รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู
รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู (แคราย-แจ้งวัฒนะ–รามอินทรา–มีนบุรี) (อังกฤษ: Metropolitan Rapid Transit Pink Line, MRT Pink Line) ซึ่งเรียกตามสีที่กำหนดในแผนแม่บทโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นโครงการระบบขนส่งมวลชนรองในพื้นที่กรุงเทพมหานครฝั่งเหนือ ตลอดจนถึงพื้นที่ของจังหวัดนนทบุรี ดำเนินการโดย บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด โดยได้รับสัญญาสัมปทานจาก การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ดำเนินการในรูปแบบรถไฟฟ้ายกระดับแบบรางเดี่ยว หรือ โมโนเรล เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2559 ก่อนหยุดการก่อสร้างไประยะหนึ่งเนื่องจากสถานการณ์การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2563 - พ.ศ. 2564 จนในที่สุดได้เปิดให้สาธารณชนทดลองใช้งานในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 และกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2567 โดยคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2559 ในรูปแบบหุ้นส่วนมหาชน-เอกชน (Public Private Partnership: PPP) โดยให้รัฐบาลโดย รฟม. เป็นผู้ลงทุนจัดสรรกรรมสิทธิ์ที่ดิน และการเวนคืนที่ดินเพื่อใช้ในโครงการ และเอกชนเป็นผู้ลงทุนในงานโยธา ระบบรถไฟฟ้า ตลอดจนดำเนินระบบรถไฟฟ้าและกิจการจนครบสัญญา
เส้นทางสายนี้เกิดขึ้นครั้งแรกใน พ.ศ. 2537 โดยเป็นหนึ่งในเส้นทางขนส่งมวลชนระบบรองที่ถูกบรรจุลงในแผนแม่บท แต่ในระยะแรกโครงการมีระยะทางรวมทั้งสิ้นเพียง 27 กิโลเมตร มีสถานีต้นทางอยู่ที่บริเวณแยกปากเกร็ด และได้ถูกนำออกไปเมื่อครั้งปรับปรุงแผนแม่บท พ.ศ. 2543 แต่ต่อมาได้มีนำกลับมาอีกครั้งใน พ.ศ. 2549 พร้อมขยายแนวเส้นทางมาตามแนวถนนติวานนท์ และย้ายต้นทางจากแยกปากเกร็ดมายังแยกแคราย เพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรมที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี และใน พ.ศ. 2554 ได้มีการพิจารณายกระดับโครงการขึ้นมาเป็นรถไฟฟ้ารางหนัก เนื่องจากพิจารณาภาพรวมแล้วโครงการมีเส้นทางที่ยาวมาก และเหมาะสมกับความต้องการของประชาชนในเส้นทางดังกล่าว แต่แล้วสุดท้ายโครงการก็ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการในรูปแบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวตลอดทั้งโครงการ เนื่องจากเหมาะสมกับพื้นที่มากกว่า
ปัจจุบันมีระยะทางรวม 34.5 กิโลเมตร มีแนวเส้นทางเริ่มต้นที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี อันเป็นสถานีเชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม จากนั้นวิ่งขึ้นไปทางแยกปากเกร็ด แล้วเบี่ยงไปทางทิศตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ผ่านสถานีเมืองทองธานี แนวเส้นทางจะถูกแยกออกเป็นสองสาย โดยถือเป็นระบบขนส่งมวลชนทางรางสายแรกในประเทศไทยที่มีเส้นทางสายสาขา (Branch Line) ให้บริการ สายหนึ่งมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกตามแนวถนนแจ้งวัฒนะ และถนนรามอินทราจนถึงสถานีตลาดมีนบุรี แนวเส้นทางจะเบี่ยงลงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เพื่อ สิ้นสุดเส้นทางที่สถานีมีนบุรี อันเป็นสถานีเชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม อีกสายหนึ่งจะวิ่งย้อนกลับไปทางแยกปากเกร็ด ก่อนเบี่ยงเข้าสู่ซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 39 เพื่อเข้าสู่พื้นที่ใจกลางเมืองทองธานีอันเป็นชุมชนหนาแน่น และสิ้นสุดเส้นทางที่สถานีทะเลสาบเมืองทองธานี บริเวณภายในศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี มีสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเส้นอื่น ๆ จำนวน 4 สถานี ได้แก่ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี เชื่อมต่อกับสายฉลองรัชธรรม สถานีหลักสี่ เชื่อมต่อกับสายธานีรัถยา สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ เชื่อมต่อกับสายสุขุมวิท และสถานีมีนบุรี เชื่อมต่อกับสายสีส้ม
