โทรคมนาคมแห่งชาติ
บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (อังกฤษ: National Telecom Public Company Limited) หรือที่รู้จักทั่วไปในชื่อย่อว่า เอ็นที (NT) เป็นรัฐวิสาหกิจที่ดูแลการสื่อสารโทรคมนาคมในประเทศไทยในรูปแบบบริษัทมหาชนจำกัด ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่าง กสท โทรคมนาคม และทีโอที เพื่อลดการดำเนินงานที่ซ้ำซ้อนกัน และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ตามมติของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลสมัยที่ 2 ของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยมีกระทรวงการคลังถือหุ้นในสัดส่วน 100%[3]
ตราสัญลักษณ์ | |||||
อาคารเอ็นที บางรัก, กรุงเทพฯ อดีตสำนักงานของ กสท โทรคมนาคม | |||||
ประเภท | |||||
---|---|---|---|---|---|
อุตสาหกรรม | โทรคมนาคม | ||||
ก่อนหน้า | |||||
ก่อตั้ง | 7 มกราคม พ.ศ. 2564 | ||||
สำนักงานใหญ่ | 99 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่, , | ||||
พื้นที่ให้บริการ | ทั่วราชอาณาจักร | ||||
บุคลากรหลัก | |||||
ผลิตภัณฑ์ |
| ||||
รายได้ | 85,502,425,481 บาท (พ.ศ. 2566)[2] | ||||
รายได้จากการดำเนินงาน | 80,111,539,089 บาท (พ.ศ. 2566)[2] | ||||
รายได้สุทธิ | 3,437,741,892 บาท (พ.ศ. 2566)[2] | ||||
ทรัพย์สินสุทธิ | 13,748,018,032 บาท (พ.ศ. 2566)[2] | ||||
สินทรัพย์ | 245,955,636,914 บาท (พ.ศ. 2566)[2] | ||||
ส่วนของผู้ถือหุ้น | 162,753,019,611 บาท (พ.ศ. 2566)[2] | ||||
เจ้าของ | กระทรวงการคลัง | ||||
พนักงาน | 12,351 คน (พ.ศ. 2566)[2] | ||||
บริษัทแม่ | กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม | ||||
บริษัทในเครือ |
| ||||
เว็บไซต์ | www | ||||
เชิงอรรถ / อ้างอิง
|
ประวัติ
แก้ก่อนการควบรวมกิจการ
แก้แนวคิดในการควบรวมทีโอที และ กสท โทรคมนาคม เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2545 ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ปัจจุบันคือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) โดยเห็นควรให้ทั้ง 2 หน่วยงานควบรวมกิจการกัน เพื่อลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนกัน เพิ่มศักยภาพขององค์กรในการแข่งขันกับเอกชน และเพื่อความอยู่รอดขององค์กร แต่แนวคิดนี้ถูกคัดค้านอย่างหนักจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจของทั้ง 2 หน่วยงานที่เล็งเห็นผลประโยชน์ของตนเองเป็นสำคัญ จึงยุติโครงการไปชั่วคราว[4][5] ต่อมาในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560 คณะรัฐมนตรีในรัฐบาลสมัยที่ 1 ของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีมติให้ทั้ง 2 หน่วยงานจัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อแยกธุรกิจบางส่วนที่ทั้ง 2 หน่วยงานดำเนินงานซ้ำซ้อนกันออกมาต่างหาก ดังนี้
- ทีโอที จัดตั้ง บริษัท โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด (อังกฤษ: National Broadband Network Co., Ltd.; NBN) เพื่อให้บริการค้าส่งบรอดแบนด์และโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมภายในประเทศเป็นหลัก โดยมีสินทรัพย์ ได้แก่ โครงข่ายหลัก ระบบสื่อสัญญาณ จนถึงโครงข่ายสายตอนนอก และเคเบิลใยแก้วนำแสง
- กสท โทรคมนาคม จัดตั้ง บริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด (อังกฤษ: Neutral Gateway & Data Center Co., Ltd.; NGDC) เพื่อให้บริการบรอดแบนด์ระหว่างประเทศเป็นหลัก รวมทั้งศูนย์บริการข้อมูล โดยมีสินทรัพย์ที่อยู่นอกประเทศ ได้แก่ สถานีเคเบิลใยแก้วใต้น้ำทั้งในและระหว่างประเทศ เคเบิลภาคพื้นดินระหว่างประเทศ รวมทั้งโครงข่ายขนส่งข้อมูลทั้งในและระหว่างประเทศ[6]
