ประชา โพธิพิพิธ

ประชา โพธิพิพิธ หรือ "กำนันเซี้ยะ" เป็นนักการเมืองชาวไทย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาญจนบุรี สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย และเป็นบิดาของนักการเมืองในจังหวัดกาญจนบุรี คือ อัฏฐพล โพธิพิพิธ และธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ

ประชา โพธิพิพิธ
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด24 มกราคม พ.ศ. 2486 (80 ปี)
พรรคการเมืองประชาธิปัตย์
คู่สมรสทวี โพธิพิพิธ (หย่า) เขมพร ต่างใจเย็น (นอกสมรส)

ประวัติ แก้ไข

ประชา โพธิพิพิธ เกิดเมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2486 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา จากโรงเรียนวัดท่าเรืออุตสาหวิทยาคาร จังหวัดกาญจนบุรี และระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เขาเคยเข้ารับการอบรมหลักสูตรนักปกครองท้องถิ่นระดับสูง (รุ่นที่ 8) จากวิทยาลัยการปกครอง

นายประชา สมรสกับนางทวี โพธิพิพิธ มีบุตรคือ อัฏฐพล โพธิพิพิธ และธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ[1][2] ต่อมาแต่งงานใหม่กับนางเขมพร ต่างใจเย็น อดีตภรรยาของแคล้ว ธนิกุล[3]

การทำงาน แก้ไข

ประชา โพธิพิพิธ เคยเป็นกำนันตำบลท่าเรือ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่ พ.ศ. 2524 และเคยได้รับรางวัลกำนันแหนบทองคำ เมื่อ พ.ศ. 2528 ต่อมาเป็นเทศมนตรีในเทศบาลตำบลท่าเรือพระแท่น และได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีตำบลท่าเรือพระแท่น ในปี พ.ศ. 2534 จนกระทั่งได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2538 เขาได้ลงสมัครและได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาญจนบุรี สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกตั้งสมัยที่ 2 ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2539 และในปี พ.ศ. 2542 ได้รับแต่งตั้งเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม

ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 นายประชาได้รับเลือกตั้งสมัยที่ 3 ต่อมาเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมของปีเดียวกัน กกต. ได้มีคำวินิจฉัยสั่งการให้สมาชิกภาพของนายประชาสิ้นสุดลง เนื่องจากมีการร้องเรียนว่านายประชาซื้อเสียงในการเลือกตั้ง[4] และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ผลปรากฏว่าพลตรี ศรชัย มนตริวัต จากพรรคความหวังใหม่เป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง

นายประชาได้รับเลือกตั้งอีกครั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 เป็น ส.ส.สมัยที่ 4 และเขาสนับสนุนให้ธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ บุตรชาย ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ

คดีความ แก้ไข

ในปี พ.ศ. 2559 เขาถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก เป็นเวลา 5 ปี ในความผิดฐานเป็นอั้งยี่ , กรรโชกทรัพย์ , หน่วงเหนี่ยวกักขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา และพระราชบัญญัติว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ. 2542 ในปีต่อมาถูกตัดสินในคดีบุกรุกที่ดินราชพัสดุ จำนวน 1 พันกว่าไร่ ศาลฎีกาลดโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน [5]

ต่อมาในปี พ.ศ. 2562 นายประชา ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 10 ปี ในคดีจัดตั้งกลุ่มบ้านใหญ่ ฮั้วประมูล[6]

ปัจจุบันอยู่ระหว่างหลบหนีคดี[3]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ แก้ไข

ประชา โพธิพิพิธ เคยได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ก่อนจะถูกเรียกคืนเนื่องจากต้องโทษจำคุก

อ้างอิง แก้ไข

  1. "กำนันเซี๊ยะ"ประสบอุบัติเหตุขับกระบะประสานงาสาหัส
  2. สะพัดเพื่อพ่อ!2ลูกชายกำนันเซี๊ยะทิ้ง'ปชป.'ซบพลังประชารัฐ-มาร์คทำใจ
  3. 3.0 3.1 ย้อนตำนาน กำนันเซี๊ย
  4. "คำวินิจฉัยสั่งการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ ๑๔๓/๒๕๔๔ เรื่อง การคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ ๕ จังหวัดกาญจนบุรี กรณี นายประชา โพธิพิพิธ" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-09-27. สืบค้นเมื่อ 2021-02-09.
  5. ศาลฎีกาฯ จำคุก 10 ปี ‘กำนันเซี๊ยะ’ อดีต ส.ส.ปชป.ฮั้วรับเหมาเมืองกาญจน์-นับโทษจากคดีเก่า
  6. คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (คดีหมายเลขดำที่ อม. ๑๓๑/๒๕๖๐ คดีหมายเลขแดงที่ อม. ๑๘๐/๒๕๖๐ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายประชา โพธิพิพิธ จำเลย)
  7. ราชกิจจานุเบกษา. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๔ เก็บถาวร 2022-09-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๒๔ ข หน้า ๓๘, ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔
  8. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เก็บถาวร 2022-10-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๖ ตอนที่ ๒๐ ข หน้า ๖๘, ๒ ธันวาคม ๒๕๔๒

แหล่งข้อมูลอื่น แก้ไข