เชสเตอร์ เบนนิงตัน

เชสเตอร์ ชาลส์ เบนนิงตัน (อังกฤษ: Chester Charles Bennington; 20 มีนาคม ค.ศ. 1976 – 20 กรกฎาคม ค.ศ. 2017) เป็นนักร้องชาวอเมริกันที่เป็นนักร้องนำให้กับวงร็อกลิงคินพาร์ก ในช่วงหนึ่ง เขายังเป็นนักร้องนำให้กับเกรย์เดซ เดดบายซันไรส์ และสโตนเทมเพิลไพล็อตส์

เชสเตอร์ เบนนิงตัน
เบนนิงตันใน ค.ศ. 2014
เกิดเชสเตอร์ ชาลส์ เบนนิงตัน
20 มีนาคม ค.ศ. 1976(1976-03-20)
ฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐ
เสียชีวิต20 กรกฎาคม ค.ศ. 2017(2017-07-20) (41 ปี)
แพลัสเวอร์ดีสอิสเตตส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐ
อาชีพ
  • นักร้อง
  • นักแต่งเพลง
  • นักแสดง
ปีปฏิบัติงาน1992–2017
คู่สมรส
  • ซาแมนธา โอลิต
    (สมรส 1996; หย่า 2005)
  • ทาลินดา เบนต์ลีย์
    (สมรส 2006)
บุตร6[1]
อาชีพทางดนตรี
แนวเพลง
เครื่องดนตรีเสียงร้อง
อดีตสมาชิก
ลายมือชื่อ

เชสเตอร์เริ่มมีชื่อเสียงจากการออกผลงานกับลิงคินพาร์กที่ชื่อชุด ไฮบริดทีโอรี (2000) ซึ่งประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างมาก อัลบั้มได้รับรางวัลแผ่นเสียงเพชรจากอาร์ไอเอเอใน ค.ศ. 2005 ถือเป็นอัลบั้มเปิดตัวที่ขายได้มากที่สุดในทศวรรษ และเป็นหนึ่งในไม่กี่อัลบั้มที่มียอดขายถึงจุดนั้น[2] เขายังคงเป็นนักร้องนำของวงในอัลบั้มสตูดิโออีก 6 อัลบั้ม จากเมทีโอรา (2003) ถึงวันมอร์ไลต์ (2017) แต่ละอัลบั้มติดชาร์ตติดที่สามอันดับแรกของบิลบอร์ด 200[3][4]

เบนนิงตันต้องต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าและการใช้สารเสพติดตลอดชีวิต โดยเริ่มตั้งแต่สมัยเด็ก ในวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 เขาถูกพบว่าเสียชีวิตในบ้านที่แพลัสเวอร์ดีสอิสเตตส์ เจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพสรุปว่าการเสียชีวิตของเขาเป็นผลจากการฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอ นิตยสารฮิตพาเรเดอร์จัดให้เบนนิงตันอยู่ในอันดับที่ 46 จากรายชื่อ "00 สุดยอดนักร้องนำของเฮฟวีเมทัลที่สุดตลอดกาล"[5] สื่อสิ่งพิมพ์หลายแห่งจัดให้เบนนิงตันเป็นหนึ่งในนักร้องร็อกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเขา[6] Dan Weiss ผู้เขียนให้กับบิลบอร์ดระบุว่า เบนนิงตัน "ทำให้นูเมทัลกลายเป็นสากล"[7]