แต่มติดังกล่าวก็ยังคงถูกคัดค้านจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจของทั้ง 2 หน่วยงานเช่นเดิม เนื่องจากเห็นว่าจะมีผลกระทบหลายด้าน และไม่ได้แก้ปัญหาของรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 หน่วยงานอย่างจริงจัง รวมถึงเป็นการเพิ่มบริษัทสำหรับดำเนินงานโทรคมนาคมของรัฐโดยไม่จำเป็น[7] แต่หลังจากจัดตั้งบริษัทย่อยทั้ง 2 แห่งแล้ว ทั้งทีโอทีและ กสท โทรคมนาคม ก็ได้ทยอยโอนย้ายพนักงานไปทำงานที่บริษัทย่อยทั้ง 2 แห่ง
การควบรวมกิจการ
แก้เมื่อปี พ.ศ. 2561 จึงมีการเสนอให้กลับมาใช้แนวทางเดิมของปี พ.ศ. 2545 โดยการควบรวมกิจการของทีโอที และ กสท โทรคมนาคม เข้าด้วยกัน[4] ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานก็เห็นตรงกันกับข้อเสนอดังกล่าว แต่ก็ยังมีความเห็นต่างกันเกี่ยวกับวิธีการควบรวมและระยะเวลา จนกระทั่งวันที่ 12 กันยายน คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้มีมติให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 2 หน่วยงานควบรวมกิจการกันแล้วตั้งเป็นบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ โดยมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และทั้ง 2 หน่วยงาน จัดทำรายละเอียดในการควบรวมกิจการให้ครบถ้วนเพื่อเสนอให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป พร้อมทั้งให้เลิกบริษัทย่อยทั้ง NBN และ NGDC และให้พนักงานของทั้ง 2 บริษัทกลับเข้าทำงานที่ต้นสังกัดเดิม[8]
ในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเห็นชอบในหลักการควบรวมกิจการของทีโอที และ กสท โทรคมนาคม และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป[9] และในที่สุด วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2563 คณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติให้ ทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ควบรวมกิจการเป็นบริษัทเดียวในชื่อ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ (National Telecom; NT) และมีกระทรวงการคลังถือหุ้นทั้งหมด และให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ซึ่งถือเป็นการเลิกบริษัทย่อยทั้ง NBN และ NGDC อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกำกับดูแลดำเนินการควบรวมกิจการของทีโอทีและ กสท โทรคมนาคม ให้เป็นไปตามเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่กำหนดคือภายใน 6 เดือน นับจากวันที่ ครม. มีมติ คือวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2563[10] แต่ต่อมาก็มีแนวโน้มที่จะขอเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ขยายเวลาควบรวมออกไปอีก 6 เดือน คือเดือนมกราคม พ.ศ. 2564 เนื่องจากการระบาดทั่วของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทำให้เกิดการติดขัดของกระบวนการด้านเอกสารบางอย่างที่จำเป็นต้องจัดส่งไปยังต่างประเทศ เช่น การแจ้งหนังสือถึงเจ้าหนี้เป็นลายลักษณ์อักษร เป็นต้น[11]
ต่อมาในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2563 คณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติรับทราบความคืบหน้าในการควบรวมกิจการ และการใช้ชื่อบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมกิจการคือ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (อังกฤษ: National Telecom Public Co., Ltd.; NT Plc.) และเห็นชอบในการที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมขอขยายเวลาการควบรวมกิจการออกไป โดยให้เวลาเพิ่มจากวันครบกำหนดเดิมไม่เกิน 6 เดือน คือภายในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2564 โดยหากมีความจำเป็นที่จะต้องขอขยายเวลาการดำเนินการควบรวมกิจการ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งรัดการดำเนินการเสนอเรื่องการขอขยายเวลาดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีล่วงหน้าก่อนครบกำหนด[12]
