ปลาข้าวเม่า

(เปลี่ยนทางจาก Parambassis)

สำหรับปลาข้าวเม่าที่เป็นปลาซิวหรือปลาแปบ ดูที่: ปลาข้าวเม่า (ปลาซิว)

ปลาข้าวเม่า
ปลาแป้นรังกา (P. ranga)
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Chordata
ชั้น: Actinopterygii
อันดับ: Perciformes
อันดับย่อย: Percoidei
วงศ์ใหญ่: Percoidea
วงศ์: Ambassidae
สกุล: Parambassis
Bleeker, 1874
ชนิดต้นแบบ
Ambassis apogonoides
Bleeker, 1851
ชนิด
ดูในเนื้อหา

ปลาข้าวเม่า (อังกฤษ: Asian glassfish) เป็นสกุลของปลาน้ำจืดในวงศ์ปลาแป้นแก้ว (Ambassidae) ใช้ชื่อสกุลว่า Parambassis (/พา-แรม-บาส-ซิส/) ปลาในสกุลนี้มีเกล็ดค่อนข้างเล็ก มีเกล็ดบนเส้นข้างลำตัวประมาณ 40-60 แถว บนกระดูกแก้มมีเกล็ด 4-7 แถว ไม่มีฟันที่ปลายลิ้น กระดูกแก้ม 2 ชิ้นที่อยู่ใกล้ตามีขอบจักเป็นฟันเลื่อย ลำตัวบางใส ครีบทุกครีบใส ในบางชนิดอาจมีตัวเป็นสีสันต่าง ๆ [1]

ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง กิน แมลงและแพลงก์ตอนสัตว์ และสัตว์น้ำขนาดเล็กรวมทั้งตะไคร่น้ำเป็นอาหาร พบกระจายพันธุ์ตั้งแต่อนุทวีปอินเดีย, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนถึงอินโดนีเซีย และออสเตรเลีย มีขนาดโดยเฉลี่ยประมาณ 2-7 เซนติเมตร โดยชนิดที่ใหญ่ที่สุด พบในออสเตรเลีย คือ P. gulliveri ที่มีขนาดใหญ่ได้ถึงเกือบ 30 เซนติเมตร นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม

เป็นปลาที่ใช้บริโภคกันในท้องถิ่น ซึ่งชาวประมงจะนิยมจับกันในเวลากลางคืน โดยใช้แสงไฟจากนีออนล่อให้ขึ้นมากินแมลงที่มาเล่นไฟเหนือน้ำ โดยจะจับได้ทีละมาก ๆ โดยในภาษาไทยจะเรียกปลาในสกุลนี้รวม ๆ กันว่า "แป้น", "แป้นแก้ว", "แว่น", "คับข้อง" หรือ "ขี้ร่วง" ในบางท้องถิ่น[2]

การจำแนก แก้

พบทั้งหมด 17 ชนิด [3]

และชนิดที่สูญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์

อ้างอิง แก้

  1. หน้า 128 หนังสือสาระน่ารู้ปลาน้ำจืดไทย เล่ม ๒ โดย สมโภชน์ อัคคะทวีวัฒน์ พ.ศ. 2547 ISBN 974-00-8738-8
  2. หนังสือปลาน้ำจืดไทย โดย ดร.ชวลิต วิทยานนท์ (กรุงเทพ, พ.ศ. 2544) ISBN 974-475-655-5
  3. 3.0 3.1 Geetakumari, K. & Basudha, C. (2012): Parambassis waikhomi, a new species of glassfish (Teleostei: Ambassidae) from Loktak Lake, northeastern India. เก็บถาวร 2013-02-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Journal of Threatened Taxa, 4 (14): 3327–3332.
  4. 4.0 4.1 "ปลาดึกดำบรรพ์จากอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีลักษณะเดียวกับที่พบที่ ตำบลท่าพล อำเภอเมืองฯ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-03. สืบค้นเมื่อ 2014-04-07.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้