ซุนโฮ[5] (ค.ศ. 242 – มกราคมหรือกุมภาพันธ์ ค.ศ. 284)[b] มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า ซุน เฮ่า (จีนตัวย่อ: 孙皓; จีนตัวเต็ม: 孫皓; พินอิน: Sūn Hào) ชื่อรอง ยฺเหวียนจง (จีน: 元宗; พินอิน: Yuánzōng) เป็นจักรพรรดิลำดับที่ 4 และลำดับสุดท้ายของรัฐง่อก๊กในยุคสามก๊กของจีน ซุนโฮเป็นพระโอรสของซุนโฮ[c] (孫和 ซุน เหอ) ซึ่งเคยเป็นรัชทายาทของซุนกวนจักรพรรดิผู้ก่อตั้งรัฐง่อก๊ก ซุนโฮ (ซุน เฮ่า) ขึ้นครองราชย์ในเดือนกันยายน ค.ศ. 264 หลังการสวรรคตของซุนฮิว (จักรพรรดิจิ่งตี้) ผู้เป็นพระปิตุลา (อา) โดยมาจากความต้องการของราษฎรที่จะมีจักรพรรดิที่มีพระชนมายุที่มากกว่าโดยคำนึงถึงเรื่องการล่มสลายเมื่อไม่นานมานี้ของจ๊กก๊กรัฐพันธมิตรของง่อก๊ก แต่การเลือกซุนโฮเป็นจักรพรรดิกลับทำให้สภาพการณ์เลวร้ายลง เนื่องจากพระองค์มีความโหดร้าย ฟุ่มเฟือย และไม่สามารถจัดการเรื่องราวภายในได้ ส่งผลทำให้ง่อก๊กเสื่อมถอยลง ซึ่งท้ายที่สุดง่อก๊กก็ถูกพิชิตโดยราชวงศ์จิ้นในปี ค.ศ. 280 ถือเป็นการสิ้นสุดของยุคสามก๊ก

ซุนโฮ (ซุน เฮ่า)
孫皓
อุ้ยเบ้งเฮา[1] (歸命侯 กุยมิ่งโหว)
ภาพวาดซุนโฮในยุคราชวงศ์ชิง
จักรพรรดิแห่งง่อก๊ก
ครองราชย์3 กันยายน ค.ศ. 264 – 1 พฤษภาคม ค.ศ. 280[a]
ก่อนหน้าซุนฮิว
เฮาแห่งออเสง (烏程侯 อูเฉิงโหว)
ดำรงฐานันดรศักดิ์10 ธันวาคม ค.ศ. 258 – 3 กันยายน ค.ศ. 264
ประสูติค.ศ. 242[b]
ซุน เผิงจู่ (孫彭祖)
เฮ่าจง (皓宗) (ชื่อรอง)
สวรรคตมกราคมหรือกุมภาพันธ์ ค.ศ. 284 (41-42 ปี)[b]
ฝังพระศพนครลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน[b]
คู่อภิเษก
พระราชบุตร
(ส่วนหนึ่งจากอีกหลายพระองค์)
  • ซุน จิ่น (孫瑾)
  • ซุน เฉียน (孫虔)
  • อ๋องแห่งเจ๋ (齊王 ฉีหวาง)
  • อ๋องแห่งตันลิว (陳留王 เฉินหลิวหวาง)
  • อ๋องแห่งจางหลิง (章陵王 จางหลิงหวาง)
  • อ๋องแห่งเฉิงจี้ (成紀王 เฉิงจี้หวาง)
  • อ๋องแห่งเซฺวียนเวย์ (宣威王 เซฺวียนเวย์หวาง)
  • อ๋องแห่งจงชาน (中山王 จงชานหวาง)
  • อ๋องแห่งไต้ (代王 ไต้หวาง)
  • ซุน ชง (孫充)
  • ซุน ฝาน (孫璠)
พระนามเต็ม
ชื่อสกุล: ซุน (孫 ซุน)
ชื่อตัว: โฮ (皓 เฮ่า)
ชื่อรอง: ยฺเหวียนจง (元宗)
รัชศก
พระสมัญญานาม
จักรพรรดิมั่ว (末帝 มั่วตี้)
ราชวงศ์ราชสกุลซุน
พระราชบิดาซุนโฮ[c] (孫和 ซุน เหอ)
พระราชมารดาจักรพรรดินีเหอ พระพันปีหลวง

ซุนโฮยังเป็นที่รู้จักในพระนามอื่น ๆ ได้แก่ เฮาแห่งออเสง (烏程侯 อูเฉิงโหว) ซึ่งเป็นฐานันดรศักดิ์ของพระองค์ก่อนจะขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ, อุ้ยเบ้งเฮา[1] (歸命侯 กุยมิ่งโหว; แปลว่า "โหวผู้จำนนต่อชะตากรรม") ซึ่งเป็นฐานันดรศักดิ์ที่ราชวงศ์จิ้นมอบให้หลังพระองค์ยอมจำนน, อู่โฮ่วจู่ (吳後主; แปลว่า "เจ้านายองค์หลังแห่งง่อ") และ อู๋มั่วตี้ (吳末帝; แปลว่า "จักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งง่อ") ซึ่งนักประวัติศาสตร์ใช้กล่าวถึงพระองค์

