ไกสอน พมวิหาน
ไกสอน พมวิหาน เอกสารไทยบางแห่งสะกดว่า ไกรสร พรหมวิหาร (ลาว: ໄກສອນ ພົມວິຫານ; 13 ธันวาคม พ.ศ. 2463 – 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2535) เลขาธิการใหญ่คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาวคนแรก และนายกรัฐมนตรีคนแรกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และต่อมาในปีพ.ศ. 2534 ได้เป็นประธานาธิบดีจนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมเมื่อพ.ศ. 2535 ปัจจุบันมีอนุสรณ์สถานของไกสอน พมวิหาน อยู่ทุกแขวงทุกเมืองทั่วประเทศ และมีรูปของเขาปรากฏบนธนบัตรสกุลเงินกีบของลาวด้วย
ไกสอน พมวิหาน | |
---|---|
ໄກສອນ ພົມວິຫານ | |
เลขาธิการใหญ่คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว คนที่ 1 | |
ดำรงตำแหน่ง 22 มีนาคม ค.ศ. 1955 – 29 มีนาคม ค.ศ. 1991 | |
ประธานาธิบดี | เจ้าสุภานุวงศ์ |
ก่อนหน้า | สถาปนาพรรค |
ถัดไป | ตนเอง (ในฐานะประธาน) |
ประธานคณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว คนที่ 1 | |
ดำรงตำแหน่ง 29 มีนาคม ค.ศ. 1991 – 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1992 | |
ประธานาธิบดี | ตนเอง |
ก่อนหน้า | ตนเอง (ในฐานะเลขาธิการใหญ่) |
ถัดไป | คำไต สีพันดอน |
ประธานาธิบดีลาว คนที่ 2 | |
ดำรงตำแหน่ง 29 มีนาคม ค.ศ. 1991 – 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1992 | |
นายกรัฐมนตรี | ตนเอง คำไต สีพันดอน |
ประธานพรรค | ตนเอง |
ก่อนหน้า | เจ้าสุภานุวงศ์ |
ถัดไป | หนูฮัก พูมสะหวัน |
นายกรัฐมนตรีลาว คนที่ 1 | |
ดำรงตำแหน่ง 8 ธันวาคม ค.ศ. 1975 – 15 สิงหาคม ค.ศ. 1991 | |
ประธานาธิบดี | เจ้าสุภานุวงศ์ ตนเอง |
รองนายกรัฐมนตรี | ดูรายชื่อ
|
ก่อนหน้า | สถาปนาสาธารณรัฐ เจ้าสุวรรณภูมา (ราชอาณาจักร) |
ถัดไป | คำไต สีพันดอน |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | เหงียน กาย ซ็อง 13 ธันวาคม ค.ศ. 1920 บ้านนาแซง แขวงสุวรรณเขต อาณาจักรหลวงพระบาง อินโดจีนของฝรั่งเศส |
เสียชีวิต | 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1992 นครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว | (71 ปี)
สัญชาติ | ลาว |
ศาสนา | พุทธเถรวาท |
พรรคการเมือง | ประชาชนปฏิวัติลาว |
การเข้าร่วม พรรคการเมืองอื่น | สมาคมวัยหนุ่มกู้ชาติเวียดมินห์ (ค.ศ. 1944–1945) ลาวอิสระ (ค.ศ. 1945–1949) |
คู่สมรส | ทองวิน พมวิหาน (สมรส 1954) |
บุตร |
|
บุพการี |
|
การศึกษา | ลีเซดูว์พรอแต็กตอรา |
ศิษย์เก่า | มหาวิทยาลัยอินโดจีน |
อาชีพ | นักข่าว นักการเมือง |
ประวัติ
แก้ไกสอน พมวิหาน มีชื่อภาษาเวียดนามว่า เหงียน กาย ซ็อง (เวียดนาม: Nguyen Cai Song)[1] หรืออีกชื่อหนึ่งว่า เหงียน จี๊ มืว (Nguyễn Trí Mưu ) เป็นบุตรของนายล้วน หรือเหงียน จี๊ ลวาน (เวียดนาม: Nguyễn Trí Loan) เป็นชาวลาวเชื้อสายเวียดนาม ข้าราชการแปลภาษาที่สำนักงานผู้สำเร็จรัฐการฝรั่งเศสประจำแขวงสุวรรณเขต กับนางดก มารดาชาวลาว[2][3] เกิดที่บ้านนาแซง เมืองคันธบุรี (ปัจจุบันคือเมืองไกสอน พมวิหาน) แขวงสุวรรณเขต ประเทศลาว มีน้องสาวสองคน คือ นางสุวรรณทอง อาศัยอยู่ในประเทศไทย และนางกองมณี อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา[3]
