กองกำลังพิทักษ์ประชาชน (พม่า)

ฝ่ายติดอาวุธของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติพม่า

กองกำลังพิทักษ์ประชาชน[22][23] (อังกฤษ: People's Defence Force: PDF[a]) เป็นกองกำลังติดอาวุธของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government: NUG) ในประเทศพม่า ฝ่ายติดอาวุธนี้ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติจากเยาวชนและนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เพื่อตอบโต้การรัฐประหารที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ซึ่งทำให้รัฐบาลทหารและฝ่ายติดอาวุธคือกองทัพพม่าเข้ามามีอำนาจ[24] เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 รัฐบาลทหารได้กำหนดให้กลุ่มนี้เป็นองค์กรก่อการร้าย[25] ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 กระทรวงกลาโหมของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติประกาศว่าได้จัดตั้งคณะกรรมการกลางเพื่อประสานงานปฏิบัติการทางทหารทั่วประเทศ[26]

กองกำลังพิทักษ์ประชาชน
ပြည်သူ့ကာကွယ်ရေးတပ်မတော်
รู้จักในชื่อPDF
ผู้ก่อตั้งหยี่ มูน
ก่อตั้ง5 พฤษภาคม 2564 (2564-05-05)
ปีที่ปฏิบัติการ5 พฤษภาคม พ.ศ. 2021 (2021-05-05) – ปัจจุบัน
ประเทศพม่า
ภักดีต่อ รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติพม่า
กลุ่มปฏิบัติการ
  • กองกำลังพิทักษ์ประชาชน, มัณฑะเลย์
  • กองกำลังพิทักษ์ประชาชน, พะโค[1]
  • กองกำลังพิทักษ์ประชาชน, ซะไกง์[2]
  • กองกำลังพิทักษ์ประชาชนนาคา
  • กองกำลังพิทักษ์ประชาชน, มะกเว[2]
  • กองกำลังพิทักษ์ประชาชน, ย่างกุ้ง[3]
  • กองกำลังพิทักษ์ประชาชน, เนปยีดอ[4]
  • กองกำลังพิทักษ์ประชาชน, ภูมิภาคกะชีน
  • กองกำลังพิทักษ์ประชาชน, กะเล่
  • กองกำลังปกป้องดินแดนชีน (CDF)
  • กองกำลังป้องกันแห่งชาติชีน (CNDF)
  • กองกำลังป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยงแดง (KNDF)
  • กองกำลังพิทักษ์ประชาชนกะเหรี่ยงแดง (KPDF)[5]
  • สหภาพปฏิวัติชนชาติกะเหรี่ยง (KRU)
  • กองกำลังป้องกันตนเองยอว์ (YDF)[6]
  • กองกำลังป้องกันอะโชชีน (ACDF)
  • กองกำลังป้องกันเมียนมา (MDF)
  • กองกำลังป้องกันแห่งชาติเมียนมา (MNDF)
  • เมียนมารอยัลดรากอนอาร์มี
  • แนวร่วมประชาธิปไตยปลดปล่อยพม่า (BLDF)
  • กองทัพปฏิวัติแห่งชาติพม่า
  • แนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติ
  • แนวร่วมปลดปล่อยสหภาพ
  • พันธมิตรปฏิวัติประชาชน[7]
  • กองทัพนักศึกษา
  • กองกำลังปฏิวัติเพื่อรัฐมอญ
  • กองบินสหพันธ์[8]
  • กองกำลังพิทักษ์ประชาชนท้องถิ่นอื่น ๆ อีกมากมาย[9]
ภูมิภาคปฏิบัติการพม่า
แนวคิดระบอบประชาธิปไตยแบบสหพันธ์
ขนาด100,000 คน (ประมาณการเดือนกุมภาพันธ์ 2567)[10]
ส่วนหนึ่งของกระทรวงกลาโหม, รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ
พันธมิตร
ฝ่ายตรงข้าม พม่า (สภาบริหารแห่งรัฐ)
การต่อสู้และสงครามความขัดแย้งภายในพม่า
เว็บไซต์mod.nugmyanmar.org/en/peoples-defence-force/

ตามคำแถลงของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ กองกำลังพิทักษ์ประชาชนแบ่งออกเป็น 5 กองบัญชาการระดับภูมิภาค (กองบัญชาการภาคเหนือ, ภาคใต้, ภาคกลาง, ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก[27]) แต่ละกองบัญชาการมีอย่างน้อย 3 กองพลน้อย แต่ละกองพลน้อยประกอบด้วย 5 กองพัน ซึ่งแบ่งออกเป็นกองพันละ 4 กองร้อย[28] เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 รัฐมนตรีกลาโหมของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หยี่ มูน กล่าวว่ากำลังของกองทหารอาสาที่จัดตั้งขึ้นใหม่คาดว่าจะมีกำลังพลถึง 8,000 นาย ภายในสิ้นเดือนนี้[29] การประมาณการโดย สำนักข่าวดิอิรวดี ระบุว่าตัวเลขของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนอยู่ที่ 65,000 นาย ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565[30] การประมาณการล่าสุดระบุว่าความแข็งแกร่งของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนอยู่ที่ 100,000 นาย แม้ว่าเชื่อกันว่าไม่ใช่ทุกคนที่ติดอาวุธครบมือและได้รับการฝึกฝนก็ตาม[31] ผู้นำของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนเชื่อในการใช้ยุทธวิธีการสงครามกองโจรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย[32]

ประวัติ แก้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หยี่ มูน ประกาศเมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2564 ว่า รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติจะจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธที่จะร่วมมือกับองค์กรติดอาวุธชาติพันธุ์ต่าง ๆ[33] เพื่อเริ่มการปฏิวัติด้วยอาวุธต่อต้านรัฐบาลทหาร[34] เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติได้ประกาศจัดตั้งกองกำลังพิทักษ์ประชาชนในฐานะ "ผู้บุกเบิกของกองทัพรัฐบาลกลาง" นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่ากองกำลังพิทักษ์ประชาชนจัดตั้งขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ[35] เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติได้เผยแพร่วิดีโอพิธีสำเร็จการศึกษาของกองกำลังพิทักษ์ประชาชน โดยประกาศว่าฝ่ายติดอาวุธพร้อมที่จะท้าทายกองกำลังของรัฐบาลทหาร[36] เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติได้ประกาศเปิดตัว "สงครามพิทักษ์ประชาชน" ต่อรัฐบาลเผด็จการทหาร พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนลุกฮือต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารในทุกมุมของประเทศ[37]

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 ดู่หว่า ละชี ละ รักษาการประธานรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติได้กล่าวสุนทรพจน์ในวันครบรอบหนึ่งปีของสงครามพิทักษ์ เขาระบุว่ากองกำลังพิทักษ์ประชาชนมีผู้เสียชีวิต 1,500 นาย ภายในหนึ่งปีหลังการประกาศ และรัฐบาลทหารกำลังสูญเสียการควบคุมดินแดน[38] รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติยังระบุด้วยว่าปี พ.ศ. 2566 จะเป็นปีที่สำคัญ เนื่องจากพวกเขาจะ "สิ้นสุดการปฏิวัติได้สำเร็จในปีนั้น และจะมีการเปิดสมรภูมิทั้ง 6 แนวเพื่อทำเช่นนั้น"[39]

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 เป็นต้นมา มีรายงานว่ากองกำลังพิทักษ์ประชาชนในพื้นที่วางแผนที่จะดำเนินการโจมตีร่วมกันตาม "ระยะที่ 2 ของแผนหนึ่งปีรัฐบาลเอกภาพฯ"[40] เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติได้ระบุว่ามีการจัดตั้งกองพันและรูปขบวนรบประมาณ 300 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงกองกำลังพิทักษ์ประชาชนท้องถิ่นใน 250 เมือง ดู่หว่า ละชี ละ ยังระบุด้วยว่าความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนนั้น "ตอนนี้ยิ่งใหญ่กว่าของระบอบการปกครองปัจจุนแล้ว" และทหารของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนก็จำเป็นต้องมียุทโธปกรณ์เพื่อป้องกันการโจมตีทางอากาศของรัฐบาล[41] เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2566 รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติได้ประกาศจัดตั้งกองพันที่ 5101 ซึ่งเป็นกองพันทหารแห่งแรกที่ตั้งอยู่ในเขตย่างกุ้ง[42]

การปะทะที่ภาคย่างกุ้ง แก้

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2021 กองกำลังพิทักษ์ประชาชนได้ซุ่มโจมตีตำรวจติดอาวุธหนัก 6 นาย ที่กำลังเดินทางไปตามทางรถไฟวงแหวนย่างกุ้ง ทำให้ตำรวจ 5 นายเสียชีวิต ส่วนอีกนายได้รับบาดเจ็บแต่รอดชีวิตมาได้ โดยสามารถยึดปืนเล็กยาวอัตโนมัติจำนวน 4 กระบอก[43]

การปะทะที่รัฐฉาน แก้

กองกำลังพิทักษ์ประชาชนปะทะกับกองทัพพม่าในหมู่เจ้ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 และสามารถสังหารสมาชิกกองกำลังความมั่นคงของพม่าอย่างน้อย 13 นาย[44] ในการปะทะกันอีกครั้งเกิดขึ้นในเมืองโมบีล ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 20 นาย[45] เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2567 กองทัพพม่าและกองทัพแห่งชาติปะโอ (PNA) พยายามยึดอาวุธของกองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติปะโอ (PNLA)[46] ไม่กี่วันต่อมา เกิดเหตุเพลิงไหม้ในเมืองโฮปอง เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2567 กองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติปะโอ, กองกำลังพิทักษ์ประชาชนในพื้นที่ และกองกำลังป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยงแดง (KNDF) โจมตีเมืองสี่แส่ง ที่อยู่ภายใต้การควบคุมขององค์กรแห่งชาติปะโอและรัฐบาลทหาร กองทัพพม่าตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศและการยิงปืนใหญ่ กองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติปะโอตอบโต้พร้อมด้วยกองกำลังป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยงแดง และกองกำลังพิทักษ์ประชาชนในพื้นที่ และโจมตีเมืองสี่แส่ง รัฐฉาน ซึ่งในที่สุดก็สามารถยึดพื้นที่ได้ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2567

การปะทะที่รัฐชีน แก้

รัฐชีนมองเห็นการต่อต้านด้วยอาวุธที่เก่าแก่ที่สุดบางส่วน มีการรายงานการปะทะครั้งแรกในปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2564 ชนเผ่าชีนได้โจมตีทหารของกองทัพพม่าจนได้รับบาดเจ็บโดยใช้ปืนทูมิแบบดั้งเดิม ในช่วงต้นเดือนเมษายน พ.ศ. 2564 กองกำลังปกป้องดินแดนชีน (CDF) ได้ก่อตั้งขึ้น กองทัพพม่าได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปะทะกับกองกำลังปกป้องดินแดนชีนสาขามินดัตในช่วงปลายเดือนเมษายนและพฤษภาคม พ.ศ. 2564 กองกำลังปกป้องดินแดนชีนสาขามินดัตยึดครองเมืองได้ในช่วงสั้น ๆ แต่ถูกบังคับให้ถอนกำลังเนื่องจากกองทัพพม่าได้ใช้พลเรือนเป็นโล่กำบัง[47][48]

กองกำลังแห่งชาติชีน เป็นองค์การติดอาวุธชีนที่มีสาขาอยู่ตามเมืองต่างๆ ของกองกำลังปกป้องดินแดนชีน และกองกำลังป้องกันแห่งชาติชีน (องค์กรติดอาวุธชีนที่ก่อตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร) มารวมตัวกันเพื่อจัดตั้งองค์กรประสานงานการป้องกันร่วมที่เรียกว่า คณะกรรมการกลาโหมร่วมดินแดนชีน (Chinland Joint Defense Committee: CJDC)[49] กำลังพลร่วมที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ CJDC อยู่ที่ประมาณ 13,000 นาย ตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงตุลาคม พ.ศ. 2564 มีรายงานว่ามีการปะทะกันอย่างน้อย 40 ครั้งระหว่างกองกำลังทหารเผด็จการทหารและกองกำลังปกป้องดินแดนชีน[50] คณะกรรมการกลาโหมร่วมดินแดนชีนอ้างว่าทหารพม่าอย่างน้อย 1,029 นายถูกสังหารระหว่างการปะทะ และสูญเสียทหารของตนไป 58 นายในปี 2564[51]

การปะทะที่กลุ่มรัฐกะเหรี่ยงแดง แก้

กองกำลังพิทักษ์ประชาชนสาขากระเหรี่ยงแดงเปิดการโจมตีในเมืองดีมอโซและบอละแค สังหารทหารและตำรวจของกองทัพพม่าอย่างน้อย 20 นาย และเผากองรักษาด่าน 3 แห่งเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2564[5] โดยกองทัพพม่าตอบโต้ด้วยการยิงทำลายพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชน[52]

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 กองกำลังป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยงแดง (KNDF) ก่อตั้งขึ้นโดยการรวมกลุ่มกองกำลังพิทักษ์ประชาชนที่กระจัดกระจายในรัฐกะเหรี่ยงแดงและองค์กรติดอาวุธชาติพันธุ์ในท้องถิ่นบางองค์การ โดยมีองค์การหลักคือพรรคก้าวหน้าแห่งชาติกะเหรี่ยงแดง[53]