ภาพรวม แก้
รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู เป็นระบบรถไฟฟ้าที่มีโครงสร้างเป็นทางยกระดับเหนือพื้นดินตลอดโครงการ ดำเนินการโดย บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด บริษัทร่วมค้าของกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ที่มี บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่ได้รับสัมปทานโครงการในการร่วมทุนก่อสร้างและดำเนินการเชิงพาณิชย์ หรือ PPP-Net Cost ภายในกรอบระยะเวลา 33 ปี 3 เดือน จากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย มีแนวเส้นทางพาดผ่านพื้นที่กรุงเทพมหานครฝั่งเหนือเป็นส่วนใหญ่ ตลอดจนพื้นที่บางส่วนของจังหวัดนนทบุรี เริ่มต้นเส้นทางจากบริเวณแยกแคราย อันเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม วิ่งไปทางทิศตะวันออกแล้วเลี้ยวซ้ายขึ้นเหนือตามแนวถนนติวานนท์จนถึงบริเวณห้าแยกปากเกร็ด แนวเส้นทางจะมุ่งไปทางทิศตะวันออกตามแนวถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อผ่านทางพิเศษศรีรัช แนวเส้นทางจะแยกออกเป็นสองสาย โดยสายหลักจะมุ่งหน้าต่อเพื่อเข้าเขตกรุงเทพมหานครหลังพ้นแยกคลองประปา เมื่อพ้นวงเวียนหลักสี่ที่เป็นสถานีร่วมกับรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท แนวเส้นทางจะยังคงมุ่งไปทางทิศตะวันออกตามแนวถนนรามอินทรา และถนนสีหบุรานุกิจจนถึงตลาดมีนบุรี แล้วเส้นทางจะเบี่ยงขวาลงไปหาถนนรามคำแหง เพื่อสิ้นสุดที่แยกรามคำแหง-ร่มเกล้า อันเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม รวมระยะทาง 36 กิโลเมตร และอีกสายหนึ่งจะวิ่งย้อนกลับขึ้นไปทางปากเกร็ดก่อนเข้าสู่ซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 39 หรือซอยเข้าศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เพื่อเข้าสู่ใจกลางเมืองทองธานีอันเป็นที่ตั้งของศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี รวมระยะทาง 3 กิโลเมตร
พื้นที่ที่เส้นทางระบบขนส่งมวลชนผ่าน แก้
ตำบล/แขวง | อำเภอ/เขต | จังหวัด |
---|---|---|
บางกระสอ, ท่าทราย | เมืองนนทบุรี | นนทบุรี |
บางตลาด, ปากเกร็ด, คลองเกลือ, บ้านใหม่ | ปากเกร็ด | |
ทุ่งสองห้อง, ตลาดบางเขน | หลักสี่ | กรุงเทพมหานคร |
อนุสาวรีย์, ท่าแร้ง | บางเขน | |
รามอินทรา, คันนายาว | คันนายาว | |
มีนบุรี | มีนบุรี | |
แนวเส้นทาง แก้
จุดต้นทางของโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพูจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ถนนรัตนาธิเบศร์ แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านแยกแครายเข้าสู่ถนนติวานนท์ แนวเส้นทางจะวิ่งไปตามเกาะกลางถนนติวานนท์จนถึงห้าแยกปากเกร็ดแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งมีโครงการก่อสร้างสายแยกเข้าศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานีด้วย ผ่านทางแยกต่างระดับแจ้งวัฒนะ โดยลอดใต้จุดเชื่อมต่อระหว่างทางพิเศษศรีรัชและทางพิเศษอุดรรัถยา ข้ามคลองประปาเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ผ่านศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเข้มที่สถานีหลักสี่ลอดใต้ทางยกระดับอุตราภิมุข และเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ บริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ จากนั้นแนวเส้นทางจะวิ่งไปตามถนนรามอินทรา