จริตนิยม[1] (อังกฤษ: Mannerism) คือยุคของศิลปะของจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม และการตกแต่ง ที่เริ่มตั้งแต่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาสมัยทึ่รุ่งเรืองที่สุดราวปี ค.ศ. 1520 จนกระทั่งจดสมัยบาโรก ราวปี ค.ศ. 1600

ในภาพเขียน “แม่พระพระศอยาว” (Madonna with the Long Neck)-(ค.ศ. 1534-1540) โดยปาร์มีจานีโน แมนเนอริสม์แสดงโดยการทำให้สัดส่วนยาวขึ้นซึ่งทำให้มีผลต่อการวางรูปและบิดเบือนทัศนมิติไม่กระจ่างแจ้ง

ลักษณะของจริตนิยมขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลซึ่งมีอิทธิพลจากหรือมีปฏิกิริยาต่อความกลมกลืนทางอุดมคติที่เกี่ยวข้องกับงานของเลโอนาร์โด ดา วินชี ราฟาเอล และงานสมัยแรก ๆ ของมีเกลันเจโล จริตนิยมเป็นทั้งศิลปะทางความคิดและความสร้างสรรค์แทนที่จะเป็นธรรมชาติ คำว่าจริตนิยมใช้สำหรับจิตรกรกอธิคสมัยหลังที่ทำงานทางตอนเหนือของยุโรปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1500 ถึงปี ค.ศ. 1530 โดยเฉพาะในบริเวณแอนต์เวิร์ปในประเทศเบลเยียมปัจจุบัน และงานวรรณกรรมสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 โดยเฉพาะโคลงกลอน

ที่มา แก้

“แมนเนอริสม์” มาจากภาษาอิตาลี “maniera” หรือ “style” ซึ่งตรงกับความหมายที่ว่าเป็นการแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของศิลปินที่ทำให้ทราบได้ว่าเป็นของใคร แมนเนอริสม์เป็นศิลปะของการ “ทำขึ้น” ซึ่งตรงกันข้ามกับศิลปะเรอเนซองส์ หรือ บาโรคที่เป็นศิลปะที่เลียนแบบธรรมชาติ การบรรยายลักษณะแมนเนอริสม์เป็นสิ่งที่ไม่ง่ายนัก คำนี้ใช้ครั้งแรกโดยนักประวัติศาสตร์ศิลปะชาวเยอรมันเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เพื่อจัดกลุ่มศิลปะที่จัดไม่ได้มาก่อนของศิลปะอิตาลีในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ที่ขาดความกลมกลืนและการวาดอย่างมีกฎเกณฑ์ที่เรารู้จักกันในศิลปะเรอเนซองส์ และเป็นคำที่ใช้จะแตกต่างกันไปตามแต่จะเป็นศิลปินผู้ใดและเป็นลักษณะศิลปะชนิดใด

สมุดภาพ แก้

อ้างอิง แก้

  1. "ศัพท์ศิลปะ ราชบัณฑิตยสถาน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-07-15. สืบค้นเมื่อ 2012-01-17.

ดูเพิ่ม แก้