พระประวัติช่วงต้น

แก้

ซุนโฮประสูติในปี ค.ศ. 242 เป็นพระโอรสองค์โตของซุนโฮ[c] (孫和 ซุน เหอ) ซุนโฮ (ซุน เหอ) ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทในเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม ค.ศ. 242[d] ไม่กี่เดือนหลังการสิ้นพระชนม์ของซุนเต๋งพระโอรสองค์โตและรัชทายาทองค์แรกของซุนกวนในเดือนเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน ค.ศ. 241[e] พระมารดาของซุนโฮ (ซุน เฮ่า) คือเหอจี (何姬) เป็นพระสนมของซุนโฮ (ซุน เหอ)

ใน ค.ศ. 250 หลังจากซุนกวนทรงเบื่อหน่ายความขัดแย้งที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องระหว่างพระโอรสของพระองค์คือซุนโฮ (ซุน เหอ) และซุน ป้า (孫霸) ซุนกวนจึงทรงบังคับให้ซุน ป้ากระทำอัตวินิบาตกรรม และเนรเทศซุนโฮ (สันนิษฐานว่ารวมถึงครอบครัวด้วย) ให้ไปอยู่ที่อำเภอกู้จาง (故鄣縣 กู้จางเซี่ยน; อยู่ในนครหูโจว มณฑลเจ้อเจียงในปัจจุบัน) รวมถึงลดสถานะลงเป็นสามัญชน ซุนโฮ (ซุน เฮ่า) จึงถูกลดสถานะจากว่าที่รัชทายาทโดยสันนิษฐานในอนาคตมาเป็นบุตรชายของสามัญชน แม้ว่าเป็นพระนัดดาของจักรพรรดิก็ตาม

ในปี ค.ศ. 252 ซุนโฮ (ซุน เหอ) ได้รับการเลื่อนสถานะจากสามัญชนเนื่องจากซุนกวนทรงแต่งตั้งให้ซุนโฮเป็นอ๋องแห่งลำหยง (南陽王 หนานหยางหวาง) และตั้งเมืองเตียงสา (長沙郡 ฉางชาจฺวิ้น; อยู่บริเวณนครฉางชา มณฑลหูหนานในปัจจุบัน) ให้เป็นราชรัฐของซุนโฮ ก่อนที่ซุนกวนจะสวรรคตในปีเดียวกันนั้น ในช่วงเวลานั้นมีข่าวลือแม้ภายหลังซุนเหลียงพระอนุชาของซุนโฮขึ้นครองราชย์หลังการสวรรคตของซุนกวนว่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จูกัดเก๊กผู้เป็นเป็นลุงหรือน้าของจางเฟย์ (張妃) ชายาของซุนโฮคิดที่จะฟื้นฟูฐานะของซุนโฮและตั้งให้ซุนโฮเป็นจักรพรรดิแทน หลังจูกัดเก๊กถูกลอบสังหารและซุนจุ๋นขึ้นมามีอำนาจแทนในปี ค.ศ. 253 ซุนโฮก็ตกอยู่ในอันตราย เนื่องจากซุนจุ๋นมีส่วนสำคัญในการลดสถานะของซุนโฮมาตั้งแต่แรก และต้องการกำจัดทุกโอกาสที่ซุนโฮจะกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ซุนจุ๋นใช้ข่าวลือดังกล่าวเป็นข้ออ้างในการลดสถานะของซุนโฮกลับไปเป็นสามัญชนและเนรเทศไปยังเมืองซินตู (新都郡 ซินตูจฺวิ้น; อยู่ในอำเภอฉุนอาน มณฑลเจ้อเจียงในปัจจุบัน) จากนั้นจึงส่งผู้แทนพระองค์ไปบังคับให้ซุนโฮกระทำอัตวินิบาตกรรม จางเฟย์พระชายาก็กระทำอัตวินิบาตกรรมเช่นกัน เหอจีอนุภรรยาของซุนโฮก็ได้รับการเสนอโอกาสในการกระทำอัตวินิบาตกรรม แต่เหอจีปฏิเสธโดยกล่าวว่าหากตนเสียชีวิตไปด้วยก็จะไม่มีใครเหลืออยู่ดูแลเหล่าโอรสของซุนโฮ เหอจีจึงเลี้ยงดูซุนโฮ (ซุน เฮ่า) และพระอนุชา 3 องค์ที่ประสูติกับอนุภรรยาคนอื่น ๆ ได้แก่ ซุน เต๋อ (孫德), ซุน เชียน (孫謙) และซุน จฺวิ้น[f] (孫俊)