ผ่านข้ามทางพิเศษฉลองรัชบริเวณแยกวัชรพล ข้ามทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 หรือวงแหวนรอบนอกตะวันออกจนถึงทางแยกเมืองมีนแล้ววิ่งเข้าสู่เขตมีนบุรี ตามแนวถนนสีหบุรานุกิจ จนถึงสะพานข้ามคลองสามวา ก็จะเลี้ยวขวาข้ามคลองแสนแสบ และข้ามถนนรามคำแหง (สุขาภิบาล 3) มาสิ้นสุดสถานีปลายทางที่บริเวณใกล้แยกรามคำแหง-ร่มเกล้า ซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม โดยในอนาคตมีแผนศึกษาส่วนต่อขยายจากมีนบุรีไปยังย่านลาดกระบัง และเชื่อมต่อการเดินทางสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยใช้แนวถนนร่มเกล้า
รายชื่อสถานี แก้
ชื่อและสีของสถานี | รหัสสถานี | จุดเปลี่ยนเส้นทาง | วันที่เปิดให้บริการ | ที่ตั้ง | |
---|---|---|---|---|---|
เส้นทางหลัก ศูนย์ราชการนนทบุรี-มีนบุรี | |||||
ศูนย์ราชการนนทบุรี | PK01 | สายสีม่วง สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี สายสีน้ำตาล สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (โครงการ) |
3 มกราคม พ.ศ. 2567 | นนทบุรี | |
แคราย | PK02 | ||||
สนามบินน้ำ | PK03 | ||||
สามัคคี | PK04 | ||||
กรมชลประทาน | PK05 | ||||
แยกปากเกร็ด | PK06 | เรือด่วนเจ้าพระยา ท่าเรือปากเกร็ด | |||
เลี่ยงเมืองปากเกร็ด | PK07 | ||||
แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 | PK08 | ||||
ศรีรัช | PK09 | ||||
เมืองทองธานี | PK10 | สายแยกเมืองทองธานี-อิมแพ็ค | |||
แจ้งวัฒนะ 14 | PK11 | กรุงเทพมหานคร | |||
ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ | PK12 | ||||
โทรคมนาคมแห่งชาติ | PK13 | ||||
หลักสี่ | PK14 | สายสีแดงเข้ม สถานีหลักสี่ | |||
ราชภัฏพระนคร | PK15 | ||||
วัดพระศรีมหาธาตุ | PK16 | สายสุขุมวิท (สถานีร่วม) | |||
รามอินทรา 3 | PK17 | ||||
ลาดปลาเค้า | PK18 | ||||
รามอินทรา กม. 4 | PK19 | ||||
มัยลาภ | PK20 | ||||
วัชรพล | PK21 | สายสีเทา สถานีวัชรพล (โครงการ) | |||
รามอินทรา กม. 6 | PK22 | ||||
คู้บอน | PK23 | ||||
รามอินทรา กม. 9 | PK24 | ||||
วงแหวนรามอินทรา | PK25 | ||||
นพรัตน์ | PK26 | ||||
บางชัน | PK27 | ||||
เศรษฐบุตรบำเพ็ญ | PK28 | ||||
ตลาดมีนบุรี | PK29 | ||||
มีนบุรี | PK30 | สายสีส้ม สถานีมีนบุรี (กำลังก่อสร้าง) | |||
เส้นทางแยก เมืองทองธานี-อิมแพ็ค | |||||
เมืองทองธานี | PK10 | สายหลักศูนย์ราชการนนทบุรี-มีนบุรี | มิถุนายน พ.ศ. 2567 | นนทบุรี | |
อิมแพ็ค เมืองทองธานี | MT01 | ||||
ทะเลสาบเมืองทองธานี | MT02 | ||||
การเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่น แก้
รหัสสถานี | สถานีรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู | เชื่อมต่อกับ | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
PK01 | สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี | สายสีม่วง สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี
สายสีน้ำตาล สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี |
เชื่อมต่อด้วยสกายวอล์กจากสถานีของสายสีม่วงมายังสถานีสายสีชมพูซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าเอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ งามวงศ์วาน-แคราย ในอนาคตยังมีแผนเชื่อมต่อกับอาคารเอนกประสงค์ที่เป็นที่ตั้งของสถานีสายสีน้ำตาล |
PK14 | สถานีหลักสี่ | สายสีแดงเข้ม สถานีหลักสี่ | เชื่อมต่อด้วยสะพานลอยข้ามถนนวิภาวดีรังสิต |
PK16 | สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ | สายสุขุมวิท สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ | เป็นสถานีร่วมกับระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส |
PK21 | สถานีวัชรพล | สายสีเทา สถานีวัชรพล | |
PK30 | สถานีมีนบุรี | สายสีส้ม สถานีมีนบุรี |
เส้นทางคมนาคมทางน้ำ แก้
ผู้โดยสารสามารถเปลี่ยนเส้นทางไปยังเรือโดยสารต่างๆ ได้ที่สถานีดังต่อไปนี้
- สถานีแยกปากเกร็ด เชื่อมต่อกับ เรือด่วนเจ้าพระยา ท่าปากเกร็ด
ทางเดินเข้าอาคาร แก้
ในบางสถานีผู้โดยสารสามารถเดินจากสถานีไปยังอาคารต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียงได้ดังนี้
- สถานีแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 : เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ
- สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ : ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
รูปแบบของโครงการ แก้
- เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว แบบวางคร่อมราง (straddle-beam monorail)
- ทางวิ่ง ยกระดับที่ความสูง 17-20 เมตร โดยเฉลี่ยตลอดทั้งโครงการ ยกเว้นช่วงสถานีศรีรัช สถานีหลักสี่ สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ และสถานีมีนบุรียกสูง 5 เมตร และช่วงข้ามทางพิเศษฉลองรัชยกสูง 27 เมตร ซึ่งเป็นระดับความสูงที่สูงสุดของโครงการ
- คานรองรับทางวิ่ง (Guideway Beam) เป็นคอนกรีตหล่อสำเร็จ ควบคู่กับการใช้เหล็กหล่อในบางช่วง มีความกว้าง 69 เซนติเมตร สูง 2 เมตร มีรางที่ 3 ตีขนานไปกับรางวิ่งสำหรับจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับตัวรถ
ศูนย์ซ่อมบำรุงและศูนย์ควบคุมการเดินรถ แก้
โครงการมีศูนย์ซ่อมบำรุงและศูนย์ควบคุมการเดินรถอยู่บริเวณถนนร่มเกล้า ใกล้กับแยกรามคำแหง-ร่มเกล้า ในพื้นที่เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีมีนบุรี
สิ่งอำนวยความสะดวก แก้
มีอาคารจอดแล้วจร (park and ride) ที่สถานีปลายทาง (มีนบุรี) ซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม สามารถจอดรถได้สูงสุด 3,000 คัน
สถานี แก้
มีสถานีทั้งหมด 32 สถานี เป็นสถานียกระดับทั้งหมด
- รูปแบบสถานี
ตัวสถานีมีความยาว 150 เมตร ออกแบบให้รองรับขบวนรถไฟฟ้าได้สูงสุด 7 ตู้ต่อหนึ่งขบวน โดยมีรูปแบบชานชาลาถึงสี่รูปแบบในโครงการเดียว ดังต่อไปนี้
- ชานชาลาด้านข้าง ความสูง 3 ชั้น เป็นรูปแบบสถานีและชานชาลาพื้นฐานของโครงการ มีทั้งหมด 26 สถานี (รวมสถานีส่วนต่อขยาย)
- ชานชาลาด้านข้าง ความสูง 2 ชั้น เป็นรูปแบบสถานีและชานชาลาที่ลดความสูงเพื่อหลบหลีกรางรถไฟฟ้า หรือสิ่งกีดขวาง มีทั้งหมด 2 สถานี ได้แก่ สถานีหลักสี่ และสถานีมีนบุรี
- ชานชาลาเกาะกลาง ความสูง 2 ชั้น เป็นรูปแบบสถานีและชานชาลาขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้รองรับผู้โดยสารได้เป็นจำนวนมาก มีทั้งหมด 2 สถานี ได้แก่ สถานีศรีรัช และสถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี
- ชานชาลาด้านข้างผสมเกาะกลาง ความสูง 3 ชั้น เป็นรูปแบบสถานีและชานชาลาขนาดใหญ่เพื่อรองรับการเปลี่ยนสายระหว่างสายหลักและสายรอง มีทั้งหมด 1 สถานี ได้แก่ สถานีเมืองทองธานี
- ชานชาลาด้านข้าง แบบแยกอาคาร ความสูง 2 ชั้น เป็นรูปแบบสถานีและชานชาลาที่ลดความสูงเพื่อหลบหลีกรางรถไฟฟ้า และสิ่งกีดขวาง มีทั้งหมด 1 สถานี ได้แก่ สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ
ตัวสถานีออกแบบให้มีประตูกั้นชานชาลาแบบครึ่งความสูง (Half-height) ทุกสถานี หลบเลี่ยงสาธารณูปโภคทั้งบนดินและใต้ดิน รวมถึงออกแบบให้รักษาสภาพผิวจราจรบนถนนให้ได้มากที่สุด และมีเสายึดสถานีอยู่บริเวณเกาะกลางถนน และบริเวณพื้นที่ว่างในบางสถานี
ขบวนรถไฟฟ้า แก้
รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู เลือกใช้รถไฟฟ้ารุ่น อินโนเวีย โมโนเรล 300 จากอัลสตอม (บอมบาร์ดิเอร์ เดิม) ผลิตโดยซีอาร์อาร์ซี ผู่เจิ้น อัลสตอม ทรานสปอร์เทชัน ซิสเท็ม (CRRC-PATS) ในมณฑลอานฮุย ประเทศจีน ขนาดกว้าง 3.147 เมตร ยาว 11.8-13.2 เมตร สูง 4.06 เมตร (เมื่อคร่อมรางทั้งหมด) จุผู้โดยสารสูงสุด 356 คนต่อตู้ (คำนวณจากอัตราความหนาแน่นที่ 4 คน/ตารางเมตร) มีทั้งหมด 30 ขบวน 120 ตู้ รับไฟฟ้ากระแสตรง 750 โวลท์ จากรางที่ 3 ที่ติดตั้งด้านข้างคานรองรับทางวิ่งเพื่อป้อนระบบขับเคลื่อนรถ ตัวยางล้อใช้ยางรุ่น เอ็กซ์ เมโทร จากมิชลิน ประเทศไทย ติดตั้งระบบระบบปรับอากาศและสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 15,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ในอนาคตสามารถเพิ่มจำนวนตู้โดยสารเป็น 7 ตู้ต่อขบวน สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 28,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ขบวนรถสามารถขับเคลื่อนจากจุดจอดแต่ละสถานีได้เองโดยไม่ต้องใช้คนควบคุมหรือสั่งการ
ระบบในการเดินรถ แก้
ในการเดินรถไฟฟ้าได้นำระบบอาณัติสัญญาณ CITYFLO 650 ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในการควบคุมการเดินรถโดยอัตโนมัติ เพื่อให้การบริการมีประสิทธิภาพ, สะดวกรวดเร็ว, ปลอดภัยสูงสุด และรองรับการเดินรถไฟฟ้าแบบไม่ใช่คนควบคุมขบวนรถ (Driverless Operation)
การให้บริการ แก้
การดำเนินการ แก้
รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพูใช้วิธีการมอบสัมปทานทั้งโครงการให้เป็นของเอกชนรายเดียวที่เสนอขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลต่ำที่สุด โดยสัมปทานเป็นของ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (Northern Bangkok Monorail; NBM) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนโดยกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ซึ่งประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เดิม) ระยะเวลาสัมปทาน 33 ปี 3 เดือน แบ่งเป็นระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี 3 เดือน (39 เดือน) และดำเนินการงานเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง 30 ปี โดยแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบคือ ซิโน-ไทย เป็นผู้ดำเนินการงานโยธาทั้งหมดของโครงการ รวมถึงเป็นผู้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลจากอัลสตอม และได้จดสิทธิบัตรเป็นของบริษัทฯ ใน พ.ศ. 2562 ราช กรุ๊ป เป็นผู้สนับสนุนการติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในโครงการ และบีทีเอส กรุ๊ป เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจในโครงการสูงสุด เป็นผู้ติดตั้งงานระบบที่เกี่ยวข้อง และเป็นผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าแต่เพียงผู้เดียว โดยเอ็นบีเอ็มใช้วิธีการว่าจ้างให้ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี เป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าทั้งระบบตลอดอายุสัญญา ในส่วนของการพัฒนาและบริหารพื้นที่บนสถานีและป้ายโฆษณาบนสถานีและบนตัวรถ เป็นกรรมสิทธิ์ของ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) ตลอดอายุสัญญาสัมปทานเช่นกัน
การให้บริการปกติ แก้
รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู เปิดให้บริการเดินรถในแต่ละสถานีไม่เท่ากัน โดยเริ่มเดินรถขบวนแรกในเวลา 05.30 น. จากสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี และสถานีมีนบุรี แต่เปิดทำการห้องจำหน่ายบัตรโดยสารในเวลา 06.00 - 24.00 น. (ปิดรับชำระด้วยบัตรเครดิตเวลา 22.00 น.) โดยมีความถี่การเดินรถปกติที่ 10 นาที/ขบวน และ 5 นาที/ขบวนในช่วงเวลาเร่งด่วน ในส่วนของเวลาปิดให้บริการตามปกติ รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู จะมีขบวนรถไฟฟ้าวิ่งรับส่งผู้โดยสารจนถึงเวลา 00.45 น.
