พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย
พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย (9 พฤษภาคม พ.ศ. 2381 — 22 มิถุนายน พ.ศ. 2457) มีพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าแฉ่ เป็นพระธิดาในสมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ ประสูติแต่หม่อมกิ่ม ต่อมาได้รับพระราชทานพระนามใหม่ว่า พรรณราย และเข้ารับราชการฝ่ายในเป็นพระมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย | |
---|---|
พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชั้นตรี | |
ประสูติ | 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2381 |
สิ้นพระชนม์ | 22 มิถุนายน พ.ศ. 2457 (76 ปี) |
พระสวามี | พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
พระบุตร | |
ราชวงศ์ | จักรี |
พระบิดา | สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ |
พระมารดา | หม่อมกิ่ม ศิริวงศ์ ณ อยุธยา |
ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา หม่อมเจ้าพรรณราย ขึ้นเป็น พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย ด้วยเป็นพระราชมาตุจฉาที่ทรงสนิทสนมมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณรายสิ้นพระชนม์ ณ ตำหนักที่ประทับในวังท่าพระ ซึ่งเป็นวังของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ พระโอรส ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2457 สิริพระชันษา 76 ปี 44 วัน
พระประวัติ
พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย ประสูติเมื่อวันพุธ แรม 1 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ตรงกับวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2381 เป็นพระธิดาองค์ที่หกในสมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ ต้นราชสกุลศิริวงศ์ (พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมารดาทรัพย์ ในรัชกาลที่ 3) ประสูติแต่หม่อมกิ่ม (สกุลเดิม แซ่จิ๋ว) มีพระภาดาพระภคินีร่วมพระบิดาแปดองค์[1][2][3] หนึ่งในนั้นคือสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังนั้นพระองค์จึงเป็นพระมาตุจฉาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะที่พระชนนีคือหม่อมกิ่ม เป็นธิดาของจีนก๊วง แซ่จิ๋ว กับแตง แซ่ลี้ ทั้งสองมีเชื้อสายจีน น้องสาวคนหนึ่งของหม่อมกิ่มชื่อเอี่ยม สมรสกับจีนอู่ แซ่เล้า อาของเจ้าจอมมารดาอ่วม ในรัชกาลที่ 5[4]
เมื่อชันษาได้เพียงขวบปี พระบิดาก็สิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระอัยกา จึงรับไปอำรุงเลี้ยงในพระบรมมหาราชวัง พร้อมพระราชทานพระนามใหม่ว่า พรรณราย[5] ขณะที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ไม่แน่พระทัยว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นผู้พระราชทานนาม[6] และให้สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยิกาเธอ กรมพระยาสุดารัตน์ราชประยูร ซึ่งเป็นปิตุจฉาของหม่อมเจ้าพรรณรายรับไปเลี้ยงจนทรงพระเจริญตามลำดับ[5] ฝ่ายพระประยูรญาติรวมทั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มักเรียกหม่อมเจ้าพรรณรายว่า หญิงแฉ่ หรือ แฉ่พรรณราย[7] แม้กระทั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเองก็ทรงเรียกว่า น้าแฉ่[8] สาเหตุที่ได้รับพระนามลำลองว่า "แฉ่" นั้น เป็นเพราะทรงพระกันแสงหนักเมื่อแรกเข้ามาอยู่ในพระบรมมหาราชวัง[5]
เข้ารับราชการฝ่ายใน
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ชุบเลี้ยงหม่อมเจ้าพรรณรายเข้ารับราชการฝ่ายใน[5] และหลังจากที่สมเด็จพระนางเจ้ารำเพยภมราภิรมย์ พระเชษฐภคินีของหม่อมเจ้าพรรณรายเสด็จสวรรคตแล้ว หม่อมเจ้าพรรณรายจึงเป็นพระมเหสีเพียงองค์เดียวตลอดรัชกาล และทรงปกครองฝ่ายในสืบมา สังเกตได้จากการเสด็จออกรับแขกเมืองในฐานะ "เจ้าฝ่ายใน" หรือ "ควีน" ออกปรากฏพระองค์แทนพระเชษฐภคินีผู้ล่วงลับ[7] อย่างไรก็ตามไม่มีการเฉลิมพระอิสริยยศให้สูงขึ้นแต่อย่างใด และมีประสูติการพระราชบุตรในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสองพระองค์ คือ
- พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้ากรรณิกาแก้ว (พ.ศ. 2398-2425) ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศสูงสุดที่ เจ้าฟ้ากรมขุนขัตติยกัลยา[9]
- พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ (พ.ศ. 2406-2490) ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศสูงสุดที่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์[10] เป็นต้นราชสกุลจิตรพงศ์
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2443 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการให้สถาปนาหม่อมเจ้าพรรณรายขึ้นเป็นพระองค์เจ้าฝ่ายใน มีพระนามว่า พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย ทรงศักดินา 3,000[11]และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องยศในเวลาพระราชทานพระสุพรรณบัฏ อันประกอบด้วย หีบหมากเสวยไม้แดงหุ้มทองคำลงยาตราปราสาท 1 หีบ หีบหมากทองคำใหญ่ลายจำหลักเครื่องพร้อม 1 หีบ กระโถนทองคำ 1 กระโถน กาน้ำเสวยทองคำทรงมัณฑ์ทองคำ 1 กา
สิ้นพระชนม์
พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย ประทับในพระบรมมหาราชวังมาโดยตลอด ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ ได้รับพระราชทานวังท่าพระแล้ว พระองค์จึงได้ออกจากพระราชวังมาประทับร่วมวังพระโอรสตั้งแต่ปี พ.ศ. 2428[12]
พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย ประชวรพระโรคบิด และสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2457 เวลา 20:30 น. สิริพระชันษา 76 ปี 44 วัน วันต่อมา เวลาบ่าย 5 โมงเศษ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เสด็จแทนพระองค์ในการพระราชทานน้ำสรงพระศพ เมื่อสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์ สรงพระศพตามลำดับ เจ้าพนักงานประจุกรรมเสร็จแล้วเชิญพระศพลงพระลอง ตั้งบนแว่นฟ้า 2 ชั้น ประกอบพระโกศไม้สิบสอง ตั้งเครื่องราชอิสริยยศและเครื่องสูง สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดชทรงทอดผ้าไตร 20 ผ้าขาว 40 พับ พระสงฆ์สดับปกรณ์ พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม มีกำหนด 1 เดือน[13]
พระเกียรติยศ
ธรรมเนียมพระยศของ พระองค์เจ้าพรรณราย | |
---|---|
การทูล | ใต้ฝ่าพระบาท |
การแทนตน | เกล้ากระหม่อม/เกล้ากระหม่อมฉัน |
การขานรับ | เกล้ากระหม่อม/เพคะ |
พระอิสริยยศ
- 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2381 — 29 เมษายน พ.ศ. 2382 : หม่อมเจ้าแฉ่
- 29 เมษายน พ.ศ. 2382 — 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2443 : หม่อมเจ้าพรรณราย
- 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2443 — 22 มิถุนายน พ.ศ. 2457 : พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2444 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายใน)[14]
- พ.ศ. 2443 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) (ฝ่ายใน)
- พ.ศ. 2436 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้า (ท.จ.) (ฝ่ายใน)
- พ.ศ. 2447 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4 ชั้นที่ 2 (ม.ป.ร.2)[15]
- พ.ศ. 2451 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 ชั้นที่ 3 (จ.ป.ร.3)[16]
พงศาวลี
พงศาวลีในพระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
- ↑ จุลลดา ภักดีภูมินทร์, 'พระสัมพันธวงศ์เธอ' เก็บถาวร 2011-07-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, สกุลไทย, ฉบับที่ 2421, ปีที่ 47, ประจำวันอังคารที่ 13 มีนาคม 2544
- ↑ จุลลดา ภักดีภูมินทร์, สถาปนาคำนำพระนาม เก็บถาวร 2011-07-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, สกุลไทย, ฉบับที่ 2448, ปีที่ 47, ประจำวันอังคารที่ 18 กันยายน 2544
- ↑ จุลลดา ภักดีภูมินทร์, เล่าเรื่องมอญ เก็บถาวร 2011-07-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, สกุลไทย, ฉบับที่ 2486, ปีที่ 48, ประจำวันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2545
- ↑ ธำรงศักดิ์ อายุวัฒนะ. ราชสกุลจักรีวงศ์และราชสกุลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (ภาคต้น). ธนบุรี : สำนักพิมพ์อโยธยา, ม.ม.ป., หน้า 220
- ↑ 5.0 5.1 5.2 5.3 สมบัติ พลายน้อย. พระบรมราชินีและเจ้าจอมมารดาแห่งราชสำนักสยาม. พิมพ์ครั้งที่ 5 กรุงเทพฯ : ฐานบุ๊คส์, 2554, หน้า 303
- ↑ ธงทอง จันทรางศุ. ในกำแพงแก้ว. กรุงเทพฯ : มติชน. 2566, หน้า 31-33
- ↑ 7.0 7.1 ""หม่อมเจ้าพรรณราย" พระมเหสีผู้ทรง "ออกรับแขกเมือง" สมัยรัชกาลที่ 4". ศิลปวัฒนธรรม. 2 มกราคม 2563. สืบค้นเมื่อ 29 มกราคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ ธงทอง จันทรางศุ. ในกำแพงแก้ว. กรุงเทพฯ : เอส.ซี.พริ้นท์แอนด์แพค. พิมพ์ครั้งที่ 2, 2550, หน้า 140
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, คำประกาศตั้งเจ้าฟ้ากรมขุน (พระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนขัติยกัลยา และพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัติวงษ) เก็บถาวร 2011-11-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม 4, ตอน 37, 30 ธันวาคม พ.ศ. 2430, หน้า 293
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ สถาปนาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัติวงศ์ ขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยา, เล่ม ๖๓, ตอนที่ ๑ ก, ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๙, หน้า ๕-๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ เลื่อนกรมแลตั้งกรมพระองค์เจ้า เจ้าพระยา เก็บถาวร 2016-08-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๗, ตอน ๓๕, ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๓, หน้า ๔๘๑
- ↑ ส.พลายน้อย. พระบรมราชินีและเจ้าจอมมารดาแห่งราชสำนักสยาม. พิมพ์ครั้งที่ 5 กรุงเทพฯ:ฐานบุ๊คส์, 2554, หน้า 305
- ↑ "ข่าวสิ้นพระชนม์" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 31 (0 ง): 747–8. 28 มิถุนายน 2457. สืบค้นเมื่อ 27 มกราคม 2563.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จุลจอมเกล้า ฝ่ายน่า แลฝ่านใน, เล่ม ๑๗, ตอน ๓๕, ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๓, หน้า ๕๐๐
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ ฝ่ายใน เก็บถาวร 2015-10-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๒๑, ตอน ๓๒, ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๗, หน้า ๕๗๐
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลปัจจุบันฝ่ายใน เก็บถาวร 2011-11-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๒๕, ตอน ๓๙, ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๑, หน้า ๑๑๕๓
หนังสือ
- กิตติพงษ์ วิโรจน์ธรรมากูร. ย้อนรอยราชสกุลวงศ์ "วังหลวง". กรุงเทพ : สำนักพิมพ์ดอกหญ้า, พิมพ์ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2549. 304 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN 974-941-205-2