ปลาฉลามวาฬ
ฉลามวาฬ ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: 60–0Ma | |
---|---|
ฉลามวาฬจากไต้หวันในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจอร์เจีย | |
เปรียบเทียบขนาดกับมนุษย์ | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Chondrichthyes |
ชั้นย่อย: | Elasmobranchii |
อันดับ: | Orectolobiformes |
วงศ์: | Rhincodontidae (Müller and Henle, 1839) |
สกุล: | Rhincodon Smith, 1829 |
สปีชีส์: | R. typus |
ชื่อทวินาม | |
Rhincodon typus (Smith, 1828) | |
พิสัยของฉลามวาฬ | |
ชื่อพ้อง[2] | |
|
ปลาฉลามวาฬ (อังกฤษ: whale shark) เป็นฉลามเคลื่อนที่ช้าที่กินอาหารแบบกรองกิน เป็นปลาที่ขนาดใหญ่ที่สุด โดยยาวได้ถึง 8-17.5 ม. และหนัก 21-35 ตัน แต่มีรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันว่ายังมีฉลามวาฬที่ใหญ่กว่านี้ เป็นสัตว์ทะเลชนิดเดียวชนิดเดียวในสกุล Rhincodon ที่ยังคงดำรงเผ่าพันธุ์ถึงปัจจุบัน และวงศ์ Rhincodontidae (ก่อนปี ค.ศ. 1984 ถูกเรียกว่า Rhinodontes) ซึ่งเป็นสมาชิกในชั้นย่อย Elasmobranchii ในชั้นปลากระดูกอ่อน ฉลามวาฬพบได้ในทะเลเขตร้อนและอบอุ่น อาศัยอยู่ในทะเลเปิด มีช่วงอายุประมาณ 70 ปี[3] ฉลามชนิดนี้กำเนิดเมื่อประมาณ 60 ล้านปีมาแล้ว อาหารหลักของฉลามวาฬคือแพลงก์ตอน ถึงแม้ว่ารายการแพลนเน็ตเอิร์ธของบีบีซีจะถ่ายภาพยนตร์ขณะที่ฉลามวาฬกำลังกินฝูงปลาขนาดเล็กไว้ได้[4]
ศัพทมูลวิทยาและความผูกพันกับมนุษย์
แก้ฉลามวาฬมีชื่อเสียงในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1828 ตามตัวอย่างยาว 4.6 ม.ที่จับได้ด้วยฉมวกในอ่าวเทเบิล ประเทศแอฟริกาใต้ หมอทหารที่ชื่อ แอนดริว สมิท (Andrew Smith) ได้ร่วมกับค่ายทหารของอังกฤษในเคปทาวน์บรรยายและจำแนกฉลามวาฬในปีถัดมา[5] เขาตีพิมพ์ลักษณะรายละเอียดมากขึ้นในปี ค.ศ. 1849 ชื่อ "ฉลามวาฬ" มากจากลักษณะของสัตว์ทะเลที่มีขนาดใหญ่เหมือนวาฬและยังกินอาหารแบบกรอกกินเหมือนกันอีกด้วย
ในความเชื่อในศาสนาของชาวเวียดนาม นับถือปลาฉลามวาฬเป็นเทพเจ้า โดยเรียกว่า "Ca Ong" ซึ่งแปลว่า "ท่านปลา"
ในประเทศเม็กซิโกและละตินอเมริกาส่วนมาก ปลาฉลามวาฬถูกรู้จักกันในชื่อ "pez dama" หรือ "domino" มาจากจุดที่เด่นชัดบนตัวมัน ในประเทศเบลีซ รู้จักกันในนาม "Sapodilla Tom" เพราะมักจะพบปลาฉลามวาฬอย่างสม่ำเสมอ ใกล้กับ Sapodilla Cayes ในกำแพงโขดหินแห่งเบลีซ (Belize Barrier Reef)
ในทวีปแอฟริกา ชื่อของฉลามวาฬถูกเรียกกันหลากหลาย: ประเทศเคนยาเรียกว่า "papa shillingi" มาจากตำนานที่ว่าเทพเจ้าได้ขว้างเหรียญเงินลงไปบนตัวฉลามซึ่งได้กลายเป็นจุดของมันในปัจจุบัน ประเทศมาดากัสการ์เรียกว่า "marokintana" หมายถึง "ดาวหลายดวง"
ชาวชวาก็อ้างอิงถึงดวงดาวด้วยเช่นกัน จึงเรียกฉลามวาฬว่า "geger lintang" แปลว่า "มีดาวอยู่บนหลัง" ในประเทศฟิลิปปินส์เรียกว่า "butanding"
ฉลามวาฬ นับเป็นหนึ่งในชนิดของฉลามที่ใกล้สูญพันธุ์แล้วของโลก เนื่องจากถูกจับทำเป็นหูฉลาม[6] และยังไม่เคยมีการพบลูกปลาฉลามวาฬขนาดเล็ก จนกระทั่งเมื่อต้นปี ค.ศ. 2009 จึงมีการค้นพบลูกฉลามวาฬขนาดเล็กความยาว 15 นิ้ว ที่ดอนซอล ในฟิลิปปินส์ และถูกนำเรื่องราวและภาพถ่ายลงในอินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษาต่อไป[7]
