พายุไต้ฝุ่นวิภา (พ.ศ. 2550)

พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิกในปี พ.ศ. 2550

พายุไต้ฝุ่นวิภา (อักษรโรมัน: Wipha)[nb 1] หรือที่ในประเทศฟิลิปปินส์เรียกว่า พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นโกริง (ตากาล็อก: Goring)[nb 2] เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่มีความรุนแรงที่สุดในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตกในช่วงปี พ.ศ. 2550 และเป็นพายุที่มีความรุนแรงที่สุดที่เข้าชายฝั่งประเทศจีนนับตั้งแต่พายุไต้ฝุ่นซาวมายในปี พ.ศ. 2549 ก่อตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2550 ได้พัฒนาเป็นพายุโซนร้อน และทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นพายุไต้ฝุ่นในวันรุ่งขึ้นมีลักษณะเป็นตาพายุ หลังจากช่วงเวลาของการทำให้เข้มข้นขึ้นอย่างรวดเร็ว พายุไต้ฝุ่นวิภามีกำลังแรงสูงสุดในวันที่ 18 กันยายน ด้วยความเร็วลม 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (130 ไมล์ต่อชั่วโมง)[nb 3] และความกดอากาศที่ 900 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 26.58 นิ้วของปรอท) ต่อมาในวันนั้น พายุไต้ฝุ่นวิภาเริ่มอ่อนกำลังลงเมื่อกระทบกับภูมิประเทศที่เป็นภูเขาของประเทศไต้หวันก่อนจะพัดทางด้านเหนือของเกาะ พายุไต้ฝุ่นวิภาได้ขึ้นฝั่งชายแดนของมณฑลฝูเจี้ยน และมณฑลเจ้อเจียงโดยมีความเร็วลมประมาณ 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (120 ไมล์ต่อชั่วโมง) หลังจากนั้นไม่นาน พายุไต้ฝุ่นวิภาก็อ่อนกำลังลงเมื่อเคลื่อนตัวเข้าสู่แผ่นดิน และอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนภายใน 18 ชั่วโมง หลังจากเคลื่อนตัวผ่านแผ่นดิน จากนั้นก็สลายไปนอกชายฝั่งประเทศเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ ยังเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่รุนแรงที่สุดในโลกผูกกับพายุไต้ฝุ่นเซอปัต และพายุไซโคลนจอร์จในปี พ.ศ. 2550 อีกด้วย

พายุไต้ฝุ่นวิภา
พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นโกริง
พายุไต้ฝุ่นวิภาขณะมีกำลังแรงสูงสุดเมื่อวันที่
18 กันยายน พ.ศ. 2550
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา
ก่อตัว15 กันยายน พ.ศ. 2550
นอกเขตร้อน20 กันยายน พ.ศ. 2550
สลายตัว22 กันยายน พ.ศ. 2550
พายุไต้ฝุ่นรุนแรง
10-นาที ของเฉลี่ยลม (JMA)
ความเร็วลมสูงสุด215 กม./ชม. (130 ไมล์/ชม.)
ความกดอากาศต่ำสุด900 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์)
; 26.58 นิ้วปรอท
พายุไต้ฝุ่น
10-นาที ของเฉลี่ยลม (TMD)
ความเร็วลมสูงสุด215 กม./ชม. (130 ไมล์/ชม.)
ความกดอากาศต่ำสุด900 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์)
; 26.58 นิ้วปรอท
พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5
1-นาที ของเฉลี่ยลม (SSHWS/JTWC)
ความเร็วลมสูงสุด285 กม./ชม. (180 ไมล์/ชม.)
ความกดอากาศต่ำสุด895 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์)
; 26.43 นิ้วปรอท
ผลกระทบ
ผู้เสียชีวิต20 ราย
ความเสียหาย$1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
(ค่าเงินปี พ.ศ. 2550 USD)
พื้นที่ได้รับผลกระทบฟิลิปปินส์, ไต้หวัน, จีน, ญี่ปุ่น,
เกาหลีใต้, เกาหลีเหนือ
IBTrACS

ส่วนหนึ่งของ ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2550

พายุไต้ฝุ่นวิภาส่งผลกระทบให้มีการอพยพประชาชนประมาณเกือบ 2 ล้านคน ตามแนวชายฝั่งของประเทศจีนก่อนที่พายุกำลังจะเคลื่อนตัวมาถึง ทหารจีนประมาณ 20,000 นาย ได้ถูกส่งไปยังพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้อยู่อาศัยในการเสริมกำลังแนวป้องกันน้ำท่วม และเร่งการอพยพประชาชน พายุไต้ฝุ่นวิภาทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรงโดยมีปริมาณน้ำฝนมากกว่าประมาณ 353 มิลลิเมตร (13.9 นิ้ว) บ้านเรือนประมาณ 13,000 หลัง ได้รับความเสียหาย และบ้านเรือนอีกประมาณ 57,000 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก พื้นที่เพาะปลูกประมาณ 100,000 เฮกตาร์ ถูกน้ำท่วมทั่วประเทศจีน มีผู้เสียชีวิตประมาณ 14 ราย และมีมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 7.45 พันล้านหยวนจีน (1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