ชีวิตช่วงแรก

แก้

เชสเตอร์ เบนนิงตันเกิดในฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนาเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1976[8] จากมารดาที่เป็นพยาบาล และบิดาผู้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการสืบสวนคดีการทารุณเด็กทางเพศ[9] เขามีพี่/น้องสาว 2 คนและพี่ชายคนเดียว[10] เบนนิงตันสนใจดนตรีตั้งแต่อายุน้อย โดยอ้างถึงวงดีเพชโมดและสโตนเทมเพิลไพล็อตส์เป็นแรงบันดาลในขณะนั้น[11] เขาใฝ่ฝันอยากเป็นสมาชิกวงสโตนเทมเพิลไพล็อตส์ และภายหลังกลายเป็นนักร้องนำช่วงหนึ่ง[12] ตอน 7 ขวบ เพื่อนชายอายุมากกว่าล่วงละเมิดทางเพศใส่เขา[13] เขาไม่กล้าขอความช่วยเหลือเพราะเขาไม่ต้องการให้ผู้คนคิดว่าเขาเป็นเกย์หรือเขาโกหก เขาถูกลวนลามจนเขาอายุ 13 ปี[10] หลายปีต่อมา เขาเล่าตัวตนขอผู้ลวนลามให้บิดาทราบ แต่เลือกที่จะไม่ดำเนินคดี[14]

บิดามารดาของเบนนิงตันหย่าร้างเมื่อเขาอายุ 11 ปี[15] การล่วงละเมิดและสถานการณ์ที่บ้านทำให้เขาเกิดอารมณ์อยาก "ฆ่าทุกคนและหนีไป" เขาวาดภาพ แต่งกลอน และแต่งเพลงเพื่อสงบสติอารมณ์[10] หลังหย่าร้าง บิดาได้สิทธิ์ดูแลเขา[10] เบนนิงตันเริ่มเสพแอลกอฮอล์, กัญชา, ฝิ่น, โคเคน, เมแทมเฟตามีน และแอลเอสดี[10][11][14] เขาเคยถูกกลั่นแกล้งตอนอยู่ไฮสกูล โดยระบุไว้ในบทสัมภาษณ์บทหนึ่งว่า "ผมถูกทุบตีอย่างกับตุ๊กตาผ้าขี้ริ้วที่โรงเรียน เพราะผมผอมและดูไม่เหมือนใคร"[16] ใน ค.ศ. 1993 ตอนอายุ 17 ปี เบนนิงตันย้ายไปอยู่กับมารดาและถูกห้ามไม่ให้ออกจากบ้านช่วงหนึ่ง หลังมารดาพบว่าเขาเสพยา[10] เขาเคยทำงานที่เบอร์เกอร์คิงก่อนเริ่มทำงานเป็นนักดนตรีมืออาชีพ[11]

อาชีพ

แก้

ช่วงต้น

แก้
 
เบนนิงตันทำการแสดงใน ค.ศ. 1994

เบนนิงตันเริ่มต้นกับวงดนตรีที่ชื่อว่า ฌอน ดาวเดลล์แอนด์ฮิสเฟรนส์? (Sean Dowdell and His Friends?) และออกจำหน่ายเทปคาสเซตสามแทร็กที่ใช้ชื่อเดียวกันใน ค.ศ. 1993 ต่อมาดาวเดลล์และเบนนิงตันย้ายไปก่อตั้งวงดนตรีใหม่แนวโพสต์กรันจ์ชื่อ เกรย์เดซ วงนี้บันทึกเดโมใน ค.ศ. 1993 และอัลบั้มอีกสองชุด ได้แก่ เวกมี ใน ค.ศ. 1994 และ ...โนซันทูเดย์ ใน ค.ศ. 1997 เบนนิงตันออกจากวงเกรย์เดซใน ค.ศ. 1998[17]