เมื่ออายุ 7 ปี ได้เข้าเรียนโรงเรียนประถมศึกษาภาษาลาวที่บ้านเหนือ (ปัจจุบันคือบ้านไซยะพูม) ต่อมาเข้าเรียนโรงเรียนประถมภาษาฝรั่งเศสที่บ้านใต้ (บ้านท่าแฮ่) เมื่อเรียนจบชั้นประถมเมื่อปี ค.ศ. 1934 ได้เข้าเรียนมัธยมศึกษาที่ลีเซดูว์พรอแต็กตอรา (Lyceé du Protectorat ) กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อเรียนจบวิทยาลัยในปี ค.ศ. 1942 ได้สอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในสาขาวิชาแพทย์ตามคำแนะนำของพ่อ แต่เมื่อได้เรียน เนื่องจากวิชาดังกล่าวไม่ถูกกับบุคลิก และความชอบในวิชาชีพ เขาจึงได้เปลี่ยนมาเรียนวิชากฎหมายแทน
การเรียนวิชากฎหมาย ทำให้เขาได้เรียนรู้กลไกการปกครองแบบหัวเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ได้เรียนรู้เกี่ยวกับขบวนการต่อสู้ของนักเรียนนักศึกษาที่รักชาติต้านลัทธิล่าเมืองขึ้น ในช่วงนั้น ขบวนการเวียดมินห์ ภายใต้การนำพาของพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน โดยประธานโฮจิมินห์ ไกสอนได้ศึกษาเอกสารสิ่งพิมพ์ที่เป็นเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน รวมทั้งเอกสารอื่น ๆ เช่น เลอทราวาย (Le Travail ), หนังสือทฤษฎีปฏิวัติ ซึ่งในนั้นรวมทั้งมติของกองประชุมสากลคอมมิวนิสต์ ค.ศ. 1919 และหนังสืออื่น ๆ เกี่ยวกับโซเวียต เงื่อนไข และสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการต่อสู้ของเวียดมินห์ ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแนวคิด และเส้นทางชีวิตของเขา เขาเคยมีความเห็นว่า การเคลื่อนไหวของเวียดมินห์ได้ทำให้เขาเกิดแนวคิดรักชาติและอยากให้ประเทศเป็นเอกราช
ค.ศ. 1944 ไกสอนได้เข้าเป็นสมาชิกของสมาคมวัยหนุ่มกู้ชาติเวียดมินห์ เขาได้ร่วมกิจกรรมของสมาคมนี้อย่างมากมาย ทำให้เขาได้เรียนรู้การเคลื่อนไหวของเวียดมินห์ มาถึงเวลานี้ ไกสอน พมวิหาน ไม่เพียงแต่เป็นนักรักชาติที่มีสติตื่นตัวแล้วเท่านั้น แต่หากยังมีแนวคิดปฏิวัติอีกด้วย
ค.ศ. 1945 สภาพการของโลกได้ผันแปรไปอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบโดยตรงต่อชะตากรรมของบรรดาประชาชาติอินโดจีน ต้นเดือนมีนาคม 1945 ศูนย์กลางพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนได้จัดกองประชุมขึ้น เพื่อตระเตรียมเงื่อนไขอันจำเป็นให้แก่การลุกฮือขึ้นยึดอำนาจการปกครอง เอาเอกราชแห่งชาติมาให้บรรดาประเทศในอินโดจีน
วันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 กองทัพแดงโซเวียตได้รับชัยชนะกองทัพฟาสซิสต์เยอรมัน ทำให้เป็นโอกาสอันอำนวยสำหรับการลุกฮือขึ้นยึดอำนาจได้เกิดขึ้นสำหรับประชาชนในแหลมอินโดจีน ไกสอนซึ่งก็มาถึงสุวรรณเขตไม่กี่วันก็ได้เคลื่อนไหวค้นหานักรักชาติในขบวนการลาวอิสระ ทั้งดำเนินการปลุกระดมและจัดตั้งชาวหนุ่มลาวและเวียดนามต่างด้าวเข้าร่วมในขบวนการต่อสู้ยึดอำนาจที่สุวรรณเขต
ตามบทเขียนของสีซะนะ สีสาน ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ได้เข้าร่วมในขบวนนั้นให้รู้ว่า "ในขณะนั้น สหายไกสอน พร้อมด้วยคณะผู้แทนชาวสุวรรณเขต ได้ไปหาพวกญี่ปุ่น และทวงให้ญี่ปุ่นมอบอำนาจให้แก่ชาวลาว ในที่สุดในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1945 พวกญี่ปุ่นก็ได้ยอมมอบปืน 120 กระบอก พร้อมลูกปืนหลายหีบให้แก่ชาวสุวรรณเขต กองกำลังประกอบอาวุธประชาชนได้รับการจัดตั้งขึ้นในทันที และพร้อมกันนั้น ประธาน ไกสอน และผู้เขียน (สีซะนะ) ก็ได้พากันออกไปบ้านบอกให้บรรดากำลังประกอบอาวุธ "ลาวอิสระ" เข้ามาสุวรรณเขต เพื่อสมทบกับกำลังประกอบอาวุธประชาชนที่ได้จัดตั้งไว้ก่อนแล้วให้เป็นกำลังประกอบอาวุธอันเดียวกัน ภายหลังที่การยึดอำนาจเรียบร้อยแล้ว ท่านไกสอน พมวิหาน ก็ได้รับผิดชอบแผนกแถลงข่าวของแขวง"
วันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1945 พวกทหารฝรั่งเศสได้บุกโจมตีเข้าตัวเมืองสุวรรณเขต พวกเขาได้ถูกตอบโต้คืนอย่างแข็งแรงจากกำลังประกอบอาวุธประชาชน ต้นเดือนตุลาคม ค.ศ. 1945 เขาได้เป็นเจ้าการเคลื่อนไหวปลุกระดม และจัดตั้งมวลชนชาวสุวรรณเขตเกือบ 2,000 คนเข้าร่วมในพิธีต้อนรับเสด็จเจ้าสุภานุวงศ์ที่ได้เดินทางมาจากประเทศเวียดนาม ผ่านสุวรรณเขต เพื่อไปเข้าร่วมในคณะรัฐบาลลาวอิสระที่เวียงจันทน์
ถึงเดือนธันวาคม ค.ศ. 1945 เขาได้ออกเดินทางจากสุวรรณเขตไปฮานอย เพื่อรวบรวมชาวลาวที่อาศัยอยู่เวียดนามเข้าร่วมการต่อสู้ เวลาอยู่ฮานอย เขาได้เข้าทำงานที่วิทยุกระจายเสียงเวียดนาม ภาคภาษาลาว ทำหน้าที่เขียนบทข่าวโฆษณา เขียนบทวิจารณ์ แปลข่าวจากภาษาเวียดนามและภาษาฝรั่งเศสมาเป็นภาษาลาว บางครั้งเขายังเป่าแคนออกทางวิทยุกระจายเสียงอีก ในระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนธันวาคม ค.ศ. 1946 ไกสอนได้เข้าร่วมทำงานในคณะติดต่อลาว-เวียดนามที่ฮานอย องค์การนี้เป็นองค์การรวบรวบคนลาวที่อยู่ฮานอยและแขวงต่าง ๆ ของเวียดนาม เพื่อจัดตั้งองค์การกู้ชาติของคนลาวที่อยู่ในเวียดนามหรือที่อพยพไปเวียดนาม
ไกสอนในยุคต่อสู้กับพวกจักรวรรดินิยมล่าเมืองขึ้นทั้งเก่าและใหม่ ร่วมกับผู้นำคนอื่น ๆ ได้แก่ เจ้าสุภานุวงศ์, หนูฮัก พูมสะหวัน, คำไต สีพันดอน ไกสอนเป็นผู้นำในการต่อสู้ทางการทหารเข้ามาในภารกิจปลดปล่อยชาติ โดยใช้ยุทธวิธี "บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น" สร้างตั้งพรรคประชาชนลาว โดยเขาเป็นเลขาธิการใหญ่พรรคคนแรก โดยในช่วงนั้นพรรคดำเนินงานอย่างปิดลับ โดยแนวลาวฮักซาดเป็นตัวแทนให้กับพรรค จนสามารถปลดปล่อยประเทศชาติได้อย่างสมบูรณ์ จนประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเมื่อ พ.ศ. 2518 พรรคจึงดำเนินงานอย่างเปิดเผย เขาดำรงตำแหน่งนี้จนถึงแก่อสัญกรรม เมื่อปี พ.ศ. 2535
ไกสอน พมวิหาน เคยเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล และพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และกราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งแรกที่จังหวัดหนองคาย และเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศลาวด้วย แต่เขาถึงแก่อสัญกรรมเสียก่อน หนูฮัก พูมสะหวัน ประธานาธิบดีคนต่อมาจึงได้ร่วมพิธีเปิดสะพานมิตรภาพแทน
พ.ศ. 2553 เป็นปีที่ไกสอน พมวิหาน มีอายุครบ 90 ปี พรรคและรัฐบาลลาวได้จัดงานเฉลิมฉลอง โดยเฉพาะครอบครัวพมวิหาน นำโดยนางทองวิน พมวิหาน ภริยา ได้จัดพิธีอุทิศส่วนกุศลที่บ้านของเขา ในวันที่ 9 – 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553 มีการสวดพระปริตมงคล ตอนเช้าถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์ 9 รูป ส่วนงานที่เป็นรัฐพิธี จัดขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคม
ปัจจุบันอัฐิของเขาได้ประดิษฐานไว้ร่วมกับผู้นำในอดีตคนอื่น ๆ ณ สุสานแห่งชาติ หลัก 24 เมืองไซทานี นครหลวงเวียงจันทน์[4]
อนุสรณ์สถานไกสอน พมวิหาน