การปะทะที่ซะไกง์ แก้

กองกำลังพิทักษ์ประชาชนพร้อมด้วยกองทัพเอกราชกะชีน (KIA) เริ่มโจมตีฐานที่มั่นของกองทัพพม่าในเมืองกะตะ, ซะไกง์ เมื่อประมาณปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564 ส่งผลให้ทหารของรัฐบาลเสียชีวิต 8 นาย และบาดเจ็บ 13 นาย[54] เมื่อวันที่ 24 และ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2564 กองกำลังพิทักษ์ประชาชนและกองทัพเอกราชกะชีน (KIA) ร่วมกันปะทะกับกองทัพพม่า มีรายงานว่าสามารถสังหารทหารฝ่ายรัฐบาลอย่างน้อย 44 นาย[55]

เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2565 กองกำลังผสมร่วมระหว่างกองกำลังพิทักษ์ประชาชนและแนวร่วมประชาธิปไตยของมวลนักศึกษาพม่า (ABSDF) ได้โจมตีเรืรบของพม่าสองลำที่เข้าใกล้กะธาจากชเวกูโดยใช้เครื่องยิงระเบิดที่ขับเคลื่อนด้วยจรวด การเผชิญหน้าครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่แนวร่วมประชาธิปไตยของมวลนักศึกษาพม่าได้ปะทะกับกองทัพพม่านับตั้งแต่เริ่มรัฐประหาร โดยเข้าสู่สงครามต่อต้านรัฐบาล และร่วมอยู่กับกองกำลังพิทักษ์ประชาชนอย่างเปิดเผย[56]

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 กองกำลังพิทักษ์ประชาชนในพื้นที่ได้ยิงเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพพม่ารุ่น มิล เอ็มไอ-17 ตกระหว่างการปะทะที่ชเวเปียเย, เมืองโฮมาลิน[57] เมื่อวันที่ 8 และ 9 กุมภาพันธ์ กลุ่มพันธมิตรของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนในพื้นที่ ภายใต้การนำของกระทรวงกลาโหมของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ได้เปิดฉากการโจมตี "เป้าหมายทางทหาร 15 เป้าหมายในภูมิภาค" ส่งผลให้ทหารของรัฐบาลเสียชีวิต 44 ราย และบาดเจ็บ 8 นาย ในระหว่างการโจมตี ทหารของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนเสียชีวิต 2 นายและได้รับบาดเจ็บ 13 นาย[58]

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2566 กองกำลังโจมตีชินดวิน (CAF) ได้โจมตีศูนย์บัญชาการใหญ่ของกองบัญชาการตะวันตกเฉียงเหนือในเมืองโมนยวา โดยมีรายงานว่าผู้นำรัฐบาลเผด็จการมี่นอองไลง์ กำลังเยี่ยมชมสถานที่ดังกล่าว กระสุนปืนครกห้าในแปดลูกระเบิดที่ประตูด่าน และมีการกล่าวหาว่าทหารของรัฐบาลได้ตอบโต้ด้วยระเบิดเคมี[59][60]

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 กองกำลังพิทักษ์ประชาชนและกองทัพเอกราชกะชีน (KIA) เปิดฉากการรุกคืบในเมืองเกาลิน การรุกคืบใช้เวลาสี่วัน จบลงด้วยการที่กองกำลังทหารฝ่ายป้องกันเมืองดังกล่าวยอมจำนนพร้อมธงขาว เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติได้ประกาศว่าสามารถยึดเมืองได้และได้โพสต์ภาพธงของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนกำลังชักไปที่ศาลาว่าการเมืองเกาลิน นี่เป็นเมืองระดับเขตเมืองแรกที่กองกำลังพิทักษ์ประชาชนสามารถยึดครองได้[61][62]

ในตอนเย็นของวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 กองทัพพม่าเริ่มเปิดฉากรุกจากทางเหนือและทางใต้ของเกาลินเพื่อยึดเมืองกลับคืนมา มีรายงานว่ากองทัพพม่ายังใช้ปืนใหญ่วิถีโค้งและการสนับสนุนทางอากาศในระหว่างการรุกคืบด้วย ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ กองทหารกองกำลังพิทักษ์ประชาชนจำเป็นต้องล่าถอยและรัฐบาลทหารสามารถยึดเมืองคืนได้[63]

การปะทะที่มัณฑะเลย์ แก้

ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 กองกำลังพิทักษ์ประชาชนได้เพิ่มกิจกรรมมากขึ้นทั่วเขตมัณฑะเลย์ โดยมีรายงานการปะทะกันอย่างรุนแรงกับกองกำลังความมั่นคงที่สนับสนุนรัฐบาลทหารหลายครั้งในเมืองมัณฑะเลย์และเมืองโดยรอบ

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน เครื่องบินรบของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนได้ยิงทหาร 2 นาย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 นาย นอกโรงเรียนมัธยมที่ถูกบังคับให้เปิดอีกครั้งโดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลเผด็จการทหาร แม้ว่าจะมีการคว่ำบาตรโรงเรียนของรัฐบาลทั่วประเทศก็ตาม โบ นัด คัท ผู้นำกลุ่มของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนในเมืองมัณฑะเลย์ ยังออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดใน 5 เมืองเมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลทหารเรียกการโจมตีของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนว่าเป็นการก่อการร้าย[64]

ในเมืองปาเติงยีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ทหารของกองกำลังพิทักษ์ประชาชน 3 นายได้ขับยานพาหนะพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนบนรถมอเตอร์ไซค์ ก่อนที่จะยิงและสังหารพวกเขา กองกำลังพิทักษ์ประชาชนอ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตี ซึ่งได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตย[64]

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน กองกำลังทหารพม่าในรถหุ้มเกราะได้บุกโจมตีฐานของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนในเมืองจันมยาตาซี ส่งผลให้ทหารของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนเสียชีวิต 2 นายและถูกจับกุม 6 นาย ตามข้อมูลของกองกำลังพิทักษ์ประชาชน[65] แหล่งข่าวของกองทัพพม่าอ้างว่าทหารของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนถูกสังหาร 4 นายและถูกจับกุม 8 นาย ขณะที่กองกำลังรักษาความปลอดภัยบางส่วนได้รับบาดเจ็บ[66] ต่อมาในวันนั้น โฆษกของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนสาขามัณฑะเลย์ประกาศว่า กลุ่มได้ "ประกาศสงคราม" กับรัฐบาลเผด็จการทหาร[67]

เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2566 กระทรวงกลาโหม รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ระบุว่าการปะทะกันระหว่างกองกำลังพิทักษ์ประชาชนสาขามัณฑะเลย์กับรัฐบาลทหารเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 5 ถึง 22 เมษายน การปะทะเหล่านี้เกิดขึ้นที่เมืองปยีนอู้ลวีนและนองเกียว และส่งผลให้ทหารของรัฐบาลประมาณ 100 นายเสียชีวิต และทหารของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนเสียชีวิต 11 นาย[68]