แม้ว่าพายุไต้ฝุ่นวิภาจะไม่เคลื่อนตัวผ่านใกล้ประเทศฟิลิปปินส์ แต่มีหางจากพายุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรงในจังหวัดเนโกรสโอกซีเดนตัล มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และอีก 3 ราย ถูกระบุว่าเป็นผู้สูญหาย ความเสียหายในประเทศฟิลิปปินส์อยู่ที่ประมาณ 15.3 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ (314,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ที่ประเทศไต้หวันมีพายุฝนฟ้าคะนองที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ปริมาณน้ำฝนสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 495 มิลลิเมตร (19.5 นิ้ว) ที่ทำให้เกิดดินถล่ม น้ำท่วมทั่วทั้งเกาะ และเกิดความเสียหายทางการเกษตรในประเทศไต้หวันอยู่ที่ประมาณ 7.8 ล้านดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (236,300 ดอลลาร์สหรัฐ) ในจังหวัดโอกินาวะมีพายุฝนฟ้าคะนอง และมีปริมาณน้ำฝนสูงถึงประมาณ 335 มิลลิเมตร (13.2 นิ้ว) สร้างความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญ จึงส่งผลกระทบให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บ้านเรือนประมาณ 7 หลัง ในเกาะได้รับความเสียหายอย่างหนัก และมีมูลค่าความเสียหายในจังหวัดโอกินาวะรวมประมาณ 28.3 พันล้านเยน (285 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ความเสียหายโดยรวมประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[nb 4]

ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา

แก้
 
แผนที่แสดงเส้นทาง และความรุนแรงของพายุตามมาตราส่วนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน
ความรุนแรงของพายุ
  พายุดีเปรสชันเขตร้อน (≤62 กม./ชม.)
  พายุโซนร้อน (63–117 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 1 (118–153 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 2 (154–177 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 3 (178–208 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 4 (209–251 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 5 (≥252 กม./ชม.)
  พายุที่ไม่ทราบความเร็วลม
ประเภทของพายุ
  พายุหมุนกึ่งเขตร้อน
  พายุหมุนนอกเขตร้อน / หย่อมความกดอากาศต่ำที่หลงเหลือ / รบกวนของเขตร้อน / ลมมรสุมพายุดีเปรสชั่นเขตร้อน
 
ภาพเคลื่อนไหวจากดาวเทียมของพายุไต้ฝุ่นวิภา

ประวัติทางอุตุนิยมวิทยาของพายุไต้ฝุ่นวิภา

  • วันที่ 13 กันยายน การพาความร้อนได้เกิดขึ้นรอบ ๆ บริเวณที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำ ซึ่งก่อตัวขึ้นทางตะวันออกเฉียงใต้ของนาฮะ จังหวัดโอกินาวะ ทำให้พายุสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องเมื่อเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือ และพายุตั้งอยู่ประมาณ 1,435 กิโลเมตร (892 ไมล์) ทางทิศตะวันออกของเกาะกวม
  • วันที่ 14 กันยายน ลักษณะแถบพาความร้อนได้ก่อตัวขึ้นรอบศูนย์กลางของการไหลเวียน ทำให้ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC)[nb 5] ออกการแจ้งเตือนการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อน หลายชั่วโมงต่อมาสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA)[nb 6] ได้เริ่มติดตามพายุดีเปรสชันเขตร้อนในเวลาเดียวกัน ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วมประกาศว่าหย่อมความกดอากาศต่ำได้กลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อน 13W หลังจากนั้นไม่นาน ปากาซาก็เริ่มออกคำแนะนำเกี่ยวกับพายุดีเปรสชันเขตร้อนที่กำลังพัฒนา โดยกำหนดให้ใช้ชื่อ โกริง ในร่องน้ำโทรโพสเฟียร์ตอนบนของเขตร้อนอยู่ทางเหนือของหย่อมความกดอากาศต่ำกดการพัฒนาการพาความร้อน และการไหลออก
  • วันที่ 15 กันยายน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) และศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้ยกระดับพายุดีเปรสชันเขตร้อนให้กลายเป็นพายุโซนร้อน หลังจากนั้นสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นได้กำหนดให้ชื่อ วิภา เป็นพายุ
     
    พายุไต้ฝุ่นวิภากำลังเคลื่อนเข้าหมู่เกาะยาเอยามะ ประเทศไต้หวันเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2550
  • วันที่ 16 กันยายน พายุโซนร้อนวิภาทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วโดยศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้ยกระดับให้กลายเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 1 ในระดับมาตราส่วนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน ภายใน 12 ชั่วโมง พายุที่ทวีความรุนแรงขึ้นยังคงเคลื่อนตัวไปเส้นทางทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อตอบสนองต่อพายุหมุนกึ่งเขตร้อนเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ
  • วันที่ 17 กันยายน พายุไต้ฝุ่นวิภามีความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 10 นาทีที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (75 ไมล์ต่อชั่วโมง) การทำให้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วรอบที่สองเกิดขึ้นเกือบตลอดทั้งวัน ซึ่งนำไปสู่พายุไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงสูงสุดด้วยความเร็วลม 10 นาทีที่ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (115 ไมล์ต่อชั่วโมง) และความกดอากาศที่ 925 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 27.32 นิ้วของปรอท) ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ประเมินว่าพายุไต้ฝุ่นวิภามีความรุนแรงพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 ความเร็วลมคงที่ 1 นาทีที่ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (160 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในเวลาเดียวกัน พายุไต้ฝุ่นวิภาเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่รุนแรงที่สุดของฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2550 ไม่นานหลังจากที่ถึงจุดสูงสุด พายุไต้ฝุ่นวิภาก็เริ่มอ่อนกำลังแรงลงเมื่อเคลื่อนเข้าประเทศไต้หวัน
  • วันที่ 18 กันยายน ปากาซาได้ออกคำแนะนำสุดท้ายเกี่ยวกับพายุไต้ฝุ่นโกริงออกจากพื้นที่รับผิดชอบ ต่อมาในวันนั้น ศูนย์กลางของพายุไต้ฝุ่นวิภาเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือของไทเป ประเทศไต้หวัน ประมาณ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (80 ไมล์ต่อชั่วโมง) ความอ่อนกำลังลงต่อเนื่องเมื่อพายุใกล้ประเทศจีน ประมาณ 01:00 น. (18:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) ตาพายุของพายุไต้ฝุ่นวิภาข้ามชายฝั่งประเทศจีนใกล้กับเวินโจวด้วยลมแรง 10 นาทีที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (85 ไมล์ต่อชั่วโมง) ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ประเมินว่าพายุไต้ฝุ่นวิภาเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 3 ด้วยลมต่อเนื่อง 1 นาที 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (115 ไมล์ต่อชั่วโมง) การอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วเกิดขึ้นเมื่อพายุเคลื่อนเข้าสู่แผ่นดิน
  • วันที่ 19 กันยายน ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ออกคำแนะนำสุดท้ายเกี่ยวกับพายุไต้ฝุ่นวิภาได้จัดเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อน
  • วันที่ 20 กันยายน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ยังคงติดตามพายุดีเปรสชันเขตร้อน พายุดีเปรสชันเขตร้อนวิภาได้เข้าสู่ทะเลเหลือง และไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปยังคาบสมุทรเกาหลี พายุดีเปรสชันเขตร้อนวิภาได้กลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อนก่อนที่จะสลายไปนอกชายฝั่งประเทศเกาหลีเหนือในบ่ายของวันนั้น

