พระเจ้าแทโจแห่งโชซ็อน

พระเจ้าแทโจ (เกาหลี태조; ฮันจา太祖; อาร์อาร์Taejo; เอ็มอาร์T'aejo ค.ศ. 1335 - ค.ศ. 1408) เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซ็อนของเกาหลี (ค.ศ. 1392 - ค.ศ. 1398) พระนามเดิมว่า อี ซ็องกเย (เกาหลี이성계; ฮันจา李成桂; อาร์อาร์Yi Seonggye; เอ็มอาร์I Sŏnggye) ภายหลังเสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์ได้เปลี่ยนพระบรมนามาภิไธยของพระองค์เป็น อีทัน (이단) โดยครองราชย์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1392 จนกระทั่งสละราชบัลลังก์ในปี ค.ศ. 1398 พระองค์เป็นบุคคลสำคัญในการล้มล้างราชวงศ์โครยอ พระเจ้าแทโจสละราชบัลลังก์เป็นแทซังวังท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างพระราชโอรสก่อนที่พระองค์จะสวรรคตในปี ค.ศ. 1408

พระเจ้าแทโจ
พระเจ้าหลวง พระบรมราชชนก
พระมหากษัตริย์แห่งโชซ็อน
ครองราชย์17 กรกฎาคม พ.ศ. 1935 - 5 กันยายน พ.ศ. 1941 (5 ปี 353 วัน)
ราชาภิเษก17 กรกฎาคม พ.ศ. 1935
ก่อนหน้าพระเจ้าคงยาง (ราชวงศ์โครยอ)
ถัดไปพระเจ้าช็องจง
ประสูติ14 ตุลาคม พ.ศ. 1879
สวรรคต24 พฤษภาคม พ.ศ. 1951 (71 ปี 222 วัน)
ฝังพระศพสุสานหลวงราชวงศ์โชซ็อน
คู่อภิเษกพระนางซินอึย
พระนางซินด็อก
พระราชบุตรพระเจ้าช็องจง
พระเจ้าแทจง
วัดประจำรัชกาล
แทโจ (태조; 太祖)
ราชวงศ์โชซ็อน
พระราชบิดาอี จา-ชุน
พระราชมารดาพระนางอึยฮเย
Korean name
ฮันกึล
ฮันจา
อาร์อาร์Taejo
เอ็มอาร์T'aejo
นามปากกา
ฮันกึล
ฮันจา
อาร์อาร์Songheon
เอ็มอาร์Songhŏn
ชื่อเกิด
ฮันกึล
, ต่อมา
ฮันจา
, ต่อมา
อาร์อาร์I Seonggye, ต่อมา I Dan
เอ็มอาร์Yi Sŏnggye, ต่อมา Yi Tan
ชื่อสุภาพ
ฮันกึล
ฮันจา
อาร์อาร์Junggyeol
เอ็มอาร์Chunggyŏl

ราชวงศ์ที่พระองค์สถาปนาขึ้นนั้นถูกครอบงำโดยพระราชวงศ์และขุนนางที่เคยรับใช้ราชวงศ์ก่อนหน้านี้คือราชวงศ์โครยอ[1] พระองค์ได้สถาปนาความสัมพันธ์ฉันมิตรกับญี่ปุ่นขึ้นใหม่และปรับปรุงความสัมพันธ์กับราชวงศ์หมิง[2][3][4]

ก้าวสู่อำนาจ

อี ซ็องกเย เสด็จพระราชสมภพเมื่อ ค.ศ. 1335 ในมณฑลซังซ็อง (쌍성총관부, 雙城摠管府) ซึ่งเป็นดินแดนของเกาหลีที่ถูกมองโกลราชวงศ์หยวนผนวกไป บิดาคืออี จา-ชุน (이자춘, 李子春) หรืออูลูสบุคา (Ulus Bukha) เป็นนายพลเกาหลีที่รับใช้มองโกลบังคับบัญชามณฑลซังซ็อง ในปี ค.ศ. 1350 พระเจ้าคงมิน (공민왕, 恭愍王) แห่งราชวงศ์โครยอทรงส่งทัพไปยึดมณฑลซังซ็องคืน อี จา-ชุนและครอบครัวก็ย้ายมาอยู่ที่เมืองฮัมฮึง (함흥, 咸興) ในมณฑลฮัมกย็อง อี ซ็องกเย ได้รับใช้พระเจ้าคงมินเป็นขุนพลที่มีผลงานโดดเด่น ได้แก่ การยึดเมืองแคซ็องคืนจากกบฏโพกผ้าแดง (紅巾之亂, Red Turban Rebellion) ในค.ศ. 1361 การยึดมณฑลทงนย็อง (동녕부, 東寧府) คืนในค.ศ. 1370 รวมทั้งการปราบโจรสลัดญี่ปุ่น (Wokou)

