กองทัพพายัพ เป็นกองกำลังของกองทัพไทยซึ่งเคลื่อนพลเข้าตีรัฐฉานของพม่าเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2485 ระหว่างการทัพพม่าในสงครามโลกครั้งที่สอง

กองทัพพายัพ
แผนที่ของการทัพพม่า
ประจำการพฤษภาคม 2485 – พฤศจิกายน 2488
ประเทศ ไทย
ขึ้นต่อกองบัญชาการทหารสูงสุด
เหล่า กองทัพบกไทย
กองทัพอากาศไทย
รูปแบบทหารช่าง
ทหารปืนใหญ่
ทหารม้า
ทหารราบ
ทหารอากาศ
เสนารักษ์
บทบาทการประสานกำลังเหล่าทัพ
การยิงตอบโต้ทางยุทธวิธี
การยิงสนับสนุน
การสู้รบระยะประชิด
การสงครามต่อต้านอากาศยาน
การสงครามทางอากาศ
การสงครามในเมือง
การสงครามป่าดงดิบ
การสงครามภูเขา
การสงครามรถถัง
การสนับสนุนทางอากาศอย่างใกล้ชิด
เข้าตี
ตรวจการณ์หน้า
ลาดตระเวน
รื้อถอนทำลายสิ่งกีดขวาง
กำลังรบกองทัพภาค
กองบัญชาการเชียงตุง
ปฏิบัติการสำคัญสงครามโลกครั้งที่สอง
  • การทัพพม่า (Burma campaign)
ผู้บังคับบัญชา
ผู้บัญชาการปัจจุบันพลโท หลวงเสรีเริงฤทธิ์ (จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์)

การจัดกำลังรบ แก้

กำลังรบ ณ พ.ศ. 2485 แก้

 
พลโท จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ แม่ทัพพายัพ คนที่ 1
 
พลโท จิร วิชิตสงคราม แม่ทัพพายัพ คนที่ 2
 
พลตรี หลวงชำนาญยุทธศาสตร์ (ผิน ชุณหะวัณ) ผู้บัญชาการกองพลที่ 3 กองทัพพายัพ

กองทัพพายัพ มี พลโท จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ เป็นแม่ทัพ ตั้งกองบัญชาการกองทัพพายัพครั้งแรกที่จังหวัดลำปาง หลังจากกองทัพพายัพบุกเข้ายึดเมืองเชียงตุงและรัฐฉานได้แล้ว จึงมีการย้ายกองบัญชาการกองทัพพายัพมาตั้งที่จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2485 และย้ายพลโท จิร วิชิตสงคราม เสนาธิการทหารบก มารับหน้าที่แม่ทัพพายัพแทน เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2485