การเตรียมการ

แก้

ประเทศไต้หวัน

แก้

สนามบินซงซานในไทเปได้ปิดทำการ เนื่องจากพายุไต้ฝุ่นวิภากำลังเคลื่อนตัวเข้าประเทศไต้หวัน ธุรกิจทั้งหมดรวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ได้ถูกปิดทำการในวันที่ 18 กันยายน มีการออกคำเตือนเกี่ยวกับพายุหมุนเขตร้อนในพื้นที่ทางตอนเหนือของเกาะ และประชาชนได้รับคำเตือนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดดินถล่มในพื้นที่ภูเขาด้วยเหตุนี้ ผู้คนประมาณ 169 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดดินถล่ม และมีผู้อพยพอีกประมาณ 237 คน ออกจากพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศไต้หวัน เนื่องจากพายุ มีการออกการแจ้งเตือนระดับสีแดงสำหรับพื้นที่ใกล้กับศูนย์กลางของพายุไต้ฝุ่นวิภามากที่สุด ชาวประมงจีนประมาณเกือบ 4,300 คน ลี้ภัยในประเทศไต้หวัน หลังจากถูกเรียกกลับท่าเรือ[3]

ประเทศจีน

แก้
 
พายุไต้ฝุ่นวิภากำลังเคลื่อนเข้าใกล้หมู่เกาะยาเอยามะจากภาพอินฟราเรดเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2550

เมื่อพายุไต้ฝุ่นวิภาเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศจีน จึงทำให้ในเซี่ยงไฮ้ได้มีการอพยพครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศจีนก็เกิดขึ้น สื่อท้องถิ่นเตือนว่าพายุไต้ฝุ่นวิภา "อาจเป็นพายุไต้ฝุ่นที่ทำลายล้างมากที่สุดในรอบทศวรรษ" ผู้คนมากกว่าประมาณ 2 ล้านคน ได้อพยพออกจากพื้นที่ชายฝั่งทะเล และผู้คนอีกประมาณ 1.79 ล้านคน ที่อยู่ในมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเป็นการย้ายถิ่นฐานที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมณฑล ตามประกาศของศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้มีการรายงานว่าพายุไต้ฝุ่นวิภาได้พัดถล่มเมืองหลวงทางการเงินของประเทศจีนอย่างเซี่ยงไฮ้ เมื่อวันอังคาร จึงทำให้เกิดการอพยพจำนวนมาก จังหวัดใกล้เคียงที่มีประชากรหนาแน่นอย่างมณฑลเจ้อเจียง และมณฑลฝูเจี้ยน อยู่ในภาวะตื่นตัวสูง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้เตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เจ้าหน้าที่เซี่ยงไฮ้ได้มีการอพยพผู้คนประมาณ 291,000 คน ออกจากบ้าน อาคาร คนงานที่อาศัยอยู่ในสถานที่ก่อสร้างชั่วคราว และคนงานที่อาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่ง

การแข่งขันฟุตบอลโลกหญิงถูกเลื่อนออกไป และโปรแกรมการแข่งขันระหว่างประเทศนอร์เวย์กับประเทศกานาที่กำหนดไว้สำหรับวันพุธจะถูกย้ายจากเซี่ยงไฮ้ไปยังหางโจวที่อยู่ใกล้เคียงโดยใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ประมาณ 3 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ผู้จัดงานกล่าวว่าพวกเขาจะผลักดันการแข่งขันในคืนวันอังคารระหว่างสหรัฐกับประเทศไนจีเรีย สนามบินสองแห่งของเซี่ยงไฮ้ ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติซ่างไห่หงเฉียว และท่าอากาศยานนานาชาติซ่างไห่ผู่ตง เปิดให้บริการตามปกติ และในขณะเดียวกันทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน รัฐบาลมณฑลฝูเจี้ยนได้อพยพประชาชนไปแล้วประมาณกว่า 160,000 คน อาหาร และน้ำถูกเก็บไว้ ขณะที่บริการเรือข้ามฟากได้ถูกระงับ และเรือประมงได้รับคำสั่งให้กลับไปที่ท่าเรือ ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัวของทางการจีน ทางการไต้หวันระงับการเดินทางทางอากาศ และปิดตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่สำนักงาน และโรงเรียนในพื้นที่ทางตอนเหนือหลายแห่งของเกาะรวมถึงไทเปได้ถูกปิด เนื่องจากผู้คนที่อยู่ตามชายฝั่งจำนวนมากถูกย้ายไปยังที่สูง[4]

