ธาริต เพ็งดิษฐ์
ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ อดีตคณะกรรมการสำนักงานบริหารการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน[1]อดีตคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้[2] และ อดีตอัยการจังหวัดประจำกรม สำนักงานคณะกรรมการอัยการ
ธาริต เพ็งดิษฐ์ | |
---|---|
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ | |
ดำรงตำแหน่ง 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552 – 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 | |
ก่อนหน้า | พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง |
ถัดไป | พลตำรวจเอก ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ |
เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ | |
ดำรงตำแหน่ง 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551 – 30 กันยายน พ.ศ. 2552 | |
ถัดไป | ภิญโญ ทองชัย |
กรรมการศูนย์รักษาความสงบ | |
ดำรงตำแหน่ง 21 มกราคม พ.ศ. 2557 – 31 มีนาคม พ.ศ. 2557 | |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 5 สิงหาคม พ.ศ. 2501 อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท |
ศาสนา | ศาสนาพุทธ |
คู่สมรส | วรรษมล เพ็งดิษฐ์ |
ประวัติ
แก้ธาริต เกิดที่โรงพยาบาลคริสเตียน ในตำบลคุ้งสำเภา อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท เมื่อแรกเกิดมีร่างกายไม่แข็งแรงนัก ต้องอยู่ในตู้อบที่โรงพยาบาลนานถึง 3 เดือน ผู้เป็นแม่จึงเดินทางด้วยเรือ ไปพบหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี[3][4] เพื่อขอให้ตั้งชื่อ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำจึงให้ชื่อว่า "เบญจ" (เป็นชื่อเดียวกับชื่อเล่นด้วย) เพื่อเป็นการแก้เคล็ดเนื่องจากพี่ของนายธาริตที่เกิดก่อนหน้านั้นถึง 4 ได้เสียชีวิตหมดตั้งแต่แรกคลอด เป็นหลานปู่ของ ร.อ.เจี๊ยบ เพ็งดิษฐ์ นายทหารคนใกล้ชิดจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งลาออกจากราชการและย้ายครอบครัวจากพระนครไปอยู่ที่จังหวัดชัยนาท หลังจอมพล ป.ถูกรัฐประหาร[5]
สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จากนั้นเข้าศึกษาต่อในคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่น KU 37 แต่ด้วยความไม่ชอบและปรับตัวไม่ได้ กับระบบ "โซตัส" จึงลาออกไปสมัครเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในปี 2521 จนสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) และเนติบัณฑิตไทย รวมถึงนิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[6][7]
เมื่ออายุได้ 35 ปี จึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นธาริต ตามหลักทักษาปกรณ์ตามความเชื่อของโหราศาสตร์ไทย โดยให้คำว่า ธ เป็นเดชนำหน้าชื่อ[3]
- ปี 2519 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
- ปี 2524 ปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
- ปี 2526 เนติบัณฑิตไทย
- ปี 2532 ปริญญาโท นิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[8]
การทำงาน
แก้ก่อนรับราชการอัยการ ธาริตเป็นผู้ช่วยอาจารย์สอนกฎหมาย จนกระทั่งได้พบกับคณิต ณ นครในฐานะอาจารย์พิเศษ จึงแนะนำให้ธาริตไปสอบอัยการหลังเรียนจบนิติศาสตร์มหาบัณฑิต และธาริตก็สอบได้เป็นอัยการ[9] จนกระทั่งดร.ทักษิณ ชินวัตรได้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ได้ระดมนักกฎหมายหลายคน เช่น คณิต ณ นคร, เรวัติ ฉ่ำเฉลิม ร่วมก่อตั้งพรรค ซึ่งในจำนวนนั้นมีธาริตอยู่ด้วย ทำให้หลังจากที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง ธาริตจึงได้รับแต่งตั้งให้ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยทำงานกับพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รองนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันนายธาริตยังเป็นเป็นคณะที่ปรึกษาของพันศักดิ์ วิญญรัตน์อีกด้วย
ภายหลังจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขาดำรงตำแหน่งเลขาธิการของหน่วยงานนี้เป็นคนแรก
เมื่อมีการจัดตั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ธาริตได้โอนมาดำรงตำแหน่งรองอธิบดี และต่อมาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ จนกระทั่งได้รับแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษแทน ทวี สอดส่อง ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ธาริต เป็นหนึ่งในคณะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เมื่อครั้งมีการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปี พ.ศ. 2553 แต่ไม่ได้เป็นคณะกรรมการด้านยุทธการ[10] นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการดำเนินคดีทางการเมืองหลายคดี
ในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เขารับคำร้องที่พรรคเพื่อไทยฟ้องร้องถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนเพื่อเอาผิดต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ[11]
ในวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ได้มีประกาศกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่อง มติคณะกรรมการคดีพิเศษให้คดีความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษโดยมีมติ ว่ารับกรณี สุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญาสืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นคดีพิเศษ[12]
ในระหว่างเหตุการณ์วิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 ธาริตเป็นกรรมการในศูนย์รักษาความสงบในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร[13]และได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและผู้ช่วยเลขานุการ[14]ในวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557