จักรพรรดิหงหวู่ (洪武帝) ล้มราชวงศ์หยวนตั้งราชวงศ์หมิง ในปี ค.ศ. 1368 พระเจ้าคงมินถูกลอบปลงพระชนม์ในปี ค.ศ. 1354 โดยกลุ่มขุนนางที่สนับสนุนพวกมองโกล และในค.ศ. 1388 อี ซ็องกเย ได้ร่วมมือกับชเวย็อง (최영, 崔瑩) ยึดอำนาจจากขุนนางฝ่ายมองโกล ในปีเดียวกันนั้นเองพระจักรพรรดิหงหวู่มีรับสั่งจะส่งทัพจีนมาตั้งมั่นที่มณฑลซังซอง ชเวย็องและพระเจ้าอู (우왕, 禑王) เห็นว่าควรส่งทัพไปรุกรานราชวงศ์หมิงเป็นการต่อต้าน แต่อี ซ็องกเย เห็นว่าไม่ควรทำ เพราะราชวงศ์หมิงขณะนั้นมีความแข็งแกร่ง เกาหลีไม่อาจจะสู้ได้ เมื่อเดินทัพถึงเกาะวีฮวา (위화도, 威化島) บนแม่น้ำยาลู อี ซ็องกเย ก็เปลี่ยนใจ หันทัพกลับมาเมืองแคซ็องกระทำรัฐประหารสังหารชเวย็องเสีย แล้วตั้งพระเจ้าชาง (창왕, 昌王) พระโอรสของพระเจ้าอูเป็นกษัตริย์แทน แต่ในปี ค.ศ. 1389 ก็ถอดพระเจ้าชางลงแล้วสำเร็จโทษไปพร้อมกับพระเจ้าอูด้วยข้อหาเป็นเชื้อพระวงศ์ที่ไม่แท้จริง แล้วยกพระเจ้าคงยาง (공양왕, 恭讓王) ขึ้นเป็นกษัตริย์หุ่นเชิดแทน

ตั้งราชวงศ์ใหม่

อี ซ็องกเย เมื่อได้อำนาจแม้แล้วก็ทำการปฏิรูปการปกครองเสียใหม่ โดยยึดที่ดินจากกลุ่มขุนนางมองโกลเก่ามาทั้งหมดให้กลายเป็นของราชสำนักผ่านทางกฎหมายที่ดินใหม่เพื่อกำจัดอำนาจของกลุ่มขุนนางมองโกลเก่าซึ่งมีที่ดินในครอบครองเป็นฐานอำนาจจำนวนมาก[5] ขุนนางจะมีที่ดินต่อเมื่อราชสำนักให้มาเท่านั้น และอี ซ็องกเย ยังยกเลิกศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำอาณาจักร และยกลัทธิขงจื๊อขึ้นมาแทนที่ อี ซ็องกเย ต้องเผชิญกับการต่อต้านของขุนนางและปราชญ์ขงจื๊อที่ต่อต้านการเปลี่ยนราชวงศ์ใหม่ นำโดย จองมงจู (정몽주, 鄭夢周) ซึ่งอี ซ็องกเย ก็ได้ส่งบุตรชายของตน คือ ลีบังวอน (이방원, 李芳遠) ไปทำการลอบสังหารในค.ศ. 1392[6]