ทหารประมาณ 20,000 นาย ถูกส่งไปช่วยเหลือในการอพยพ และเสริมกำลังแนวป้องกันน้ำท่วม กองทหารดูแลการอพยพผู้คนประมาณเกือบ 100,000 คน[5] เซี่ยงไฮ้ได้มีการยกเลิกขบวนพาเหรด และการเดินทางทางน้ำทั้งหมดที่มุ่งสู่มณฑลเจ้อเจียง เนื่องจากเมืองนี้อยู่ในการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่สำหรับพายุไต้ฝุ่นวิภาที่กำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา[6] คนงานประมาณ 365 คน ถูกอพยพออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมันผิงหูที่ตั้งอยู่ในทะเลจีนตะวันออก สวนสัตว์สองแห่งในเมืองได้ขังสัตว์ในกรง และเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันไม่ให้มีการหลบหนี ประชาชนประมาณ 1.63 ล้านคน ในเซี่ยงไฮ้ มณฑลเจ้อเจียง และมณฑลฝูเจี้ยนที่อยู่ใกล้เคียงได้รับการอพยพ ในเซี่ยงไฮ้ และเมืองใกล้เคียงสั่งปิดโรงเรียนทั้งหมด[7] ผู้คนมากกว่าประมาณ 39,000 คน ถูกอพยพออกจากมณฑลเจียงซูส่วนใหญ่ตามแนวชายฝั่ง[8] หลายเมืองได้ปิดโรงเรียนหยุดการเรียนการสอน และมีการเรียกคืนเรือประมาณเกือบ 40,000 ลำ ไปยังท่าเรือทั่วประเทศจีน นอกจากนี้ ยังมีผู้อพยพราวประมาณ 250,000 คน จากมณฑลฝูเจี้ยนพร้อมส่งข้อความเพิ่มเติมประมาณ 1.41 ล้านข้อความ ไปยังผู้อยู่อาศัยในมณฑล โรงงานประมาณ 50,000 แห่ง ในมณฑลเจ้อเจียงถูกปิดตัวลงจนกว่าพายุไต้ฝุ่นวิภาจะเคลื่อนตัวพัดผ่านไป และการอพยพครั้งใหญ่ส่งผลให้ผู้เสียชีวิตจากพายุไต้ฝุ่นวิภาน้อยลง[9]

ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

แก้

ผู้คนในจังหวัดโอกินาวะประมาณ 30,000 คน ถูกอพยพออกจากพื้นที่ลุ่มใกล้แม่น้ำ ซึ่งแม่น้ำจะล้นตลิ่ง เที่ยวบินขาเข้าและขาออกจากจังหวัดอย่างน้อยประมาณ 50 เที่ยวบิน ได้ถูกยกเลิก และประเทศเกาหลีใต้เริ่มมีการอพยพประชาชนในขณะที่มีการคาดการณ์ว่าพายุไต้ฝุ่นนารีจะเคลื่อนตัวพัดถล่มประเทศเพียงไม่กี่วันก่อนพายุไต้ฝุ่นวิภา ผู้คนประมาณ 940 คน ถูกอพยพไปยังศูนย์พักพิงทั่วประเทศ[10] มีการคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำฝนจากพายุไต้ฝุ่นวิภาที่กลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อนจะส่งผลกระทบต่อประเทศเกาหลีใต้เป็นเวลาหลายวันโดยมีปริมาณน้ำฝนสะสมเกินประมาณ 150 มิลลิเมตร (6 นิ้ว) ในโซล และบริเวณโดยรอบจังหวัดคย็องกีมีปริมาณน้ำฝนสะสมอยู่ที่ประมาณ 120 มิลลิเมตร (5 นิ้ว) ในจังหวัดชุงช็องใต้ จังหวัดชุงช็องเหนือ และจังหวัดคังว็อนทางตะวันตก บริเวณภูเขาของเกาะเชจู คาดว่ามีอีกประมาณ 60 มิลลิเมตร (2 นิ้ว) ในภาคตะวันออกของจังหวัดคังว็อนส่วนอื่น ๆ ของภาคใต้ และที่ราบลุ่มรอบเกาะเชจู[11]

ผลกระทบ

แก้

ประเทศฟิลิปปินส์

แก้
 
ปริมาณน้ำฝนโดยประมาณทั้งหมดจากพายุไต้ฝุ่นวิภาและพายุไต้ฝุ่นนารีตั้งแต่วันที่ 13–20 กันยายน พ.ศ. 2550

แม้ว่าพายุไต้ฝุ่นวิภาจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศฟิลิปปินส์ แต่พายุชั้นนอกทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรงในเนกรอสตะวันตก น้ำท่วมพื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าประมาณ 10.3 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ (211,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ถนนจากฟาร์มสู่ตลาดจำนวนมากได้รับความเสียหาย หรือได้รับความเสียหายอย่างหนัก ด้วยมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ (103,000 ดอลลาร์สหรัฐ)[12] น้ำท่วมยังทำให้บ้านเรือนประมาณ 13 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และบ้านเรือนอีกประมาณ 31 หลัง ได้รับความเสียหาย[13] ฝนตกหนักทำให้เกิดดินถล่ม จึงทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เมื่อวันที่ 16 กันยายน และชายอีก 1 ราย ได้จมน้ำเสียชีวิตในแม่น้ำที่มีน้ำท่วมขังเมื่อวันที่ 21 กันยายน บ้านเรือนอย่างน้อยประมาณ 23 หลัง ได้รับความเสียหาย หลังจากเกิดพายุทอร์นาโดที่เคลื่อนผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่งในบาโคโลด[14] ครอบครัวประมาณ 7,640 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นวิภาในประเทศฟิลิปปินส์[15] มีผู้สูญหายอีกประมาณ 3 ราย ถูกพายุพัดลงไปในแม่น้ำ หลังจากน้ำท่วมทำให้รัฐบาลท้องถิ่นในบายาโดลิด และซาน เอ็นริเก้ประกาศภาวะภัยพิบัติเพื่อให้เงินทุนเข้าถึงผู้ประสบอุทกภัยเมื่อวันที่ 26 กันยายน[16] สิ่งของบรรเทาทุกข์มูลค่าประมาณ 700,000 เปโซฟิลิปปินส์ (14,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ได้ถูกแจกจ่ายไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ กองทุนภัยพิบัติอย่างน้อยประมาณ 480,000 เปโซฟิลิปปินส์ (10,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ถูกส่งไปยังรัฐบาลท้องถิ่นในจังหวัดเนโกรสโอกซีเดนตัล[17]