ลิงคินพาร์ก

แก้
 
เบนนิงตันเล่นให้กับลิงคินพาร์กในงานโซนิสเฟียร์เฟสติวัล ค.ศ. 2009

เชสเตอร์รู้สึกผิดหวัง จนเกือบที่จะบอกเลิกการเป็นอาชีพนักดนตรีของเขาโดยสิ้นเชิง จนกระทั่ง เจฟฟ์ บลู รองประธานผู้ประสานงานฝ่ายคัดสรรและพัฒนาศิลปินแห่งซอมบามิวสิก ในลอสแอนเจลิส ได้เสนอให้เขาให้เป็นสมาชิกของวงซีโร (ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ลิงคินพาร์ก)[17] เขาลาออกจากงานที่บริษัทให้บริการด้านดิจิทัล[10] และเดินทางที่แคลิฟอร์เนียเพื่อเข้าร่วมการออดิชัน ซึ่งเขาสามารถชนะการคัดเลือกให้เข้าร่วมวงได้สำเร็จ เขาถึงกับพลาดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดตนเอง เพื่อรีบไปบันทึกเสียงร้องของตนลงเทปตัวอย่างกลางดึก[18] เบนนิงตันและไมก์ ชิโนดะ นักร้องอีกคนของวง ร่วมกันพัฒนาจนก้าวหน้าไปอย่างมาก แต่ไม่สามารถหาข้อตกลงบันทึกเสียงได้และเผชิญกับการปฏิเสธหลายครั้ง[17] หลังจากนั้น เจฟฟ์ได้ย้ายไปทำงานเป็นรองประธานผู้ประสานงานฝ่ายคัดสรรและพัฒนาศิลปินที่วอร์เนอร์บราเธอร์ส เพื่อช่วยเหลือในการเซ็นสัญญาของวงกับค่ายเพลงวอร์เนอร์บราเธอร์สเรเคิดส์[17]

ในวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 2000 ลิงคินพาร์กออกจำหน่ายอัลบั้มชุดแรก ไฮบริดทีโอรี โดยค่ายเพลงวอร์เนอร์บราเธอร์สเรเคิดส์ เชสเตอร์และนักร้องนำอีกคนของลิงคินพาร์ก ไมค์ ชิโนะดะ เป็นผู้ประพันธ์คำร้องในอัลบั้ม ไฮบริดทีโอรี และได้มาจากส่วนหนึ่งของเพลงในเทปตัวอย่างในช่วงแรกของวง[9] ไมค์ได้แสดงลักษณะของเนื้อเพลงว่าเป็นการอธิบายความรู้สึกอันหลากหลาย รวมทั้งอารมณ์ และประสบการณ์ และเป็น “อารมณ์ในทุก ๆ วันที่คุณได้กล่าวถึงและได้นึกคิด”[19][20]

เชสเตอร์ทำหน้าที่หลักเป็นนักร้องนำของลิงคินพาร์ก แต่บางครั้งก็แบ่งหน้าที่ให้กับไมค์ ชิโนะดะ ออลมิวสิกไกด์ ได้อธิบายถึงเสียงร้องของเชสเตอร์ว่าเป็น "เสียงแหลมสูง" และ "เร้าอารมณ์" ซึ่งตรงกันข้ามกับแนวฮิปฮอปของไมค์[11] นอกจากนี้ ทั้งสองคนยังได้มีส่วนร่วมในการประพันธ์คำร้องในหลาย ๆ เพลงของวง[21]

เดดบายซันไรส์

แก้
 
เบนนิงตันขณะแสดงให้กับเดดบายซันไรส์ใน ค.ศ. 2009

ใน ค.ศ. 2005 เบนนิงตันร่วมก่อตั้งเดดบายซันไรส์ วงอิเล็กทรอนิกร็อกจากลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย กับOrgy และ Amir Derakh กับ Ryan Shuck สมาชิกวง Julien-K[22][23] เดดบายซันไรส์เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2008 ในงานครบรอบ 13 ปี Club Tattoo ที่ แทมพี รัฐแอริโซนา[24]

วงนี้ปล่อยอัลบั้มเดียวชื่อ Out of Ashes ในวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2009[25]

สโตนเทมเพิลไพล็อตส์

แก้

ชีวิตส่วนตัว

แก้

ครอบครัวและมุมมอง

แก้

เบนนิงตันมีลูกชายที่เกิดจากความสัมพันธ์กับเอลกา แบรนด์ใน ค.ศ. 1996[26] ใน ค.ศ. 2006 เขารับเลี้ยงลูกชายแีกครของแบรนด์ที่เกิดใน ค.ศ. 1997[26] เขาสมรสกับซาแมนธา แมรี โอลิต (Samantha Marie Olit) ภรรยาคนแรก ในวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1996[27] ทั้งคู่มีลูกคนเดียวชื่อ เดรเวน (Draven) ที่เกิดใน ค.ศ. 2002 ภายหลังกลายเป็นคนข้ามเพศใน ค.ศ. 2024[26][28] ความสัมพันธ์ของเบนนิงตันกะบภรรยาคนแรกเสื่อมถอยในช่วงต้นปีที่เขาอยู่กับลิงคินพาร์ก และทั้งคู่หย่ากันใน ค.ศ. 2005[29]

