เทศบาลเมืองชลบุรี

เทศบาลเมืองในจังหวัดชลบุรี ประเทศไทย

เทศบาลเมืองชลบุรี เป็นเทศบาลเมืองแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 100 กิโลเมตร ตั้งอยู่ริมชายฝั่งอ่าวไทย มีพื้นที่ครอบคลุมตำบลบางปลาสร้อยทั้งตำบล ตำบลมะขามหย่งทั้งตำบล และตำบลบ้านโขดทั้งตำบล เทศบาลเมืองชลบุรี เป็นเทศบาลที่มีประชากรหนาแน่นและมีขนาดเทศบาลเทียบเท่าหรือมากกว่า เทศบาลนคร บางแห่ง

เทศบาลเมืองชลบุรี
ภาพเมืองชลบุรีเมื่อมองไปทางทิศตะวันออก
ภาพเมืองชลบุรีเมื่อมองไปทางทิศตะวันออก
ตราอย่างเป็นทางการของเทศบาลเมืองชลบุรี
ตรา
คำขวัญ: 
พระพุทธสิหิงค์สูงค่า พระปิดตาลือเลื่อง เมืองเก่าบางปลาสร้อย ถิ่นซอยคลองจอง ดังก้องประเพณีวิ่งควาย
ทม.ชลบุรีตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี
ทม.ชลบุรี
ทม.ชลบุรี
ที่ตั้งของเทศบาลเมืองชลบุรี
ทม.ชลบุรีตั้งอยู่ในประเทศไทย
ทม.ชลบุรี
ทม.ชลบุรี
ทม.ชลบุรี (ประเทศไทย)
พิกัด: 13°21′40″N 100°59′6″E / 13.36111°N 100.98500°E / 13.36111; 100.98500พิกัดภูมิศาสตร์: 13°21′40″N 100°59′6″E / 13.36111°N 100.98500°E / 13.36111; 100.98500
ประเทศ ไทย
จังหวัดชลบุรี
อำเภอเมืองชลบุรี
การปกครอง
 • นายกเทศมนตรีสุติกรณ์ จำเริญพานิช
พื้นที่
 • ทั้งหมด3.5 ตร.กม. (1.4 ตร.ไมล์)
ประชากร
 (2560)[1]
 • ทั้งหมด27,815 คน
 • ความหนาแน่น7,947.14 คน/ตร.กม. (20,583.0 คน/ตร.ไมล์)
รหัส อปท.04200102
ที่อยู่
สำนักงาน
สำนักงานเทศบาลเมืองชลบุรี ถนนวชิรปราการ ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี
เว็บไซต์www.chonburicity.go.th
สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย

เมืองชลบุรีได้รับฐานะเป็นเทศบาลเมืองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478[2]

ประวัติ แก้

สมัยอยุธยา แก้

เมืองชลบุรีปรากฏเป็นหลักฐานในทำเนียบศักดินาหัวเมือง ตราเมื่อมหาศักราช 1298 ตรงกับ พ.ศ. 1919 ชลบุรีมีฐานะเป็นเมืองจัตวา ผู้รักษาเมืองเป็นที่ "ออกเมืองชลบุรีศรีมหาสมุทร" ศักดินา 2,400 ไร่ ส่งส่วยไม้แดง

ในปี พ.ศ. 2309 รัชสมัยสมเด็จพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ) ขณะที่กรุงศรีอยุธยาถูกกองทัพพม่าล้อมอยู่นั้น กรมหมื่นเทพพิพิธซึ่งเป็นพระเจ้าลูกยาเธอองค์หนึ่งในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แต่ถูกเนรเทศไปลังกา ได้กลับมาเกลี้ยกล่อมรวบรวมชายฉกรรจ์ทางหัวเมืองภาคตะวันออก ได้แก่ เมืองจันทบูร เมืองระยอง เมืองบางละมุง เมืองชลบุรี และเมืองปราจีนบุรี เข้าร่วมกองทัพอ้างว่าจะยกไปช่วยกรุงศรีอยุธยารบพม่า ในครั้งนั้นชาวชลบุรีได้ให้การสนับสนุนเข้าร่วมในกองทัพเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งเมืองชลบุรีแทบจะกลายเป็นเมืองร้าง เมื่อกรมหมื่นเทพพิพิธยกไพร่พลไปตั้งมั่นที่ปราจีนบุรีแล้ว จึงมีหนังสือกราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัวเอกทัศน์ ขออาสาช่วยป้องกันพระนคร แต่พระเจ้าอยู่หัวเอกทัศน์ทรงพระราชดำริว่า กรมหมื่นเทพพิพิธเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงจนถูกเนรเทศมาแล้วครั้งหนึ่ง การที่มาเรียกระดมผู้คนเข้าเป็นกองทัพโดยพลการครั้งนี้ก็เป็นการทำผิดกฎมณเทียรบาล จึงโปรดเกล้าฯ ให้ยกกองทัพจากกรุงศรีอยุธยาไปปราบกรมหมื่นเทพพิพิธจนบอบช้ำ จากนั้นพม่ายังได้ส่งกองทัพออกไปโจมตีกองทัพกรมหมื่นเทพพิพิธจนแตกกระจายไปอีก จนกระทั่งกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าข้าศึก เมื่อ พ.ศ. 2310 ชาวชลบุรีได้ให้ความร่วมมือกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในการกอบกู้อิสรภาพอย่างใกล้ชิด จนสามารถกอบกู้เอกราชกลับคืนมา