กิจกรรมอื่น ๆ แก้

ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 กองกำลังผสมของห้ากลุ่มติดอาวุธ กลุ่มแยกจากกองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA), กองกำลังพิทักษ์ประชาชน, กลุ่มสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง/สภาสันติภาพแห่งกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KPC), องค์การป้องกันชาติกะเหรี่ยง (KNDO) และกลุ่มแยกส่วนกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (BGF) ปะทะกับกองทัพพม่าและกลุ่มหลักของกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยงในหมู่บ้านพลู, รัฐกะเหรี่ยง[69] พลจัตวาซอ จอ เตต ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกลุ่มแยกจาก DKBA กล่าวว่ากลุ่มติดอาวุธทั้งห้ากลุ่มกำลังประสานความร่วมมือกันทั่วทั้งรัฐกะเหรี่ยง[69]

ชาวบ้านจากหมู่บ้านกินมา ภาคมะกเว รายงานเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ว่ากองกำลังพิทักษ์ประชาชนได้ปะทะกับกองกำลังรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้าน[70] หลังจากเหตุการณ์นี้ กองกำลังกองทัพพม่าได้เผาหมู่บ้าน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยสองคน[70] กองกำลังพิทักษ์ประชาชนซึ่งเป็นพันธมิตรกับตาน-พยูซะยะ ได้ร่วมกันทำลายอาคารโทรคมนาคมของมายเทลที่รัฐบาลทหารเป็นเจ้าของ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองตาน-พยูซะยะเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม[71]

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ในบทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่โดย อิรวดีมีเดีย[72] มีเนื้อหาว่า “หากการต่อต้านของประชาชนในช่วง 6 เดือนสุดท้าย ถือเป็นช่วงแรกของการปฏิวัติ ในขั้นตอนนี้ สหายกองกำลังพิทักษ์ประชาชนจะมีส่วนร่วมในสงครามกองโจร” เขากล่าว “พวกเขาสามารถปฏิบัติการสงครามได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาสามารถทำลายกองกำลังศัตรูได้ทุกวัน ตอนนี้กองกำลังพิทักษ์ประชาชนของเราได้เข้าควบคุมพื้นที่ชนบทหลายแห่งแล้ว”

ในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2566 ในระหว่างพิธีวันกองทัพพม่า กองกำลังปฏิวัติย่างกุ้งได้ทำพิธีสาปแช่งโดยใช้การตัดศีรษะของมิน ออง หล่าย กองกำลังปฏิวัติย่างกุ้งกล่าวว่าพวกเขาทำพิธีกรรมนี้เพื่อ "รัฐบาลจะต้องทนทุกข์ทรมานจากสิ่งที่พวกเขาทำกับพลเรือนทางตอนเหนือของเมียนมาร์ และพวกเขาจะต้องถึงจุดจบอย่างรวดเร็ว"[73]

เมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2566 ท่ามกลางการปะทะกันระหว่างกองกำลังพิทักษ์ประชาชนสาขามัณฑะเลย์และกองทัพพม่า ทหารกองกำลังพิทักษ์ประชาชนได้เดินทางผ่านเมืองโป่งซายาดอว์ซึ่งอยู่ระหว่างทางไปเมืองมิเนลอน ทหารกองกำลังพิทักษ์ประชาชนได้หยุดยิง และมีรายงานว่าพระสงฆ์ได้มอบเครื่องรางให้พวกเขา เมื่อวันที่ 22 เมษายน กองกำลังพิทักษ์ประชาชนสาขามัณฑะเลย์ได้เผยแพร่ภาพวิดีโอของการพบกันดังกล่าวและระบุว่าพวกเขาได้นิมนต์และพาพลเรือนดังกล่าวไปยังที่ปลอดภัยแล้ว[74]

ในเช้าวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2567 มีการชักธงของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนที่ถนน วงแหวนรอบสวนสาธารณะกานดอจี้ ในเมืองปยีนอู้ลวีน ผู้บังคับการท้องถิ่นคนหนึ่งถูกรัฐบาลทหารเรียกตัวและมีรายงานว่าเขาถูกลงโทษจากเหตุการณ์นี้ การรักษาความปลอดภัยในเมืองปยีนอู้ลวีนทวีความเข้มข้นมากขึ้น เนื่องจากกองกำลังพิทักษ์ประชาชนได้วางแผนที่จะเปิดฉากการโจมตีในเมืองนี้ และยังมีสถาบันการศึกษาทางทหารอยู่ในเมืองนี้ด้วย เช่น สถาบันป้องกันประเทศกลาโหม (DSA) และ สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม (DSTA)[75]

โครงสร้าง แก้

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 กระทรวงกลาโหมได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์สงครามป้องกันประเทศ รายงานยังให้รายละเอียดบางประการเกี่ยวกับโครงสร้างของกองกำลังพิทักษ์ประชาชน[76] สภาความมั่นคงและกลาโหมประชาชน (ပြည်သူ့လုံခြုံရေးနှင့် ကာကွယ်ရေးကောင်စီ) มีอำนาจสูงสุดในการกลาโหมของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติซึ่งนำโดยประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรี

กองบัญชาการภูมิภาค แก้

เดิมทีกองกำลังพิทักษ์ประชาชนตั้งใจจะแบ่งออกเป็น 5 กองบัญชาการระดับภูมิภาค แต่กระทรวงได้ปรับใหม่เป็น 3 กองบัญชาการ คือ กองบัญชาการภาคเหนือ, ภาคกลาง และภาคใต้ โครงสร้างที่กำหนดไว้ของการบัญชาการระดับภูมิภาคมีดังนี้:[28]

กองบัญชาการภูมิภาค (กองพล)

ภูมิภาคทหาร แก้

กระทรวงกลาโหม พร้อมกับกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ (Ethnic Armed Organizations: EAO) ที่เป็นพันธมิตรกันยังได้จัดตั้งภูมิภาคทหาร 3 แห่ง (စစ်ဒေသ)[76]

ปัจจุบันภูมิภาคทหารที่ 2 และ 3 ได้รวมกันเป็นภูมิภาคทหารภาคใต้และนำโดยกระทรวงและกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์สองแห่ง

การแปรพักตร์ของกองทัพพม่า แก้

กองทัพพม่าเผชิญกับการแปรพักตร์เข้ากับขบวนการอารยะขัดขืน (Civil Disobedience Movement: CDM) และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) เพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่การรัฐประหาร[77] รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติและกองกำลังพิทักษ์ประชาชนได้เปิดตัวแคมเปญโฆษณาชวนเชื่อและสงครามจิตวิทยา[77] โดยทั่วไปผู้แปรพักตร์ของกองทัพพม่าจะต้องเผชิญกับโทษประหารชีวิต และโทษจำคุกตลอดชีวิต[78]

ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564 มีการจัดตั้งกองกำลังกองโจรทันเดอร์ (Thunder Guerrilla Force: TGF) และกล่าวว่ากองกำลังติดอาวุธนำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่วมกับขบวนการอารยะขัดขืน และบุคลการของกองทัพพม่า ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2566 ได้จัดตั้งกองพันกองกำลังกองโจรทันเดอร์ 4 กองพัน[79]

ภายในเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 จำนวนผู้แปรพักตร์เพิ่มขึ้น โดยเป็นทหาร 1,500 นาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 500 นาย ส่วนใหญ่เป็นพลทหารและจ่า[80][81] โดบุคลากรทหารที่เป็นที่พูดถึงอย่างมากคือ พลจัตวา พโย ตันต์ ซึ่งเป็นผู้นำกองบัญชาการภาคตะวันตกเฉียงเหนือ จนกระทั่งถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 เขาถูกทหารควบคุมตัวหลังจากแผนการแปรพักตร์ของเขาถูกเปิดเผย[82] ทำให้เกิดการต่อต้านด้วยอาวุธจากกองกำลังพิทักษ์ประชาชานในภาคซะไกง์และรัฐชีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองบัญชาการภาคตะวันตกเฉียงเหนือ

ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 จำนวนผู้แปรพักตร์เพิ่มขึ้น โดยเป็นทหารและตำรวจกว่า 16,000 นาย ที่เข้าร่วมขบวนการอารยะขัดขืนของพม่า[83] ซึ่งกว่า 75% ของผู้แปรพักตร์แสดงความเต็มใจที่จะเข้าร่วมกองกำลังพิทักษ์ประชาชน[84][85]

ยุทโธปกรณ์ แก้

กองกำลังพิทักษ์ประชาชนปฏิบัติการโดยใช้การผสมผสานระหว่างอาวุธขนาดเล็กที่ผลิตในประเทศและที่ผลิตจากต่างประเทศ หน่วยย่อยของกองกำลังพิทักษ์ประชาชนจำนวนมากเริ่มใช้ปืนเล็กยาวแบบโบลต์แอคชั่นไปพลางก่อน ในปี พ.ศ. 2565 หน่วยย่อยบางหน่วยใช้ปืนเล็กยาวล่าสัตว์แบบทำเอง[86] ในขณะที่กองกำลังพิทักษ์ประชาชนจำนวนมากไม่มีอาวุธเลย กระทั่งในกลางปี พ.ศ. 2566 พวกเขาได้รับการติดอาวุธด้วยอาวุธปืนที่ดีขึ้นและจำนวนที่มากขึ้น[87] กองพันของกองกำลังจำนวนมากใช้ปืนเล็กยาวจู่โจมที่ยึดมาจากกองทหารในการซุ่มโจมตีและปฏิบัติการร่วมกับองค์กรติดอาวุธชาติพันธุ์ในท้องถิ่น อาวุธที่ถูกยึดประกอบด้วย MK-II (รุ่นของ ไอเอ็มไอ กาลิล ที่ผลิตในท้องถิ่น) และปืนไรเฟิลบุลพัป MK-III กองกำลังพิทักษ์ประชาชนยังใช้ปืนเล็กยาวจู่โจม MA-1/MA-3/MA-4 กับปืนเล็กยาวจู่โจม MA-11 (รุ่นของ เอชเค 33 ที่ผลิตในท้องถิ่น)[87] กองกำลังพิทักษ์ประชาชนอาจจะใช้อาวุธแบบเดียวกับที่ใช้โดยองค์กรติดอาวุธชาติพันธุ์ เช่น กองทัพปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง และกองทัพเอกราชกะชีน ซึ่งรวมถึง เอ็ม 16 รุ่นต่างๆ ปืนเล็กยาวจู่โจมไทป์ 56[87] และรุ่นที่ผลิตในคะฉิ่นคือไทป์ 81 ของจีน ปืนเล็กยาวจู่โจมที่เรียกว่า K-09[88][89] กองกำลังพิทักษ์ประชาชนได้รับอาวุธที่ผลิตในจีนและว้าจำนวนมากจากรัฐว้า[87]

นอกจากนี้ยังมีรายงานการลักลอบขนอาวุธขนาดเล็กหลายรายการซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศไทยด้วย ประกอบด้วยปืน Ultimax, ปืนเล็กยาว AR-15 และ FN FAL หลายแบบ และปืนลูกซอง Derya[87]

ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2565 กองกำลังพิทักษ์ประชาชนได้เปิดตัวการดำเนินการผลิตอาวุธขนาดเล็กของตนเอง โดยเริ่มผลิต FGC-9 PCC จำนวนมากผ่านการพิมพ์ 3 มิติ ซึ่งเป็นปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติที่ทำงานด้วยกระสุนปืนขนาด 9 มม.[90][91] ภายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2565 มีโรงงานที่ผลิตอาวุธพื้นฐานมากกว่า 70 แห่ง[86] องค์กรผู้แปรพักตร์ทางทหารที่รู้จักกันในชื่อทีมผลิตทหารประชาชน (People's Soldiers Production Team: PSPT) เริ่มดำเนินการผลิตอาวุธที่เรียกว่าโครงการ A-1[92] ทีมผลิตทหารประชาชนตั้งเป้าที่จะผลิต M-16, M4A1 และ AK-47 หลายรุ่นในเชิงเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับกระสุน เช่น 5.56×45 มม. เนโท, 7.62x39 มม., 7.62×51 มม. เนโท, 9×19 มม. Parabellum, ตลับกระสุน .22, อาร์พีจี-7, ปืนครกน้ำหนักเบา 60 มม., ระเบิดมือ 40×46 มม. และระเบิดมือ M67[93][94][95][96][97]

ภาพวิดีโอและรายงานเครื่องบินเจ็ตของกองทัพอากาศที่ถูกยิงตกในรัฐกะยาเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ทำให้เกิดการคาดเดาว่ากองกำลังพิทักษ์ประชาชน มีระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบคนเคลื่อนย้ายได้

ดูเพิ่ม แก้

หมายเหตุ แก้

  1. พม่า: ပြည်သူ့ကာကွယ်ရေးတပ်မတော်, อักษรโรมัน: Pyithụ Kakweyēi Tatmadaw, แปลตรงตัว'People's Defense Armed Forces'; อักษรย่อ: PDF