หลังซุนเหลียงทรงถูกปลดจากราชบัลลังก์โดยการบังคับของซุนหลิมลูกพี่ลูกน้องและผู้สืบทอดอำนาจของซุนจุ๋นในปี ค.ศ. 258 ซุนฮิวพระโอรสอีกองค์ของซุนกวนขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ ในวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 258[g] ซุนฮิวทรงแต่งตั้งซุนโฮและพระอนุชาคือซุน เต๋อและซุน เชียนให้มีฐานันดรศักดิ์โหว (侯) ฐานันดรศักดิ์ของซุนโฮคือเฮาแห่งออเสง[h] (烏程侯 อูเฉิงโหว) และซุนโฮทรงถูกส่งไปยังเขตศักดินาของพระองค์ ในช่วงเวลาหนึ่ง ซุนโฮทรงผูกมิตรกับบั้นเฮ็ก (萬彧 ว่าน ยฺวี่) นายอำเภอ (令 ลิ่ง) ของอำเภอออเสง (烏程縣 อูเฉิงเซี่ยน; ปัจจุบันคือนครหูโจว มณฑลเจ้อเจียง) ผู้ประเมินซุนโฮว่าเป็นทรงมีสติปัญญาและขยันเรียน[10] นอกจากนี้ในช่วงที่ซุนโฮทรงดำรงฐานันดรศักดิ์เฮาแห่งออเสง พระองค์ทรงรับเถิง ฟางหลาน (滕芳蘭) มาเป็นพระสนม ผู้ซึ่งจะขึ้นเป็นจักพรรดินีในอนาคต

ในฤดูร้อน ค.ศ. 264 ซุนฮิวทรงพระประชวรและไม่สามารถตรัสได้ แต่ยังสามารถทรงพระอักษรได้ พระองค์จึงมีพระราชโองการเรียกตัวอัครมหาเสนาบดีเอียงเหียง (濮陽興 ผูหยาง ซิง) เข้ามาในพระราชวัง พระองค์ทรงชี้ไปที่พระโอรสซุนเปียน (孫𩅦 ซุน วาน) ผู้เป็นรัชทายาทและทรงฝากฝังให้เอียงเหียงช่วยสนับสนุนซุนเปียนให้สืบราชบัลลังก์ ซุนฮิวสวรรคตในเวลาต่อมาไม่นานเมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 264[i] แต่เอียงเหียงไม่ได้กระทำตามพระประสงค์ของซุนฮิว หลังจากเอียงเหียงปรึกษากับขุนพลเตียวปอ (張布 จาง ปู้) ทั้งสองมีความเห็นว่าผู้คนต่างปรารถนาจักรพรรดิที่เป็นผู้ใหญ่ (ไม่ทราบแน่ชัดว่าซุนเปียนมีพระชนมายุเท่าใดในเวลานั้น แต่ตัวซุนฮิวนั้นสวรรคตขณะมีพระชนมายุ 29 พรรษา ซุนเปียนจึงไม่น่าจะอยู่ในช่วงวัยรุ่นด้วยซ้ำ) เนื่องจากมีตัวอย่างจากการล่มสลายของจ๊กก๊กที่เป็นรัฐพันธมิตรเมื่อไม่นานมานี้ในปี ค.ศ. 263 เอียงเหียงและเตียวปอทำตามคำแนะนำของบั้นเฮ็กซึ่งเวลานั้นเป็นขุนพลโดยทูลเชิญซุนโฮให้ขึ้นครองราชย์แทน

รัชสมัยตอนต้น

แก้

ในตอนแรก ผู้คนในง่อก๊กต่างประทับใจจักรพรรดิองค์ใหม่ เพราะพระองค์ทรงลดหย่อนภาษี ทรงช่วยเหลือคนยากจน และทรงปล่อยนางกำนัลจำนวนมากจากพระราชวังเพื่อให้ได้ไปแต่งงาน แต่ในเวลาต่อมาไม่นาน ความคาดหวังนั้นก็พังทลายลงเพราะซุนโฮทรงเริ่มการลงโทษอย่างโหดร้าย ทรงเชื่อถือไสยศาสตร์ และทรงลุ่มหลงสุรานารี พระองค์ยังทรงลดสถานะของจักรพรรดินีจู พระพันปีหลวง (朱太后 จูไท่โฮ่ว) พระมเหสีม่ายของซุนฮิวลงมามีตำแหน่งเป็น "จักรพรรดินีจิ่ง" (景皇后 จิ่งหฺวางโฮ่ว) พระองค์ทรงแต่งตั้งให้เหอจีผู้เป็นพระมารดาให้เป็นจักรพรรดินีพันปีหลวงแทน และทรงแต่งตั้งย้อนหลังให้ซุนโฮ (ซุน เหอ) ผู้เป็นพระบิดาเป็น "จักรพรรดิเหวิน" (文帝 เหวินตี้) เอียงเหียงและเตียวปอต่างรู้สึกประหลาดใจและผิดหวังต่อตัวซุนโฮ บั้นเฮ็กทูลรายงานซุนโฮเรื่องที่เอียงเหียงและเตียวปอรู้สึกผิดหวังต่อพระองค์ ซุนโฮจึงมีรับสั่งให้จับกุมและประหารชีวิตเอียงเหียงและเตียวปอพร้อมด้วยวงศ์ตระกูลในช่วงปลายปี ค.ศ. 264 ในปีนั้นพระองค์ทรงสถาปนาพระสนมเถิง ฟางหลานเป็นจักรพรรดินี