สมัยรัตนโกสินทร์ แก้

ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) เป็นต้นมา พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ได้เสด็จประพาสเมืองชลบุรีหลายครั้งหลายหน เพราะเมืองชลบุรีเป็นเมืองชายทะเล เหมาะแก่การพักผ่อน มีทัศนียภาพงดงามและไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครมากนัก

เมื่อปี พ.ศ. 2350 พระสุนทรโวหาร หรือสุนทรภู่ รัตนกวีของไทย ได้เดินทางจากกรุงเทพมหานคร เพื่อไปเยี่ยมบิดาที่เมืองแกลง จังหวัดระยอง ได้เขียนไว้ในนิราศเมืองแกลง กล่าวถึงเมืองต่าง ๆ เมื่อเข้าถึงเขตชลบุรีแล้วไปตามลำดับจากเหนือไปใต้ คือ บางปลาสร้อย หนองมน บ้านไร่ บางพระ บางละมุง นาเกลือ พัทยา นาจอมเทียน ห้วยขวาง หนองชะแง้ว (ปัจจุบันเรียกบ้านชากแง้ว อยู่ในเขตอำเภอบางละมุง ซึ่งเป็นทางที่จะไปอำเภอแกลง จังหวัดระยองได้)

 
สวนตำหนักน้ำ เทศบาลเมืองชลบุรี

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ปี พ.ศ. 2437 ได้ทรงเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองราชอาณาจักรที่เป็นหัวเมืองต่าง ๆ แบบโบราณ ที่แยกกันอยู่ในบังคับบัญชาของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกรมท่า ดูไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ยากแก่การปกครองดูแลให้ทั่งถึงและเสมอเหมือนกันได้ โดยให้หัวเมืองต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักรขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทยเพียงกระทรวงเดียวหรือหน่วยงานเดียว คือ การรวบรวมหัวเมืองทั้งหลายขึ้นเป็นมณฑลนั้น สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2435–2458) ได้ทรงนิพนธ์ไว้ใน "พำระบันทึกความทรงจำ" ซึ่งมีตอนที่กล่าวถึงเมืองชลบุรีไว้ว่า รวมหัวเมืองทางลำน้ำบางปะกง คือ เมืองปราจีนบุรี 1 เมืองนครนายก 1 เมืองพนมสารคาม 1 เมืองฉะเชิงเทรา 1 รวม 4 หัวเมือง เป็นเมืองมณฑล 1 เรียกว่า "มณฑลปราจีน" ตั้งที่ว่าการมณฑลเมืองปราจีน (ต่อเมื่อโอนหัวเมืองในกรมท่ามาขึ้นกระทรวงมหาดไทย จึงย้ายที่ทำการมณฑลลงมาตั้งที่เมืองฉะเชิงเทรา เพราะขยายอาณาเขตมณฑลต่อลงไปทางชายทะเล รวมเมืองพนัสนิคม เมืองชลบุรี และเมืองบางละมุง เพิ่มให้อีก 3 รวมเป็น 7 เมืองด้วยกัน) แต่คงเรียกชื่อว่ามณฑลปราจีนอยู่ตามเดิม ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ถึงปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงในรูปการปกครองประเทศครั้งใหญ่ โดยพระราชบัญญัติระเบียบราชการบริหารแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2476 ได้ยกเลิกเขตการปกครองแบบเมือง ทั่วราชอาณาจักรแล้วตั้งขึ้นเป็นจังหวัดแทน มีข้าหลวงประจำจังหวัดเป็นผู้ปกครองบังคับบัญชา สถานะเมืองชลบุรีจึงเป็นจังหวัดชลบุรี (แต่เปลี่ยนข้าหลวงประจำจังหวัดเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด)