ประเทศไต้หวัน

แก้

การจราจรบนบก และทางอากาศได้หยุดชะงัก มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ในสถานที่ก่อสร้างสะพานยกระดับในเขตหวู่กู่ใกล้ไทเป นั่งร้านสูงประมาณ 20 เมตร พังถล่มในเช้าวันอังคาร สนามบินภายในประเทศไทเปถูกปิดในขณะที่ท่าอากาศยานนานาชาติไต้หวันเถา-ยฺเหวียนยังคงเปิดบริการอยู่ แม้ว่าเที่ยวบินระหว่างประเทศจะถูกยกเลิก พายุไต้ฝุ่นวิภาทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองไปทางตะวันออก และตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไต้หวัน จึงทำให้เกิดหินถล่ม มีการอพยพผู้คนในหมู่บ้านประมาณ 3 แห่ง ในนครซินจู๋ทางตะวันตกของประเทศไต้หวัน หลายเมืองในทางตะวันออก และทางตอนเหนือของประเทศไต้หวัน รัฐบาลได้ประกาศวันอังคาร ซึ่งเป็นวันที่ 18 กันยายน ให้เป็นวันหยุดเพื่อให้ผู้คนอยู่บ้านได้ และตลาดหุ้นไทเปได้ปิดทำการในวันอังคารเช่นกัน[18][19] ฝนอย่างน้อยประมาณ 495 มิลลิเมตร (19 นิ้ว) ตกลงบนภูเขาของประเทศไต้หวัน จึงทำให้เกิดน้ำท่วมส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรกรรมประมาณ 24 เฮกตาร์ ได้รับความเสียหาย และขาดทุนไปประมาณ 7.8 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (236,300 ดอลลาร์สหรัฐ)[20] ที่อยู่อาศัยทั้งหมดประมาณ 8,795 แห่ง ถูกทิ้งไว้ ถนน และสะพานหลายสายถูกชะล้างจากน้ำท่วม สภาเกษตรได้ออกประกาศเตือนภัยระดับสีแดงสำหรับดินถล่ม และหินถล่ม 29 แห่ง[21] พายุไต้ฝุ่นวิภาได้ทำให้เกิดฝนตกหนักทางตอนเหนือของประเทศไต้หวัน และผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงถูกอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย เนืองจากอาจจะมีโอกาสเกิดพายุขึ้นอีก[22]

ประเทศจีน

แก้
 
น้ำท่วมในเซี่ยงไฮ้

หางจากพายุไต้ฝุ่นวิภาเริ่มส่งผลกระทบบางส่วนของทางตะวันออกของประเทศจีนเมื่อวันที่ 17 กันยายน ฝนตกหนักลดลงถึงประมาณ 162 มิลลิเมตร (6.4 นิ้ว)[23] จึงทำให้แม่น้ำใกล้ระดับน้ำท่วมในบางเมือง และถนนประมาณ 80 เส้น ในเซี่ยงไฮ้ได้ถูกน้ำท่วม เนื่องจากฝนตกหนัก พร้อมรายงานข่าวน้ำขึ้นถึงหัวเข่าของผู้คน[24] ฝนตกเพิ่มขึ้นประมาณ 191 มิลลิเมตร (7.5 นิ้ว) จากพายุฝนฟ้าคะนอง จึงทำให้เกิดน้ำท่วมส่งผลกระทบต่อบ้านเรือน เช่น บ้านเรือนอย่างน้อยประมาณ 13,000 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และบ้านเรือนอีกประมาณ 57,000 หลัง ได้รับความเสียหาย เป็นต้น[25] ผู้คนประมาณ 2.7 ล้านคน ในมณฑลเจ้อเจียง มณฑลฝูเจี้ยน เซี่ยงไฮ้ และมณฑลเจียงซู ได้ถูกอพยพไปอยู่ที่อื่น ๆ และยังมีผู้คนอีกที่ได้รับผลกระทบมากกว่าประมาณ 11 ล้านคน พายุไต้ฝุ่นวิภาได้ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยตรงอยู่ที่ประมาณ 7.45 พันล้านหยวนจีน (1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)[26] รัฐบาลกลางของประเทศจีนได้จัดสรรเงินช่วยเหลือค่าครองชีพประมาณ 81 ล้านหยวนจีน (12.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นวิภาในมณฑลเจ้อเจียง และมณฑลฝูเจี้ยน[27]

