พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย)
พระราชสังวรญาณ นามเดิม พุธ อินทรหา ฉายา านิโย (8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2465 — 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2542) เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน อำเภอเมืองนครราชสีมา และวิปัสสนาจารย์สายพระป่าในประเทศไทยลูกศิษย์องค์สุดท้ายของพระครูวิเวกพุทธกิจ (เสาร์ กนฺตสีโล) ท่านกำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก และในช่วงวัยเด็ก ท่านมักจะมีสุขภาพที่แข็งแรง แต่มีนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้อื่น และสามารถปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสมในขณะอยู่ในเพศบรรพชิต [1]
พระราชสังวรญาณ (พุธ านิโย) | |
---|---|
คำนำหน้าชื่อ | พระเดชพระคุณ |
ชื่ออื่น | หลวงพ่อพุธ |
ส่วนบุคคล | |
เกิด | 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2465 (77 ปี) |
มรณภาพ | 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2542 |
นิกาย | ธรรมยุติกนิกาย |
การศึกษา | เปรียญธรรม 4 ประโยค |
ตำแหน่งชั้นสูง | |
ที่อยู่ | วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา |
บรรพชา | พ.ศ. 2479 |
อุปสมบท | 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2485 |
พรรษา | 57 |
ตำแหน่ง | เจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน |
ประวัติ
แก้หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ท่านมีนามเดิมว่า พุธ อินทรหา ท่านเกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2465 (นับแบบใหม่) ตรงกับ วันพุธ ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 3 ปีจอ ณ บ้านหนองหญ้าเส้ง ตำบลสันประดู่ อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี เป็นบุตรคนเดียวของบิดามารดา ครอบครัวมีอาชีพทำนาทำไร่ ในช่วงอายุได้ 4 ขวบ มารดาได้ถึงแก่กรรม บิดามีความเสียใจเป็นอันมากจึงนำท่านย้ายมาอยู่บ้านเกิดของบิดาที่ หมู่บ้านโคกพุทรา ตำบลตาลโกน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
อุปสมบท
แก้ในช่วงวัยเยาว์ ท่านได้ออกศึกษาหาความรู้ ในโรงเรียนประชาบาลวัดไทรทอง ท่านได้เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จึงได้ลาออกมาแล้วบรรพชาเป็นสามเณรเมื่อปี พ.ศ. 2479 เมื่อมีอายุได้ 15 ปี ที่วัดอินทสุวรรณ บ้านโคกพุทรา ตำบลตาลโกน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร โดยมี ท่านพระครูวิบูลย์ธรรมขันธ์ เจ้าคณะอำเภอสว่างแดนดิน เป็นพระอุปัชฌาย์ และท่านพระครูโพธิภูมิไพโรจน์ เป็นพระบรรพชาจารย์
เรียนรู้ธรรม
แก้หลังจากบรรพชาแล้ว ท่านก็อาศัยอยู่กับท่านพระครูโพธิภูมิไพโรจน์ นั่นเอง ท่านได้รับเมตตา จากพระอาจารย์ให้ได้ศึกษาทางด้านปริยัติธรรมด้วย และในพรรษาแรกนี้เอง สามเณรพุธสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี[2] และเริ่มรับการฝึกอบรมด้าน ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จากท่านพระอาจารย์เสาร์เป็นครั้งแรก ต่อมาในปีพ.ศ. 2483 ท่านพระอาจารย์เสาร์ ได้พาหลวงพ่อไปฝากตัวเป็นศิษย์พระปัญญาพิศาลเถร (หนู ฐิตปญฺโญ) ณ วัดปทุมวนาราม (วัดสระปทุม) กรุงเทพมหานคร ซึ่งหลวงพ่อได้จำพรรษาเรื่อยมาจนอายุครบบวช 21 ปี จึงได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2485 ณ วัดแห่งนี้ หลวงพ่อได้ปฏิบัติศาสนกิจช่วยงานพระศาสนาตลอดมา[3] และในช่วงสงครามแปซิฟิก ท่านได้อพยพกลับไปจำพรรษาที่วัดบูรพา จังหวัดอุบลราชธานี และท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดแห่งนั้นจนถึงปี พ.