รัฐแคลิฟอร์เนีย
แคลิฟอร์เนีย (อังกฤษ: California, เสียงอ่านภาษาอังกฤษ: /kælɨˈfɔrnjə/, แคลึฟอรฺนยะ) เป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตก ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีผู้อยู่อาศัย 39.5 ล้านคน พื้นที่ประมาณ 163,696 ตารางไมล์ (423,970 ตารางกิโลเมตร) ทำให้เป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดและมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของสหรัฐ นอกจากนี้ ยังเป็นหน่วยการปกครองย่อยของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 34 ของโลก เมืองหลวงของรัฐ คือ แซคราเมนโต นครที่มีประชากรมากที่สุดในรัฐ คือ ลอสแอนเจลิส ซึ่งมีประชากรมากเป็นอันดับสองของประเทศรองจากนครนิวยอร์ก เขตมหานครลอสแอนเจลิสและเขตพื้นที่รอบอ่าวซานฟรานซิสโกเป็นเขตเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 2 และ 5 ของประเทศ โดยมีผู้อยู่อาศัยจำนวน 18.7 ล้านคน และ 9.7 ล้านคน ตามลำดับ[12] รัฐแคลิฟอร์เนียยังมีเทศมณฑลที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ ซึ่งก็คือ เทศมณฑลลอสแอนเจลิส และเทศมณฑลที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศ ซึ่งก็คือ เทศมณฑลแซนเบอร์นาร์ดีโน ในด้านความหนาแน่นของประชากร นครและเทศมณฑลซานฟรานซิสโกเป็นทั้งนครที่มีความหนาแน่นเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศรองจากนครนิวยอร์ก และเป็นทั้งเทศมณฑลที่มีความหนาแน่นเป็นอันดับที่ 5 ของประเทศ เป็นรองเพียง 4 เทศมณฑลจากทั้งหมด 5 เทศมณฑลของนครนิวยอร์ก
รัฐแคลิฟอร์เนีย | |
---|---|
สมญา: รัฐสีทอง (Golden State)[1] | |
คำขวัญ: | |
เพลง: "ไอเลิฟยู แคลิฟอร์เนีย" (I Love You, California) | |
แผนที่สหรัฐเน้นรัฐแคลิฟอร์เนีย | |
ประเทศ | สหรัฐ |
สถานะก่อนเป็นรัฐ | Mexican Cession unorganized territory |
เข้าร่วมสหรัฐ | 9 กันยายน ค.ศ. 1850 (ลำดับที่ 31) |
เมืองหลวง | แซคราเมนโต[1] |
เมืองใหญ่สุด | ลอสแอนเจลิส |
มหานครใหญ่สุด | เขตมหานครลอสแอนเจลิส |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าการ | กาวิน นิวซัม (D) |
• รองผู้ว่าการ | เอเลนี่ คูนาลาคิส (D) |
สมาชิกวุฒิสภา | อเล็กซ์ ปาดิลลา (D) ลาฟอนซา บัตเลอร์ (D) |
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร |
|
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 163,696 ตร.ไมล์ (423,970 ตร.กม.) |
• พื้นดิน | 155,959 ตร.ไมล์ (403,932 ตร.กม.) |
• พื้นน้ำ | 7,737 ตร.ไมล์ (20,047 ตร.กม.) 4.7% |
อันดับพื้นที่ | อันดับที่ 3 |
ขนาด | |
• ความยาว | 770 ไมล์ (1,240 กิโลเมตร) |
• ความกว้าง | 250 ไมล์ (400 กิโลเมตร) |
ความสูง | 2,900 ฟุต (880 เมตร) |
ความสูงจุดสูงสุด ( เมานต์วิตนีย์[3][4][5][6]) | 14,505 ฟุต (4,421.0 เมตร) |
ความสูงจุดต่ำสุด ( แอ่งแบดวอเตอร์[7]) | −279 ฟุต (−85.0 เมตร) |
ประชากร (ค.ศ. 2023) | |
• ทั้งหมด | 38,940,231[8][9] คน |
• อันดับ | อันดับที่ 1 |
• ความหนาแน่น | 251.3 คน/ตร.ไมล์ (97 คน/ตร.กม.) |
• อันดับความหนาแน่น | อันดับที่ 11 |
• ค่ามัธยฐานรายได้ครัวเรือน | $71,228 (2,018)[10] |
• อันดับรายได้ | อันดับที่ 9 |
เดมะนิม | แคลิฟอร์เนียน (Californian) |
ภาษา | |
• ภาษาทางการ | ภาษาอังกฤษ |
• ภาษาพูด | ภาษาพูดที่ใช้ในบ้าน:[11]
|
เขตเวลา | UTC−08:00 (PST) |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | UTC−07:00 (PDT) |
อักษรย่อไปรษณีย์ | CA |
รหัส ISO 3166 | US-CA |
อักษรย่อเดิม | Calif., Cal. |
ละติจูด | 32°32′ เหนือ ถึง 42° เหนือ |
ลองจิจูด | 114°8′ ตะวันตก ถึง 124°26′ ตะวันตก |
เว็บไซต์ | www |