ใน ค.ศ. 2006 เขาสมรสกับทาลินดา แอนน์ เบนต์ลีย์ (Talinda Ann Bentley) อดีตนางแบบเพลย์บอย ซึ่งเขามีลูกกับเธอสามคน คนแรกเกิดใน ค.ศ. 2006 และฝาแฝดเกิดใน ค.ศ. 2011[30] เชสเตอร์และทาลินดาถูกคุกคามทางการสะกดรอยตามไซเบอร์ ซึ่งต่อมาถูกตัดสินว่ามีความผิดใน ค.ศ. 2008 ในข้อหาสอดเห็นอีเมลและข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ของทั้งคู่ รวมถึงส่งข้อความข่มขู่ และถูกตัดสินจำคุก 2 ปี[31]

เบนนิงตันเป็นผู้ชื่นชอบรอยสัก[32]

เบนนิงตันเป็นผู้วิจารณ์ดอนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2017 เขาทวีตว่ทรัมป์ "เป็นภัยที่ร้ายแรงต่อสหรัฐมากกว่าการก้อการร้าย"[33][34]

สุขภาพและการบาดเจ็บ

แก้

เบนนิงตันต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าและการใช้ยาในทางที่ผิด[35] เขาเลิกเสพยาได้ในที่สุด และต่อมาเขาให้สัมภาษณ์ประนามการใช้ยาเสพติด[36] ระหว่างทัวร์กับลิงคินพาร์ก เขาเริ่มดื่มหนัก กระทั่งเลิกดื่มผ่านการแทรกแซงของเพื่อนร่วมวง[37] เขากล่าวว่าเลิกดื่มในปี ค.ศ. 2011 โดยพูดว่า "ผมแค่ไม่อยากเป็นคนคนนั้นอีกต่อไป"[38]

เสียชีวิต

แก้

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 เบนนิงตันตอานอายุ 41 ปี ถูกพบเสียชีวิตในบ้านของเขาที่แพลัสเวอร์ดีสอิสเตตส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย[39] ร่างของเขาถูกพบเมื่อเวลาประมาณ 9 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น[40] เจ้าหน้าที่ตัดสินว่าเขาเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอ[41] ไม่มีการทิ้งจดหมายฆ่าตัวตาย และรายงานผลการตรวจพิษวิทยาพบว่ามีแอลกอฮอล์ในร่างกายเพียงปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น[42][43][44]

 
เบนนิงตันแสดงในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 สิบหกวันก่อนเสียชีวิต

หลังเบนนิงตันเสียชีวิต ลิงคินพาร์กยกเลิกวันมอร์ไลต์เวิลด์ทัวร์ที่เหลือทั้งหมด และคืนเงินค่าตั๋ว[45] พิธีศพของเบนนิงตันจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมในสวนพฤกษศาสตร์เซาต์โคสต์ที่แพลัสเวอร์ดีส นอกจากสมาชิกครอบครัวและเพื่อนใกล้ชิดแล้ว นักดนตรีหลายคนที่เข้าทัวร์หรือเล่นให้กับลิงคินพาร์กก็เข้าร่วมด้วย พิธีดังกล่าวยังรวมถึงเวทีแบบสำหรับการแสดงดนตรีเต็มรูปด้วย[46]

