สุมาเล่าจี๋[a] หรือ เล่าจี๋ (ค.ศ. 190 – 273) มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า หลู่ จือ (จีน: 魯芝; พินอิน: Lǔ Zhī) ชื่อรอง ชื่ออิง (จีน: 世英; พินอิน: Shìyīng) เป็นขุนพลและขุนนางของรัฐวุยก๊กในยุคสามก๊กของจีน

สุมาเล่าจี๋ (หลู่ จือ)
魯芝
ที่ปรึกษาผู้ใหญ่ราชสำนัก
(光祿大夫 กวางลู่ต้าฟู)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. ? (?) – ค.ศ. 273 (273)
กษัตริย์สุมาเอี๋ยน
ขุนพลพิทักษ์ภาคตะวันออก
(鎮東將軍 เจิ้นตงเจียงจฺวิน)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 266 (266) – ค.ศ. ? (?)
กษัตริย์สุมาเอี๋ยน
ขุนพลสยบภาคตะวันออก
(平東將軍 ผิงตงเจียงจวิน)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. ? (?) – ค.ศ. 266 (266)
กษัตริย์โจฮวน
ขุนพลกระตุ้นยุทธ (振武將軍 เจิ้นอู่เจียงจวิน)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 260 (260) – ค.ศ. ? (?)
กษัตริย์โจฮวน
ข้าหลวงมณฑลเฉงจิ๋ว (青州刺史 ชิงโจวชื่อฉื่อ)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 260 (260) – ค.ศ. ? (?)
กษัตริย์โจฮวน
ราชเลขาธิการใหญ่ (大尚書 ต้าช่างชู)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 257 (257) – ค.ศ. ? (?)
กษัตริย์โจมอ
ขุนพลเชิดชูยุทธ (揚武將軍 หยางอู่เจียงจฺวิน)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 255 (255) – ค.ศ. ? (?)
กษัตริย์โจมอ
ข้าหลวงมณฑลเกงจิ๋ว (荆州刺史 จิงโจวชื่อฉื่อ)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 255 (255) – ค.ศ. ? (?)
กษัตริย์โจมอ
เสนาบดีปฏิคม (大鴻臚 ต้าหงหลู)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. ? (?) – ค.ศ. ? (?)
ขุนพลราชองครักษ์ป้องกันชนเผ่าซฺยงหนู
(匈奴中郎將 ฮู่-ซฺยงหนูจงหลางเจี้ยง)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 249 (249) – ค.ศ. ? (?)
กษัตริย์โจฮอง
ขุนพลกระตุ้นพลานุภาพ
(振威將軍 เจิ้นเวย์เจียงจฺวิน)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 249 (249) – ค.ศ. ? (?)
กษัตริย์โจฮอง
ข้าหลวงมณฑลเป๊งจิ๋ว (并州刺史 ปิงโจวชื่อฉื่อ)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 249 (249) – ค.ศ. ? (?)
กษัตริย์โจฮอง
นายกองพัน / สุมา (司馬 ซือหม่า)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. ? (?) – ค.ศ. 249 (249)
กษัตริย์โจฮอง
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิดค.ศ. 190
อำเภอเหมย์ นครเป่าจี มณฑลฉ่านซี
เสียชีวิตค.ศ. 273 (83 ปี)
อาชีพขุนนาง
ชื่อรองชื่ออิง (世英)
สมัญญานามเจิน (貞)
บรรดาศักดิ์โหว (侯)

ประวัติช่วงต้น แก้

สุมาเล่าจี๋เป็นชาวอำเภอเหมย์ (眉縣 เหมย์เซี่ยน) เมืองฝูเฟิง (扶風郡 ฝูเฟิงจฺวิ้น)[2] ซึ่งปัจจุบันคืออำเภอเหมย์ นครเป่าจี มณฑลฉ่านซี บรรพบุรุษของสุมาเล่าจี๋เป็นผู้มีชื่อเสียงและคุณธรรม อยู่ในตระกูลที่มั่งคั่งในมณฑลทางตะวันตก[3] บิดาของสุมาเล่าจี๋ถูกกุยกีสังหาร สุมาเล่าจี๋ในวัยเยาว์จึงกลายเป็นคนไร้บ้านและยากจน[4] เมื่อสุมาเล่าจี๋อายุ 17 ปี (ตามการนับอายุแบบเอเชียตะวันออก) ได้ย้ายไปอยู่ที่มณฑลยงจิ๋ว (雍州 ยงโจว) เพื่อศึกษาตำราโบราณ[5] ต่อมาสุมาเล่าจี๋ได้เข้ารับราชการในตำแหน่งเจ้าหน้าที่รายงาน (上計吏 ช่างจี้ลี่) ของที่ว่าการเมือง ภายหลังได้รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยข้าหลวงมณฑล (別駕 เปี๋ยเจี้ย)[6]