อัตราค่าโดยสาร แก้
รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ใช้ระบบเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติเช่นเดียวกับรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยจะจัดเก็บค่าโดยสารตามระยะทางที่เดินทางจริงตั้งแต่สถานีเริ่มต้นที่ผู้โดยสารเข้าระบบ (สถานีที่ 0) จนถึงสถานีปลายทาง ซึ่งผู้โดยสารจะมีระยะเวลาอยู่ในระบบได้ไม่เกิน 120 นาที หากเกินจากเวลาที่กำหนดจะต้องชำระค่าปรับเป็นอัตราค่าโดยสารสูงสุดที่นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรลเรียกเก็บในขณะนั้น อนึ่งอัตราค่าโดยสารที่ประกาศเรียกเก็บมีอายุ 2 ปีนับจากวันที่ 3 มกราคมของปีที่มีประกาศปรับอัตราค่าโดยสารเป็นลายลักษณ์อักษรจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จนถึงวันที่ 2 มกราคมในอีก 2 ปีถัดมา หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงจาก รฟม. โดยรอบการปรับค่าโดยสารเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2567 นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล เรียกเก็บอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 15-45 บาท
กรณีเดินทางจากรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) และสายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) ภายใต้เงื่อนไขบัตรโดยสารแบบ EMV ใบเดียวกัน ผู้โดยสารจะได้รับการยกเว้นค่าแรกเข้าระบบ และจ่ายอัตราค่าโดยสารเพิ่มตามระยะทาง โดยที่ผู้โดยสารที่เดินทางจากสายสีชมพูไปสายสีม่วง จะได้รับการยกเว้นค่าแรกเข้าของสายสีม่วง 14 บาท และผู้โดยสารที่เดินทางจากสายม่วงไปสายสีชมพู จะได้รับการยกเว้นค่าแรกเข้าของสายสีชมพู 15 บาท และเมื่อรวมกับค่าแรกเข้าของสายสีน้ำเงิน 14 บาท ผู้โดยสารจะได้รับการยกเว้นค่าแรกเข้าสูงสุด 29 บาท ทั้งนี้ผู้โดยสารจะต้องชำระค่าโดยสารเต็มจำนวนทั้งสองระบบ และระบบของ รฟม. จะคืนเงินเข้าบัตรเครดิต/เดบิตให้ภายใน 3 วันทำการ โดยผู้โดยสารต้องแตะบัตรเข้าระบบอีกระบบหนึ่งภายในระยะเวลา 30 นาที นับจากเวลาที่แตะออกจากระบบ มิเช่นนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์การเชื่อมต่อระบบในการเดินทางครั้งนั้น
ในส่วนของการเดินทางจากรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอส (สายสีเขียว) และสายสีเหลือง ผู้โดยสารสามารถออกบัตรโดยสารโดยตรงจากสถานีสายสีชมพูหรือจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสได้ และสามารถเชื่อมต่อระบบได้ทันทีโดยไม่ต้องออกจากระบบที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ อย่างไรก็ตามผู้โดยสารยังคงต้องชำระค่าโดยสารทั้งสองระบบเต็มจำนวน กล่าวคือค่าโดยสารของสายสีชมพู รวมกับค่าโดยสารของรถไฟฟ้าบีทีเอส เริ่มต้น 15-62 บาท ทำให้ค่าโดยสารสูงสุดอยู่ที่ 107 บาท เมื่อเดินทางทั้งสองระบบ