ในปี ค.ศ. 265 ซุนโฮทรงบังคับอดีตจักรพรรดินีจู พระพันปีหลวงให้กระทำอัตวินิบาตกรรม และทรงเนรเทศพระโอรส 4 องค์ของซุนฮิว ต่อมาไม่นานซุนโฮมีรับสั่งให้ประหารชีวิตพระโอรสของซุนฮิว 2 องค์โตคือซุนเปียน (อดีตรัชทายาท) และซุน กง (孫𩃙) ภายหลังซุนโฮทรงเชื่อในคำทำนายว่ารัศมีจักรพรรดิเคลื่อนจากมณฑลยังจิ๋วไปยังมณฑลเกงจิ๋ว และกำลังมณฑลเกงจิ๋วจะเอาชนะกำลังมณฑลยังจิ๋วได้ จึงทรงมีรับสั่งให้ย้ายนครหลวงจากเกี๋ยนเงียบ (建業 เจี้ยนเย่; ปัจจุบันคือนครหนานจิง มณฑลเจียงซู) ไปยังบู๊เฉียง (武昌 อู่ชาง; ปัจจุบันคือนครเอ้อโจว มณฑลหูเป่ย์) พระองค์ยังเริ่มการประหารชีวิตข้าราชการที่ไม่เห็นด้วยการวิถีฟุ่มเฟือยของพระองค์ ข้าราชการคนสำคัญเพียงคนเดียวที่สามารถทูลได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องรับผลที่ตามมาคือลู่ ข่าย (陸凱) หลานชายของลกซุน (陸遜 ลู่ ซฺวิ่น) และเป็นหนึ่งในอัครมหาเสนาบดี 2 คนคู่กับบั้นเฮ็ก เพราะผู้คนให้ความนับถือลู่ ข่ายเป็นอย่างสูง

ในปี ค.ศ. 266 ราชวงศ์จิ้นซึ่งก่อตั้งขึ้นใหม่แทนที่วุยก๊กที่เป็นรัฐอริของง่อก๊กภายหลังจากที่สุมาเอี๋ยนจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์จิ้นแย่งชิงราชบัลลังก์วุยก๊ก หาทางจะสร้างสันติภาพกับง่อก๊ก ซุนโฮกลับดำริจะโจมตีราชวงศ์จิ้น แต่พระองค์ยังไม่ทรงกระทำการโจมตีในช่วงเวลานั้น และก็ไม่ทรงสร้างสันติภาพกับราชวงศ์จิ้นด้วยเช่นกัน

ในปีเดียวกันนั้น ราษฎรในบริเวณที่เป็นมณฑลเจ้อเจียงในปัจจุบันไม่สามารถทนต่อการจัดเก็บภาษีอย่างหนักของซุนโฮ (เพื่อสนับสนุนวิถีฟุ่มเฟือยของพระองค์) จึงก่อกบฏและลักพาตัวซุน เชียนพระอนุชาของซุนโฮมาตั้งเป็นผู้นำหุ่นเชิด กลุ่มกบฏยกมาถึงนครเกี๋ยนเงียบ แต่ในท้ายที่สุดกลุ่มกบฏก็ถูกปราบปรามโดยติง กู้ (丁固) และจูกัดเจ้ง (諸葛靚 จูเก่อ จิ้ง) ผู้รับผิดชอบการป้องกันเกี๋ยนเงียบ แม้ว่าไม่มีหลักฐานว่าซุน เชียนมีส่วนร่วมจริง ๆ ในการก่อกบฏ แต่ซุนโฮก็ทรงมีรับสั่งให้ประหารชีวิตซุน เชียนพร้อมด้วยพระมารดาและพระอนุชาคือซุน จฺวิ้นที่มีพระมารดาเดียวกันกับซุน เชียน ซุนโฮทรงเชื่อว่านี่เป็นการทำให้คำทำนายที่ทำให้พระองค์ย้ายนครหลวงไปบู๊เฉียงเป็นผลสำเร็จ ต่อมาในปีเดียวกันนั้น พระองค์ทรงย้ายนครหลวงกลับไปเกี๋ยนเงียบ

ในปี ค.ศ. 268 ซุนโฮทรงเริ่มนโยายการโจมตีพื้นที่ชายแดนของราชวงศ์จิ้นเป็นระยะ ๆ พระองค์ทรงให้ขุนพลจู จี้ (朱繼) โจมตีเมืองกังแฮ (江夏郡 เจียงเซี่ยจฺวิ้น; อยู่บริเวณเขตซินโจว นครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน) ให้บั้นเฮ็กโจมตีเมืองซงหยง (襄陽 เซียงหยาง) ส่วนตัวพระองค์เองเตรียมเข้าโจมตีหับป๋า (合肥 เหอเฝย์) การโจมตีครั้งนี้ถูกต้านทานโดยทัพราชวงศ์จิ้นเช่นเดียวกับการโจมตีอีกหลายครั้งในเวลาต่อมา