ต่อมาเทศบาลเมืองชลบุรีจึงได้ถูกจัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2478 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จัดตั้งขึ้นโดยยกฐานะจากสุขาภิบาลเมืองชลบุรีเป็นเทศบาลเมืองชลบุรี มีพื้นที่ 0.56 ตารางกิโลเมตร ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงขยายเขตเทศบาลครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2480 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 45 หน้า 1760 มีพื้นที่เพิ่มจากเดิมอีก 4.01 ตารางกิโลเมตร ปัจจุบันมีพื้นที่รวม 4.57 ตารางกิโลเมตร โดยในจำนวนนี้เป็นพื้นที่บนบกประมาณ 3.5 ตารางกิโลเมตร ที่เหลืออีกประมาณ 1.07 ตารางกิโลเมตรเป็นพื้นที่น้ำ

ภูมิศาสตร์ แก้

ที่ตั้งและอาณาเขต แก้

ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอำเภอบริเวณริมฝั่งทะเลตะวันออกของอ่าวไทย มีเนื้อที่ประมาณ 4.567 ตร.กม. หรือ 2854.4 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านโขด ตำบลบางปลาสร้อยและตำบลมะขามหย่ง โดยมีอาณาเขตติดต่อดังนี้

ภูมิประเทศและภูมิอากาศ แก้

เทศบาลเมืองชลบุรีมีสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบชายฝั่งทะเล ชายหาดมีลักษณะเว้าแหว่งและลุ่มต่ำ น้ำทะเลท่วมถึง มีป่าชายเลนบ้างเล็กน้อย ลักษณะอากาศโดยทั่วไป โดยภาพรวมของจังหวัดมีลักษณะอากาศแบบมรสุมเขตร้อน โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 28.82 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดในช่วง 29.57 องศาเซลเซียส ถึง 36.90 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยประมาณ ร้อยละ 34.50 ลักษณะฝนเป็นแบบมรสุมเขตร้อน คือ ฝนจะตกในระหว่างมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ปริมาณเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนตุลาคม โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,495.50 มิลลิเมตร ต่อปี

ข้อมูลภูมิอากาศของเทศบาลเมืองชลบุรี (พ.ศ. 2524–2553)
เดือน ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ทั้งปี
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) 32.6
(90.7)
33.2
(91.8)
34.2
(93.6)
35.2
(95.4)
34.2
(93.6)
33.7
(92.7)
33.2
(91.8)
33.0
(91.4)
32.6
(90.7)
32.7
(90.9)
32.8
(91)
32.4
(90.3)
33.32
(91.97)
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) 22.1
(71.8)
24.0
(75.2)
25.5
(77.9)
26.6
(79.9)
26.4
(79.5)
26.3
(79.3)
26.1
(79)
25.8
(78.4)
25.1
(77.2)
24.5
(76.1)
23.3
(73.9)
21.6
(70.9)
24.78
(76.6)
ปริมาณฝน มม (นิ้ว) 9.9
(0.39)
14.3
(0.563)
47.5
(1.87)
74.1
(2.917)
175.3
(6.902)
147.7
(5.815)
140.6
(5.535)
154.1
(6.067)
268.9
(10.587)
208.9
(8.224)
48.8
(1.921)
5.5
(0.217)
1,295.6
(51.008)
ความชื้นร้อยละ 66 70 71 71 75 74 74 75 79 78 69 63 72.1
วันที่มีฝนตกโดยเฉลี่ย (≥ 1 mm) 1 3 4 8 14 14 15 18 20 17 6 1 121
แหล่งที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา

สัญลักษณ์ แก้

ตราเทศบาลเมืองชลบุรี แก้

 
ตราเทศบาลเมืองชลบุรี

เทศบาลเมืองชลบุรีมีตราประจำเทศบาลเป็นรูปเรือสำเภาสมัยโบราณ ใบแข็ง สามเสา แล่นฝ่าคลื่นในทะเลอยู่ในวงกลมสองชั้น วงกลมรอบนอก มีตัวอักษรคำว่า "เทศบาลเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี" ซึ่งเป็นการสื่อสารความ หมายว่า จังหวัดชลบุรีเป็นจังหวัดที่อยู่ชายทะเลแต่เดิมมักมีการคมนาคม ติดต่อกับจังหวัดอื่น ๆ โดยทางเรือที่สำคัญของจังหวัดชลบุรี ใน สมัยนั้น การติดต่อค้าขายกับภาคอื่น ๆ ของประเทศต้องใช้เรือสำเภาใบแข็ง ซึ่งเป็นเรือที่สามารถฝ่าคลื่นลมทางทะเลได้เป็นอย่างดี จึงได้นำเรือสำเภา แล่นฝ่าคลื่นมาเป็นดวงตราประจำเทศบาลเมืองชลบุรี

คำขวัญเมืองชลบุรี แก้

"พระพุทธสิหิงค์สูงค่า พระปิดตาลือเลื่อง เมืองเก่าบางปลาสร้อย ถิ่นซอยคล้องจอง ดังก้องประเพณีวิ่งควาย"