ธาริตได้รับการต่ออายุราชการภายหลังเกษียณอายุราชการในสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร[15]ณ ขณะนั้นเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เนื่องจาก ถวิล เปลี่ยนศรีถูกโยกย้ายเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี[16]เนื่องจากเป็นกรรมการและเลขานุการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)แต่ธาริต เพ็งดิษฐ์ กลับได้ต่ออายุราชการทั้ง ๆ ที่เป็นกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่นเดียวกัน ในปี พ.ศ. 2557 หลังการยึดอำนาจการปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้รับคำสั่งให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
และยังได้รับการแต่งตั้งเป็น เลขานุการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ในช่วง ระหว่างวันที่ 19 มีนาคม 2557 ถึง 19 พฤษภาคม 2557[17]
ภายหลังการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 เขาถูกย้ายไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และ ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560 ในข้อหาร่ำรวยผิดปกติ[18]
ข้อวิจารณ์
แก้- กรณีที่ไม่สั่งฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ กรณีปราศัยเมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554 เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก[19]เนื่องจากข้อความที่นายจตุพรกล่าวปราศัยนั้น ทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
- กรณีคดีเงินบริจาคน้ำท่วม กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยออกหนังสือถึงประชาชนผู้บริจาคน้ำท่วมผ่านทางพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ พ.ศ. 2553 โดยขอให้ไปชี้แจงต่อดีเอสไอ ว่าการบริจาคดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 หรือไม่[20]ถูกวิจารณ์กว่าเป็นการกระทำเกินกว่าอำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
- กรณีรับเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนเพื่อเอาผิดตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ[21]เนื่องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้ายื่นหนังสือให้เอาผิดตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
- กรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น[22]เขาทำหนังสือแจ้งว่าไม่พบการกระทำผิดและทำหนังสือยกเลิกการอายัดทรัพย์สิน ลงวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557[23] แต่ภายหลัง รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 กรมสอบสวนคดีพิเศษมีการแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลอาทิ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร รวมถึงออกหมายจับ พระธัมมชโย
คดีความ
แก้ในปี พ.ศ. 2558 นายธาริตถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สั่งอายัดทรัพย์ จำนวน 90,260,687 บาท[24]มีการแจ้งข้อกล่าวหาเขาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558[25] นอกจากนั้นยังมีคดีความอีก 26 คดี[26]ส่วนใหญ่เป็นคดีอาญาฐาน หมิ่นประมาท และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ในปี พ.ศ. 2559 นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีกล่าวหาว่านายธาริตร่ำรวยผิดปกติ พร้อมด้วยนายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ร่วมกันแถลงมติที่ประชุม ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ที่มีมติเป็นเอกฉันท์ 7:0 ชี้มูลความผิดนายธาริตในคดีดังกล่าว พร้อมส่งสำนวนต่ออัยการสูงสุดให้ยื่นต่อศาลที่มีเขตอำนาจให้พิพากษาให้ทรัพย์สินของนายธาริต คู่สมรส และผู้เกี่ยวข้อง จำนวนกว่า 346,652,588 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน[27] คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีมติว่า สมควรลงโทษ นายธาริต โดยการ ลงโทษไล่ออกจากราชการ[28]
ในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2560 ศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งจำคุก 2 ปี นาย ธาริต แต่ลดโทษเป็นรอลงอาญา 2 ปี[29]กรณี ย้าย พ.อ.ปิยะวัฒน์ กิ่งเกตุ โดยมิชอบ
ในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ศาลฎีกาได้มีคำสั่งศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.310/2556 ให้รับฟ้องกรณี นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ ฟ้อง นายธาริต ว่าฟ้องร้องเขาโดยไม่สุจริต เจตนากลั่นแกล้ง[30] ในวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ศาลมีคำสั่งรับฟ้องคดีหมายเลขดำ อ.812/2559 ที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และอดีต ส.ว. กับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ ให้พนักงานจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ และหมิ่นประมาท
ในวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2561 นาย ธาริต เพ็งดิษฐ์ จำคุกที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในคดี อ.495/2556[31]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้ธาริต เพ็งดิษฐ์ เคยได้รับและถูกเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์[32] ชั้นสูงสุดตระกูลต่างๆ ดังนี้
- พ.ศ. 2556 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[33]
- พ.ศ. 2551 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[34]
- พ.ศ. 2558 – เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)[35]
อ้างอิง
แก้- ↑ ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- ↑ "คณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2022-07-08. สืบค้นเมื่อ 2016-05-26.