ช่วงปลายปี ค.ศ. 269 ลู่ ข่ายเสียชีวิต แล้วก็ไม่มีใครในราชสำนักอีกที่จะกล้าทูลทัดทานใด ๆ หลังการเสียชีวิตของลู่ ข่าย ซุนโฮทรงเนรเทศวงศ์ตระกูลของลู่ ข่ายไปยังเมืองเจี้ยนอาน (建安郡 เจี้ยนอานจฺวิ้น; ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของมณฑลฝูเจี้ยนในปัจจุบัน) ลกข้อง (陸抗 ลู่ คาง) บุตรชายของลกซุนเป็นขุนพลผู้รับผิดชอบการป้องกันชายแดนด้านตะวันตกของง่อก๊ก ได้ถวายฎีกาเสนอการปฏิรูปเป็นระยะ ๆ แต่ซุนโฮมักทรงเพิกเฉยต่อฎีกาเหล่านี้ แต่ก็ไม่ได้ลงโทษใด ๆ ต่อลกข้อง

รัชสมัยตอนปลาย

แก้

ต้นปี ค.ศ. 271 กลางฤดูหนาว ซุนโฮทรงเปิดฉากการโจมตีราชวงศ์จิ้นครั้งใหญ่ด้วยพระองค์เอง พระองค์ยังทรงพาพระมารดาคือจักรพรรดินีเหอ พระพันปีหลวง พระมเหสีคือจักรพรรดินีเถิง ฟางหลาน และพระสนมหลายพันคนไปด้วย ซึ่งทำให้มีการบังคับใช้แรงงานอย่างมากจากกำลังทหารในการลากรถม้า ทำให้เหล่าทหารต่างบ่นพึมพำว่าอาจจะคิดแปรพักตร์ เมื่อซุนโฮทรงทราบเรื่องนี้จึงทรงตัดสินพระทัยถอยทัพและกลับไปนครเกี๋ยนเงียบ บั้นเฮ็กและขุนพลอาวุโสเตงฮองและหลิว ผิง (留平) เคยพิจารณากันเองเรื่องการกลับไปเกี๋ยนเงียบอยู่ก่อนแล้วก่อนที่ซุนโฮจะทรงตัดสินพระทัยที่จะถอยทัพ และเมื่อซุนโฮทรงทราบเรื่องนี้ก็กริ้วขุนพลเหล่านี้ที่อาจจะทิ้งพระองค์ไป

ต่อมาในปีเดียวกันนั้น ทัพง่อก๊กก็สามารถยึดมณฑลเกาจิ๋วคืนมาได้สำเร็จจากกลุ่มกบฏที่ภักดีต่อราชวงศ์จิ้นซึ่งยืนหยัดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 264 (ในรัชสมัยของซุนฮิว) ทำให้ซุนโฮทรงฮึกเหิมและทรงวางแผนปฏิบัติการทางทหารต่อราชวงศ์จิ้นต่อไปอย่างจริงจัง พระองค์ทรงตั้งให้ขุนพลเถา หฺวาง (陶璜) รับผิดชอบดูแลมณฑลเกาจิ๋ว เถา หฺวางก็บริหารมณฑลได้เป็นอย่างดี มณฑลเกาจิ๋วไม่มีการก่อกบฏอีกตลอดรัชสมัยของซุนโฮ

ในปี ค.ศ. 272 องโยย เจ้ามณฑลเอ๊กจิ๋วของราชวงศ์จิ้น เริ่มการสร้างกองเรือขนาดใหญ่ด้วยการสนับสนุนของจักรพรรดิสุมาเอี๋ยน โดยมีแผนจะใช้กองเรือนี้ในการพิชิตง่อก๊กในท้ายที่สุด มีเศษไม้จากการสร้างเรือที่ลอยไปตามแม่น้ำแยงซี อู่ เหยียน (伍延) ขุนพลง่อก๊กตระหนักได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นจึงทูลเสนอให้เสริมแนวป้องที่ชายแดนด้านตะวันตกเฉียงเหนือ แต่ซุนโฮทรงปฏิเสธ

ต่อมาในปีเดียวกันนั้น ซุนโฮทรงดำเนินการบางอย่างที่ก่อให้เกิดในการก่อกบฏครั้งใหญ่ในง่อก๊ก นั่นคือพระองค์ทรงเรียกปู้ ฉ่าน (步闡) ขุนพลที่รับผิดชอบดูแลอำเภอซีหลิง (西陵; อยู่ในนครอี๋ชาง มณฑลหูเป่ย์) ให้กลับมานครหลวงเกี๋ยนเงียบ ปู้ ฉ่านกลัวว่าตนจะถูกลงโทษด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง ปู้ ฉ่านจึงก่อกบฏและแปรพักตร์เข้าด้วยราชวงศ์จิ้น แม้ว่าในท้ายที่สุดลกข้องก็สามารถเอาชนะปู้ ฉ่านและชิงอำเภอซีหลิงกลับมาให้ง่อก๊กได้ แต่ความคลางแคลงใจของเหล่าขุนพลง่อก๊กที่มีต่อจักรพรรดิซุนโฮก็ถูกเปิดเผยออกมา เหล่าขุนพลของราชวงศ์จิ้นจึงกล้าที่ทูลเสนอแผนการพิชิตง่อก๊กให้กับจักรพรรดิสุมาเอี๋ยน

