วิรุฬ เตชะไพบูลย์

วิรุฬ เตชะไพบูลย์ อดีตผู้แทนการค้าไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย

วิรุฬ เตชะไพบูลย์
ผู้แทนการค้าไทย
ดำรงตำแหน่ง
2 พฤศจิกายน 2555 – 22 พฤษภาคม 2557
นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ดำรงตำแหน่ง
9 สิงหาคม 2554 – 28 ตุลาคม 2555
นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
ดำรงตำแหน่ง
6 กุมภาพันธ์ – 5 สิงหาคม 2551
นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช
ก่อนหน้าอรนุช โอสถานนท์
ถัดไปบรรยิน ตั้งภากรณ์
สงคราม กิจเลิศไพโรจน์
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด4 สิงหาคม พ.ศ. 2486 (81 ปี)
จังหวัดพระนคร ประเทศไทย
ศาสนาพุทธ
พรรคการเมืองเพื่อไทย
คู่สมรสกัญญา เตชะไพบูลย์

ประวัติ

แก้

นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2486 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของนายอุเทน เตชะไพบูลย์ กับนางจำเรียง เตชะไพบูลย์ ด้านครอบครัวสมรสกับนางกัญญา เตชะไพบูลย์ (พงศ์ไพโรจน์) มีบุตร 5 คน (เสียชีวิตแล้ว 2 คน)

การศึกษา

แก้

นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนเซนต์สตีเว่น ฮ่องกง จากนั้นเข้ารับการศึกษาในระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาบริหารงานทั่วไป มหาวิทยาลัย HAWTHONE รัฐนิวแฮมป์เชียร์ สหรัฐอเมริกา และเข้ารับการศึกษาอบรมหลักสูตร "ป้องกันราชอาณาจักร ภาครัฐร่วมเอกชน รุ่นที่ 2" วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร และหลักสูตร "CORPORATE FINANCE" สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นอกจากนั้นยังได้รับปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (สาขาการตลาด) จากมหาวิทยาลัยรามคำแหงด้วย

งานการเมือง

แก้

นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติฯ (15 มี.ค. 2534 - 21 มี.ค. 2535) และสมาชิกวุฒิสภา (22 มี.ค. 2535 - 21 มี.ค. 2539) หลังจากนั้นจึงได้เข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคความหวังใหม่ ในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค จนกระทั่งได้รับตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองหลายตำแหน่ง อาทิ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (กระแส ชนะวงศ์) ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (วราเทพ รัตนากร) และกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง

ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 วิรุฬ เตชะไพบูลย์ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน กลุ่มที่ 5 สังกัดพรรคพลังประชาชน และได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ต่อมาจึงได้ย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทย พร้อมกับสมาชิกคนอื่นๆ ของพรรคพลังประชาชน ต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย และได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร[1] ต่อมาถูกปรับออกจาตำแหน่งรัฐมนตรีในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนการค้าไทย ในเดือนพฤศจิกายนของปีเดียวกัน

ต่อมาในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 เขาได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 29[2] แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากกว่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพึงมีตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

ประสบการณ์ด้านงานสังคมและการกุศล

แก้
  • อดีตนายกสมาคมศิษย์เก่ากรุงเทพคริสเตียน
  • อดีตนายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัญชัญ ศรีราชา
  • กรรมการฝ่ายบริหาร มูลนิธิสมเด็จพระมหิตราธิเบศ อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนกพระบรมราชชนก
  • กรรมการฝ่ายหาทุน มูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
  • กรรมการฝ่ายหาทุน มูลนิธิราชประชานุเคราะห์
  • ประธานหารายได้ มูลนิธิสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุช
  • กรรมการ มูลนิธิสวนหลวง ร.9
  • กรรมการบริหาร มูลนิธิสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
  • ประธานกรรมการทุนธนชาต

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. พระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี (รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร)ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 128 ตอนพิเศษที่ 88 ง วันที่ 9 สิงหาคม 2554 หน้า 2
  2. เปิด 97 บัญชีรายชื่อเพื่อไทย 'บรรยิน'ลุ้นได้เป็นส.ส.
  3. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เก็บถาวร 2009-01-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๑๗ ข หน้า ๒, ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๑
  4. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2007-01-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๑ ตอนที่ ๒๑ ข หน้า ๕, ๓ ธันวาคม ๒๕๓๗