- ↑ 3.0 3.1 หน้า 5, พายุลูกล่าสุด : 'ธาริต เพ็งดิษฐ์' กับชีวิต 'เปลี่ยนสี'? . คมชัดลึกปีที่ 16 ฉบับที่ 5666: วันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2560
- ↑ ชีวประวัติ ธาริต เพ็งดิษฐ์
- ↑ "ธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นหลานปู่ของ ร.อ.เจี๊ยบ เพ็งดิษฐ์ นายทหารคนใกล้ชิด จอมพล ป. พิบูลสงคราม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-08-01. สืบค้นเมื่อ 2012-09-03.
- ↑ เส้นทางวัยรุ่นการศึกษา ธาริต เพ็งดิษฐ์
- ↑ ธาริต ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ↑ ธาริต จบปริญญาโท ในด้านกฎหมาย
- ↑ นายธาริตเป็นผู้ช่วยอาจารย์สอนกฎหมาย
- ↑ ธาริต เป็นหนึ่งในคณะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
- ↑ เพื่อไทยยื่นเอาผิดตุลาการรธน.
- ↑ มติคณะกรรมการคดีพิเศษให้คดีความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษโดยมีมติ
- ↑ มติคณะกรรมการคดีพิเศษให้คดีความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษโดยมีมติ
- ↑ มติคณะกรรมการคดีพิเศษให้คดีความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษโดยมีมติ
- ↑ ต่ออายุ”ธาริต”คุมดีเอสไอ รางวัลจากการเปลี่ยนสี?
- ↑ วิจารณ์ ถูกโยกย้ายเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี[ลิงก์เสีย]
- ↑ ศอ.รส.เฉดหัว“ถวิล” โวไม่มีที่ว่าง-กลัวความลับรั่ว
- ↑ ไล่ออกราชการ ธาริต
- ↑ "ธาริต วิจารณ์ แกนนำ นปช". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-26. สืบค้นเมื่อ 2015-10-21.
- ↑ ปชป.โวยดีเอสไอสอบปมเงินบริจาคน้ำท่วม
- ↑ เพื่อไทยยื่นเอาผิดตุลาการรธน.
- ↑ เบื้องหลัง! โชว์หนังสือ‘ศุภชัย’ขอ‘ธาริต’รับรองสหกรณ์ฯ-สยบข่าวลือบริหารพลาด?
- ↑ ยลโฉมที่ดิน 36 แปลงโคราช‘ศุภชัย’ ก่อนขายใช้หนี้สหกรณ์ฯ-‘ธาริต’เซ็นเพิกถอน
- ↑ ป.ป.ช. มติเอกฉันท์ 7:0 ชี้มูล “ธาริต เพ็งดิษฐ์” ร่ำรวยผิดปกติ ชงศาลยึดทรัพย์ 346 ล้าน – อดีตอธิบดีดีเอสไอเตรียมตั้งทนายสู้
- ↑ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา 'ธาริต'รวยผิดปกติ พ.ย.นี้
- ↑ นิยายชีวิต “ธาริต เพ็งดิษฐ์” อธิบดี 3 รัฐบาล ผู้ทำงานรับใช้ทุกสี กับบทสรุปที่เลือกจบเองไม่ได้
- ↑ ป.ป.ช. มติเอกฉันท์ 7:0 ชี้มูล “ธาริต เพ็งดิษฐ์” ร่ำรวยผิดปกติ ชงศาลยึดทรัพย์ 346 ล้าน – อดีตอธิบดีดีเอสไอเตรียมตั้งทนายสู้
- ↑ ป.ป.ช.ชง ‘บิ๊กตู่’ไล่‘ธาริต’ออกราชการ! ถูกฟันรวยผิดปกติ-ไม่ได้เป็นผู้บริหารระดับสูง
- ↑ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ 'ชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ' ร่วมทำผิด 'ธาริต เพ็งดิษฐ์' ปมสั่งย้าย 'ปิยะวัฒน์ กิ่งเกตุ' โดยมิชอบ ให้รอลงอาญา 2 ปี
- ↑ ศาลฎีกาสั่งประทับรับฟ้องอภิสิทธิ์-สุเทพ ฟ้องธาริตและทีม ปมสรุปสำนวนคดีสลายแดง 53 โดยไม่สุจริต
- ↑ คุม ‘ธาริต’ เข้าเรือนจำ ‘ทนายสุเทพ’ ขยี้เหตุต้อง ‘คุก’ ย้ำ 396 โรงพักถูกต้อง เผยติดต่อเจรจาหลายครั้ง!!
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๓๘ ข หน้า ๒, ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๖, เล่ม ๑๓๐ ตอนที่ ๓๐ ข หน้า ๕, ๖ ธันวาคม ๒๕๕๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย[ลิงก์เสีย], เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๑๗ ข หน้า ๑๖, ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา ประจำปี ๒๕๕๘, เล่ม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๔ ข หน้า ๓, ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