พายุฝนฟ้าคะนองได้ถล่มบ้านเรือนประมาณ 1,000 หลัง และทำให้เกิดไฟฟ้าดับ น้ำประปาได้หยุดทำงานในขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่ง มีผู้เสียชีวิตประมาณ 5 ราย ส่วนใหญ่เกิดจากดินถล่ม และสูญหายอีกประมาณ 3 ราย มีการอพยพประชาชนประมาณ 2.7 ล้านคน ในทางตะวันออกของประเทศจีนรวมถึงศูนย์กลางการเงินเซี่ยงไฮ้ก่อนดินถล่มในเช้าวันพุธ ฝนตกหนักทำให้มณฑลเจ้อเจียงน้ำท่วม และบางส่วนของจังหวัดใกล้เคียง เช่น มณฑลฝูเจี้ยน มณฑลอานฮุย และมณฑลเจียงซู เป็นต้น ที่ส่งผลให้พืชผล บ้าน และถนนจมอยู่ใต้น้ำ ไฟฟ้าได้ถูกตัดในหมู่บ้านประมาณเกือบ 1,900 หมู่บ้าน บ้านเรือนประมาณเกือบ 2,500 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก น้ำท่วมพื้นที่เกษตรกรรมประมาณ 160,000 เฮกตาร์ และถนนประมาณ 239 เส้น ได้ขาดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนประมาณ 6 ล้านคน[28] พายุไต้ฝุ่นวิภาทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยประมาณ 6.6 พันล้านหยวนจีน (878.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[29] ในมณฑลเจ้อเจียง และมณฑลฝูเจี้ยน มีรายงานการรั่วไหลของเขื่อนกั้นน้ำประมาณ 1,000 แห่ง เนื่องจากแม่น้ำกับอ่างเก็บน้ำล้น[30] ลมกระโชกแรงพัดเสาไฟฟ้าจำนวนมากโค่นล้มลง มีผู้เสียชีวิตประมาณ 14 ราย ในประเทศจีนที่เกี่ยวข้องกับพายุโดยตรง ชาย 1 ราย ได้ถูกไฟฟ้าช็อต และเสียชีวิตลงไปในน้ำท่วมโดยมีสายไฟอยู่จมอยู่ในน้ำ[31][32]

ประเทศญี่ปุ่น

แก้

ขณะที่พายุโซนร้อนวิภากลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อนเคลื่อนตัวเข้าจังหวัดโอกินาวะ และได้ปล่อยปริมาณน้ำฝนได้สูงถึงประมาณ 335 มิลลิเมตร (13.1 นิ้ว) ทั่วทั้งเกาะโดยมีจุดสูงสุดที่เกาะอิชิงากิ[33] บันทึกความเร็วลมสูงสุดที่โอฮาระ จังหวัดโอกินาวะ ที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (87 ไมล์ต่อชั่วโมง)[34] พายุโซนร้อนวิภาได้คร่าชีวิตผู้คนไป 2 ราย คนหนึ่งเสียชีวิตระหว่างการอพยพจากอาการป่วยที่ศูนย์อพยพในจังหวัดอากิตะ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 6 ราย และมีผู้สูญหายอีก 1 ราย[35] บ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งหมดประมาณ 39 หลัง และบ้านเรือนอีกประมาณ 39 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก พื้นที่เกษตรกรรมประมาณ 3,931 เฮกตาร์ ถนน 7 กิโลเมตร (4.3 ไมล์) และท่าเรือ 3 แห่ง พร้อมเรือประมาณ 10 ลำ ได้รับความเสียหายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ที่อยู่อาศัยประมาณ 10,800 แห่ง ไม่มีไฟฟ้าใช้ มูลค่าความเสียหายจากพายุโซนร้อนวิภาอยู่ที่ประมาณ 28.3 พันล้านเยน (285 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) บริการรถไฟถูกระงับในทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น และเที่ยวบินประมาณเกือบ 50 เที่ยว ได้ถูกยกเลิกในจังหวัดโอกินาวะทางตอนใต้[36]

ประเทศเกาหลีเหนือ

แก้
 
พายุโซนร้อนวิภาเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อนที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าประเทศเกาหลีเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2550

ฝนตกหนักจากพายุหมุนนอกเขตร้อนของพายุโซนร้อนวิภาได้ทำให้พื้นที่เกษตรกรรมประมาณ 109,000 เฮกตาร์ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และบ้านเรือนได้รับความเสียหายประมาณ 14,000 หลัง นอกจากนี้ อาคารสาธารณะมากกว่าประมาณ 8,000 แห่ง เกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง 9 จังหวัด ในประเทศเกาหลีเหนือรวมถึงเปียงยาง ซึ่งเป็นเมืองหลวง น้ำท่วมส่งผลกระทบต่อผู้คนประมาณ 1 ล้านคน และทำให้มีผู้พลัดถิ่นประมาณเกือบ 170,000 คน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยประมาณ 454 ราย และมีผู้สูญหายประมาณ 156 ราย รัฐบาลประเทศเกาหลีเหนือรายงานว่าบ้านเรือนประมาณ 40,000 หลัง ได้รับความเสียหาย และมีบ้านเรือนอีกประมาณ 200,000 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หรือจมอยู่ใต้น้ำ โรงเรียน โรงพยาบาล และอาคารสาธารณะอื่น ๆ หลาย 1,000 แห่ง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก พื้นที่เกษตรกรรมอย่างน้อยร้อยละ 10 ถูกน้ำท่วม และประชาชนอีกประมาณ 1,649 คน ต้องไร้ที่อยู่อาศัย[37] หนึ่งเดือนก่อนพายุโซนร้อนวิภา คือ น้ำท่วมอย่างหนักส่งผลกระทบต่อพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ จึงทำให้มีผู้เสียชีวิต หรือมีผู้สูญหายอย่างน้อยประมาณ 600 คน หลังจากผลกระทบของพายุต่อพื้นที่น้ำท่วมอย่างรุนแรงในประเทศเกาหลีเหนือ คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศได้ส่งมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้กับผู้คนประมาณ 2,000 คน ที่ต้องไร้ที่อยู่อาศัยจากพายุ คลินิกการแพทย์หลาย 100 แห่ง ที่ได้รับความเสียหาย หรือได้รับความเสียหายอย่างหนัก และได้จัดตั้งคลินิกชั่วคราวขึ้น เนื่องจากประชากรที่ได้รับผลกระทบมากถึงร้อยละ 70 รายงานว่ามีอาการปวดท้อง หรือท้องร่วง อาสาสมัครประมาณกว่า 23,000 คน จากสภากาชาดระดมกำลังเพื่อให้การฟื้นฟูอย่างรวดเร็วในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบ[38]