ประชากร แก้

จำนวนประชากรในเขตเทศบาลเมืองชลบุรี ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558 มีทั้งสิ้น 29,048 คน แยกเป็น ชาย 13,710 คน หญิง 15,338 คน จำนวน 12,573 ครัวเรือน ความหนาแน่นของประชากรเฉลี่ยต่อพื้นที่ทั้งหมด 6,387 คน ต่อตารางกิโลเมตร หากเฉลี่ยตามพื้นที่บนบกที่อาศัยได้จริง เฉลี่ย 8,299 คน ต่อตารางกิโลเมตร ซึ่งนับว่ามีความหนาแน่นมาก

การตั้งถิ่นฐานของประชาชนในเขตเทศบาลเมืองชลบุรี โดยทั่วไปมักจะหนาแน่นมาก บริเวณชุมชนชายทะเลด้านทิศตะวันตกของเมืองและชุมชนในเมือง อาชีพสำคัญของประชากรคือ พาณิชยกรรมโดยเฉพาะในย่านชุมชนจะมีร้านค้าติดต่อกันเป็นแถว ตลอดแนวถนนสายสำคัญได้แก่ ถนนวชิรปราการ ถนนเจตน์จำนงค์ ถนนโพธิ์ทอง ถนนราษฎร์ประสงค์และถนนสุขุมวิทเป็นต้น

การศึกษา แก้

ในเขตเทศบาลเมืองชลบุรี มีโรงเรียนสังกัดสำนักงานการประถมศึกษา 2 แห่ง, สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดชลบุรี 1 แห่ง คือ โรงเรียนชลกันยานุกูล, สังกัดกรมอาชีวศึกษา 1 แห่ง คือ วิทยาลัยอาชีวศึกษาจังหวัดชลบุรี, สังกัดการศึกษาเอกชน 8 แห่ง สำหรับเทศบาลเมืองชลบุรี มีโรงเรียนในสังกัด 5 แห่ง เปิดสอนตั้งแต่ระดับเด็กก่อนวัยเรียนถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนในสังกัดทั้ง 5 แห่ง ได้แก่

  1. โรงเรียนเทศบาลอินทปัญญา วัดใหญ่อินทาราม
  2. โรงเรียนเทศบาลวัดกำแพง (อุดมพิทยากร)
  3. โรงเรียนเทศบาลชลราษฎร์นุเคราะห์ (วัดต้นสน)
  4. โรงเรียนเทศบาลวัดโพธิ์
  5. โรงเรียนเทศบาลวัดเนินสุทธาวาส

สาธารณสุข แก้

ในเขตเทศบาลเมืองชลบุรี มีสถานพยาบาล 1 แห่ง คลินิก 92 แห่ง ในส่วนของเทศบาลมีศูนย์บริการสาธารณสุข 2 แห่ง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองการแพทย์ บริการรักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ประชาชนในเขตเทศบาล โดยศูนย์บริการฯ 1 ตั้งอยู่ที่บริเวณตลาดวัดกลาง และแห่งที่ 2 ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกถนนพระยาสัจจา

ชุมชน แก้

ลักษณะชุมชนในเขตเทศบาลเมืองชลบุรี ประชาชนส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในบริเวณย่านการค้าในถนนสายหลัก และอีกส่วนหนึ่งจะอาศัยอยู่บริเวณแนวชายฝั่งทะเลซึ่งมักเรียกว่าชุมชน ชายทะเล โดยในเขตเทศบาลเมืองชลบุรีแบ่งชุมชนออกเป็น 18 ชุมชน ได้แก่

  1. ชุมชนท้ายบ้าน 1
  2. ชุมชนท้ายบ้าน 2 ( ซุ้มเรือท้ายบ้าน )
  3. ชุมชนท่าเรือพลี
  4. ชุมชนศรีนิคม

การขนส่ง แก้

ชลบุรีเป็นเมืองศูนย์กลางความเจริญของภาคตะวันออก ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ 80 กิโลเมตร และมีระบบคมนาคมขนส่งที่สะดวก ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ส่วนในเขตเทศบาล มีถนนสายหลักที่สำคัญ คือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) โดยเริ่มจากกรุงเทพ ฯ ผ่านจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี และสิ้นสุดที่จังหวัดตราด

อ้างอิง แก้

  1. รายงานสถิติจำนวนประชากรและบ้าน ประจำปี พ.ศ. 2560 ท้องถิ่นเทศบาลเมืองชลบุรี ระบบสถิติทางการทะเบียน กรมการปกครอง
  2. พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาลเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี พุทธศักราช ๒๔๗๘ (PDF). Royal Gazette. 52 (0 ก): 1651–1656. 1935-12-10.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้