ในที่สุดด้วยการรบเร้าของสภาองคมนตรีและขุนนางทั้งหลาย ในค.ศ. 1392 อี ซ็องกเย ก็บังคับให้พระเจ้าคงยางสละราชบัลลังก์แล้วเนรเทศไปเมืองวอนจู ประกาศล้มเลิกราชวงศ์โครยอ ปราบดาภิเษกตนเองเป็นกษัตริย์ราชวงศ์ใหม่ อี ซ็องกเย ได้อาศัยหลักอาณัติสวรรค์ (Mandate of Heaven) ของจีนมาอธิบายการสิ้นสุดของราชวงศ์โครยอและการปราบดาภิเษกของตนเอง ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในเกาหลี[7] ในค.ศ. 1393 พระเจ้าแทโจทรงส่งทูตไปยังกรุ่งปักกิ่งเพื่อขอพระราชทานการรับรองจากพระจักรพรรดิหงหวู่ และให้ทรงเลือกชื่อราชวงศ์ใหม่ระหว่าง ฮวาย็อง และ โชซ็อน ซึ่งพระจักรพรรดิหมิงก็ทรงเลือกชื่อ "โชซ็อน"[8] อย่างไรก็ตาม ราชวงศ์หมิงยังคงไม่รับรองราชวงศ์ใหม่นี้ของเกาหลีจนกระทั่งรัชสมัยของพระเจ้าแทจงใน ค.ศ. 1394 พระเจ้าแทโจก็สำเร็จโทษพระเจ้าคงยางพร้อมกับพระราชวงศ์ที่เหลือ

เป็นธรรมเนียมของราชวงศ์ใหม่ของเกาหลีที่จะย้ายเมืองหลวง ด้วยความช่วยเหลือของพระภิกษุมูฮัก (무학, 無學) พระสหายแต่พระเยาว์ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ย[9] พระเจ้าแทโจจึงย้ายไปเมืองฮันยัง (한양, 漢陽) และเริ่มสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่เมื่อค.ศ. 1394 ดำเนินการก่อสร้างกำแพงสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ซึ่งออกแบบโดยช็อง โด-จ็อน (정도전, 鄭道傳) ปราชญ์ขงจื๊อและขุนนางคนสำคัญของพระเจ้าแทโจ ในค.ศ. 1395 พระเจ้าแทโจเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นฮันซ็อง (한성, 漢城) ช็อง โด-จ็อนตั้งชื่อพระราชวังแห่งใหม่ให้ว่า พระราชวังคย็องบก (경복궁, 景福宮) ซึ่งสร้างเสร็จใน ค.ศ. 1394 และย้ายราชสำนักไปอยู่ที่เมืองฮันซ็องเป็นการถาวรในปีนั้นเอง

สละบัลลังก์

พระเจ้าแทโจเมื่อครั้งยังเป็นขุนพลอี ซ็องกเย นั้นมีภรรยาอยู่คนหนึ่งมาจากตระกูลฮัน (한씨, 韓氏) มีลูกชายหกคน แต่นางเสียชีวิตไปก่อนในค.ศ. 1391 เมื่อพระเจ้าแทโจปราบดาภิเษกขึ้นครองราชสมบัตินั้น ได้อภิเษกใหม่กับพระมเหสีชินด็อก ตระกูลคัง (신덕왕후 강씨, 神德王后 康氏) และตั้งพระชายาเก่าตระกูลฮันเป็นพระมเหสีชินอี (신의왕후, 神懿王后) พระเจ้าแทโจมีพระโอรสกับพระมเหสีชินด็อกสองพระองค์ พระเจ้าแทโจสถาปนาเจ้าชายอีอัน (의안대군, 宜安大君) ลีบังซอก (이방석, 李芳碩) พระโอรสของพระนางชินด็อกเป็นรัชทายาท สร้างความไม่พอใจแก่พระโอรสทั้งหลายที่ประสูติแต่พระมเหสีฮันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเจ้าชายจองอัน (정안대군, 靖安大君) ลีบังวอน ซึ่งมีความทะเยอทะยานและที่ผ่านมาได้ช่วยเหลือพระบิดาอย่างมาก