การป้องกันชายแดนด้านจ๊กก๊ก แก้

ในช่วงที่กุยห้วยเป็นข้าหลวงมณฑล (刺史 ชื่อฉื่อ) ของมณฑลยงจิ๋ว กุยห้วยนับถือความสามารถของสุมาเล่าจี๋อย่างสูง[7] สุมาเล่าจี๋ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นบัณฑิตเซี่ยวเหลียน (孝廉 "ผู้กตัญญูและซื่อตรง") ต่อมาสุมาเล่าจี๋ได้เป็นมหาดเล็กกลาง (郎中 หลางจง)[8] เมื่อจูกัดเหลียงอัครมหาเสนาบดีแห่งรัฐจ๊กก๊กยกทัพบุกหล่งโย่ว (隴右) กุยห้วยได้ขอตัวสุมาเล่าจี๋ให้มาเป็นผู้ช่วยข้าหลวงมณฑลอีกครั้ง[9] หลังต้านการบุกของจ๊กก๊กได้สำเร็จ กุยห้วยเสนอความชอบของสุมาเล่าจี๋ไปยังราชสำนัก จึงมีการเรียกตัวสุมาเล่าจี๋มาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของโจจิ๋นผู้เป็นเสนาบดีกลาโหม (大司馬 ต้าซือหม่า) ต่อมาย้ายไปเป็นบัณฑิตวรรณกรรม (文學 เหวินเสฺว) ในสำนักของโหวแห่งลิมฉี (臨淄侯 หลินจือโหว)[10]

เตงโป้ (鄭袤 เจิ้ง เม่า) แนะนำสุมาเล่าจี๋ให้กับอองลองผู้เป็นเสนาบดีโยธาธิการ (司空 ซือคง) อองลองจึงรับสุมาเล่าจี๋เข้าทำงานทันที[11] ต่อมาสุมาเล่าจี๋ได้ดำรงตำแหน่งนายกองร้อยทหารม้า (騎都尉 ฉีตูเว่ย์) เข้าร่วมราชการกองทัพ เดินทางไปดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง (太守 ไท่โฉ่ว) ของเมืองลำอั๋น (南安 หนานอาน) และย้ายกลับมาเป็นขุนนางสำนักราชเลขาธิการ (尚書郎 ช่างชูหลาง)[12] ในช่วงที่โจจิ๋นรับผิดชอบกำกับราชการทหารในมณฑลด้านตะวันตก (ยงจิ๋วและเลียงจิ๋ว) สุมาเล่าจี๋ได้เข้าร่วมช่วยราชการในทัพเสนาบดีกลาโหม[13]