ในปีเดียวกันนั้น ซุนโฮยังทรงขุ่นเคืองบั้นเฮ็กและหลิว ผิงเรื่องที่ทั้งสองมีแผนจะละทิ้งพระองค์และกลับไปเกี๋ยนเงียบกันเอง พระองค์จึงทรงพยายามจะวางยาพิษทั้งสอง ทั้งสองไม่เสียชีวิต แต่เมื่อทั้งสองรู้ว่าซุนโฮทรงอยู่เบื้องหลังการวางยาพิษจึงรู้ว่าพวกตนไม่สามารถทำอะไรได้เลย บั้นเฮ็กจึงฆ่าตัวตาย ส่วนหลิว ผิงเสียชีวิตด้วยความตรอมใจ

ลกข้องเสียชีวิตในปี ค.ศ. 274 ลกข้องมีคำฝากฝังสุดท้ายทูลขอซุนโฮให้เสริมการป้องกันที่ชายแดนด้านตะวันตกของง่อก๊ก แต่ซุนโฮทรงไม่กระทำตามนั้น นอกจากนี้พระองค์ยังทรงแบ่งทัพของลกข้องออกเป็น 6 กอง แต่ละกองนำโดยบุตรชายของลกข้องแต่ละคน

ในปี ค.ศ. 275 เฮ่อ เช่า (賀邵; หลานปู่ของเฮ่อ ฉี) เสนาบดีอาวุโสของง่อก๊กป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองและเป็นอัมพาต ซุนโฮทรงสงสัยว่าเห่อ เช่าแกล้งป่วย จึงมีรับสั่งให้จับกุมเฮ่อ เช่าแล้วทรมานด้วยการโบย และด้วยเลื่อยและไฟ เฮ่า เช่าเสียชีวิตจากการถูกทรมาน และวงศ์ตระกูลของเฮ่อ เช่าก็ถูกเนรเทศ[j]

ตลอดช่วงหลายปีต่อมา ผู้คนที่ต้องการประจบประแจงซุนโฮมักถวายของวิเศษ (มีทั้งของจริงและของที่ถูกสร้างขึ้นใหม่) แก่ซุนโฮ โดยอ้างว่าในท้ายที่สุดพระองค์จะโค่นล้มราชวงศ์จิ้นและรวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่ง พระอุปนิสัยของซุนโฮที่ทรงเชื่อถือโชคลางก็ยิ่งถูกกระตุ้นมากขึ้น และพระองค์ทรงทุ่มเทความพยายามทั้งหมดในการวางแผนพิชิตราชวงศ์จิ้น

การล่มสลายของง่อก๊ก

แก้

ในปี ค.ศ. 279 หลังจักรพรรดิสุมาเอี๋ยนทรงยอมรับคำทูลแนะนำขององโยยและเตาอี้ ในที่สุดราชวงศ์จิ้นก็เปิดฉากการโจมตีครั้งใหญ่เพื่อพิชิตง่อก๊ก การโจมตีแบ่งเป็น 6 ทาง ทัพในแต่ละทางนำโดยสุมาเตี้ยม (司馬伷 ซือหม่า โจ้ว) พระปิตุลา (อา) ของจักรพรรดิสุมาเอี๋ยน, อองหุย (王渾 หวาง หุน), อ๋องหยง (王戎 หวาง หรง), เฮาหุน (胡奮 หู เฟิ่น), เตาอี้ และองโยย โดยทัพใหญ่ที่สุดอยู่ใต้การบัญชาการของอองหุยและองโยย ทัพราชวงศ์จิ้นแต่ละทัพเคลื่อนพลอย่างรวดเร็วและยึดได้เมืองชายแดนหลายเมือง ส่วนกองเรือขององโยยแล่นไปทางตะวันออกลงไปตามแม่น้ำแยงซีและขจัดกองเรือของง่อก๊กในแม่น้ำ เตี๋ยวเค้า (張悌 จาง ที่) อัครมหาเสนาบดีแห่งง่อก๊กพยายามครั้งสุดท้ายเพื่อเอาชนะทัพของอองหุย แต่พ่ายแพ้และถูกสังหาร อองหุย องโยย และสุมาเตี้ยมต่างยกทัพมุ่งหน้าไปเกี๋ยนเงียบ ซุนโฮทรงจำต้องยอมจำนนในเดือนพฤษภาคม ค.ศ 280