กำลังรบที่ขึ้นตรงต่อกองทัพพายัพมีดังนี้

  • กองพลที่ 2 มีพลตรี หลวงไพรีระย่อเดช (กี๋ ชมะบูรณ์) เป็นผู้บัญชาการกองพล ประกอบด้วย
    • กรมทหารราบที่ 4 (ปราจีนบุรี) ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 10 (ปราจีนบุรี)
      • กองพันทหารราบที่ 11 (ปราจีนบุรี)
      • กองพันทหารราบที่ 12 (ปราจีนบุรี)
    • กรมทหารราบที่ 5 ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 13
      • กองพันทหารราบที่ 14
      • กองพันทหารราบที่ 15
    • กรมทหารราบที่ 12 (พิษณุโลก) ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 28 (นครสวรรค์)
      • กองพันทหารราบที่ 29 (พิษณุโลก)
      • กองพันทหารราบที่ 33 (พิษณุโลก)
    • กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 4 (ปราจีนบุรี)
    • กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 5 (ปราจีนบุรี)
    • กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 6
    • หน่วยขึ้นสมทบ:
      • กรมทหารม้าที่ 5 กองพลทหารม้า
      • กองพันรถรบ กรมยานเกราะ
  • กองพลที่ 3 มีพลตรี หลวงชำนาญยุทธศาสตร์ (ผิน ชุณหะวัณ) เป็นผู้บัญชาการกองพล ประกอบด้วย
    • กรมทหารราบที่ 7 (นครราชสีมา) ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 19 (นครราชสีมา)
      • กองพันทหารราบที่ 20 (นครราชสีมา)
      • กองพันทหารราบที่ 21 (นครราชสีมา)
    • กรมทหารราบที่ 8 (สุรินทร์) ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 17
      • กองพันทหารราบที่ 18
      • กองพันทหารราบที่ 52
    • กรมทหารราบที่ 9 (อุบลราชธานี) ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 25 (อุบลราชธานี)
      • กองพันทหารราบที่ 26 (อุบลราชธานี)
      • กองพันทหารราบที่ 27 (อุบลราชธานี)
    • กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 (นครราชสีมา)
    • กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 8 (นครราชสีมา)
    • กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 9
    • กองจักรยานยนต์ลาดตะเวน
    • กองรถรบ
  • กองพลที่ 4 มีพันเอก หลวงหาญสงคราม (พิชัย หาญสงคราม) เป็นผู้บัญชาการกองพล ประกอบด้วย
    • กรมทหารราบที่ 3 (ลพบุรี) ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 4 (ลพบุรี)
      • กองพันทหารราบที่ 6 (ลพบุรี)
      • กองพันทหารราบที่ 8 (สระบุรี)
    • กรมทหารราบที่ 13 (ลำปาง) ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 30 (ลำปาง)
      • กองพันทหารราบที่ 31 (เชียงใหม่)
      • กองพันทหารราบที่ 34 (ลำปาง)
    • กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 3
    • กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 10 (นครสวรรค์)
  • กองพลทหารม้า - พันโท ทวน วิชัยขัทคะ
    • กรมทหารม้าที่ 35 ประกอบด้วย
      • กองพันทหารม้าที่ 3 (อุบลราชธานี)
      • กองพันทหารม้าที่ 5 (ร้อยเอ็ด)
    • กรมทหารม้าที่ 46 ประกอบด้วย
      • กองพันทหารม้าที่ 4 (จันทบุรี)
      • กองพันทหารม้าที่ 6
  • กองพันรถรบ
  • กรมทหารม้าที่ 12 (อิสระ) มีพันโท หลวงจำรัสโรมรัน (จำรัส รมยะบุรุษ) เป็นผู้บังคับการกรม ประกอบด้วย
    • กองพันทหารม้าที่ 1 (กรุงเทพฯ)
    • กองพันทหารม้าที่ 2 (ปราจีนบุรี)
  • กองพันทหารราบที่ 35 (เชียงใหม่)
  • กองพันทหารช่างที่ 1 (ราชบุรี)
  • กองพันทหารช่างที่ 2 (ฉะเชิงเทรา)
  • กองพันทหารช่างที่ 3
  • กองพันทหารช่างที่ 4
  • กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 (กรุงเทพ)
  • กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 11
  • กองพันปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน กองทัพพายัพ
  • กองพันขนส่ง กองทัพพายัพ
  • กองพันลำเลียงน้ำ กองทัพพายัพ

การปรับกำลัง แก้

ระหว่างการรบ กองทัพพายัพได้จัดกำลังผสมเพิ่มเติมในกองทัพดังนี้

  • กรมทหารราบสนามที่ 17 ประกอบด้วย
    • กองพันทหารราบที่ 32 (นครสวรรค์)
    • กองพันทหารราบที่ 35 (เชียงใหม่)
    • กองพันทหารราบที่ 39 (นครศรีธรรมราช)

สภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายเป็นปัจจัยบังคับให้ต้องยุบกองพลทหารม้าเร็วกว่าที่ควร และย้ายกรมทหารม้าที่ 31 ไปยังจังหวัดร้อยเอ็ด กับย้ายกองพันทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ (กองพันทหารม้าใช้ม้า) กลับไปยังกรุงเทพฯ

อย่างไรก็ตาม กองทัพบกไทยก็ได้จัดตั้งหน่วยทหารทดแทนหน่วยทหารม้าขึ้นในกองทัพพายัพ ดังนี้

  • กองพันปืนกลหนักที่ 11
  • กองพันปืนกลที่ 1
  • กองพันปืนกลที่ 2
  • กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 27
  • กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 29