ทั้งนี้ นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล และ รฟม. มีนโยบายลดค่าโดยสารให้กับผู้ถือบัตรโดยสารแรบบิทแบบเติมเงิน ประเภทผู้สูงอายุ โดยลดค่าโดยสาร 50% จากอัตราปกติที่นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรลเรียกเก็บ กล่าวคือผู้ถือบัตรประเภทผู้สูงอายุจะเรียกเก็บอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 8-23 บาท คิดตามจริงตั้งแต่สถานีที่ 0 รวมกับระยะทางที่เดินทางจริง รวมถึงยังมีนโยบายสนับสนุนค่าโดยสารให้กับผู้รับสิทธิ์สวัสดิการแห่งรัฐ โดยผู้ได้รับสิทธิ์สามารถยื่นบัตรประชาชนเพื่อออกบัตรโดยสารได้ที่ห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร ทั้งนี้ต้องไม่เกินงบค่าโดยสารสูงสุด 500 บาท/เดือน หากเกิน นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จะออกบัตรโดยสารที่มีมูลค่าต่ำสุด (15 บาท) ให้ผู้โดยสารแตะเข้าระบบ และผู้โดยสารต้องชำระส่วนต่างเพิ่ม ณ สถานีปลายทาง และไม่สามารถใช้สิทธิ์เชื่อมต่อระบบเพื่อรับสิทธิ์การยกเว้นค่าแรกเข้าในระบบที่สองได้
ผู้พิการ แก้
การออกตั๋วโดยสารให้ผู้พิการ จะต้องออกตั๋วกระดาษ โดยเจ้าพนักงานของรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ต้องเซ็นกำกับที่ตั๋วทุกครั้งและอาจต้องแสดงตั๋วกับพนักงานรักษาความปลอดภัยก่อนออกจากสถานีต้นทาง เมื่อถึงที่หมายจะมีเจ้าพนักงานหรือพนักงานรักษาความปลอดภัยคอยรับผู้โดยสารบริเวณชานชาลาเพื่ออำนวยความสะดวกในการพาไปยังทางออกที่ต้องการ และมีเจ้าพนักงานมีอำนาจในการเปิดหรือปิดประตูรับตั๋วบริเวณทางออกซึ่งต้องเป็นเจ้าพนักงานของรถรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพูเท่านั้น
การช่วยเหลือคนที่มีความต้องการพิเศษ แก้
เจ้าพนักงานของรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู รวมถึงพนักงานรักษาความปลอดภัยมีความเต็มใจที่จะช่วยเหลือผู้มีความพิการ อาทิการจูงผู้พิการทางสายตาไปยังสถานี การให้บริการติดตามผู้โดยสารที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น การสนับสนุนสะพานเชื่อมชานชาลา สำหรับผู้โดยสารที่ใช้รถเข็น รวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยสำหรับรถเข็น การนำพาผู้โดยสารไปยังที่นั่งสำรองพิเศษภายในขบวนรถ หรือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นกรณีโดยให้พนักงานเดินทางไปด้วย เช่นผู้โดยสารที่เดินทางครั้งแรก ฯลฯ เพียงแจ้งให้เจ้าพนักงานที่สถานีทราบเท่านั้น
นอกจากนี้ รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ยังอนุญาตให้ผู้โดยสารสามารถนำสุนัขที่ได้รับการฝึกสำหรับนำทางเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าได้โดยไม่ถือเป็นการขัดต่อกฎการให้บริการฯ และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยผู้โดยสารต้องแจ้งความประสงค์ให้เจ้าพนักงานที่สถานีรับทราบเพื่ออำนวยความสะดวกเป็นกรณีพิเศษ
อาคารจอดแล้วจร แก้
รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู มีบริการอาคารจอดรถและจุดจอดรถจักรยานยนต์ 1 แห่ง ได้แก่อาคารจอดรถบริเวณถนนรามคำแหง ให้บริการโดยบีทีเอสซี ผู้ที่ใช้บริการจะได้รับบัตรจอดรถซึ่งผู้โดยสารจะต้องแตะบันทึกส่วนลดที่สถานีมีนบุรี จากนั้นผู้โดยสารจะต้องนำบัตรมาคืนที่จุดคืนบัตรจอดรถอัตโนมัติ พร้อมชำระค่าจอดรถและรับรถคืนภายในเวลาที่กำหนด กล่าวคือเฉพาะเวลา 05.00-01.00 น. เท่านั้น แต่หากลืมแตะบัตรจะคิดในราคาเท่ากับผู้ไม่ใช้บริการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู คือ 20 บาทต่อชั่วโมง การจอดรถนานเกินช่วงเวลาดังกล่าวจะมีอัตราโทษปรับตามเกณฑ์ที่กำหนดในขณะนั้นๆ ปัจจุบันคือ 400 บาท รวมกับค่าจอดรถของวันที่มารับรถ เนื่องจากไม่รับฝากรถข้ามคืน อนึ่ง ผู้โดยสารสามารถใช้บัตรแรบบิทแตะเข้าอาคารจอดแล้วจรสถานีมีนบุรีได้โดยไม่ต้องออกบัตรจอดรถ และสามารถใช้บัตรแรบบิทใบเดิม ชำระค่าจอดรถและนำรถออกจากอาคารจอดแล้วจรได้ทันที ทั้งนี้หากผู้โดยสารทำบัตรจอดรถหาย หรือทำบัตรแรบบิทที่ใช้เข้าจอดรถหาย จะต้องชำระค่าปรับในการนำรถออกจากอาคาร 400 บาท หากจอดรถค้างคืนด้วย จะต้องชำระเพียงค่าจอดรถค้างคืนตามอัตราที่บีทีเอสซีกำหนด