ต่อมาในวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2563 พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้พูดคุยกับพนักงานและสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจของทั้งทีโอที และ กสท โทรคมนาคม เพื่อสื่อสารการขับเคลื่อนองค์กรไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องให้พนักงานรับทราบ และ/หรือ ซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์กรใหม่สำหรับการรับมือการหยุดชะงักของอุตสาหซึ่งกันและกัน เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2564 ทีโอทีจึงประกาศปิดปรับปรุงระบบการชำระเงินของศูนย์บริการลูกค้าทุกแห่งทั่วประเทศในเช้าวันที่ 7 มกราคม[13] จากนั้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม กสท โทรคมนาคม ก็ได้ประกาศปิดปรับปรุงระบบการชำระเงินของสำนักงานบริการลูกค้าและจุดรับชำระเงินในช่วงเช้าของวันที่ 7 มกราคมเช่นกัน[14]
ต่อมาในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2564 กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นทั้งหมดของทั้งทีโอที กสท โทรคมนาคม และ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ได้เห็นชอบการควบรวมกิจการระหว่างทีโอที และ กสท โทรคมนาคม เป็น บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ[15] โดยรวมทุนจดทะเบียนจากทั้ง 2 หน่วยงานเดิม ประกอบด้วย จาก กสท โทรคมนาคม 10,000 ล้านบาท[16] และจากทีโอที 6,000 ล้านบาท[17] รวมทุนจดทะเบียนใหม่ทั้งสิ้น 16,000 ล้านบาท[18] ต่อจากนั้นในวันที่ 7 มกราคม คณะกรรมการของทั้งทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ได้เดินทางไปจดทะเบียนจัดตั้ง บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ถัดมาในเวลา 10:00 น. พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้แถลงข่าวเปิดตัว บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ แก่สื่อมวลชนภายในหอประชุม และในเวลา 15:00 น. ได้ทำพิธีเปิด บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) อย่างเป็นทางการที่หน้าห้องจัดเลี้ยง อาคารสโมสร ภายในสำนักงานใหญ่ของ กสท โทรคมนาคมเดิม เป็นการเสร็จสิ้นการควบรวมกิจการของทีโอที และ กสท โทรคมนาคม[19][20][21]
หลังการควบรวมกิจการ
แก้หลังจากควบรวมกิจการและจัดตั้ง บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ได้ตั้งเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับเอกชนสู่การเป็น 1 ใน 3 อันดับผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย[21] โดยได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำหน้าที่อย่างเป็นทางการเป็นชุดแรก มีหม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร เป็นประธานกรรมการ และนาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ประธานกรรมการของทีโอทีเดิม รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่[21] ส่วนการสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่คนแรกนั้นต้องใช้เวลาถึง 2 ครั้ง[22] ระหว่างนี้หม่อมหลวงชโยทิตได้ลาออกจากประธานกรรมการเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564[23] โดยต่อมา พลเอก สุชาติ ผ่องพุฒิ อดีตประธานกรรมการของ กสท โทรคมนาคมเดิม มาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการของ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ จนกระทั่งได้ พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ อดีตกรรมการผู้จัดการของ กสท โทรคมนาคมเดิม เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่อย่างเป็นทางการคนแรกของ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ และเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2565[1]
