พระปารวตี
ปารวตี (สันสกฤต: पार्वती Pārvatī) หรือ อุมา (สันสกฤต: उमा Umā) เป็นเทวีในศาสนาฮินดู เป็นเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ ความรัก การอุทิศตน ตลอดจนพลังอำนาจศักดิ์สิทธิ์[3][4][5] ถือกันว่า พระนางเป็นด้านอ่อนโยนและเอาใจใส่ของศักติ พระนางยังแสดงพระองค์เป็นหลายด้าน เรียกว่า "ปาง" แต่ละปางเป็นที่รู้จักด้วยหลายชื่อหลายเรื่องราว[6] พระนางกับพระลักษมีและพระสรัสวดี ประกอบกันเป็นตรีเทวี[7]
พระแม่ปารวตี | |
---|---|
เทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์ ความรัก การอุทิศตน พลังอำนาจศักดิ์สิทธิ์ | |
![]() พระแม่ปารวตีและพระศิวะ ภาพพิมพ์นิยมจำหน่ายในบาซาร์ (bazaar art) ยุค 1950 | |
ชื่อในอักษรเทวนาครี | पार्वती |
ชื่อในการทับศัพท์ภาษาสันสกฤต | Pārvatī |
ส่วนเกี่ยวข้อง | ตรีเทวี, อาทิปราศักติ, ศักติ, เทวี, กาลี, ทุรคา, ตริปุรสุนทรี, สตี พระปรเมศวรี, พระแม่ศักติ-ศิวา |
ที่ประทับ | เขาไกรลาส |
พาหนะ | เสือ สิงโต โคนนทิ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
คู่ครอง | พระศิวะ |
บุตร - ธิดา | พระพิฆเนศ พระขันทกุมาร บางแห่งรวม: อโศกสุนทรี |
บิดา-มารดา | หิมวัต ไมนาวติ[1][2] |
พระนางเป็นพระชายาของพระศิวะ เทพเจ้าผู้ปกปักรักษาสรรพชีวิตและทำลายล้างความชั่วร้าย[8] พระนางเป็นพระธิดาของพระหิมวัต เทพแห่งภูเขา กับพระนางไมนาวติ ผู้เป็นพระชายา[9] พระนางทรงให้กำเนิดพระพิฆเนศกับพระขันทกุมาร คัมภีร์ปุราณะยังกล่าวว่า พระนางเป็นพระภคินีของพระวิษณุและพระแม่คงคา[10][11]
พระนางกับพระสวามีทรงเป็นเทพศูนย์กลางแห่งลัทธิไศวะ หรือลัทธิซึ่งถือพระศิวะเป็นใหญ่ ศาสนาฮินดูยังเชื่อว่า พระนางทรงเป็นพลังงานและอำนาจแห่งการสร้างสรรค์ใหม่ของพระสวามี เป็นรากเหง้าของพันธะที่รัดรึงสรรพสิ่งเข้าด้วยกัน และเป็นหนทางแห่งการปลดปล่อยทางจิตวิญญาณ[12][13]ในเทวาลัยฮินดูที่สร้างถวายพระนางและพระสวามี มักใช้โยนี (อวัยวะเพศหญิง) เป็นสัญลักษณ์แทนพระนาง[14][15]
ศัพทมูลแก้ไข
คำว่า "ปารวตี" มีที่มาจาก "ปรรวัต" (สันสกฤต: पर्वत Parvata) คือ บรรพต แปลว่า ภูเขา พระนามหนึ่งของพระหิมวัต พระบิดาผู้เป็นเจ้าแห่งภูเขา[8][9] "ปารวตี" แปลว่า นางภูเขา[16]
ในวรรณกรรมฮินดู พระนางปารวตีทรงเป็นที่รู้จักในหลายพระนาม[17] คัมภีร์ ลลิตาสหสรนาม (Lalita Sahasranama) บันทึกพระนามของพระนามไว้ถึงหลักพัน[6]
หนึ่งในพระนามที่นิยมใช้เรียกขานพระนาง คือ "อุมา"[18] ในเอกสารสมัยแรก พระนามนี้เป็นของพระสตี ชายาองค์แรกของพระศิวะซึ่งกลับชาติมาเกิดเป็นพระนางปารวตี แต่เอกกสารสมัยหลัง เช่น รามายณะ ถือว่า "อุมา" เป็นไวพจน์ของ "ปารวตี" คัมภีร์ หริวงศ์ (Harivamsa) ระบว่า พระนาม "อุมา" นี้มีที่มาจากคำอุทานของพระนางว่า "อุ มา" (u mā) แปลว่า "โอะ อย่า" (oh, don't)[19]
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ C. Mackenzie Brown (1990). The Triumph of the Goddess: The Canonical Models and Theological Visions of the Devi-Bhagavata Purana. SUNY Press.
- ↑ Sita Narasimhan (2006). Śaivism Under the Imperial Cōl̲as as Revealed Through Their Monuments. p. 100. ISBN 9788188934324.
- ↑ H.V. Dehejia, Parvati: Goddess of Love, Mapin, ISBN 978-8185822594
- ↑ James Hendershot, Penance, Trafford, ISBN 978-1490716749, pp 78
- ↑ Suresh Chandra (1998), Encyclopaedia of Hindu Gods and Goddesses, ISBN 978-8176250399, pp 245-246
- ↑ 6.0 6.1 Keller and Ruether (2006), Encyclopedia of Women and Religion in North America, Indiana University Press, ISBN 978-0253346858, pp 663
- ↑ Frithjof Schuon (2003), Roots of the Human Condition, ISBN 978-0941532372, pp 32
- ↑ 8.0 8.1 Edward Balfour, Parvati, p. 153, ที่ Google Books, The Encyclopaedia of India and of Eastern and Southern Asia, pp 153
- ↑ 9.0 9.1 H.V. Dehejia, Parvati: Goddess of Love, Mapin, ISBN 978-8185822594, pp 11
- ↑ Edward Washburn Hopkins, Epic Mythology, p. 224, ที่ Google Books, pp. 224-226
- ↑ William J. Wilkins, Uma - Parvati, Hindu Mythology - Vedic and Puranic, Thacker Spink London, pp 295
- ↑ Ananda Coomaraswamy, Saiva Sculptures, Museum of Fine Arts Bulletin, Vol. 20, No. 118 (Apr., 1922), pp 17
- ↑ Stella Kramrisch (1975), The Indian Great Goddess, History of Religions, Vol. 14, No. 4, pp. 261
- ↑ Hariani Santiko, The Goddess Durgā in the East-Javanese Period, Asian Folklore Studies, Vol. 56, No. 2 (1997), pp. 209-226
- ↑ Ananda Coomaraswamy, Saiva Sculptures, Museum of Fine Arts Bulletin, Vol. 20, No. 118 (Apr., 1922), pp 15-24
- ↑ Alain Daniélou (1992), Gods of Love and Ecstasy: The Traditions of Shiva and Dionysus, ISBN 978-0892813742, pp 77-80
- ↑ John Muir, Original Sanskrit Texts on the Origin and History of the People of India, p. 422, ที่ Google Books, pp 422-436
- ↑ Gopal, Madan (1990). K.S. Gautam (บ.ก.). India through the ages. Publication Division, Ministry of Information and Broadcasting, Government of India. p. 68.
- ↑ Wilkins pp.240-1