ซุนโฮและพระราชวงศ์ถูกพาตัวไปลกเอี๋ยงนครหลวงของราชวงศ์จิ้น ซุนโฮซึ่งเวลานั้นเป็นเชลยทรงลดเกียรติของพระองค์เองด้วยการนำโคลนมาทาพระวรกายและมัดพระหัตถ์ของพระองค์ไว้ที่พระปฤษฎางค์ (หลัง) สุมาเอี๋ยนทรงแก้มัดให้ซุนโฮและให้ซุนโฮประทับนั่งถัดจากพระองค์ในการประชุมขุนนางครั้งถัดไป สุมาเอี๋ยนตรัสว่า "ข้าเตรียมที่นั่งให้ท่านเป็นเวลาช้านานแล้ว" ซุนโฮตรัสตอบว่า "กระหม่อมก็เตรียมพระที่นั่งให้ฝ่าบาทให้เกี๋ยนเงียบไว้แล้ว" เมื่อกาอุ้นขุนนางราชวงศ์จิ้นพยายามทำให้ซุนโฮอับอายโดยถามว่า "ข้าได้ยินว่าท่านลงโทษอย่างโหดเหี้ยมโดยการควักลูกตาและถลกหนังหน้าคน การลงโทษเช่นนี้คืออะไรกัน" ซุนโฮตรัสตอบว่า "หากผู้ใต้บังคับบัญชาวางแผนจะปลงพระชนม์จักรพรรดิหรือวางแผนจะคิดคด ข้าก็จะใช้การลงโทษเช่นนั้นกับคนนั้น ๆ" กาอุ้นที่เคยมีส่วนสำคัญในการทำให้โจมอจักรพรรดิวุยก๊กสวรรคต ก็กลับเป็นฝ่ายอับอายและไม่ได้โต้ตอบใด ๆ

สุมาเอี๋ยนทรงนิรโทษกรรมให้ซุนโฮและยังทรงพระราชทานฐานันดรศักดิ์ให้ซุนโฮเป็น "อุ้ยเบ้งเฮา" (歸命侯 กุยมิ่งโหว; มีความหมายว่า "โหวผู้จำนนต่อชะตากรรม") ในวันที่ 9 กรกฎาคม ค.ศ. 280[k] เหล่าบุตรชายของซุนโฮได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยในราชสำนักราชวงศ์จิ้น ซุนโฮถึงแก่กรรมเมื่อต้นปี ค.ศ. 284

พระราชวงศ์

แก้

ดูเพิ่ม

แก้

หมายเหตุ

แก้
  1. บทชีวประวัติซุนโฮในสามก๊กจี่บันทึกว่าซุนโฮทรงยอมจำนนในวันเหรินเชิน (壬申) ในเดือน 3 ของศักราชเทียนจี้ (天紀) ปีที่ 4 ในรัชสมัยของพระองค์[2] ข้อมูลนี้ผิดพลาดเพราะไม่มีวันเหรินเชินในเดือนนั้น จือจื้อทงเจี้ยนบันทึกว่าเป็นวันเหรินอิ๋น (壬寅) ในเดือน 3 ของศักราชไท่คาง (太康) ปีที่ 1 ในรัชสมัยของสุมาเอี๋ยน[3] วันที่นี้เทียบได้กับวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 280 ในปฏิทินกริกอเรียน
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 อู๋ลู่ (吳錄) บันทึกว่าซุนโฮถึงแก่กรรมในเดือน 12 ของศักราชไท่คาง (太康) ปีที่ 4 ในรัชสมัยของสุมาเอี๋ยน ขณะมีอายุ 42 ปี (ตามการนับอายุแบบเอเชียตะวันออก) ศพได้รับการฝังในอำเภอเหอหนาน[4] เดือน 12 ของศักราชไท่คางปีที่ 4 เทียบได้กับช่วงเวลาระหว่างวันที่ 5 มกราคมถึง 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 284 ในปฏิทินจูเลียน
  3. 3.0 3.1 3.2 สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เรียกชื่อซุน เฮ่าที่เป็นพระบิดาของซุนโฮ (ซุน เฮ่า) ด้วยชื่อว่า "ซุนโฮ" เช่นเดียวกับพระโอรส[6]
  4. บทชีวประวัติซุนกวนในสามก๊กจี่ระบุว่าซุนโฮ (ซุน เหอ) ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทในเดือย 1 ของศักราชชื่ออู (赤烏) ปีที่ 5 ในรัชสมัยของซุนกวน เทียบได้กับช่วงเวลาระหว่างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ถึง 18 มีนาคม ค.ศ. 242 ในปฏิทินจูเลียน[7]
  5. บทชีวประวัติของซุนกวนในสามก๊กจี่ระบุว่าซุนเต๋งสิ้นพระชนม์ในเดือน 5 ของศักราชชื่ออู (赤烏) ปีที่ 4 ในรัชสมัยของซุนกวน เทียบได้กับช่วงเวลาระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคมถึง 25 มิถุนายน ค.ศ. 241 ในปฏิทินกริกอเรียน[8]
  6. เป็นคนละคนกับซุนจุ๋น (孫峻 ซุน จฺวิ้น) ที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
  7. บทชีวประวัติซุนฮิวในสามก๊กจี่บันทึกว่าซุนฮิวทรงแต่งตั้งซุนโฮและเหล่าพระอนุชาให้มีฐานันดรศักดิ์โหวในวันจี๋โฉ่ว (己丑) ในเดือน 10 ของศักราชหย่งอาน (永安) ปีที 1 เทียบได้กับวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 258 ในปฏิทินจูเลียน[9]
  8. ซุนเกี๋ยนผู้เป็นพระอัยกา (ปู่) ของซุนฮิวและเป็นพระปัยกา (ปู่ทวด) ของซุนโฮเคยดำรงบรรดาศักดิ์ชื่อเดียวกันนี้ในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก
  9. บทชีวประวัติซุนฮิวในสามก๊กจี่บันทึกว่าซุนฮิวสวรรคตในวันกุ่ยเว่ย์ (癸未) ในเดือนที่ 7 ของศักราชหย่งอาน (永安) ปีที่ 7 ในรัชสมัยของพระองค์[11] เทียบได้กับวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 264 ในปฏิทินกริกอเรียน
  10. ชื่อชัวซิน-ยฺหวี่ (世說新語) บันทึกเกร็ดประวัติศาสตร์เรื่องที่ครั้งหนึ่งจักรพรรดิจิ้น-ยฺเหวียนตี้ (晉元帝) เคยตรัสถามเฮ่อ สฺวิน (賀循; บุตรชายของเฮ่อ เช่า) ซึ่งเวลานั้นดำรงตำแหน่งเสนาบดีโยธาธิการ (司空 ซือคง) เกี่ยวกับตัวตนของคนในตระกูลที่ถูกซุนโฮทรงสั่งตัดศีรษะ ระหว่างที่เฮ่อ สฺวินยังคงนิ่งเงียบอยู่ จักรพรรดิจิ้น-ยฺเหวียนตี้ก็ทรงระลึกได้ว่าคนผู้นั้นคือเฮ่อ เช่า จากนั้นเฮ่า สฺวินจึงทูลขอโทษที่ไม่ได้ทูลตอบคำถามของจักรพรรดิเนื่องจากความเจ็บปวดอย่างใหญ่หลวงและความอยุติธรรมของการเสียชีวิตของบิดา จักรพรรดิจิ้น-ยฺเหวียนตี้ทรงละอายพระทัยมากจนไม่เสด็จออกเป็นเวลา 3 วัน[12]
  11. วันซินไฮ่ (辛亥) ในเดือน 5 ของศักราชไท่คาง (太康) ปีที่ 1 ตามที่ระบุในบทพระราชประวัติสุมาเอี๋ยนในจิ้นชู