พระมเหสีชินด็อกสิ้นพระชนม์ในค.ศ. 1397 เกิดข่าวลือว่าพระเจ้าแทโจหมายจะยกย่องพระโอรสที่ประสูติแต่พระมเหสีใหม่ให้เหนือกว่าพระโอรสที่ประสูติจากพระมเหสีเก่า[10] ในค.ศ. 1398 ลีบังวอนจึงตัดสินใจลอบสังหารลีบังบอน (이방번, 李芳蕃) และลีบังซอก พระโอรสของพระมเหสีชินด็อกทั้งสองพระองค์ รวมทั้งสังหารช็อง โด-จ็อนที่ให้การสนับสนุนเจ้าชายลีบังซอกเป็นรัชทายาท เรียกว่า เหตุการณ์จลาจลของเจ้าชาย (왕자의난, 王子-亂) ครั้งที่หนึ่ง เจ้าชายลีบังวอนตั้งพระเชษฐาเจ้าชายยองอัน (영안대군, 永安大君) ลีบังกวา (이방과, 李芳果) เป็นรัชทายาทแทน

หลังจากที่สูญเสียพระมเหสีและพระโอรสเข่นฆ่ากันเอง พระเจ้าแทโจก็หมดอาลัยตายอยากกับพระชนม์ชีพแล้วจึงสละราชสมบัติในปีค.ศ. 1398 แล้วเสด็จไปประทับที่เมืองฮัมฮึงหรือฮัมนุงบ้านเกิด องค์ชายลีบังกวาขึ้นครองราชสมบัติต่อเป็น พระเจ้าช็องจง (정종, 定宗) แต่ความทะเยอทะยานของเจ้าชายลีบังวอนและการนองเลือดยังไม่จบสิ้น

ปั้นปลายพระชนม์ชีพ

พระเจ้าแทโจสละบัลลังก์แล้วดำรงพระยศเป็น แทซังวัง (태상왕, 太上王) พระเจ้าช็องจงหวั่นเกรงอิทธิพลของพระอนุชาเจ้าชายลีบังวอน จนในค.ศ. 1400 ก็สละบัลลังก์ให้แก่ลีบังวอน ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าแทจง แต่ทว่าตราพระราชลัญจกรอันเป็นสัญลักษณ์ของพระราชอำนาจนั้นแทซังวังได้นำติดพระองค์ไปด้วยแต่กลับไม่มอบให้พระเจ้าแทจง พระเจ้าแทจงได้ส่งทูตมาหาพระราชบิดาหลายครั้งเพื่อขอพระราชทานตราแผ่นดินกลับไป แต่พระเจ้าแทโจก็สังหารทูตของพระโอรสทุกคน จนกระทั่งครั้งสุดท้ายพระเจ้าแทจงได้ส่งพระภิกษุมูฮัก พระสหายของพระเจ้าแทโจมา พระเจ้าแทโจจึงยอมให้พระโอรสเข้าเฝ้า พระเจ้าแทโจขว้างตราแผ่นดินใส่พระพักตร์ของพระเจ้าแทจง แล้วตรัสว่า เอาไปเสียไอ้ลูกชั่ว เจ้าอยากได้มันนักมิใช่ฤๅ[ใครกล่าว?][ต้องการอ้างอิง]

พระเจ้าแทโจเนรเทศพระองค์เองอยู่ที่บ้านเกิดอยู่หลายปี จนด้วยการขอร้องของพระภิกษุมูฮักแทซังวังจึงเสด็จกลับมาประทับที่พระราขวังคยองบกในค.ศ. 1405 ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการสวดมนต์สงบพระราชหฤทัย กระทั่งสวรรคตใน ค.ศ. 1408 พระสุสานชื่อว่า คังวอนนึง (건원릉, 建元陵)

พระนามเต็ม

  • พระเจ้าแทโจ จีอิน คเยอึน ซองมุน ซินมู มหาราชแห่งโชซ็อน[11]
    • 태조지인계운성문신무대왕
    • 太祖至仁啓運聖文神武大王
  • พระเจ้าแทโจ คังฮอน จีอิน คเยอึน ซองมุน ซินมู มหาราชแห่งโชซ็อน[12]
    • 태조강헌지인계운성문신무대왕
    • 太祖康獻至仁啓運聖文神武大王
  • จักรพรรดิแทโจ จีอิน คเยอึน อึงชอง โจท็อง ควางฮุน ยองมยอง ซองมุน ซินมู จองอึย ควางด็อก แห่งจักรวรรดิเกาหลี[13]
    • 태조지인계운응천조통광훈영명성문신무정의광덕고황제
    • 太祖至仁啓運應天肇統廣勳永命聖文神武正義光德高皇帝