หลังโจจิ๋นเสียชีวิตในปี ค.ศ. 231 สุมาอี้ได้ขึ้นตำรงตำแหน่งแทนโจจิ๋น สุมาอี้ตั้งให้สุมาเล่าจี๋ช่วยราชการในทัพม้าทะยาน (驃騎軍 เพี่ยวฉีจฺวิน) ต่อมาสุมาเล่าจี๋ได้ไปเป็นเจ้าเมืองของเมืองเทียนซุย (天水 เทียนฉุ่ย)[14] เมืองเทียนซุยอยู่ใกล้กับชายแดนที่ติดกับอาณาเขตของรัฐจ๊กก๊ก จึงถูกทัพจ๊กก๊กบุกปล้นชิงอยู่หลายครั้ง จำนวนประชากรในเมืองก็ลดลงและมีพวกโจรฉกฉวยอยู่ทุกหนทุกแห่ง สุมาเล่าจี๋จึงจัดการวางกำลังป้องกันเมือง ให้สร้างตลาดกระตุ้นการค้า และยึดที่ดินที่ถูกช่วงชิงไปคืนมาภายในเวลาไม่กี่ปี[15] ภายหลังสุมาเล่าจี๋ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองของเมืองก่วงผิง (廣平) ชาวเมืองเทียนซุยและชนเผ่ากลุ่มน้อยต่างเคารพนับถือสุมาเล่าจี๋ จึงพากันเขียนฎีกาส่งไปนครหลวงเพื่อขอให้สุมาเล่าจี๋กลับมาเป็นเจ้าเมืองเทียนซุยตามเดิม จักรพรรดิโจยอยทรงเห็นชอบและออกพระราชโองการยกย่องสุมาเล่าจี๋ว่าเป็นคุณธรรมเฉกเช่นหฺวาง ป้า (黃霸) สุมาเล่าจี๋ยังได้รับยศเป็นขุนพลปราบโจร (討寇將軍 เถ่าโค่วเจียงจฺวิน)[16]

การก่อรัฐประหารของสุมาอี้ แก้

ในช่วงที่โจซองเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในรัชสมัยจักรพรรดิโจฮอง (ครองราชย์ ค.ศ. 239–254) โจซองเสนอให้แต่งตั้งสุมาเล่าจี๋ให้ดำรงตำแหน่งสุมา[b] (司馬 ซือหม่า) หรือนายกองพัน[17] สุมาเล่าจี๋เสนอความเห็นอย่างตรงไปตรงมาและให้คำแนะนำที่ดีหลายครั้ง แต่โจซองไม่ยอมรับความคิดเห็นของสุมาเล่าจี๋[18]

ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 249[c] สุมาอี้ก่อการรัฐประหารยึดอำนาจโจซองในนครลกเอี๋ยง ในช่วงที่สุมาอี้ส่งกองกำลังไปจะจัดการกับโจซองซึ่งเวลานั้นตามเสด็จจักรพรรดิโจฮองไปสุสานโกเบงเหลง (高平陵 เกาผิงหลิง) สุมาเล่าจี๋ได้สังหารทหารเฝ้าประตูหนีจากนครลกเอี๋ยง พร้อมเรียกให้ซินเป (辛敞 ซิน ฉ่าง) ไปพบโจซองด้วยกันกับตน[20] ซินเปทำตามคำแนะนำของซินเหียนเอ๋ง (辛憲英 ซิน เซี่ยนอิง) พี่สาว ตามสุมาเล่าจี๋ออกทางประตูนครลกเอี๋ยง

สุมาเล่าจี๋ไปพบโจซองและแนะนำโจซองว่า "บัดนี้ฐานะของท่านสูงส่งเฉกเช่นอิอิ๋น (伊尹 อี อิ่น) และจิวกอง (周公 โจวกง) หากท่านถูกตัดสินโทษให้ถูกปลดจากตำแหน่ง แม้นคิดว่าอาจจะยังคงมีชีวิตที่สุขสบาย แต่มันจะยังเป็นเช่นนั้นจริงหรือ หากท่านกุมองค์โอรสสวรรค์ไว้ รักษาฮูโต๋ พึ่งพระบารมีองค์ประมุข และจึงใช้อำนาจระดมเรียกระดมกำลังทหาร จะมีใครกล้าไม่เชื่อฟังเล่า หากท่านทิ้งที่นี่ไป ก็เทียบเท่ากับการไปตลาดตะวันออกเพื่อรับความตายในลานประหาร มันจะไม่น่าโศกเศร้าหรอกหรือ"[21] โจซองไม่กล้าทำตามคำแนะนำสุมาเล่าจี๋ ในที่สุดก็ถูกประหารชีวิตตามคำสั่งของสุมาอี้[22] ในวันที่ 9 ของเดือนเดียวกัน[d]