ฉลามวาฬ จัดเป็นสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งที่นักดำน้ำต้องการจะพบเห็นตัวและถ่ายรูปมากที่สุด จัดเป็น 1 ใน 5 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งท้องทะเล แต่ทว่าไม่ใช่เป็นสัตว์ทะเลที่จะพบเห็นได้ง่าย ๆ แม้กระทั่งนักดำน้ำในทริปเดียวกัน แต่ดำในคนละจุด จุดหนึ่งจะเห็น แต่อีกจุดก็จะไม่เห็น จนเป็นที่กล่าวขานกันในหมู่นักดำน้ำว่า หากใครเคยพบเห็น ก็จะพบตลอด แต่ใครที่ไม่เคยพบ ก็จะไม่พบเลย[8]
การกระจายพันธุ์และถิ่นอาศัย
แก้ฉลามวาฬอาศัยอยู่ในทะเลเขตร้อนและเขตอบอุ่น ตามผิวทะเล นอกจากนี้ในฤดูที่มีปรากฏการณ์การรวมตัวกันของแหล่งอาหารใกล้แนวชายฝั่งสามารถพบฉลามวาฬได้เช่นกัน เช่น
- โกลด์เดน สพิต (Gladden Spit) ในประเทศเบลีซ
- แนวโขดหินนิงกาโล (Ningaloo Reef) ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย
- อูตีลา (Útila) ใน ประเทศฮอนดูรัส
- โดนโซล (Donsol), พาซาจาโอ (Pasacao) และ บาตันกัส (Batangas) ในประเทศฟิลิปปินส์
- ชายฝั่งอิสลา มูเคร์เรส (Isla Mujeres) และอิสลา ออโบซ (Isla Holbox) ในยูคตัน (Yucatan) ประเทศเม็กซิโก
- อุทยานแห่งชาติอูจุงกูลอน ในประเทศอินโดนีเซีย
- โนซี บี (Nosy Be) ในประเทศมาดากัสการ์
- รอบแนวโขดหินโตโฟ (Tofo) ใกล้กับอินอัมบันเน (Inhambane) ในประเทศโมซัมบิก
- เกาะมาเฟีย (Mafia), เพมบา (Pemba) และ แซนซิบาร์ ในประเทศแทนซาเนีย
- เกาะทะลุ ( Koh Talu ) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประเทศไทย
- เกาะห้า (Koh Ha) จังหวัดกระบี่ ประเทศไทย
- หินแดง หินม่วง (Hin Daeng-Hin Muang) จังหวัดกระบี่ ประเทศไทย มีโอกาสเจอมากที่สุดในโลก
ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วจะพบอยู่ห่างจากชายฝั่ง แต่ก็มีการพบฉลามวาฬใกล้แผ่นดินเช่นกัน อย่างในทะเลสาบหรือเกาะรูปวงแหวนที่เกิดจากหินปะการัง และใกล้กับปากแม่น้ำ โดยมีพิสัยจำกัดอยู่ในเส้นรุ้งประมาณ ±30° ความลึกไม่เกิน 700 ม. และท่องเที่ยวเร่ร่อนไปทั่ว[3]
ลักษณะ
แก้ลักษณะของฉลามวาฬที่แตกต่างจากฉลามส่วนใหญ่ คือ หัวที่ใหญ่โตมากเมื่อเทียบกับขนาดลำตัว และปากที่อยู่ด้านหน้าแทนที่จะอยู่ด้านล่าง ฉลามวาฬ เกือบทั้งหมดที่พบมีขนาดใหญ่กว่า 3.5 เมตร ใช้เหงือกในการหายใจ มีช่องเหงือก 5 ช่อง มีครีบอก 2 อัน ครีบหาง 2 อัน และ ครีบก้น(หาง) 1 อัน หางของปลาฉลามวาฬอยู่ในแนวตั้งฉาก และโบกไปมาในแนวซ้าย-ขวา แตกต่างจากสัตว์เลือดอุ่นในทะเลที่หางอยู่ในแนวขนานและหายใจด้วยปอด อาทิ วาฬ, โลมา หรือพะยูน เป็นต้น
ในการระบุตัวของฉลามวาฬนั้น พิจารณาจากด้านข้างลำตัว ตั้งแต่ช่องเหงือกช่องที่ 5 จนถึงสิ้นสุดครีบอก โดยแต่ละตัวจะมีจุดที่แตกต่างกันออกไปเป็นอัตลักษณ์ประจำตัว[9]
อาหาร
แก้กินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร โดยใช้วิธีกรองกิน แต่ลักษณะการกินอาหารไม่ใช่ปัจจัยที่นักวิทยาศาสตร์ใช้แบ่งฉลามวาฬออกจากฉลามชนิดอื่น ๆ เนื่องจากยังมีปลาฉลามอีก 2 ชนิดที่กินแพลงก์ตอนเป็นอาหารแต่อยู่คนละอันดับกับฉลามวาฬ