การรำลึกและไว้อาลัย

แก้

ผลงานการแสดง

แก้

เบนนิงตันเป็นนักแสดงรับเชิญในภาพยนตร์คนโคม่า วิ่ง/คลั่ง/ฆ่า ค.ศ. 2006 ในฐานะลูกค้าเภสัชกรรม[47] ภายหลังปรากฏเป็นคนดูสนามม้าในภาคต่อ แครงก์ คนคลั่ง ไฟแรงสูง ค.ศ. 2009[48] เบนนิงตันยังเล่นเป็นอีวานคนเหยียดผิวผู้โชคร้ายในภาพยนตร์เกมตัดต่อตาย 7 ค.ศ. 2010[49] เขาเป็นหนึ่งในนักดนตรีร็อกหลายคนที่พูดเกี่ยวกับอุตสาหกรรมในสารคดีของจาเรด เลโท ค.ศ. 2012 เรื่อง Artifact[50]

เบนนิงตันกำลังทำงานร่วมกับโบสถ์ในการพัฒนารายการโทรทัศน์ที่จะออกฉายเร็ว ๆ นี้ ซึ่งมีชื่อว่า "Mayor of the World" โดยมีทริป เทย์เลอร์เป็นผู้อำนวยการสร้าง[51]

ปี ชื่อ บทบาท หมายเหตุ
2006 คนโคม่า วิ่ง/คลั่ง/ฆ่า Pharmacy Stoner [47]
2009 แครงก์ คนคลั่ง ไฟแรงสูง Hollywood Park Guy [48]
2010 เกมตัดต่อตาย 7 อีวาน [52]