นอกจากอาคารจอดแล้วจร รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพูยังมีพื้นที่จอดรถสำหรับการจอดรถรายวันให้ที่สถานีหลักสี่ บริเวณสถานีรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง และพื้นที่จอดรถเอกชนให้บริการตามสถานีต่าง ๆ อีกด้วย
ส่วนต่อขยาย แก้
รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพูมีแผนต่อขยายสายทางจากสถานีเมืองทองธานี เป็นสายแยกเข้าสู่เมืองทองธานีในชื่อ "อิมแพ็คลิงก์" ซึ่งเป็นข้อเสนอพิเศษจากกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ โดยเส้นทางจะเริ่มจากสถานีเมืองทองธานี วิ่งเข้าสู่ซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 39 (ซอยเข้าศูนย์ประชุมอิมแพ็ค) ใต้ทางพิเศษอุดรรัถยา ไปจนสุดพื้นที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระยะทาง 3.7 กิโลเมตร มีสถานีทั้งสิ้น 2 สถานี คือ สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี และสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2567
นอกจากนี้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ยังได้ทำการศึกษาเส้นทางเดินรถเพิ่มเติมอีก 2 ส่วนเพื่อเสนอให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. บรรจุลงในแผนแม่บทโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระยะที่สอง (M-Map Phase 2) โดยเส้นทางส่วนต่อขยายที่ได้ศึกษา ส่วนแรกจะต่อขยายจากปลายสายทางบริเวณภายในศูนย์ซ่อมบำรุงออกมายังถนนร่มเกล้าตามแบบที่กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ได้สร้างเตรียมไว้ให้ แล้วมุ่งหน้าต่อบนถนนร่มเกล้า ตัดผ่านถนนเจ้าคุณทหาร ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (มอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ - ชลบุรี) ถนนลาดกระบัง เข้าสู่ถนนสุวรรณภูมิ 2 และสิ้นสุดที่อาคารรถโดยสาร (Bus Terminal) ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะทาง 8.7 กิโลเมตร มีจุดมุ่งหมายเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเพื่อให้ผู้โดยสารจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สามารถเดินทางเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานครตอนเหนือได้อย่างรวดเร็ว และส่วนที่ 2 จะเป็นส่วนต่อขยายของสายแยกอิมแพ็คลิงก์ จากปลายทางบริเวณสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี ไปตามแนวซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 39 เพื่อสิ้นสุดที่ปากทางถนนติวานนท์ ระยะทาง 2.1 กิโลเมตร มีจุดมุ่งหมายเพื่อเชื่อมต่อรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพูเข้าสู่ถนนติวานนท์ ตลอดจนภายในบริเวณซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 39 ซึ่งเป็นพื้นที่ชุมชนที่ประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น