พันตำรวจเอก ชัยยง ขำเปี่ยม (เกิดวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2508) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวไทยตำแหน่งผู้รักษาประตู โด่งดังและเป็นที่รู้จักในช่วงที่เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลตำรวจ และทีมชาติไทย โดยเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลทีมชาติไทยชุดที่ได้อันดับ 4 เอเชี่ยนเกมส์ ถึง 2 สมัย

พ.ต.อ.ชัยยง ขำเปี่ยม
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม พ.ต.อ.ชัยยง ขำเปี่ยม
วันเกิด 29 สิงหาคม ค.ศ. 1965(1965-08-29)
สถานที่เกิด กรุงเทพมหานคร
ส่วนสูง 1.77 m (5 ft 9 12 in)
ตำแหน่ง ผู้รักษาประตู
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
1985–1987 โอสถสภา
1987–2000 ตำรวจ
ทีมชาติ
1987–1999 ทีมชาติไทย
จัดการทีม
2006–2007 ตำรวจ
2009–2010 เพื่อนตำรวจ
2010–2011 บุรีรัมย์ เอฟซี
2010–2011 เชียงใหม่
2012–2013 เพื่อนตำรวจ
2013–2014 ปตท. ระยอง
2015-ปัจจุบัน โค้ชผู้รักษาประตูฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย
2016 ทีมชาติไทย U–16
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น
รับใช้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
แผนก/สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ประจำการพ.ศ. 2531–ปัจจุบัน
ชั้นยศ พันตำรวจเอก

หลังจากเลิกเล่นฟุตบอล พ.ต.อ.ชัยยง ได้ผันตัวเองไปทำงานโค้ช และได้เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนให้กับหลายสโมสร โดยเคยพาสโมสรฟุตบอลตำรวจคว้าแชมป์ไทยลีก ดิวิชัน 1 ในฤดูกาล 2549 และพาสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ เอฟซี คว้าแชมป์ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 ในฤดูกาล 2553

นอกจากนี้ยังเคยทำหน้าที่เป็นโค้ชผู้รักษาประตูให้กับฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ในการแข่งขันฟุตบอลโลกหญิง 2015 [1][2][3]

ปัจจุบัน พ.ต.อ.ชัยยง ขำเปี่ยม รับราชการตำรวจในตำแหน่งผู้กำกับการฝ่ายวิทยบริการ ศูนย์ฝึกอบรม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

ประวัติ

แก้

ชัยยง ขำเปี่ยม เกิดวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2508 ที่กรุงเทพมหานคร เริ่มโด่งดังกับสโมสรฟุตบอลตำรวจ หรือสโมสรฟุตบอลอินทรีเพื่อนตำรวจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 และพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วย มวก. และแชมป์ฟุตบอลโตโยต้าคัพอีก 2 สมัย จนถูกเรียกติดทีมชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 ชัยยง เป็นผู้รักษาประตูในชุดที่ได้อันดับที่ 4 เอเชียนเกมส์ถึง 2 ครั้ง คือ เอเชียนเกมส์ ที่กรุงปักกิ่ง พ.ศ. 2533 และเอเชียนเกมส์ ที่กรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ. 2541

ในปี พ.ศ. 2549 ชัยยงพาสโมสรฟุตบอลตำรวจได้แชมป์ ฟุตบอลดิวิชั่น 1 ในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอน ทำให้สโมสรได้เลื่อนชั้นกลับขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดของประเทศ ก่อนจะตกชั้นกลับมาเล่นฟุตบอลดิวิชั่น 1 ในปีถัดมา และได้วางมือในการเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ของสโมสรฟุตบอลตำรวจ ให้วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์มาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนในปี พ.ศ. 2551 แต่วิฑูรย์ก็ไม่สามารถพาสโมสรฟุตบอลตำรวจ กลับขึ้นมาเล่นในรายการไทยพรีเมียร์ลีก ได้

ชัยยง ได้รับเลือกให้กลับมาทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอน ของสโมสรอีกครั้งในปี พ.ศ. 2552 ซึ่งสามารถคว้าแชมป์ในฟุตบอลรายการ ดิวิชั่น 1 ได้อีก 1 สมัย และพาสโมสรฟุตบอลตำรวจ กลับสู่ลีกสูงสุดของประเทศได้อีกครั้งซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อสโมสรเป็นสโมสรฟุตบอลอินทรีเพื่อนตำรวจ

พ.ต.ท.ชัยยง สมรสกับนางวันนา ขำเปี่ยม มีบุตร-ธิดา 2 คน คือ สหวิช และวรณัฐย์ ขำเปี่ยม โดยบุตรชายคนโต สหวิช ขำเปี่ยม เล่นฟุตบอลในตำแหน่งผู้รักษาประตูเช่นเดียวกัน และสหวิชเคยติดทีมชาติไทยชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี ไปแข่งขันรายการทันเนียนคัพที่ประเทศเวียดนาม ได้ตำแหน่งรองแชมป์

รางวัลในฐานะผู้รักษาประตู

แก้

รางวัลในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอน

แก้

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. ไหม นำ 26 แข้งสาวไทย เก็บตัวฮอลแลนด์ - Sport - Manager Online[ลิงก์เสีย]
  2. "สาวไทยประกาศ 26 แข้งเก็บตัวฮอลแลนด์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-01-29. สืบค้นเมื่อ 2015-01-31.
  3. "แข้งสาวติวเข้มบินฝึกฮอลแลนด์ 1 เดือน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-02-04. สืบค้นเมื่อ 2021-10-13.
  4. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นต่ำกว่าสายสะพาย ประจำปี ๒๕๖๔ เก็บถาวร 2022-05-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๓๙ ตอนพิเศษ ๓ ข หน้า ๑๒, ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕
  5. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นต่ำกว่าสายสะพาย ประจำปี ๒๕๕๔ เก็บถาวร 2022-05-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๙ ตอนที่ ๒๔ ข หน้า ๒๔, ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕
  6. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ เก็บถาวร 2022-09-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๗ ตอนที่ ๒๖ ข หน้า ๒๔, ๒๑ ธันวาคม ๒๕๔๓
  7. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา ประจำปี ๒๕๖๐ เก็บถาวร 2022-09-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๕๒ ข หน้า ๑๐, ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๐