ภายในกลางเดือนกันยายนเงินที่มีมูลค่าประมาณ 420,000 ยูโร (527,000 ดอลลาร์สหรัฐ) มอบให้กับโรงพยาบาลซ่อมแซม และมีแผนที่จะส่งเพิ่มอีกประมาณ 110,000 ยูโร (138,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ภายในสิ้นเดือนกันยายน มีการจัดชุดอุปกรณ์สุขภาพสำหรับประชาชนประมาณ 300,000 คน และจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพิ่มเติมอีกประมาณ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 15 ถึง 18 ตุลาคม การตรวจคัดกรองภาวะโภชนาการอย่างรวดเร็วของเด็กที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด[39] โรงพยาบาลประมาณ 11 แห่ง ได้รับการเติมเวชภัณฑ์ และมีการสร้างแหล่งน้ำถาวรที่โรงพยาบาลทั่วไปในว็อนซัน เงินช่วยเหลือประมาณ 180,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากประเทศนอร์เวย์ถูกส่งไปยังประเทศเกาหลีเหนือภายในวันที่ 22 ตุลาคม 80 เปอร์เซ็นต์ของเงินช่วยเหลือจำนวนประมาณ 14.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ได้รับการสนับสนุน และในเดือนตุลาคมจะมีการแจกจ่ายธัญพืชประมาณ 4,800 ตัน โดยเป็นส่วนหนึ่งของการจัดส่งอาหารครั้งที่สอง ต่อจากครั้งแรกที่ส่งก่อนพายุโซนร้อนวิภากำลังเคลื่อนตัวมา เงินทุน และวัสดุมูลค่าประมาณ 166,000 ดอลลาร์สหรัฐ[40][41]

ดูเพิ่ม

แก้

หมายเหตุ

แก้
  1. "วิภา" เป็นชื่อพายุหมุนเขตร้อนในรายชื่อชุดที่ 2 ลำดับที่ 12 ของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกฝั่งเหนือ และส่งโดยประเทศไทย
  2. พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น "โกริง" (14 ถึง 19 กันยายน พ.ศ. 2550) จากรายงานของสำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA)
  3. ความเร็วลมเฉลี่ยนี้ใช้ความเร็วลมเฉลี่ยใน 10 นาที เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น ๆ
  4. ตัวเลขความเสียหายในบทความนี้เป็นค่าเงินในปี พ.ศ. 2550 เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น ๆ
  5. ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม เป็นหน่วยงานเฉพาะกิจร่วมระหว่างกองทัพเรือสหรัฐ – กองทัพอากาศสหรัฐ ซึ่งจะออกประกาศเตือนภัยพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก และภูมิภาคอื่น ๆ[1]
  6. สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นเป็นศูนย์อุตุนิยมวิทยาชำนัญพิเศษประจำภูมิภาคอย่างเป็นทางการในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก[2]