กองทัพที่ 2 แก้

หลังจากฟื้นฟูความสงบในเมืองเชียงตุงได้ ในปี พ.ศ. 2486 กองทัพบกไทยจึงถอนกำลังของกองทัพพายัพบางส่วน และจัดตั้งกองทัพที่ 2 ขึ้นเป็นกำลังรบสำรอง โดยมีกองบัญชาการอยู่ที่จังหวัดลพบุรี ประกอบด้วย

  • กองพลที่ 1 (เชียงราก) ประกอบด้วย
    • กรมทหารราบที่ 1 (กรุงเทพฯ) ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (กรุงเทพฯ)
      • กองพันทหารราบที่ 3 (กรุงเทพฯ)
      • กองพันทหารราบที่ 9 (กรุงเทพฯ)
    • กรมทหารราบที่ 2 (กรุงเทพฯ) ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 2 (กรุงเทพฯ)
      • กองพันทหารราบที่ 7 (กรุงเทพฯ)
      • กองพันทหารราบที่ 37 (ราชบุรี)
      • กองพันทหารราบที่ 45 (เพชรบุรี)
  • กองพันทหารม้าที่ 1 (ย้ายจากกองทัพพายัพกลับมายังกรุงเทพฯ หลังจากยุบกรมทหารม้าที่ 12 อิสระ เนื่องจากม้าที่หน่วยดังกล่าวใช้งานเป็นของกองพันทหารม้าที่ 1 เกิดเจ็บป่วยและล้มตายจำนวนมาก)
  • กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1
  • กองพลที่ 7 (ลพบุรี) ประกอบด้วย
    • กรมทหารราบที่ 19 (ตำบลบัวชุม อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี) ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 58 (ตำบลบัวชุม อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี)
      • กองพันทหารราบที่ 59 (ตำบลบัวชุม อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี)
    • กรมทหารราบที่ 20 (อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์)
      • กองพันทหารราบที่ 60 (อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์)
      • กองพันทหารราบที่ 61 (อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์)
    • กรมทหารราบที่ 21 (ตำบลวังชมภู อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์)
      • กองพันทหารราบที่ 62 (ตำบลวังชมภู อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์)
      • กองพันทหารราบที่ 63 (ตำบลวังชมภู อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์)
      • กองพันทหารราบที่ 64 (ตำบลวังชมภู อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์)
    • กรมทหารราบที่ 12 ย้ายจากกองทัพพายัพกลับมายังจังหวัดนครสวรรค์ ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 28 (นครสวรรค์)
      • กองพันทหารราบที่ 65 (นครสวรรค์)
    • กรมทหารราบที่ 6 ย้ายจากกองทัพพายัพกลับมายังจังหวัดพิษณุโลก ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 29 (พิษณุโลก) - แยกมาจากกรมทหารราบที่ 12
      • กองพันทหารราบที่ 66 (นครสวรรค์)
      • กองพันทหารราบที่ 67 (ตาก)

กองพลที่ 37 แก้

ในปี พ.ศ. 2488 กองทัพบกไทยได้จัดตั้งหน่วยทหารเพื่อช่วยฝึกด้านยุทธวิธีแก่ขบวนการเสรีไทย ดังนี้

  • กองพลที่ 37 (นครราชสีมา) ประกอบด้วย
    • กรมทหารราบที่ 107 (นครราชสีมา)
    • กรมทหารม้าที่ 35 (ร้อยเอ็ด) - ย้ายมาจากกองทัพพายัพ ประกอบด้วย
      • กองพันทหารม้าที่ 3 (อุบลราชธานี)
      • กองพันทหารม้าที่ 5 (ร้อยเอ็ด)
    • กรมทหารราบที่ 108 (อุดรธานี - นครพนม
    • กรมทหารราบที่ 9 (อุบลราชธานี) - ย้ายมาจากกองทัพพายัพ
      • กองพันทหารราบที่ 25 (อุบลราชธานี)
      • กองพันทหารราบที่ 26 (อุบลราชธานี)
      • กองพันทหารราบที่ 27 (อุบลราชธานี)

การยุบหน่วย แก้

หลังการประกาศสันติภาพเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 หน่วยต่างๆ ของกองทัพได้ถูกยุบเลิกและสลายกำลัง ดังนี้

