หมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

หมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นหมู่พระที่นั่งที่อยู่ระหว่างพระมหามณเฑียรและหมู่พระมหาปราสาทภายในพระบรมมหาราชวัง ทอดตัวจากทิศเหนือไปทิศใต้ ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นกลางและเขตพระราชฐานชั้นใน สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อใช้เป็นสถานที่ออกว่าราชการและเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ เดิมประกอบด้วยหมู่พระที่นั่ง 11 องค์ แต่เนื่องจากพระที่นั่งบางองค์ทรุดโทรมจนยากต่อการบูรณะจึงได้ทำการรื้อลง

หมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
ข้อมูลทั่วไป
ประเภทหมู่พระที่นั่งภายในพระบรมมหาราชวัง
เมืองเขตพระนคร, กรุงเทพมหานคร
ประเทศประเทศไทย
เริ่มสร้างพ.ศ. 2412
ผู้สร้างพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เป็นส่วนหนึ่งของพระบรมมหาราชวัง
เลขอ้างอิง0005574

ปัจจุบัน หมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ประกอบด้วย พระที่นั่ง 5 องค์ ได้แก่ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งองค์เดียวในหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทที่สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร และพระที่นั่งเทวารัณยสถาน เป็นพระที่นั่งที่รื้อลงและสร้างขึ้นใหม่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ประวัติ

แก้
 
หมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในยามค่ำคืน

หมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทตั้งอยู่ระหว่างหมู่พระมหามณเฑียรและหมู่พระมหาปราสาท ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นในและชั้นกลาง สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อแรกเริ่มนั้นพระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างหมู่พระที่นั่งขึ้นในบริเวณพระตำหนักที่พระองค์เสด็จพระราชสมภพและเป็นที่ประทับเดิมของพระองค์ หมู่พระที่นั่งนี้เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 2412 ประกอบด้วยหมู่พระที่นั่ง 4 องค์ ได้แก่[1]

  • พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ (ห้องโต๊ะ) เป็นพระที่นั่งที่สร้างต่อเนื่องกับท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ด้านตะวันออก ใช้เป็นห้องสำหรับพระราชทานเลี้ยง
  • พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ (ห้องทอง) เป็นพระที่นั่งที่สร้างต่อเนื่องกับท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ด้านตะวันออก เดิมใช้เป็นที่เสด็จออกขุนนาง และประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน และเป็นสถานที่ทรงประกาศพระบรมราชโองการการเลิกทาส พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้สร้างพระที่นั่งนี้ ตรงบริเวณที่เป็นพระตำหนักชั้นเดียวที่ทรงเสด็จพระราชสมภพ
  • พระที่นั่งดำรงสวัสดิ์อนัญวงศ์ (ห้องผักกาด) เป็นห้องเครื่องลายคราม (ถูกรื้อลงแล้ว)
  • พระที่นั่งนิพัทธพงศ์ถาวรวิจิตร (ห้องพระภูษา) (ถูกรื้อลงแล้ว)

ในระหว่างนั้น พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชมณเฑียรขึ้นทางทิศใต้ของหมู่พระที่นั่งเดิมอีก 6 พระที่นั่ง โดยเริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 2413 ประกอบด้วย[2][1]

  • พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร เป็นพระราชมณเฑียรที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประกอบด้วย ห้องน้ำเงิน ห้องเหลือง และห้องเขียว นอกจากนี้ ยังเคยใช้เป็นที่เสด็จออกรับแขกเมืองด้วย
  • พระที่นั่งอมรพิมานมณี เป็นพระวิมานที่บรรทมของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ถูกรื้อลงแล้ว)
  • พระที่นั่งสุทธาศรีอภิรมย์ เป็นห้องพระบรรทมของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี (ถูกรื้อลงแล้ว)
  • พระที่นั่งบรรณาคมสรนี เป็นห้องทรงพระอักษร (ถูกรื้อลงแล้ว)
  • พระที่นั่งราชปรีดีราชวโรทัย เป็นห้องพักผ่อนพระราชอิริยาบถ (ถูกรื้อลงแล้ว)
  • พระที่นั่งเทพดนัยนันทยากร เป็นห้องบรรทมสมเด็จพระราชโอรสธิดาบางพระองค์ (ถูกรื้อลงแล้ว)