อ้างอิง

แก้
  1. Tracy, Brianne (July 20, 2021). "Chester Bennington's Widow Recalls How He 'Always Made Everything Better' on 4-Year Anniversary of His Death". People. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 29, 2024. สืบค้นเมื่อ August 29, 2024. Talinda then went on to say that she and their kids, 9-year-old twins Lily and Lila and son Tyler, 15, miss Chester "every second of every day." (Chester also had children Jaime, Isaiah and Draven from previous relationships.)
  2. White, Adam (February 16, 2002). "Dido, Linkin Park Lead the Global 20 of 2001". Billboard. Vol. 114 no. 7. p. 42. ISSN 0006-2510. สืบค้นเมื่อ May 13, 2022.
  3. McIntyre, Hugh (August 7, 2017). "Linkin Park Makes History By Placing 23 Songs On The Rock Chart Simultaneously". Forbes. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 29, 2023. สืบค้นเมื่อ July 29, 2023.
  4. Caulfield, Keith (July 21, 2017). "Linkin Park's U.S. Music Sales Rise 5,332% After Death of Chester Bennington". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 29, 2023. สืบค้นเมื่อ July 29, 2023.
  5. Bucher, Chris (July 20, 2017). "Chester Bennington Dead: Top Linkin Park Songs & Albums". Heavy. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 23, 2020. สืบค้นเมื่อ July 29, 2017.
  6. Goodman, William (July 21, 2017). "Chester Bennington, Chris Cornell & Scott Weiland: A Legacy of Pained Rock Powerhouses". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 14, 2020. สืบค้นเมื่อ July 21, 2017.
  7. Weiss, Dan (July 20, 2017). "Chester Bennington Turned Nu-Metal Universal". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 21, 2020. สืบค้นเมื่อ July 20, 2017.
  8. Shaw, Phil (July 25, 2017). "Chester Bennington: Lead singer of Linkin Park remembered". The Independent. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 31, 2017. สืบค้นเมื่อ November 8, 2019.
  9. 9.0 9.1 Fricke, David. "Rap Metal Rulers" เก็บถาวร ธันวาคม 24, 2005 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Rolling Stone No. 891, March 14, 2002
  10. 10.0 10.1 10.2 10.3 10.4 10.5 10.6 Bryant, Tom (January 23, 2008). "Linkin Park, Kerrang!". Kerrang!. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 9, 2018. สืบค้นเมื่อ November 28, 2012.
  11. 11.0 11.1 11.2 11.3 Apar, Corey (2007). "Chester Bennington". MTV. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2010. สืบค้นเมื่อ November 18, 2021.
  12. "Celebrará Chester Bennington cumpleaños 35 con nuevo sencillo" [Chester Bennington to celebrate 35th birthday with new single]. El Porvenir (ภาษาสเปน). March 19, 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 2, 2013. สืบค้นเมื่อ November 28, 2012.
  13. Goodwyn, Tom (July 14, 2011). "Linkin Park's Chester Bennington: 'I was a raging alcoholic'". NME. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 2, 2013. สืบค้นเมื่อ November 28, 2012.
  14. 14.0 14.1 Simpson, Dave (July 7, 2011). "Linkin Park: 'We're famous, but we're not celebrities'". The Guardian. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 19, 2012. สืบค้นเมื่อ November 28, 2012.
  15. Grow, Kory (August 4, 2017). "Chester Bennington's Last Days: Linkin Park Singer's Mix of Hope, Heaviness". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 29, 2020. สืบค้นเมื่อ August 25, 2020.
  16. Beaumont, Mark (July 21, 2017). "Chester Bennington Obituary: 1976–2017". NME. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 10, 2020. สืบค้นเมื่อ July 21, 2017.
  17. 17.0 17.1 17.2 17.3 Rolling Stone Magazine, Linkin Park – Biography เก็บถาวร ธันวาคม 24, 2005 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (March 14, 2002), The Linkin Park Times; retrieved on June 24, 2007.
  18. Morton, Luke (October 9, 2020). "Chester Bennington Left His Own Birthday Party To Record Linkin Park's Lost Track, Pictureboard". Kerrang!. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 31, 2021. สืบค้นเมื่อ December 31, 2021.
  19. BBC Radio 1, Evening Session Interview with Steve Lamacq, June 13, 2001
  20. "BBC Session Interview". LP Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 23, 2008. สืบค้นเมื่อ September 19, 2007.
  21. Soghomonian, Talia (พฤษภาคม 2003). "interview with Mike Shinoda of Linkin Park". NY Rock. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ ตุลาคม 4, 2008. สืบค้นเมื่อ กันยายน 30, 2008.
  22. "Dead By Sunrise Release New Video". SoundSphere Mag. September 8, 2009. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 16, 2017. สืบค้นเมื่อ January 18, 2018.
  23. Heaney, Gregory. "Dead By Sunrise Bio". AllMusic. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 19, 2018. สืบค้นเมื่อ January 18, 2018.
  24. Fuoco, Christina (May 12, 2008). "Chester Bennington Talks New Band Dead by Sunrise, Next Linkin Park Album". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 30, 2017. สืบค้นเมื่อ July 20, 2017.
  25. Graff, Gary. "Linkin Park's Bennington Talks New Band, Debut". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 9, 2017. สืบค้นเมื่อ July 20, 2017.
  26. 26.0 26.1 26.2 Orfanides, Effie (July 20, 2017). "Chester Bennington's Kids: 5 Fast Facts You Need to Know". Heavy. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 22, 2017. สืบค้นเมื่อ July 21, 2017.