ฉลามวาฬปกติเป็นปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำลึก และจะขึ้นมากินแพลงก์ตอนในเวลากลางคืนบริเวณผิวน้ำ โดยใช้การดูดน้ำเข้าปากแล้วผ่านช่องกรอง โดยจะทิ่งตัวเป็นแนวดิ่งกับพื้นน้ำ ที่ออสลอบ ในจังหวัดเซบู ของฟิลิปปินส์ ชาวพื้นเมืองที่นั่นซึ่งดั้งเดิมมีอาชีพประมงจับปลาทั่วไป ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 เป็นต้นมา ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตด้วยการโปรยอาหารเลี้ยงฉลามวาฬ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจนกลายเป็นไฮไลต์ของการท่องเที่ยวดำน้ำของที่นี่ โดยอาหารที่ป้อนนั้น คือ เคย และจะมีช่วงเวลาที่ป้อนตั้งแต่ 05.00 หรือ 06.00 น.-13.00 น. ในแต่ละวัน จากนั้นฉลามวาฬก็จะว่ายออกไปทะเลลึกเพื่อหากินเอง ซึ่งเชื่อว่าวิธีการแบบนี้จะไม่ทำให้พฤติกรรมของฉลามวาฬเปลี่ยนไป[10]
การอนุรักษ์
แก้สถานภาพในประเทศไทย ปัจจุบันเป็นสัตว์ป่าสงวนตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ พุทธศักราช 2562
อ้างอิง
แก้- ↑ Norman, Brad (2000). Rhincodon typus. 2006 IUCN Red List of Threatened Species. IUCN 2006. Retrieved on 11 May 2006. Database entry includes justification for why this species is vulnerable.
- ↑ จาก itis.gov
- ↑ 3.0 3.1 Ed. Ranier Froese and Daniel Pauly. "Rhincodon typus". FishBase. สืบค้นเมื่อ 17 September 2006.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|dateformat=
ถูกละเว้น (help) - ↑ Jurassic Shark (2000) documentary by Jacinth O'Donnell; broadcast on Discovery Channel, August 5, 2006
- ↑ Martin, R. Aidan. "Rhincodon or Rhiniodon? A Whale Shark by any Other Name". ReefQuest Centre for Shark Research. สืบค้นเมื่อ 2009-09-12.
- ↑ "ฉลามทะเลลึกใกล้สูญพันธุ์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2013-04-03.
{{cite web}}
: ระบุ|accessdate=
และ|access-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ|archivedate=
และ|archive-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ|archiveurl=
และ|archive-url=
มากกว่าหนึ่งรายการ (help) - ↑ Smallest Whale Shark Discovered -- On a Leash จากเนชั่นแนลจีโอกราฟิก
- ↑ มหัศจรรย์, "มหัศจรรย์พันธุ์ลึก" .สารคดีทางไทยพีบีเอส: ศุกร์ที่ 1 มีนาคม 2556
- ↑ ความหวัง, "มหัศจรรย์พันธุ์ลึก" .สารคดีทางไทยพีบีเอส: ศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2556
- ↑ ฉลามวาฬ, "มหัศจรรย์พันธุ์ลึก" สารคดีทางไทยพีบีเอส: ศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2556
- J. G. Colman (1997). A review of the biology and ecology of the whale shark. Journal of Fish Biology 51 (6), 1219–1234.
- FAO web page on Whale shark
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Rhincodon typus ที่วิกิสปีชีส์
- Whale Shark Photo-identification Library
- Maldives Whale Shark Research Program
- Report a whale shark sighting
- How to photograph a whale shark for mark-recapture research
- Whale shark research discussion forum เก็บถาวร 2007-11-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Whale Sharks: Gentle Giants of the Seas
- Whale Shark research in Mozambique เก็บถาวร 2009-08-31 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Whale Shark Project
- Albino whale shark photographed in Galapagos
- A whale shark recorded defecating