พระบรมวงศานุวงศ์

พระอัครมเหสี พระราชโอรส พระราชธิดา

  1. พระนางชินอึย ตระกูลฮัน แห่งอันพยอน (신의왕후 한씨, 神懿王后韓氏)
    1. อี พังอู,เจ้าชายจินอัน(이방우 진안대군)
    2. อี พังกวา,พระเจ้าช็องจง
    3. อี พังอึย,เจ้าชายอิกอัน (이방의 익안대군)
    4. อี พังกาน,เจ้าชายโฮอัน(이방간 회안대군)
    5. อี พังวอน,พระเจ้าแทจง
    6. อี พังยอน,เจ้าชายท็อกอัน (이방연 덕안대군)
    7. เจ้าหญิงคยองชิน (경신공주)
    8. เจ้าหญิงคยองซอน (경선공주)
  2. พระนางชินด็อก ตระกูลคัง แห่งกุกซาน (신덕왕후 강씨, 神德王后康氏)
    1. อี พังบอน,เจ้าชายมูอัน (이방번 무안대군)
    2. อี พังซ็อก,เจ้าชายอึยอัน (이방석 의안대군)
    3. เจ้าหญิงคยองซุน (경순공주)

พระสนม พระราชโอรส พระราชธิดา

  1. พระสนมซองบิน ตระกูลวอน แห่งวอนจู (성비 원씨)
  2. พระสนมจองคยอง ตระกูลยู (정경궁주 유씨)
  3. ชิลจอมซอน,เจ้าหญิงฮวาอึย (김칠점선 화의옹주)
    1. เจ้าหญิงซุกชิน (숙신옹주)
  4. ซังกุง ตระกูลจู (찬덕 주씨) นามเดิม จู ชานด็อก
    1. เจ้าหญิงอึยรยอง (의령옹주)

พงศาวลี

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. Seth, Michael J. (3 December 2019). A Brief History of Korea: Isolation, War, Despotism and Revival: The Fascinating Story of a Resilient But Divided People (ภาษาอังกฤษ). Tuttle Publishing.
  2. "Foreign Relations in Early Joseon". Wayback Machine. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 October 2009. สืบค้นเมื่อ 8 November 2022.{{cite web}}: CS1 maint: unfit URL (ลิงก์)
  3. Hussain, Tariq (2006). Diamond Dilemma: Shaping Korea for the 21st Century (ภาษาอังกฤษ). ‎Seoul Selection USA. p. 45.
  4. Hodge, Carl Cavanagh (2008). Encyclopedia of the Age of Imperialism, 1800–1914 (ภาษาอังกฤษ). Vol. II. Greenwood Press. p. 401.
  5. http://www.koreanhistoryproject.org/Ket/C07/E0705.htm
  6. Jae-un Kang, Jae-eun Kang, Suzanne Lee. The land of scholars: two thousand years of Korean Confucianism.
  7. Michael J. Seth. A concise history of Korea: from the neolithic period through the nineteenth century.
  8. http://www.koreanhistoryproject.org/Ket/C08/E0801.htm
  9. http://www.koreanhistoryproject.org/Ket/C08/E0803.htm
  10. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-07-31. สืบค้นเมื่อ 2010-08-16.
  11. Taejong of Joseon Sillok vol.16, August 7, 1408, entry 3.
  12. Preface to Taejo Sillok, entry 1. The posthumous title "Kangheon" (강헌 康獻) was bestowed from Ming, and was added to Taejo's posthumous name [Taejong Sillok vol.16, October 13, 1408, entry 1].
  13. Gojong Sillok vol.39, December 23, 1899, entry 1. Gojong notably omitted the posthumous title China bestowed on Taejo as a sign of the Empire's "independence" from Qing
ก่อนหน้า พระเจ้าแทโจแห่งโชซ็อน ถัดไป
พระเจ้าคงยาง
(ราชวงศ์โครยอ)
  พระมหากษัตริย์แห่งโชซ็อน
(พ.ศ. 1935 - พ.ศ. 1941)
  พระเจ้าช็องจง