อ้างอิง แก้

  1. "Interview: 'Our Strength is in the People'". Radio Free Asia (RFA). 25 May 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 June 2021. สืบค้นเมื่อ 25 May 2021.
  2. 2.0 2.1 "Sagaing and Magway PDFs launch guerrilla attacks on military columns". Myanmar Now. 12 October 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 November 2021. สืบค้นเมื่อ 27 December 2021.
  3. "Yangon PDF Central Command announces attacks after Kyimyindine crackdown". BNI. 7 December 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 December 2021. สืบค้นเมื่อ 27 December 2021.
  4. "Over 30 Myanmar Junta Forces Killed in Four Days of Resistance Attacks". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 1, 2023. สืบค้นเมื่อ 18 September 2023.
  5. 5.0 5.1 "Karenni resistance fighters open new front against junta". Myanmar Now. 26 May 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 May 2021. สืบค้นเมื่อ 7 July 2021.
  6. "Myanmar Junta Security Minister Admits Defeat Across Region". The Irrawaddy. 25 January 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 January 2022. สืบค้นเมื่อ 29 January 2022.
  7. "Students of war: Myanmar's potent but fractured student movement takes up arms". Frontier Myanmar (ภาษาอังกฤษ). 10 Mar 2023. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 4, 2023.
  8. "Drones level playing field for Myanmar's armed opposition against powerful military". Radio Free Asia (ภาษาอังกฤษ). 24 September 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 June 2023. สืบค้นเมื่อ 2 June 2023.
  9. Davis, Anthony (25 December 2021). "Who's more likely to win Myanmar's raging civil war?". Asia Times). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 December 2021. สืบค้นเมื่อ 27 December 2021.
  10. "With Conscription Law, Myanmar's Generals Are Digging Their Own Graves". The irrawaddy. 14 February 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 February 2024. สืบค้นเมื่อ 14 February 2024.
  11. "Myanmar Resistance Seizes First District Level Town in Sagaing as Offensive Expands". The Irrawaddy (ภาษาEnglish). 2023-11-06. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 29, 2023.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  12. "Arakan State Army claims they captured Myanmar junta outpost In Kayin State". Mizzima (ภาษาEnglish). 16 February 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 February 2022. สืบค้นเมื่อ 19 February 2022.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  13. "ANC/AA accompanied-"Cobra Column" attacks a junta column, many equipments confiscated". Narinjara News (ภาษาBurmese). 12 July 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 October 2022. สืบค้นเมื่อ 13 July 2022.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  14. "NUG and BPLA will cooperate militarily". RFA Burmese (ภาษาBurmese). 26 October 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 October 2022. สืบค้นเมื่อ 27 October 2022.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  15. "Chin National Front Signs Deal with Myanmar's Shadow Govt". The Irrawaddy. 29 May 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 November 2021. สืบค้นเมื่อ 30 May 2021.
  16. Myanmar Military Now at War With Ethnic Pa-O Army And Allies in Southern Shan State. Brian Wei. January 26, 2024. The Irrawaddy เก็บถาวร มกราคม 26, 2024 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  17. "Union Minister of the Ministry of Defense meets the People's Revolution Alliance (Magway)". Public Voice Television (ภาษาBurmese). 1 November 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 November 2022. สืบค้นเมื่อ 2 November 2022.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  18. "Two helicopters used in fighting near northern Shan State's Naungcho". Mizzima (ภาษาEnglish). 14 March 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 March 2022. สืบค้นเมื่อ 4 May 2022.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  19. "Pyusawhti militia". Myanmar NOW. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 May 2022. สืบค้นเมื่อ 23 June 2022.
  20. "Murders in Yangon and Mandalay linked to Thwe Thout". Myanmar Now. 23 May 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 May 2022. สืบค้นเมื่อ 22 June 2022.
  21. Mathieson, David Scott (10 June 2022). "Myanmar raising bloodthirsty death squads". Asia Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 June 2022. สืบค้นเมื่อ 22 June 2022.
  22. "ชาวเมียวดีหนีตายเข้าไทย! หลังกลุ่มต่อต้านรบหนักกองทัพเมียนมา". Voice of America. 2024-04-09.
  23. "ความหวังสู่สันติภาพและประชาธิปไตยเป็นแรงบันดาลใจให้ขบวนการต่อต้านของชาวเมียนมา | Indo-Pacific Defense Forum". 2023-01-31.
  24. Strangio, Sebastian (6 May 2021). "Can Myanmar's New 'People's Defense Force' Succeed?". The Diplomat. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 May 2021. สืบค้นเมื่อ 1 June 2021.
  25. "Myanmar junta designates shadow government as 'terrorist' group". Deutsche Welle. 8 May 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 May 2021. สืบค้นเมื่อ 9 May 2021.
  26. "NUG establishes 'chain of command' in fight against regime". Myanmar NOW (ภาษาอังกฤษ). 28 October 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 July 2022. สืบค้นเมื่อ 5 November 2021.
  27. "PDF Military Structure". Ministry of Defence, National Unity Government of Myanmar (ภาษาEnglish และ Burmese). 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 December 2021. สืบค้นเมื่อ 12 August 2022.{{cite web}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  28. 28.0 28.1 Details about the People's Defense Force (ภาษาBurmese). National Unity Government of Myanmar. 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 June 2021. สืบค้นเมื่อ 1 June 2021.{{cite book}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  29. "PDF's strength expected to reach 8,000". Radio Free Asia (ภาษาBurmese). 13 July 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 October 2021. สืบค้นเมื่อ 13 July 2021.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  30. Aung, Banyar (24 November 2022). "An Assessment of Myanmar's Parallel Civilian Govt After Almost 2 Years of Revolution". The Irrawaddy. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 November 2022. สืบค้นเมื่อ 24 November 2022.
  31. "With Conscription Law, Myanmar's Generals Are Digging Their Own Graves". The irrawaddy. 14 February 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 February 2024. สืบค้นเมื่อ 14 February 2024.
  32. Picard, Jasper (March 8, 2022). "The Emergence of Civilian Resistance to Military Rule in Myanmar". The Diplomat (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 March 2022. สืบค้นเมื่อ 2023-04-04.
  33. "Who are Myanmar's ethnic militias?". The Economist. 15 April 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 September 2021. สืบค้นเมื่อ 24 June 2021.
  34. "A provisional military will be formed in Myanmar". The Irrawaddy (ภาษาพม่า). 16 April 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 May 2021. สืบค้นเมื่อ 16 April 2021.
  35. Mon, Aye (2021-05-05). "NUG founds People's Defense Force". RFA Burmese. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 May 2021. สืบค้นเมื่อ 5 May 2021.
