่นดิน ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550[4] แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พลตำรวจตรีสุรินทร์ไม่ได้รับการเลือกตั้ง จึงกลับเข้ารับราชการต่อโดยเกษียณอายุราชการในเวลาต่อมา

สุรินทร์มีความสนิทกับอาศิส พิทักษ์คุมพล อดีตจุฬาราชมนตรี ตั้งแต่เมื่อครั้งที่อาศิสยังเป็นประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา เมื่อได้รับเลือกเป็นจุฬาราชมนตรี จึงเสนอชื่อให้ สุรินทร์ เพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยในสัดส่วนของจุฬาราชมนตรี โดยในเวลานั้นพิเชษฐ สถิรชวาล เลขาธิการคณะกรรมการกลางอสลามแห่งประเทศไทยในขณะนั้นได้เคลื่อนไหวทางการเมืองกดดันรัฐบาลในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่านายพิเชษฐเป็นคนสนิท ทักษิณ ชินวัตร และพิเชษฐเองก็เป็นแกนนำพรรคเพื่อไทยด้วย ดังนั้นคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยจึงมีมติให้ยกเลิกโครงสร้างเดิมในสมัยสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ อดีตจุฬาราชมนตรีและประธานกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ทำให้พิเชษฐพ้นจากตำแหน่ง จากนั้นคณะกรรมการจึงเลือกสุรินทร์ดำรงตำแหน่งแทน[5] นอกจากนี้แล้วสุรินทร์ ยังเป็นเลขานุการจุฬาราชมนตรีอีกด้วย

ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 สุรินทร์ ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่จังหวัดสงขลาอีกครั้ง โดยสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ แข่งขันกับอัศวิน สุวิทย์ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นน้องชายนายนาราชา สุวิทย์ อดีต สส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทางพรรคมิได้พิจารณาส่งลงสมัครในครั้งนี้ จึงได้ย้ายออกจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งครอบครัวไปสมัครในนามพรรคเพื่อไทย[6] ผลการเลือกตั้ง พล.ต.ต.สุรินทร์ได้รับเลือกตั้งไปในที่สุด[7]

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

แก้

พลตำรวจตรี สุรินทร์ ปาลาเร่ ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 3 สมัย คือ

  1. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 จังหวัดสงขลา สังกัดพรรคประชาธิปัตย์
  2. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 จังหวัดสงขลา สังกัดพรรคประชาธิปัตย์
  3. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 จังหวัดสงขลา สังกัดพรรคประชาธิปัตย์

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/E/036/20.PDF
  2. "ข้อมูลผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-01. สืบค้นเมื่อ 2011-05-31.
  3. ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา
  4. ""สุรินทร์ ปาลาเร่" ประกาศลงสมัคร สส.เขต 3 สงขลาท้าชิง ปชป". ผู้จัดการออนไลน์. 25 October 2007. สืบค้นเมื่อ 21 May 2016.[ลิงก์เสีย]
  5. คำสั่งคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เรื่องแต่ตั้งรองประธาน เลขาธิการ รองเลขาธิการ และประธานฝ่ายต่าง ๆ[ลิงก์เสีย]
  6. "นาราชา" ไขก๊อก "ปชป." แล้ว". ช่อง 5. 16 May 2011. สืบค้นเมื่อ 21 May 2016.[ลิงก์เสีย]
  7. "เปิดผลคะแนนเลือกตั้งภาคใต้ ประชาธิปัตย์กวาดเรียบ 50 ที่นั่ง พท.ไม่ติดฝุ่น".
  8. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสายสะพาย ๒๕๖๖, เล่ม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๔ ข หน้า ๓, ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
  9. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๖๓, เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑ ข หน้า ๗, ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔
  10. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน, เล่ม ๙๔ ตอนที่ ๙๙ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๕๐, ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๐
  11. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญราชการชายแดน, เล่ม ๑๐๑ ตอนที่ ๗๒ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๒๗, ๖ มิถุนายน ๒๕๒๗