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 ("ขณะนั้นพระเจ้าสุมาเอี๋ยนจึงตั้งให้พระเจ้าซุนโฮเปนที่อุ้ยเบ้งเฮา") "สามก๊ก ตอนที่ ๘๗". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ April 21, 2025.
  2. ([天紀四年三月]壬申,王濬最先到,於是受皓之降,解縛焚櫬,延請相見。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
  3. Sima (1084), vol. 81.
  4. (吳錄曰:皓以[太康]四年十二月死,時年四十二,葬河南縣界。) อรรถาธิบายจากอู๋ลู่ในสามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
  5. "สามก๊ก ตอนที่ ๘๗". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ March 3, 2025.
  6. ("ฝ่ายพระเจ้าซุนกวนอยู่ณเมืองกังตั๋ง ตั้งให้ซุนเต๋งบุตรนางซีฮูหยิน เปนไทจู๋ ครั้นซุนเต๋งตายแล้วตั้งซุนโฮบุตรนางฮองฮูหยินเปนที่ไทจู๋ อยู่นานมาซุนโฮวิวาทกับนางกิมก๋งจู๋ผู้เปนพี่สาว นางกิมก๋งจู๋จึงเข้าไปทูลยุยงบิดาให้โกรธถอดซุนโฮเสียจากที ซุนโฮได้ความแค้นเคืองเจ็บอายก็ตรอมใจเปนไข้ตาย") "สามก๊ก ตอนที่ ๘๐". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ March 3, 2025.
  7. ([赤烏]五年春正月,立子和為太子, ...) สามก๊กจี่ เล่มที่ 47.
  8. ([赤烏四年]五月,太子登卒。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 47.
  9. [(永安元年冬十月)己丑,封孙皓为乌程侯,皓弟德钱唐侯,谦永安侯。] สามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
  10. (左典军万彧昔为乌程令,与皓相善,称皓才识明断) สามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
  11. ([永安七年七月]癸未,休薨,時年三十, ...) สามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
  12. (元皇初见贺司空,言及吴时事,问:“孙皓烧锯截一贺头,是谁?”司空未得言,元皇自忆曰:“是贺劭。” 司空流涕曰:“臣父遭遇无道,创巨痛深,无以仰答明诏。” 元皇愧惭,三日不出。) ชื่อชัวซิน-ยฺหวี่ เล่มที่ 34.

บรรณานุกรม

แก้


ก่อนหน้า ซุนโฮ (ซุน เฮ่า) ถัดไป
ซุนฮิว   จักรพรรดิจีน
ง่อก๊ก

(ค.ศ. 264 – 280)
  ง่อก๊กล่มสลาย
สุมาเอี๋ยน
ราชวงศ์จิ้นตะวันตก