แคลิฟอร์เนียมีพรมแดนทางทิศเหนือติดกับรัฐออริกอน ทิศตะวันออกติดกับรัฐเนวาดากับรัฐแอริโซนา และทิศใต้ติดกับรัฐบาฮากาลิฟอร์เนียของประเทศเม็กซิโก แคลิฟอร์เนียมีสภาพภูมิศาสตร์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ชายฝั่งแปซิฟิกทางตะวันตก ไปจนถึงเทือกเขาเซียร์ราเนวาดาทางตะวันออก และจากป่าสนเรดวู้ดและป่าสนดักลาสทางตะวันตกเฉียงเหนือ ไปจนถึงทะเลทรายโมฮาวีทางตะวันออกเฉียงใต้ แคลิฟอร์เนียมีเซ็นทรัลแวลลี (Central Valley) เป็นพื้นที่เกษตรกรรมหลักซึ่งกินพื้นที่ทางตอนกลางของรัฐ แม้ว่าแคลิฟอร์เนียจะเป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่อบอุ่นและสภาพอากาศตามฤดูกาลของมรสุม แต่พื้นที่ขนาดใหญ่ของรัฐส่งผลให้สภาพอากาศมีความแตกต่าง ตั้งแต่ป่าไม่ผลัดใบเขตอบอุ่นทางตอนเหนือ ไปจนถึงทะเลทรายที่แห้งแล้งทางตอนในของรัฐ ตลอดจนภูมิอากาศแบบอัลไพน์ที่เต็มไปด้วยหิมะในเขตภูเขา เมื่อเวลาผ่านไป ภัยแล้งและไฟป่าเกิดบ่อยขึ้น ทำให้มีการเพิ่มความมั่นคงทางทรัพยากรน้ำของแคลิฟอร์เนียมากยิ่งขึ้น[13][14]
ประวัติศาสตร์
แก้ทีแรกพื้นที่รัฐแคลิฟอร์เนียปัจจุบันมีชนเผ่าอเมริกันพื้นเมืองตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อนมีการสำรวจของชาวยุโรปจำนวนหนึ่งระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16และ 17 ต่อมาจักรวรรดิสเปนอ้างสิทธิ์เป็นส่วนหนึ่งของอัลตาแคลิฟอร์เนียในอาณานิคมนิวสเปน พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นส่วนหนึ่งของเม็กซิโกใน ค.ศ. 1821 หลังสงครามประกาศเอกราชเม็กซิโกสัมฤทธิ์ผล ต่อมารัฐแคลิฟอร์เนียถูกยกให้สหรัฐโดยเม็กซิโก ในปี ค.ศ. 1848 หลังจากที่เม็กซิโกแพ้สงครามเม็กซิโก–อเมริกา ต่อมามีการจัดระเบียบส่วนตะวันตกของอัลตาแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐแคลิฟอร์เนีย และเข้าเป็นรัฐที่ 31 เมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1850 การตื่นทองที่แคลิฟอร์เนียซึ่งเริ่มใน ค.ศ. 1848 นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและประชากรศาสตร์อย่างสำคัญ โดยมีการเข้าเมืองขนานใหญ่จากทิศตะวันออกและต่างประเทศโดยมีการเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจร่วมด้วย
ภูมิศาสตร์
แก้ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เศรษฐกิจ
แก้แคลิฟอร์เนียรัฐเดียวผลิตผลิตภัณฑ์มวลรวมจำนวนถึง 14% ของประเทศสหรัฐทั้งหมด และยังเป็นรัฐที่ผลิตได้มากเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าลองมองแคลิฟอร์เนียแยกเป็นประเทศอิสระ จะเป็นประเทศที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก ถัดจากประเทศฝรั่งเศส ภาคเกษตรกรรมเป็นอาชีพที่สำคัญที่สุด ตามมาด้วยอวกาศยาน และธุรกิจบันเทิง และธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตในย่านซิลิคอนแวลลีย์
หากเป็นประเทศ รัฐแคลิฟอร์เนียจะมีเศรษฐกิจใหญ่สุดเป็นอันดับที่ 6 ของโลก และมีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 35 ของโลก ถือเป็นผู้นำกระแสโลกทั้งด้านวัฒนธรรมสมัยนิยมและการเมือง และเป็นถิ่นกำเนิดของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ วัฒนธรรมสวนกลับฮิปปี้ อินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เป็นต้น ร้อยละ 58 ของเศรษฐกิจรัฐมีศูนย์กลางอยู่ที่บริการการเงิน ภาครัฐ บริการอสังหาริมทรัพย์ เทคโนโลยีและบริการธุรกิจอาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคนิค พื้นที่อ่าวซานฟรานซิสโกมีรายได้ครัวเรือนมัชมิมสูงสุดของประเทศโดยเรียงตามพื้นที่มหานคร และเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่มีรายได้สูงสุดของโลก 20 บริษัทจำนวน 3 บริษัท ได้แก่ เชฟรอน แอปเปิลและแม็กเคสซัน แม้อุตสาหกรรมเกษตรสร้างรายได้คิดเป็นเพียงร้อยละ 1.5 ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่ก็ให้ผลผลิตสูงยิ่งกว่ารัฐอื่นใดของสหรัฐ
เมืองสำคัญ
แก้สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง
แก้สถานที่ที่นักท่องเที่ยวส่วนมากรู้จักได้แก่
- ฮอลลีวูด (Hollywood)
- ดิสนีย์แลนด์ (Disneyland)
- ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ (Universal Studio)
- อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite National Park)
- ทะเลสาบ ทาโฮ(Lake Tahoe)
- สวนสัตว์แซนดีเอโก (San Diego Zoo)
นอกจากนี้ ในส่วนของใจกลางเมืองลอสแอนเจลิส และ แซนแฟรนซิสโกยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมเช่นกัน
สถานศึกษาที่เป็นที่รู้จัก
แก้- ระบบมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (University of California, UC)
- ระบบมหาวิทยาลัยแห่งรัฐ (California State University, CSU)
- CSU Maritime Academy (California State University Maritime Academy)
- มหาวิทยาลัยรัฐซานฟรานซิสโก (San Francisco State University, SFSU)
- มหาวิทยาลัยรัฐแซนดีเอโก (San Diego State University, SDSU)
- มหาวิทยาลัยเอกชน หรือจัดตั้งโดยมูลนิธิ
- มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
- สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (CalTech)
- มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย (USC)
- Academy of Motion Picture Arts and Sciences (AMPAS)
- CalArts Institute (California Institute of the Arts)
- University of San Francisco (USF)
อ้างอิง
แก้- ↑ 1.0 1.1 "California". www.americaslibrary.gov. สืบค้นเมื่อ July 3, 2020.
- ↑ "Chapter 2 of Division 2 of Title 1 of the California Government Code". California Office of Legislative Counsel. สืบค้นเมื่อ February 23, 2019.
- ↑ "Whitney". NGS data sheet. U.S. National Geodetic Survey.
- ↑ "Elevations and Distances in the United States". United States Geological Survey. 2001. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 15, 2011. สืบค้นเมื่อ October 21, 2011.
- ↑ Elevation adjusted to North American Vertical Datum of 1988.
- ↑ The summit of Mount Whitney is the highest point in the Contiguous United States.
- ↑ "USGS National Elevation Dataset (NED) 1 meter Downloadable Data Collection from The National Map 3D Elevation Program (3DEP)—National Geospatial Data Asset (NGDA) National Elevation Data Set (NED)". United States Geological Survey. September 21, 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-25. สืบค้นเมื่อ September 22, 2015.
- ↑ "USA: States". citypopulation.de. สืบค้นเมื่อ January 22, 2020.
- ↑ "Table 1. Annual Estimates of the Resident Population for the United States, Regions, States, and Puerto Rico: April 1, 2010 to July 1, 2019". U.S. Census Bureau. January 9, 2020. สืบค้นเมื่อ January 9, 2020.
- ↑ "Median Annual Household Income". The US Census Bureau. สืบค้นเมื่อ January 29, 2020.
- ↑ "Languages in California (State)". Statistical Atlas. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 15, 2018. สืบค้นเมื่อ August 15, 2018.
- ↑ "American FactFinder—Results". factfinder.census.gov. U.S. Census Bureau. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2018. สืบค้นเมื่อ October 24, 2017.
- ↑ Boxall, Bettina; St. John, Paige (November 10, 2018). "California's most destructive wildfire should not have come as a surprise". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ November 11, 2018.
- ↑ "Advancing Drought Science and Preparedness across the Nation". National Integrated Drought Information System. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-11-11. สืบค้นเมื่อ November 11, 2018.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของรัฐแคลิฟอร์เนีย
- คู่มือการท่องเที่ยว California จากวิกิท่องเที่ยว (ในภาษาอังกฤษ)