อ้างอิง

แก้
  1. "Joint Typhoon Warning Center Mission Statement". Joint Typhoon Warning Center. United States Navy. 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 26, 2007. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
  2. "Annual Report on Activities of the RSMC Tokyo – Typhoon Center 2000" (PDF). Japan Meteorological Agency. February 2001. p. 3. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
  3. James Peng (2007-09-18). "Supertyphoon Wipha Approaches Taiwan; Markets Closed (Update4)" (ภาษาอังกฤษ). Bloomberg News. สืบค้นเมื่อ 4 March 2009.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  4. "AFP: Strengthening Typhoon Wipha churns towards Shanghai". web.archive.org (ภาษาอังกฤษ). 2012-10-02. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 October 2012. สืบค้นเมื่อ 13 February 2022.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  5. "News: Typhoon Wipha - Sep 2007, China mobilizes more than 20,000 troops to fight typhoon Wipha". web.archive.org (ภาษาอังกฤษ). 2007-10-14. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 October 2007. สืบค้นเมื่อ 13 February 2022.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  6. Staff Writer (2007-09-18). "Parade, water trips canceled as Wipha nears" (ภาษาอังกฤษ). Shanghai Daily News. สืบค้นเมื่อ 4 March 2009.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  7. "News: Typhoon Wipha - Sep 2007, Powerful typhoon targets eastern China, Shanghai". web.archive.org (ภาษาอังกฤษ). 2007-10-14. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 October 2007. สืบค้นเมื่อ 13 February 2022.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  8. "People's Daily Online - Typhoon Wipha heads north after hitting east China". en.people.cn (ภาษาอังกฤษ). 2022-02-13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 February 2022. สืบค้นเมื่อ 13 February 2022.
  9. "Weakened typhoon Wipha drenches eastern China". Reuters (ภาษาอังกฤษ). 2007-09-19. สืบค้นเมื่อ 13 February 2022.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  10. "Wayback Machine". web.archive.org. 2011-05-23. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-05-23. สืบค้นเมื่อ 2022-02-13.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  11. "KBS Global". archive.ph. 2013-02-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-02-18. สืบค้นเมื่อ 2022-05-07.
  12. Carla Gomez (2007-09-20). "'Goring' causes P10.3-M crop losses in Negros Occidental". Inquirer.net (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 5 March 2009.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  13. Nestor P. Burgos Jr. (2007-09-25). "State of calamity for Iloilo sought". Inquirer.net (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 5 March 2009.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  14. Staff Writer (2007-09-18). "Tornado damages 23 houses in Bacolod" (ภาษาอังกฤษ). GMA News. สืบค้นเมื่อ 5 March 2009.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  15. Carla Gomez (2007-09-20). "'Goring' causes P10.3-M crop losses in Negros Occidental". Inquirer.net (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 5 March 2009.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  16. Nestor P. Burgos Jr. (2007-09-25). "State of calamity for Iloilo sought". Inquirer.net (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 5 March 2009.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  17. Joel Guinto (2007-09-20). "2 kids, woman swept away by Antique river, missing". Inquirer.net (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 5 March 2009.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  18. Staff Writer (2007-09-18). "Two dead, two missing as Typhoon Wipha hits Japan, Taiwan (1st Lead)". Deutsche Presse-Agentur (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 January 2013. สืบค้นเมื่อ 6 March 2009.
  19. Elaine Kurtenbach (2007-09-19). "Typhoon Wipha whips eastern China". USA Today (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 3 March 2009.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  20. James Peng (2007-09-18). "Supertyphoon Wipha Approaches Taiwan; Markets Closed (Update4)" (ภาษาอังกฤษ). Bloomberg News. สืบค้นเมื่อ 4 March 2009.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  21. Staff Writer (2007-09-20). "Typhoon damage limited". Taipei Times (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 September 2012. สืบค้นเมื่อ 3 March 2009.
  22. "News: Typhoon Wipha - Sep 2007, China evacuates 510,000 after typhoon kills two in Japan". web.archive.org (ภาษาอังกฤษ). 2007-10-14. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 October 2007. สืบค้นเมื่อ 13 February 2022.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  23. "Wipha weakens but still pours misery on eastern China, Japan" (ภาษาอังกฤษ). Associated Press. 2007-09-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 March 2012. สืบค้นเมื่อ 5 March 2009.
  24. "Typhoon Wipha pummels China" (ภาษาอังกฤษ). CBC News. Associated Press. 2007-09-19. สืบค้นเมื่อ 6 March 2009.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  25. Elaine Kurtenbach (2007-09-19). "Typhoon Wipha whips eastern China". USA Today (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 3 March 2009.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  26. "Typhoon Wipha heads north after hitting east China" (ภาษาอังกฤษ). China View. Xinhua. 2007-09-19. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 November 2007. สืบค้นเมื่อ 3 March 2009.
  27. "Seven dead, four missing from typhoon Wipha" (ภาษาอังกฤษ). ReliefWeb. Xinhua. 2007-09-21. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 October 2007. สืบค้นเมื่อ 5 March 2009.
  28. Staff Writer (2007-09-19). "Weakened typhoon Wipha drenches eastern China". Reuters (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 4 March 2009.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  29. "E China braces for typhoon Wipha, 2 million evacuated" (ภาษาอังกฤษ). China View. Xinhua. 2007-09-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 October 2007. สืบค้นเมื่อ 3 March 2009.
  30. "Weakened typhoon Wipha drenches eastern China". Reuters (ภาษาอังกฤษ). 2007-09-19. สืบค้นเมื่อ 13 February 2022.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  31. China Meteorological Administration (2008). "40th Session Country Report:China" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). World Meteorological Organization. สืบค้นเมื่อ 3 March 2009.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  32. "Seven dead, four missing from typhoon Wipha" (ภาษาอังกฤษ). China View. Xinhua. 2007-09-21. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 October 2012. สืบค้นเมื่อ 5 March 2009.
  33. "Digital Typhoon: Precipitation Summary". agora.ex.nii.ac.jp (ภาษาอังกฤษ). National Institute of Informatics. 2007-09-16. สืบค้นเมื่อ 16 September 2007.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  34. "Digital Typhoon: Maximum Wind Summary". agora.ex.nii.ac.jp (ภาษาอังกฤษ). National Institute of Informatics. 2007-09-18. สืบค้นเมื่อ 18 September 2007.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  35. Japan Meteorological Agency (2008). "41st Session Country Report: Japan" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). World Meteorological Organization. สืบค้นเมื่อ 4 March 2009.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  36. "Two dead, two missing as Typhoon Wipha hits Japan, Taiwan (1st Lead) …". archive.ph (ภาษาอังกฤษ). 2013-01-28. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 January 2013. สืบค้นเมื่อ 7 May 2022.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  37. "DPR Korea: Floods OCHA Situation Report No. 16 - Democratic People's Republic of Korea". ReliefWeb (ภาษาอังกฤษ). 2007-12-04. สืบค้นเมื่อ 4 December 2007.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  38. "ReliefWeb » Document » Red Cross healing battered DPRK health infrastructure". web.archive.org (ภาษาอังกฤษ). 2009-05-15. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 May 2009. สืบค้นเมื่อ 13 February 2022.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  39. International Federation of Red Cross And Red Crescent Societies (2007-09-28). "Red Cross healing battered DPRK health infrastructure" (ภาษาอังกฤษ). ReliefWeb. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 May 2009. สืบค้นเมื่อ 5 March 2009.
  40. "ReliefWeb » Document » DPR Korea: Floods OCHA Situation Report No. 13". web.archive.org (ภาษาอังกฤษ). 2008-09-17. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 September 2008. สืบค้นเมื่อ 13 February 2022.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  41. United Nations Office for the Coordination of Humanitarian Affairs (2007-10-22). "DPR Korea: Floods OCHA Situation Report No. 13" (ภาษาอังกฤษ). ReliefWeb. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 September 2008. สืบค้นเมื่อ 5 March 2009.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้