  36. "Myanmar's shadow government parades new armed force". CNA. 28 May 2021. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 May 2021. สืบค้นเมื่อ 29 May 2021.
  37. "Myanmar shadow government launches 'people's defensive war'". www.aljazeera.com (ภาษาอังกฤษ). 7 September 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 September 2021. สืบค้นเมื่อ 7 September 2021.
  38. ""More than 250 townships are controlled within a year of the defensive war" says NUG". RFA Burmese (ภาษาBurmese). 7 September 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 September 2022. สืบค้นเมื่อ 7 September 2022.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  39. Kha, Aung Sin (7 October 2022). "NUG plans to end the revolution in 2023". RFA Burmese (ภาษาBurmese). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 October 2022. สืบค้นเมื่อ 7 October 2022.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  40. "Multilateral offensives against the military council will begin soon". Delta News Agency (ภาษาBurmese). 18 February 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 February 2023. สืบค้นเมื่อ 18 February 2023.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  41. "The PDF has established 300 battalions and columns in 2 years". People's Spring (ภาษาBurmese). 5 May 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 May 2023. สืบค้นเมื่อ 5 May 2023.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  42. "NUG announces the formation of the 5101st battalion in Yangon Military Region". DVB (ภาษาBurmese). 1 June 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 June 2023. สืบค้นเมื่อ 1 June 2023.{{cite web}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  43. "Five police officers shot dead in attack on Yangon train". Myanmar NOW (ภาษาอังกฤษ). March 11, 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 September 2021. สืบค้นเมื่อ 3 September 2021.
  44. "Myanmar: 13 security forces members killed in clash with anti-coup bloc's defence force". ANI News. 24 May 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 October 2021. สืบค้นเมื่อ 26 May 2021.
  45. "Myanmar rebels claim police killings as Aung San Suu Kyi appears in court". The Guardian (ภาษาอังกฤษ). 24 May 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 May 2021. สืบค้นเมื่อ 26 May 2021.
  46. Wei, Brian (January 23, 2024). "Firefight Erupts as Myanmar Junta Troops Halt PNLO Arms Convoy in Shan State". The Irrawaddy. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2024.
  47. Head, Jonathan (22 May 2021). "Myanmar: The small embattled town that stood up to the army". BBC (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 June 2021. สืบค้นเมื่อ 4 May 2022.
  48. Strangio, Sebastian (17 May 2021). "Myanmar: Myanmar Seizes Western Town After Heated Battle with Civilian Militia". The Diplomat (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 November 2021. สืบค้นเมื่อ 4 May 2022.
  49. McBride, Alex (24 January 2022). "Resistance to the Myanmar regime in Chin state – a photo essay". The Guardian (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 January 2022. สืบค้นเมื่อ 4 May 2022.
  50. "Spring Revolution and Situation Updates in Ethnic Areas". Federal Journal (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 September 2022. สืบค้นเมื่อ 4 May 2022.
  51. Swe, Nyein (28 January 2022). "Resistance fighters in Chin killed 'more than 1,000' junta troops last year". Myanmar Now (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 June 2022. สืบค้นเมื่อ 4 May 2022.
  52. "Karenni resistance fighters kill three police officers as military attacks residential areas with artillery". Myanmar Now. 22 May 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 July 2021. สืบค้นเมื่อ 7 July 2021.
  53. Thonya, Saw (31 May 2021). "Karenni Nationalities Defense Force (KNDF) will carry out NUG's defense policies". BNI Multimedia Group. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 July 2021. สืบค้นเมื่อ 7 July 2021.
  54. "Myanmar Junta Forces and KIA in Fresh Fighting in Northern Myanmar". The Irrawaddy. 7 July 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 June 2021. สืบค้นเมื่อ 7 July 2021.
  55. "Dozens of regime soldiers reportedly killed in clashes with PDFs in eastern Sagaing". Myanmar Now. 29 June 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 December 2021. สืบค้นเมื่อ 7 July 2021.
  56. "All Burma Students' Democratic Front (ABSDF) has entered a war with Myanmar's junta military". The Chindwin. 16 January 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 January 2022. สืบค้นเมื่อ 22 January 2022.
  57. "A PDF coalition shot down a military helicopter". VOA Burmese. 1 February 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 February 2023. สืบค้นเมื่อ 3 February 2023.
  58. "The Ministry of Defense says PDF joint forces were able to attack military targets in Sagaing". Public Voice Television (ภาษาBurmese). 8 February 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 February 2023. สืบค้นเมื่อ 12 February 2023.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  59. "Junta leader got attacked with large weapons". DVB News (ภาษาBurmese). 19 March 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 March 2023. สืบค้นเมื่อ 20 March 2023.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  60. "Northwestern Command Headquarters in Monywa gets attacked with heavy weapons during Min Aung Hlaing's visit, the army fought back with gas bombs". Yangon Khit Thit Media (ภาษาBurmese). 19 March 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 March 2023. สืบค้นเมื่อ 20 March 2023.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  61. "Residents says the KIA and PDF took over the town of Kawlin". RFA Burmese. 6 November 2023. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 3, 2024. สืบค้นเมื่อ 6 November 2023.
  62. Kyaw, U; Maung, Thura (6 November 2023). "After a four-day offensive, the revolutionary troops took over Kawlin". Myanmar Now (ภาษาBurmese). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 11, 2023. สืบค้นเมื่อ 6 November 2023.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  63. "Myanmar Junta Retakes Town From Civilian Government in Sagaing Region". The Irrawaddy. 13 February 2024. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 February 2024. สืบค้นเมื่อ 13 February 2024.
  64. 64.0 64.1 "PDF fighters in Mandalay kill two police officers in spontaneous attack". Myanmar NOW (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 June 2021. สืบค้นเมื่อ 22 June 2021.
  65. "UPDATED: Two Civilian Fighters Killed Amid Shootout With Myanmar Junta Troops in Mandalay". The Irrawaddy (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 22 June 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 June 2021. สืบค้นเมื่อ 22 June 2021.
  66. "Myanmar militias vow to take on army after city firefight". Reuters. 22 June 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 June 2021. สืบค้นเมื่อ 23 June 2021.
  67. "Mandalay PDF 'declares war' on junta". Myanmar NOW (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 June 2021. สืบค้นเมื่อ 22 June 2021.