ผู้บริหารองค์กร
แก้ประธานกรรมการ
แก้- หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร (7 มกราคม - 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564)
- พลเอก สุชาติ ผ่องพุฒิ (พ.ศ. 2565 - 2567)
- นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ (พ.ศ. 2567 - ปัจจุบัน)
กรรมการผู้จัดการใหญ่
แก้- นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ (รักษาการ; 7 มกราคม พ.ศ. 2564 - 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2565)
- พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ (20 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 - ปัจจุบัน)
บริษัทคู่ค้า
แก้- บริษัท เรียลมูฟ จำกัด รับสิทธิ์การเป็นตัวแทนขายส่งต่อบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบดับบลิวซีดีเอ็มเอ บนคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิร์ตซ์ ในชื่อ ทรูมูฟ เอช ตั้งแต่ พ.ศ. 2554 จนถึงปัจจุบัน ภายใต้ความจุโครงข่ายส่วนหนึ่ง โทรคมนาคมแห่งชาตินำมาให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้ชื่อ มาย บาย เอ็นที
- บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด โทรคมนาคมแห่งชาติเป็นผู้เช่าความจุโครงข่ายส่วนหนึ่งของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบดับบลิวซีดีเอ็มเอบนคลื่นความถี่ 2100 เมกะเฮิร์ตซ์ และระบบแอลทีอีบนคลื่นความถี่ 2100 เมกะเฮิร์ตซ์ และ 1800 เมกะเฮิร์ตซ์ เพื่อนำมาให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้ชื่อ มาย บาย เอ็นที และรับสิทธิ์การเป็นตัวแทนขายส่งต่อบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบแอลทีอี และระบบ 5 จี บนคลื่นความถี่ 2300 เมกะเฮิร์ตซ์ ในชื่อ ดีแทค เทอร์โบ และ ทรูมูฟ เอช ตั้งแต่ พ.ศ. 2566 จากการแก้สัญญาเพื่อสิ้นสภาพความเป็นนิติบุคคลของ ดีแทค ไตรเน็ต จนถึงปัจจุบัน ภายใต้ความจุโครงข่ายส่วนหนึ่ง โทรคมนาคมแห่งชาตินำมาให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้ชื่อ เอ็นที โมบายล์
- บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด รับสิทธิ์การเป็นตัวแทนขายส่งต่อบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบดับบลิวซีดีเอ็มเอและระบบแอลทีอี บนคลื่นความถี่ 2100 เมกะเฮิร์ตซ์ ในชื่อ เอไอเอส ที ตั้งแต่ พ.ศ. 2560 จนถึงปัจจุบัน ภายใต้ความจุโครงข่ายส่วนหนึ่ง โทรคมนาคมแห่งชาตินำมาให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้ชื่อ เอ็นที โมบายล์ รวมถึงรับสิทธิ์การเป็นตัวแทนขายส่งต่อบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 5 จี บนคลื่นความถี่ 700 เมกะเฮิร์ตซ์ และเป็นผู้เช่าความจุโครงข่ายส่วนหนึ่งของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 5 จี บนคลื่นความถี่ 700 เมกะเฮิร์ตซ์ 2600 เมกะเฮิร์ตซ์ และ 26 กิกะเฮิร์ตซ์ เพื่อนำมาให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้ชื่อ มาย บาย เอ็นที และ เอ็นที โมบายล์
อ้างอิง
แก้- ↑ 1.0 1.1 "NT เปิดตัว "สรรพชัยย์" CEO คนแรก". สยามรัฐ. 2022-07-20. สืบค้นเมื่อ 2022-11-10.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 รายงานประจำปี 2566 บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)
- ↑ ฐานเศรษฐกิจ (14 มกราคม 2020). "ครม.ไฟเขียวควบรวม"ทีโอที-แคท"". www.thansettakij.com. สืบค้นเมื่อ 28 พฤษภาคม 2020.