แก้อนุสรณ์สถานไกสอน พมวิหาน ตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือท่าด่านประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นอนุสรณ์สถานของไกสอน พมวิหาน อดีตประธานาธิบดีซึ่งเป็นที่เคารพรักของประชาชนชาวลาว เพราะได้สร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศไว้เป็นจำนวนมาก โดยเป็นผู้นำในการปฏิวัติต่อต้านการปกครองของฝรั่งเศสและการปกครองระบอบกษัตริย์ที่มีสหรัฐอเมริกาหนุนหลัง และประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2518 ปัจจุบันประชาชนชาวลาวโดยเฉพาะในแขวงบ่อแก้ว เดินทางไปเคารพอนุสรณ์สถานของเขาอย่างสม่ำเสมอ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
แก้- พ.ศ. 2535 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นมงคลยิ่งราชมิตราภรณ์ (ร.ม.ภ.)[5]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
แก้- สหภาพโซเวียต:
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ - เครื่องอิสริยาภรณ์เลนิน
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ - เครื่องอิสริยาภรณ์มิตรภาพของประชาชน
- คิวบา:
- พ.ศ. 2519 - เครื่องอิสริยาภรณ์โฆเซ มาร์ตี[6]
- ฟิลิปปินส์:
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ - เครื่องอิสริยาภรณ์ซิกาตูนา ชั้นสายสร้อย
- อินโดนีเซีย:
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ - เครื่องอิสริยาภรณ์ดาราแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ชั้นที่ 1
- ออสเตรีย:
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ - เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย ชั้นมหาดารา
อ้างอิง
แก้- ↑ Asia & Pacific Review Published by World of Information, 1994, ISBN 0-7494-1069-8, pg 117
- ↑ ປະຫວັດປະທານ ໄກສອນ ພົມວິຫານ (PDF). ກະຊວງປ້ອງກັນປະເທດ.
- ↑ 3.0 3.1 Dommen, Arthur J. (2001). The Indochinese Experience of the French and the Americans: Nationalism and Communism in Cambodia, Laos, and Vietnam. Indiana University Press. p. 181. ISBN 0-253-33854-9.
- ↑ Tappe, Oliver (6 April 2012). "Revolutionary remains". New Mandala (ภาษาอังกฤษแบบออสเตรเลีย). สืบค้นเมื่อ 23 February 2021.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ นายไกสอน พมวิหาน, เล่ม ๑๐๙, ตอน ๑๒ ง, ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕, หน้า ๖๓๒
- ↑ Dorticós Osvaldo (1976-09-09). "Discurso pronunciado en la ceremonia de imposición de la Orden Jose Martí a Kaysone Phomvihane, el 8 de septiembre de 1976". Granma. p. 2. สืบค้นเมื่อ 2015-03-29.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- ประกาศเปลี่ยนชื่อเมืองคันทะบุลีเป็นเมืองไกสอน พมวิหาน โดย ผู้จัดการออนไลน์ เก็บถาวร 2007-03-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
ก่อนหน้า | ไกสอน พมวิหาน | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พูมี วงวิจิด (รักษาการ) |
ประธานาธิบดีลาว (15 สิงหาคม พ.ศ. 2534 – 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2535) |
หนูฮัก พูมสะหวัน | ||
ไม่มี | เลขาธิการใหญ่คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว (22 มีนาคม พ.ศ. 2498 – 29 มีนาคม พ.ศ. 2534) |
ตำแหน่งประธานพรรค ไกสอน พมวิหาน | ||
ตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ ไกสอน พมวิหาน |
ประธานคณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว (29 มีนาคม พ.ศ. 2534 – 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2535) |
คำไต สีพันดอน | ||
เจ้าสุวรรณภูมา | นายกรัฐมนตรีลาว (8 ธันวาคม พ.ศ. 2518 – 15 สิงหาคม พ.ศ. 2534) |
คำไต สีพันดอน |