  27. Chester Bennington Profile เก็บถาวร ธันวาคม 10, 2006 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, celebritywonder.com; retrieved on June 27, 2007.
  28. Peters, Mitchell (February 16, 2025). "Chester Bennington's Child Draven Reveals They Are Transgender: 'Choosing to No Longer Hide'". Billboard. สืบค้นเมื่อ March 8, 2025.
  29. Montgomery, James, Linkin Park's Minutes to Midnight Preview: Nu-Metallers Grow Up (May 7, 2007), MTV News; retrieved on June 24, 2007.
  30. Runtagh, Jordan; Nelson, Jeff (July 20, 2017). "Linkin Park Frontman Chester Bennington, 41, Found Dead of Apparent Suicide". People. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 21, 2017. สืบค้นเมื่อ July 21, 2017.
  31. "Linkin Park singer's stalker sentenced". USA Today. Albuquerque, New Mexico. Associated Press. February 20, 2008. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 23, 2017. สืบค้นเมื่อ April 22, 2017.
  32. "Rip Chester Bennington of Linkin Park". Inked. October 10, 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 3, 2021. สืบค้นเมื่อ July 3, 2021.
  33. Bennington, Chester [@ChesterBe] (January 30, 2017). "I repeat..... Trump is a greater threat to the USA than terrorism!! We have to take back our voices and stand for what we believe in" (ทวีต) – โดยทาง ทวิตเตอร์.
  34. Haasch, Palmer (July 20, 2020). "Fans of late Linkin Park frontman Chester Bennington are sharing his anti-Trump tweets after the president retweeted a video using the band's music". Business Insider (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 14, 2024. สืบค้นเมื่อ 2024-08-14.
  35. Grow, Kory (August 4, 2017). "Chester Bennington's Last Days: Linkin Park Singer's Mix of Hope, Heaviness". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 22, 2021. สืบค้นเมื่อ July 11, 2021.
  36. Bradenton Herald, Bradenton: Mo' Money Mo' Problems เก็บถาวร พฤษภาคม 23, 2008 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (August 13, 2004), Linkin Park Association; retrieved on June 27, 2007.
  37. Gaita, Paul (July 14, 2011). "Linkin Park's Chester Bennington: Band's Intervention Saved my Life". The Fix. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 13, 2020. สืบค้นเมื่อ March 10, 2020.
  38. "Linkin Park's Chester Bennington: 'I was a raging alcoholic'". NME. July 14, 2011. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 2, 2013. สืบค้นเมื่อ November 28, 2012.
  39. "Chester Bennington: Linkin Park vocalist 'took his own life'". BBC News. July 20, 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 9, 2020. สืบค้นเมื่อ July 20, 2017.
  40. ช็อกวงการเพลง! เชสเตอร์ เบนนิงตัน นักร้องนำลิงคินพาร์ก ผูกคอฆ่าตัวตาย เผยซึมเศร้า
  41. "ช็อควงการเพลงโลก นักร้องนำ "Linkin Park" เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย". Thai PBS. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
  42. Grow, Kory (December 5, 2017). "Chester Bennington's Autopsy Report Released". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 25, 2021. สืบค้นเมื่อ April 15, 2021.
  43. "Coroner confirms Chester Bennington died by hanging; Linkin Park cancels tour". USA Today. July 21, 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 22, 2017. สืบค้นเมื่อ July 22, 2017.
  44. Payne, Chris (December 5, 2017). "Linkin Park's Chester Bennington: Toxicology Report Released". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 6, 2017. สืบค้นเมื่อ December 5, 2017.
  45. "Linkin Park cancel North American tour after Chester Bennington death". BBC. July 21, 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 22, 2017. สืบค้นเมื่อ July 22, 2017.
  46. Bitette, Nicole (July 30, 2017). "Linkin Park's Chester Bennington laid to rest in private funeral ceremony near his home". New York Daily News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 31, 2017. สืบค้นเมื่อ July 30, 2017.
  47. 47.0 47.1 Cohen, Johnathon (August 29, 2006). "Linkin Park Hits iTunes, New Album Not Quite Ready". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 13, 2021. สืบค้นเมื่อ June 20, 2008.
  48. 48.0 48.1 Greenberg, Alexandra (April 3, 2009). "Maynard James Keenan & Cester Bennington Make Cameo In 'Crank: Hich Voltage'". Mitch Schneider Organization. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 29, 2017. สืบค้นเมื่อ August 6, 2009.
  49. Barton, Steve (August 31, 2010). "New Saw 3D Image Tortures Linkin Park's Chester Bennington". DreadCentral. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 15, 2010. สืบค้นเมื่อ November 30, 2010.
  50. Mobarak, Jared (December 2, 2013). "Artifact". Film Stage. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 11, 2018. สืบค้นเมื่อ September 19, 2017.
  51. "Reaper's Forge". Reapersforge.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 29, 2010. สืบค้นเมื่อ August 19, 2010.
  52. Warner, Kara (October 28, 2010). "Linkin Park's Chester Bennington Explains How He Ended Up In 'Saw 3D'". MTV. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 1, 2022. สืบค้นเมื่อ January 26, 2024.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้