สุมาเล่าจี๋ที่มีส่วนเกี่ยวกับโจซองก็ถูกจับกุมและถูกตัดสินโทษประหารชีวิต สุมาเล่าจี๋ไม่แก้ต่างให้ตนเองและไม่ขอร้องให้ไว้ชีวิตตน สุมาอี้ชื่นชมสุมาเล่าจี๋มากจึงละเว้นโทษประหารชีวิตแก่สุมาเล่าจี๋[24] สุมาอี่้ตั้งให้สุมาเล่าจี๋เป็นผู้ถืออาญาสิทธิ์ ให้มียศเป็นขุนพลราชองครักษ์ป้องกันชนเผ่าซฺยงหนู (匈奴中郎將 ฮู่-ซฺยงหนูจงหลางเจี้ยง) ขุนพลกระตุ้นพลานุภาพ (振威將軍 เจิ้นเวย์เจียงจฺวิน) และมีตำแหน่งข้าหลวงมณฑล (刺史 ชื่อฉื่อ) ของมณฑลเป๊งจิ๋ว[25] และเนื่องด้วยสุมาเล่าจี๋ปกครองอย่างมีธรรมาภิบาล จึงได้เลื่อนขั้นเป็นเสนาบดีปฏิคม (大鴻臚 ต้าหงหลู)[26]

ได้เลื่อนขั้นอย่างรวดเร็ว แก้

ภายหลังจากจักรพรรดิโจมอขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 254 สุมาเล่าจี๋ได้รับบรรดาศักดิ์ระดับกวนไล่เหา (關內侯 กวานเน่ย์โหว) และได้ศักดินา 200 ครัวเรือน[27]

ภายหลังกบฏบู๊ขิวเขียมถูกปราบปรามในปี ค.ศ. 255 สุมาเล่าจี๋ได้ศักดินาเพิ่มเติมอีก 200 ครัวเรือนและได้รับการแต่งตั้งให้มียศขุนพลเชิดชูยุทธ (揚武將軍 หยางอู่เจียงจฺวิน) กับมีตำแหน่งเป็นข้าหลวงมณฑล (刺史 ชื่อฉื่อ) ของมณฑลเกงจิ๋ว[28]

ในปี ค.ศ. 257 จูกัดเอี๋ยนก่อกบฏยึดอำเภอฉิวฉุน (壽春 โช่วชุน) สุมาเจียวรับบัญชาจักรพรรดิโจมอนำทัพออกรบและเกณฑ์กำลังทหารจากทุกทิศ สุมาเล่าจี๋นำทหารและพลเรือนมณฑลเกงจิ๋วเป็นกองหน้า[29] ภายหลังจากจูกัดเอี๋ยนถูกปราบปราม สุมาเล่าจี๋ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นอู่จิ้นถิงโหว (武進亭侯) ได้รับศักดินาเพิ่มเติม 900 ครัวเรือน และเลื่อนตำแหน่งเป็นราชเลขาธิการใหญ่ (大尚書 ต้าช่างชู) รับผิดชอบด้านกฎหมายอาญา[30]

ภายหลังจากจักรพรรดิโจฮวนขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 260 สุมาเล่าจี๋ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นหลีเฉิงเซียงโหว (斄城鄉侯) ได้รับศักดินาเพิ่มขึ้น 800 ครัวเรือน และได้ขึ้นเป็นผู้รับผิดชอบราชการทหารทั้งหมดของมณฑลเฉงจิ๋ว มียศเป็นขุนพลกระตุ้นยุทธ (振武將軍 เจิ้นอู่เจียงจวิน) และมีตำแหน่งข้าหลวงมณฑลของมณฑลเฉงจิ๋ว ต่อมาได้มียศเป็นขุนพลสยบภาคตะวันออก (平東將軍 ผิงตงเจียงจวิน)[31] ภายหลังเมื่อมีการก่อตั้งระบบศักดินา 5 ขั้นเพิ่มเติม สุมาเล่าจี๋ก็ได้รับบรรดาศักดิ์อินผิงปั๋ว (陰平伯)[32]