  68. "ပြင်ဦးလွင်နှင့် နောင်ချိုမြို့နယ်အစပ် တိုက်ပွဲများတွင် စစ်တပ်ဘက်မှ ၁၀၀ ဝန်း ကျင်သေဆုံးဟု NUG ကာကွယ်ရေးဝန်ကြီးဌာနက ကြေညာ" [NUG Ministry of Defense says around 100 regime soldiers were killed in the battles in Pyin Oo Lwin and Nawnghkio]. Yangon Khit Thit Media (ภาษาBurmese). 23 April 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 April 2023. สืบค้นเมื่อ 23 April 2023.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  69. 69.0 69.1 "Karen Rebel Leader Warns Myanmar Regime of More Fighting". The Irrawaddy. 3 June 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 June 2021. สืบค้นเมื่อ 8 July 2021.
  70. 70.0 70.1 "Myanmar village of Kin Ma burns down after clashes". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 16 June 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 June 2021. สืบค้นเมื่อ 17 June 2021.
  71. "Mytel telecom tower has been destroyed by local people defense forces in Thanbyuzayat Township (in Burmese)". Democratic Voice of Burma. 2 October 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 October 2021. สืบค้นเมื่อ 15 October 2021.
  72. "PDF တွေ ကျေးလက်ဒေသများစွာကို စိုးမိုးထိန်းချုပ်ထားဟု ဦးရည်မွန်ပြော". ဧရာဝတီ (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2022-03-15. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 May 2022. สืบค้นเมื่อ 2023-04-05.
  73. "On the revolution day, YRF soldiers made a cursing ritual using Min Aung Hlaing's head". Mizzima (ภาษาBurmese). 27 March 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 April 2023. สืบค้นเมื่อ 27 March 2023.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  74. "Mong Pong Sayadaw gives Mandalay PDF wishes and charms". Tachileik News Agency (ภาษาBurmese). 11 April 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 April 2023. สืบค้นเมื่อ 22 April 2023.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  75. "ပြင်ဦးလွင်တွင် လုံခြုံရေး တင်းကျပ်ထားသည့်ကြားက PDF အလံလွှင့်ထူခံရ၍ တပ်နယ်မှူး ကြိမ်းမောင်းခံနေရပြီး ပြစ်ဒဏ်ပေးခံရနိုင်" [A commandant likely to be punished for the PDF flag in Pyinoolwin, despite increased security]. Ayyeyarwaddy Times (ภาษาBurmese). 29 January 2024. สืบค้นเมื่อ 30 January 2024.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  76. 76.0 76.1 Yee Mon, U (28 May 2023). "State of People's Defense". Ministry of Defence, National Unity Government (ภาษาBurmese): 31–42. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 9, 2023.{{cite journal}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  77. 77.0 77.1 Hein, Ye Myo (16 September 2021). "Finding fault lines within the Tatmadaw". Frontier Myanmar (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 October 2021. สืบค้นเมื่อ 10 October 2021.
  78. Ebbighausen, Rodion, In Myanmar, the army controls its soldiers' lives, minds and finances | DW | 18 May 2021 (ภาษาอังกฤษแบบบริติช), เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 October 2021, สืบค้นเมื่อ 10 October 2021
  79. Phoe Khwar, Saw (19 April 2023). "The CDM officers-led Thunder Guerrilla Force". RFA Burmese (ภาษาBurmese). Washington DC. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 May 2023. สืบค้นเมื่อ 11 May 2023.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  80. "Thousands of Myanmar Soldiers and Police Have Joined Anti-Junta Forces Since Coup". Radio Free Asia (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 October 2021. สืบค้นเมื่อ 10 October 2021.
  81. "2,000 Myanmar Junta Soldiers and Police Join Civil Disobedience Movement". The Irrawaddy (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 23 August 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 October 2021. สืบค้นเมื่อ 10 October 2021.
  82. "Myanmar Military Detains North Western Commander for Planning to Defect: Ethnic Insurgent Sources". The Irrawaddy (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 7 October 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 October 2021. สืบค้นเมื่อ 10 October 2021.
  83. စစ်ကောင်စီကို စွန့်ခွာတဲ့ စစ်သားနဲ့ ရဲ ၁၆ဝဝဝ ခန့်ရှိပြီဟု CDM အရာရှိတွေပြော (ภาษาอังกฤษ), เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 February 2022, สืบค้นเมื่อ 2022-02-17
  84. CDM ရဲနဲ့ စစ်သား ၈၀၀၀ ကျော်ပြီလို့ ပြည်သူ့ရင်ခွင်အဖွဲ့ပြော (ภาษาอังกฤษ), เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 February 2022, สืบค้นเมื่อ 2022-02-06
  85. "Roughly 800 soldiers have fled the military since the coup, says defector". Myanmar NOW (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 October 2021. สืบค้นเมื่อ 10 October 2021.
  86. 86.0 86.1 "With homemade rifles, Myanmar self-defence groups take fight to junta". Jordan Times (ภาษาอังกฤษ). 2021-06-06. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 February 2022. สืบค้นเมื่อ 2022-02-27.
  87. 87.0 87.1 87.2 87.3 87.4 Davis, Anthony (May 19, 2023). "Myanmar PDFs getting the guns to turn the war". Asia Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-04-04. สืบค้นเมื่อ March 12, 2024.{{cite news}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  88. War Noir [@war_noir] (25 November 2021). "Here's an interesting content from #Myanmar (#Burma) for 20K followers: A photo of Kachin-made M23 "K-09" rifles, sent by a "Communist Party of Burma"/"People's Liberation Army" (#CPB/#PLA) fighter" (ทวีต) (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 March 2023. สืบค้นเมื่อ 19 March 2023 – โดยทาง ทวิตเตอร์.
  89. War Noir [@war_noir] (14 November 2021). "#Myanmar (#Burma) : #Karen fighters (#KNLA/#KNU) have produced various anti-materiel rifles (some used by #PDF during trainings as well). These craft-produced AMRs are claimed to be chambered in 12.7x99mm mostly and called "50 cal snipers" —as expected" (ทวีต) (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 November 2021. สืบค้นเมื่อ 19 March 2023 – โดยทาง ทวิตเตอร์.
  90. Eydoux, Thomas (2022-01-07). "How rebel fighters are using 3D-printed arms to fight the Myanmar junta". The Observers - France 24 (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 February 2022. สืบค้นเมื่อ 2022-02-27.
  91. "SSTF လူငယ်တွေဦးဆောင်ပြီး FGC 9 ကာကွယ်ရေး ပြောင်းရှည်သေနတ်ထုတ်လုပ်" (video). youtube.com (ภาษาพม่า). Mizzima News. April 10, 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 April 2023. สืบค้นเมื่อ 16 April 2023.
  92. Aung, Nora (May 31, 2022). "Myanmar Resistance Groups Get Creative to Manufacture Weapons". The Irrawaddy. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 March 2023. สืบค้นเมื่อ 20 March 2023.
  93. "How Myanmar's rebel fighters are using 3D-printed guns to challenge military rulers". Al Jazeera English. April 2, 2024.
  94. Ball, Sam (November 8, 2022). "Myanmar: The DIY weapons factories arming anti-junta fighters". France24. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 March 2023. สืบค้นเมื่อ 20 March 2023.
  95. "Ready to Kill: Inside the Weapons Factories of the Myanmar Resistance". Frontline Myanmar. October 26, 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 25, 2022.
  96. Nash, Edward (February 7, 2022). "Improvised Weapons of the Myanmar PDFs" (video). youtube.com (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 March 2023. สืบค้นเมื่อ 20 March 2023.
  97. "Manufacturing the Revolution: Weapons and Explosives Craft-Produced by Myanmar's Anti-Junta Fighters". Militant Wire. October 31, 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 March 2023. สืบค้นเมื่อ 20 March 2023.