โดยเพิ่มขึ้นมาอีก1องค์คือ

  • พระที่นั่งเทวรารัณยสถาน เป็นสวนป่า

พระที่นั่งทั้ง 10 องค์ ก่อสร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2416 โดยมีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบยุโรปทั้งสิ้น หลังจากนั้น เมื่อพระองค์เสด็จกลับจากการประพาสสิงคโปร์ พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทขึ้นทางด้านทิศเหนือของหมู่พระที่นั่งเดิม โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2419 และเฉลิมพระราชมนเฑียรใน พ.ศ. 2425 ดังนั้น พระที่นั่งภายในหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงประกอบด้วย พระที่นั่ง 11 องค์

ปัจจุบัน พระที่นั่งในหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทอยู่ในสภาพที่ชำรุดจนเกินกว่าการบูรณะได้จึงมีการรื้อพระที่นั่งลงหลายองค์ อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระบรมชนกกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตรโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งขึ้นใหม่บนสถานที่เดิม 4 องค์ ได้แก่ พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร และพระที่นั่งเทวารัณยสถาน

แผนผังพระที่นั่งในสมัยรัชกาลที่5

แก้

แผนผังหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในสมัยรัชกาลที่ 5

  • ท้องพระโรงหน้า
  • ท้องพระโรงกลาง
  • ท้องพระโรงหลัง
  • มุขกระสันตะวันออก
  • ห้องไปรเวท
  • มุขกระสันตะวันตก
  • ออฟฟิสหลวง
  • อ่างแก้ว
  • พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ ( ห้องโต๊ะ )
  • พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ( ห้องทอง )
  • พระที่นั่งดำรงสวัสดิอนัญวงศ์ ( ห้องผักกาด )
  • พระที่นั่งพิพัฒน์พงศ์ถาวรวิจิตร ( ห้องพระภูษา )
  • พระเฉลียง
  • ห้องน้ำเงิน
  • ห้องเหลือง
  • ห้องเขียว
  • พระที่นั่งอมรพิมานมณี
  • พระที่นั่งสุทธาศรีอภิรมย์
  • พระที่นั่งบรรณาคมสรณี
  • พระที่นั่งราชปรีดีวโรทัย
  • พระที่นั่งเทพดนัยนันทยากร
  • สวนสวรรค์

พระบรมอัฐิบนพระวิมาน

แก้

พระที่นั่งในหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

แก้
 
พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

แก้

พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งที่สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อใช้เป็นท้องพระโรง มีลักษณะเป็นพระที่นั่งยอดปราสาท 3 องค์เชื่อมต่อกันด้วยมุขกระสันตลอดทั้งแนว เดิมพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งองค์นี้ในรูปแบบตะวันตก แต่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) กราบบังคมทูลขอให้สร้างเป็นยอดปราสาท ดังนั้น รูปแบบพระที่นั่งองค์นี้จึงมีสถาปัตยกรรมไทยผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก

พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์

แก้

พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ เดิมเป็นพระที่นั่งที่สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์มีพระราชดำริว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่พระองค์เสด็จพระราชสมภพและเป็นที่ประทับเดิมของพระองค์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งขึ้นบริเวณนี้ 2 องค์ ได้แก่ พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติและพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ โดยพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์เป็นห้องโต๊ะใช้จัดเลี้ยง[2]

ปัจจุบัน พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์องค์เดิมอยู่ในสภาพทรุดโทรมจนเกินกว่าจะบูรณะได้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงโปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระที่นั่งองค์เก่าลงและสร้างพระที่นั่งองค์ใหม่ขึ้นแทนบนพื้นที่เดิมของพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์และพระที่นั่งนิพัทธพงศ์ถาวรวิจิตร เพื่อใช้เป็นห้องพระราชทานเลี้ยง[3][1]

พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ

แก้

พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เป็นพระที่นั่ง 1 ใน 2 องค์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งพระองค์เสด็จพระราชสมภพและเป็นที่ประทับเดิมของพระองค์ โดยนามของพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติมีความหมายว่า เป็นที่พระมหากษัตริย์เสด็จพระราชสมภพ พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติเป็นสถานที่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศจะให้มีการเลิกทาสท่ามกลางที่ประชุมคณะที่ปรึกษาราชการแผ่นดินเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2417[4]

พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติองค์เดิมอยู่ในสภาพทรุดโทรมจนเกินกว่าจะบูรณะได้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงโปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระที่นั่งองค์เก่าลงและสร้างพระที่นั่งองค์ใหม่ขึ้นแทนบนพื้นที่เดิมของพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติและพระที่นั่งดำรงสวัสดิ์อนัญวงศ์ เพื่อใช้เป็นห้องพระราชทานเลี้ยง[1]

พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร

แก้

พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร เป็นพระที่นั่งที่ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน เดิมเป็นพระที่นั่งที่สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวหลังจากเสด็จประพาสสิงคโปร์และชวา มีมุขหน้าต่อกับพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์และพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ[5]

พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬารองค์เดิมอยู่ในสภาพทรุดโทรมจนเกินกว่าจะบูรณะได้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงโปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระที่นั่งองค์เก่าลงและสร้างพระที่นั่งองค์ใหม่ขึ้นแทน เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดงานพระราชทานเลี้ยงต้อนรับแขกเมือง[6]

พระที่นั่งเทวารัณยสถาน

แก้

พระที่นั่งเทวารัณยสถาน เป็นพระที่นั่งทรงปราสาทมีลักษณะคล้ายพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท สร้างขึ้นบนพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร ตั้งอยู่ติดต่อกับท้องพระโรงใหญ่อันเป็นที่จัดเลี้ยง นามพระที่นั่ง "เทวารัณยสถาน" หมายถึง สถานอันเป็นสวนป่าของเทวดา เป็นนามอนุสรณ์ถึง "สวนสวรรค์" ซึ่งเป็นสวนยกพื้นในหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ซึ่งสวนดังกล่าวทรุดโทรมและถูกรื้อลงตั้งแต่แรกรื้อพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬารองค์เดิม[2]

เหตุผลที่ทำให้มีการรื้อพระที่นั่งลง

แก้

พระที่นั่งเหล่านี้ได้ถูกรื้อลงแล้วเนื่องจากมีความชำรุดความทรุดโทรม พบว่าเสาของพระที่นั่งแตกและโป่งออกทางด้านข้าง ปูนก่ออิฐหมดความแข็งแรงเพราะว่าน้ำหนักขององค์พระที่นั่งมีมาก เสาแข็งแรงเพียงพอที่จะรับน้ำหนักส่วนบนได้ และพื้นชั้นบนทรุด ผนังแตกร้าว และอาจจะพังลงมาได้โดยง่าย อนึ่งเมื่อสมัยอดีตบรรดาพระที่นั่งและตำหนักต่าง ๆ ในเขตพระราชฐานชั้นใน สร้างขึ้นอย่างแออัดเพื่อให้เพียงพอกับพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน และข้าบาทบริจาในองค์สมเด็จมหากษัตริยาธิราชเจ้า ในสมัยก่อนซึ่งมีอยู่มาก แต่เมื่อมาถึงในปัจจุบันหมดความจำเป็นที่จะต้องมีที่ประทับสำหรับฝ่ายในมาก เช่นในสมัยก่อนแล้ว ประกอบกับทั้ง พระที่นั่งหรือตำหนัก และอาคาร ต่าง ๆ ในเขตพระราชฐานชั้นในก็ชำรุดทรุดโทรมลงมาก บางอาคารก็ใกล้จะพังลงมา ถ้าจะซ่อมให้คงดีตามสภาพเดิมก็ย่อมเป็นการสิ้นเปลืองและไม่เกิดประโยชน์อัน ใด สำนักพระราชวังจึงนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต รื้อ เมื่อได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้วจึงดำเนินการรื้อลงในเดือน สิงหาคม พ.ศ. 2501

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 กรมศิลปากร, หน้า 9-10
  2. 2.0 2.1 2.2 ชัชพล ไชยพร, บรมราชสถิตยมโหฬาร - เทวารัณยสถาน, ศิลปวัฒนธรรม, วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2549, ปีที่ 27, ฉบับที่ 10
  3. ราชบัณฑิตยสถาน, หน้า 276-278
  4. ราชบัณฑิตยสถาน, หน้า 360-361
  5. ราชบัณฑิตยสถาน, หน้า 154
  6. ชลทิตย์ ไชยจันทร์, พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร : ปราสาท เรือนฐานันดรสูงในรัชกาลปัจจุบัน เก็บถาวร 2011-08-31 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เข้าถึงวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

บรรณานุกรม

แก้
  • ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมวิสามานยนามไทย : วัด วัง ถนน สะพาน ป้อม
  • กรมศิลปากรนำชมกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์การพิมพ์, พ.ศ. 2525. 332 หน้า. ISBN 974-7919-60-5