ในรัชสมัยสุมาเอี๋ยน แก้

หลังจากสุมาเอี๋ยนจักรพรรดิแห่งราชวงศ์จิ้นขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 266 สุมาเล่าจี๋ก็ได้รับยศเป็นขุนพลพิทักษ์ภาคตะวันออก (鎮東將軍 เจิ้นตงเจียงจฺวิน) และขึ้นมามีบรรดาศักดิ์ชั้นโหว (侯)[33] จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนทรงเห็นว่าสุมาเล่าจี๋เป็นคนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาและไม่เคยซื้อบ้านเป็นของตนเอง จึงทรงส่งทหารไปสร้างบ้านห้าสิบหลังให้กับสุมาเล่าจี๋[34] ต่อมาสุมาเล่าจี๋เข้าสู่วัยชราจึงขอเกษียณอายุราชการ สุมาเล่าจี๋ถวายฎีกานับสิบฉบับ ท้ายที่สุดสุมาเล่าจี๋ได้รับการตั้งเป็นที่ปรึกษาผู้ใหญ่ราชสำนัก (光祿大夫 กวางลู่ต้าฟู) ได้รับตำแหน่งพิเศษ ได้รับพระราชทานเจ้าหน้าที่และทหารผู้ติดตาม มีรถม้าจอดรอรับหน้าประตูบ้าน[35]

เมื่อเอียวเก๋าได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนพลทหารม้าและรถรบ (車騎將軍 เชอฉีเจียงจฺวิน) ในปี ค.ศ. 269 เอียวเก๋าต้องการจะสละตำแหน่งให้กับสุมาเล่าจี๋โดยกล่าวว่า "เล่าจี๋โดยตลอดมาเป็นคนซื่อสัตย์ จิตใจบริสุทธิ์ มีความต้องการน้อย ถ่อมตนแต่ไม่เคยคล้อยตามโดยไม่ไตร่ตรองก่อน อุทิศตนต่อหน้าที่จนผมขาว และภักดีต่อราชสำนักตั้งแต่ต้นจนปลาย แต่ท่านไม่ได้รับเกียรตินี้ ในขณะที่ตำแหน่งของข้าพระพุทธเจ้าได้แซงขึ้นเหนือท่านแล้ว จะขจัดความแค้นเคืองของผู้คนในแผ่นดินต่อข้าพระพุทธเจ้าได้อย่างไร" แต่สุมาเอี๋ยนไม่ทรงฟังคำทูลของเอียวเก๋า[36]

สุมาเล่าจี๋เสียชีวิตในปี ค.ศ. 273 ขณะอายุ 84 ปี (ตามการนับอายุแบบเอเชียตะวันออก)[37] สุมาเอี๋ยนทรงพระราชทานสมัญญานามแก่สุมาเล่าจี๋ว่าเจิน (貞; มีความหมายว่า "บริสุทธิ์") และพระราชทานสุสานสำหรับฝังศพพื้นที่ 100 หมู่ (畝)[38]

ดูเพิ่ม แก้

หมายเหตุ แก้

  1. ชื่อสุมาเล่าจี๋ปรากฏในสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ตอนที่ 79[1] คำว่า "สุมา" (司馬 ซือหม่า) แท้จริงแล้วเป็นชื่อตำแหน่งทางการทหารคือตำแหน่งนายกองพัน ไม่ใช่ชื่อสกุล โดยที่ "เล่า" (魯 หลู่) เป็นชื่อสกุล และ "จี๋" (芝 จือ) เป็นชื่อตัว สุมาเล่าจี๋ดำรงตำแหน่ง "สุมา" ในช่วงที่โจซองเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในรัชสมัยจักรพรรดิโจฮอง
  2. เป็นที่มาของคำว่า "สุมา" ในชื่อ "สุมาเล่าจี๋" ที่ปรากฏในสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน)
  3. วันเจี๋ยอู่ (甲午) ของเดือน 1 ในศักราชเจียผิงปีที่ 1 ตามพระราชประวัติโจฮองในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 4[19]
  4. พระราชประวัติโจฮองในจดหมายเหตุสามก๊กบันทึกว่า โจซองกับผู้มีส่วนร่วม ได้แก่ เตงปิด, เตงเหยียง, โฮอั๋น, ปิดห้วน, หลีซิน และฮวนห้อม ถูกประหารชีวิตพร้อมกับครอบครัวในวันอู้ซฺวี (戊戌) ของเดือน 1 ของศักราชเจียผิง ปีที่ 1 ในรัชสมัยของโจฮอง[23] ตรงกับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 249 ตามปฏิทินกริกอเรียน และยังเป็น 4 วันหลังจากเหตุรัฐประหาร