ศ. 2489 ระหว่างนั้นท่านเกิดอาพาธเป็นวัณโรคอย่างหนัก ต่อมาท่านได้พบกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร และท่านก็ได้ช่วยรักษาโดยการสอนให้เพ่งอาการ 32 โดยให้พิจารณาถึงความตายให้มากที่สุด ทั้งยัง คอยให้กำลังใจกับท่านตลอดเวลา[4] จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2513[5] ท่านได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน ในระยะเวลาที่ท่านเป็นเจ้าอาวาส ท่านปฏิบัติกิจของสงฆ์อย่างไม่หยุดยั้ง และทำหน้าที่เป็นวิทยากรบรรยายธรรม สร้างคุณประโยชน์ต่อศาสนามากมาย[6] และได้สร้างโรงเรียนราชอุปถัมภ์ สร้างอาคารให้เด็กนักเรียน[7] มอบทุนสนับสนุนการก่อตั้งมูลนิธิของโรงเรียน ตลอดจนหน่วยงาน ราชการต่าง ๆ - นอกจากนี้ท่านยังช่วยจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลเสมอ ๆ - อีกทั้งยังมอบทุนสนับสนุนการก่อสร้างตึกสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลมหาราช จังหวัดนครราชสีมา - รวมทั้งมอบทุนสนับสนุนการก่อตั้งมูลนิธิของโรงพยาบาลต่าง ๆ อีกด้วย
ละสังขาร
แก้หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ได้ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริอายุได้ 77 ปี [8] พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์พร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (เมื่อครั้งดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร) ไปในการพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 ณ วัดป่าสาลวัน อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
ตำแหน่งทางคณะสงฆ์
แก้- พ.ศ. 2495 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเจ้าคณะอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
- พ.ศ. 2496 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าแสนสำราญ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
- พ.ศ. 2500 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
- พ.ศ. 2511 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ
- พ.ศ. 2513 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน จังหวัดนครราชสีมา
สมณศักดิ์
แก้- พ.ศ. 2500 เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่ พระครูพุทธิสารสุนทร
- 5 ธันวาคม พ.ศ. 2512 เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญเปรียญ เจ้าคณะจังหวัด ที่ พระชินวงศาจารย์ สาสนภารพินิจ ธรรมิกคณิสสร[9]
- 5 ธันวาคม พ.ศ. 2527 เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญเปรียญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระภาวนาพิศาลเถร[10]
- 12 สิงหาคม พ.ศ. 2535 เป็น พระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชสังวรญาณ ปฏิภาณพิพัฒนวิสิฏฐ์ ธรรมิกคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[11]ภายหลังได้รับพระราชทานพัดยศเป็นฝ่ายวิปัสสนาธุระ
อ้างอิง
แก้- ↑ ประวัติหลวงพ่อพุธ ฐานิโย
- ↑ หลวงพ่อพุธ ทรายแก้ว
- ↑ ชีวประวัติและผลงานของหลวงพ่อพุธ[ลิงก์เสีย]
- ↑ "เสียงธรรมจากหลวงพ่อพุธ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-10-14. สืบค้นเมื่อ 2011-10-13.
- ↑ "ลำดับเจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2011-10-13.
- ↑ ประวัติพระสงฆ์ไทย
- ↑ หนังสือชีวประวัติหลวงพ่อพุธ ฐานิโย
- ↑ หลวงพ่อพุธ มรณภาพแล้วไปไหน
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม ๘๖, ตอนที่ ๑๑๘ ง ฉบับพิเศษ, ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๒, หน้า ๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม ๑๐๒, ตอนที่ ๑๗ ง ฉบับพิเศษ, ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๘, หน้า ๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม ๑๐๙, ตอนที่ ๑๐๑ ง ฉบับพิเศษ, ๑๒ สิงหาคม ๒๕๓๕, หน้า ๖
ก่อนหน้า | พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย) | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระสุธรรมคณาจารย์ (แดง ธมฺมรกฺขิโต) | เจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน (พ.ศ. 2513 — พ.ศ. 2542) |
พระมงคลวัฒนคุณ (เพิ่ม กิตฺติวฒฺฑโน) |