ประกาศยุบเลิกหน่วยและสลายกำลังเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2488
  • กองพันปืนกลหนักที่ 11
  • กองพันปืนกลที่ 1
  • กองพันปืนกลที่ 2
  • กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 27
  • กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 28
ประกาศยุบเลิกหน่วยและสลายกำลังเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2488
  • กองบัญชาการกองทัพพายัพ
  • กองทัพที่ 2
  • กองพลที่ 7
  • กองพลที่ 37
  • กองพลน้อยผสมที่ 18 ประจำการ ณ สี่รัฐมาลัย
  • กรมทหารราบที่ 20
  • กรมทหารราบที่ 107
  • กองพันทหารม้าที่ 4
  • กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 6
  • กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 14
  • กองพันทหารราบที่ 32 (นครสวรรค์)
  • กองพันทหารราบที่ 33 (กำลังสำรอง)
  • กองพันทหารราบที่ 34 (ลำปาง)
  • กองพันทหารราบที่ 35 (เชียงใหม่)
  • กองพันทหารราบที่ 54
  • กองพันทหารราบที่ 56
  • กองพันทหารราบที่ 40 (ตรัง)
  • กองพันทหารราบที่ 41 (สงขลา)

การปรับกำลังหลังสิ้นสุดสงคราม แก้

หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2489 กองทัพบกไทยได้ปรับกำลังใหม่ดังนี้

  • มณฑลทหารบกที่ 1 (กรุงเทพฯ) ประกอบด้วย
  • มณฑลทหารบกที่ 2 (ปราจีณบุรี) ประกอบด้วย
    • กรมทหารราบที่ 2 (ลพบุรี) - แปรสภาพหน่วยมาจากกรมทหารราบที่ 3 ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 4
      • กองพันทหารราบที่ 6
      • กองพันทหารราบที่ 8
    • กรมทหารราบที่ 12 (ปราจีณบุรี) - แปรสภาพหน่วยมาจากกรมทหารราบที่ 4 ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 10
      • กองพันทหารราบที่ 11
      • กองพันทหารราบที่ 12
  • มณฑลทหารบกที่ 3 ประกอบด้วย
    • กรมทหารราบที่ 3 (นครราชสีมา) - แปรสภาพหน่วยมาจากกรมทหารราบที่ 7 ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 19
      • กองพันทหารราบที่ 20
      • กองพันทหารราบที่ 21
    • กรมทหารราบที่ 13 (อุบลราชธานี) - แปรสภาพหน่วยมาจากกรมทหารราบที่ 9 ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 25 (อุบลราชธานี)
      • กองพันทหารราบที่ 26 (อุบลราชธานี)
      • กองพันทหารราบที่ 27 (อุบลราชธานี)
  • มณฑลทหารบกที่ 4 ประกอบด้วย
    • กรมทหารราบที่ 4 (นครสวรรค์) ประกอบด้วย
      • กองพันทหารราบที่ 28 (นครสวรรค์)
      • กองพันทหารราบที่ 29 (พิษณุโลก)
      • กองพันทหารราบที่ 30 (ลำปาง)
      • กองพันทหารราบที่ 31 (เชียงใหม่)
  • มณฑลทหารบกที่ 5 (นครศรีธรรมราช) ประกอบด้วย
    • กองพันทหารราบที่ 5 (อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา)
    • กองพันทหารราบที่ 38 (ชุมพร)
    • กองพันทหารราบที่ 39 (นครศรีธรรมราช)
    • กองพันทหารราบที่ 42 (อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี)

กองทัพอากาศสนาม แก้

 
พลอากาศตรี ขุนรณนภากาศ (ฟื้น ฤทธาคนี) ผู้บังคับกองบินใหญ่ผสมภาคพายัพ

กองบินผสมที่ 90 - ไม่ทราบจำนวนอากาศยาน

  • ฝูงบินที่ 41
  • ฝูงบินที่ 42
    • เครื่องบิน Curtiss Hawk III
  • ฝูงบินที่ 32
  • ฝูงบินที่ 11
  • ฝูงบินที่ 12
    • เครื่องบิน Mitsubishi Ki-30 จำนวน 17 เครื่อง
  • ฝูงบินที่ 61
  • ฝูงบินที่ 62

ดูเพิ่ม แก้

อ้างอิง แก้