อ้างอิง แก้

  1. "สามก๊ก ตอนที่ ๗๙". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ March 9, 2024.
  2. (魯芝,字世英,扶風郿人也。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  3. (世有名德,為西州豪族。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  4. (父為郭氾所害,芝繈褓流離) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  5. (年十七,乃移居雍,耽思墳籍。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  6. (郡舉上計吏,州辟別駕。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  7. (魏車騎將軍郭淮為雍州刺史,深敬重之。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  8. (舉孝廉,除郎中。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  9. (會蜀相諸葛亮侵隴右,淮復請芝為別駕。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  10. (事平,薦於公府,辟大司馬曹真掾,轉臨淄侯文學。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  11. (鄭袤薦于司空王朗,朗即加禮命。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  12. (後拜騎都尉、參軍事、行安南太守,遷尚書郎。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  13. (曹真出督關右,又參大司馬軍事。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  14. (真薨,宣帝代焉,乃引芝參驃騎軍事,轉天水太守。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  15. (郡鄰於蜀,數被侵掠,戶口減削,寇盜充斥,芝傾心鎮衛,更造城市,數年間舊境悉復。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  16. (遷廣平太守。天水夷夏慕德,老幼赴闕獻書,乞留芝。魏明帝許焉,仍策書嘉歎,勉以黃霸之美,加討寇將軍。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  17. (曹爽輔政,引為司馬。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  18. (芝屢有讜言嘉謀,爽弗能納。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  19. (嘉平元年春正月甲午,車駕謁高平陵。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 4.
  20. (司馬宣王將誅爽,因爽出,閉城門。大將軍司馬魯芝將爽府兵,犯門斬關,出城門赴爽,來呼敞俱去) อรรถาธิบายจากชื่อ-ยฺหวี่ในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 25.
  21. (及宣帝起兵誅爽,芝率餘眾犯門斬關,馳出赴爽,勸爽曰:「公居伊周之位,一旦以罪見黜,雖欲牽黃犬,復可得乎!若挾天子保許昌,杖大威以羽檄征四方兵,孰敢不從!舍此而去,欲就東市,豈不痛哉!」) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  22. (爽懦惑不能用,遂委身受戮。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  23. ([嘉平元年春正月]戊戌,有司奏収黃門張當付廷尉,考實其辭,爽與謀不軌。又尚書丁謐、鄧颺、何晏、司隷校尉畢軌、荊州刺史李勝、大司農桓範皆與爽通姦謀,夷三族。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 4.
  24. (芝坐爽下獄,當死,而口不訟直,志不苟免。宣帝嘉之,赦而不誅。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  25. (俄而起為使持節、領護匈奴中郎將、振威將軍、并州刺史。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  26. (以綏緝有方,遷大鴻臚。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  27. (高貴鄉公即位,賜爵關內侯,邑二百戶。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  28. (毌丘儉平,隨例增邑二百戶,拜揚武將軍、荆州刺史。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  29. (諸葛誕以壽春叛,文帝奉魏帝出征,徵兵四方,芝率荊州文武以為先驅。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  30. (誕平,進爵武進亭侯,又增邑九百戶。遷大尚書,掌刑理。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  31. (常道鄉公即位,進爵斄城鄉侯,又增邑八百戶,遷監青州諸軍事、振武將軍、青州刺史,轉平東將軍。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  32. (五等建,封陰平伯。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  33. (武帝踐阼,轉鎮東將軍,進爵為侯。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  34. (帝以芝清忠履正,素無居宅,使軍兵為作屋五十間。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  35. (芝以年及懸車,告老遜位,章表十餘上,於是徵為光祿大夫,位特進,給吏卒,門施行馬。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  36. (羊祜為車騎將軍,乃以位讓芝,曰:「光祿大夫魯芝潔身寡欲,和而不同,服事華髮,以禮終始,未蒙此選,臣更越之,何以塞天下之望!」上不從。其為人所重如是。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  37. (泰始九年卒,年八十四。) จิ้นชู เล่มที่ 90.
  38. (帝為舉哀,賵贈有加,諡曰貞,賜塋田百畝。) จิ้นชู เล่มที่ 90.

บรรณานุกรม แก้