- ↑ 4.0 4.1 ไทยรัฐ (1 กรกฎาคม 2018). "ปัดฝุ่นแผนควบรวมทีโอที-แคท". ไทยรัฐ. สืบค้นเมื่อ 28 พฤษภาคม 2020.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "วันที่ไร้คลื่นในมือ ควบรวม'แคท-ทีโอที' เดินหน้าลุย 5จี". มติชน. 16 พฤศจิกายน 2019. สืบค้นเมื่อ 7 มกราคม 2021.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ กรุงเทพธุรกิจ (13 มิถุนายน 2560). "ครม.เห็นชอบ 'TOT-CAT' ตั้งบริษัทลูก". www.bangkokbiznews.com. สืบค้นเมื่อ 28 พฤษภาคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ ประชาชาติธุรกิจ (1 สิงหาคม 2560). "สหภาพทีโอที-แคท ค้านมติครม. ตั้งบริษัทร่วมทุน NBN – NGDC". www.prachachat.net. สืบค้นเมื่อ 28 พฤษภาคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ ประชาชาติธุรกิจ (15 กันยายน 2561). "นับหนึ่งควบรวม"ทีโอที-แคท"". www.prachachat.net. สืบค้นเมื่อ 28 พฤษภาคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ ประชาชาติธุรกิจ (15 พฤษภาคม 2562). "คนร.ไฟเขียวตั้งบริษัทลูกของ รฟท. 2 บริษัท เพื่อบริหารสินทรัพย์และเดินรถไฟฟ้าสายสีแดง". www.prachachat.net. สืบค้นเมื่อ 28 พฤษภาคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ สนุก.คอม (14 มกราคม 2563). "ครม.ไฟเขียว ควบรวม "CAT-TOT" เป็นบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติภายใน 6 เดือน". www.sanook.com. สืบค้นเมื่อ 28 พฤษภาคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ กรุงเทพธุรกิจ (7 พฤษภาคม 2563). "โควิดพ่นพิษทำควบรวม'ทีโอที-กสท'สะดุด". www.bangkokbiznews.com. สืบค้นเมื่อ 28 พฤษภาคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "มติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ขอขยายเวลาการควบรวมกิจการของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)". cabinet.soc.go.th. คณะรัฐมนตรี. 1 กันยายน 2563. สืบค้นเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help)CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "ทีโอที ปิดระบบชำระเงินชั่วคราว 7 ม.ค นี้ เตรียมพร้อมก้าวเป็น บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ". ประชาชาติธุรกิจ. 2021-01-03. สืบค้นเมื่อ 2021-01-06.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "CAT ประกาศปิดปรับปรุงการชำระเงิน". เฟซบุ๊ก. 2021-01-06. สืบค้นเมื่อ 2021-01-07.
- ↑ "กระทรวงการคลัง ไฟเขียวรวม "แคท-ทีโอที" เป็น เอ็นที". ไทยรัฐ. 2021-01-07. สืบค้นเมื่อ 2021-01-07.
- ↑ "COMPANY : INDEX". www.nc.ntplc.co.th.
- ↑ "ข้อมูลบริษัท". www.tot.co.th.
- ↑ "5 ง พิเศษ". ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง มติการประชุมผู้ถือหุ้นร่วมของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ ๒. Vol. 138. ราชกิจจานุเบกษา. 2021-01-06. pp. 5–7. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-06-13. สืบค้นเมื่อ 2022-06-13.
- ↑ "พิธีเปิดตัว บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)". ยูทูบ. 2021-01-11. สืบค้นเมื่อ 2022-11-10.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "รมว.ดีอีเอสจุดพลุควบรวมตั้ง'NT'รัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ของไทยสำเร็จ". ไทยโพสต์. 2021-01-07. สืบค้นเมื่อ 2021-01-07.
- ↑ 21.0 21.1 21.2 "CAT ควบรวม TOT เสร็จเปลี่ยนเป็น NT ตั้งเป้า 64 ติด 1 ใน 3 บริษัทโทรคมนาคมไทย". ไทยรัฐ. 2021-01-07. สืบค้นเมื่อ 2021-01-07.
- ↑ ""สรรพชัยย์"จรดปากกานั่งซีอีโอ'เอ็นที' รับค่าเหนื่อยไม่ต่ำกว่า4แสน". กรุงเทพธุรกิจ. 2022-07-20. สืบค้นเมื่อ 2022-11-10.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "รายงานประจำปี 2564 บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ" (PDF). โทรคมนาคมแห่งชาติ. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2022-11-10. สืบค้นเมื่อ 2022-10-11.