รายชื่อตัวละครในสตาร์ วอร์ส

บทความรายชื่อวิกิมีเดีย
(เปลี่ยนทางจาก คิ อดิ มันดิ)

นี่คือรายชื่อตัวละครในแฟรนไชส์ สตาร์วอร์ส

โลโก้สตาร์วอร์ส

เกทท์

แก้

เกทท์เป็นผู้บัญชาการ โคลนทรูปเปอร์ในกองทัพแห่งสาธารณรัฐ, ทำหน้าที่ให้กับนายพลเจได อีทาอิน ทัว-มูคัน ไม่เหมือนโคลนตัวอื่นๆ, เขาไม่คิดว่านายพลเจไดของเขาจะสามารถทำได้ทุกสิ่ง, อีทาอินชอบและเคารพเขาในเรื่องนั้น เขาบัญชาการนายทหารของยานจู่โจม แอคคลาเมเตอร์-คลาสชื่อว่า เฟียร์เลซหนึ่งปีหลังจากยุทธการจีโอโนซิส เขาคุมกองร้อยอิมพรอคโคเหนือดาวดินโล

เกเลน เออโซ

แก้

เกเลน เออโซ (อังกฤษ: Galen Erso) รับบทโดย Mads Mikkelsen (Rogue one) นักวิจัยของจักรวรรดิกาแลกติก บิดาของจิน เออร์โซ เป็นผู้ออกแบบหลักของสถานีอวกาศดาวมรณะ และเป็นผู้ถ่ายทอดข้อมูลเกี่ยวกับจุดอ่อนสำคัญของดาวมรณะให้กับฝ่ายกบฎ ทำให้ฝ่ายกบฎสามารถโจมตีสถานีรบอวกาศที่ดูเหมือนจะไม่มีจุดอ่อนนี้ได้

คิท ฟิสโต้

แก้

คิท ฟิสโต (Kit Fisto) เป็นอาจารย์เจไดชาวเนาโทลันเพศชายในปีสุดท้ายของสาธารณรัฐกาแลกติก ในปีที่ 41 ก่อนยุทธการยาวิน เขารับพาดาวันชื่อแบนท์ เออรินเป็นศิษย์ ในสงครามโคลน เขารับหน้าที่เป็นนายพลเจไดขั้นสูงในกองทัพแห่งสาธารณรัฐ และยังเป็นสมาชิกของสภาสูงเจได ฟิสโต้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ เชี่ยวชาญการต่อสู้ใต้น้ำ

ฟิสโตมีส่วนร่วมในยุทธการจีโอโนซิสและรอดมาได้ เขาได้นำทีมจู่โจมในยุทธการมอน คาลามาริ ฟิสโตยังได้ปรากฏตัวบนคามิโน่ ที่ซึ่งเขาได้ล่วงเกินกฎของเจไดด้วยการมีความสัมพันธ์กับเพื่อนเจไดชื่อเอย์ล่า ซีคูร่า ผู้ที่เขาช่วยชีวิตเอาไว้ในการรบครั้งนั้น

เมื่อสงครามโคลนมาถึงจุดเดือด เขาได้ช่วยโอบีวัน เคโนบี เคโนบีบนดาวออด เซสตัสในการดวลกับอาซาจจ์ เวนเทรสส์ เพื่อที่จะหยุดการสร้างดรอยด์นักฆ่าเจได ท้ายสุดแล้วหลังจากหลายปีในการได้รับการพิจารณาให้ได้ตำแหน่งในสภาเจได ฟิสโตได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นอาจารย์เจไดผู้อาวุโสจากการปฏิบัติหน้าที่ในสงครามโคลน

หลังจากที่ได้รับแต่งตั้งเข้าสภา ฟิสโตถูกส่งไปที่คาโต เนโมอีเดียพร้อมกับโอบีวัน เคโนบีและอนาคิน สกายวอล์คเกอร์เพื่อทำภารกิจเข้าจับกุม นูต กันเรย์ แต่กันเรย์หลบหนีไปได้

ในยุทธการคอรัสซัง ฟิสโตได้ช่วยการรบบนท้องฟ้าเพื่อต่อกรกับกองกำลังของฝ่ายแบ่งแยกดินแดน

เมื่ออนาคิน สกายวอล์คเกอร์ได้รับรู้ว่าพัลพาทีนคือดาร์ธ ซีเดียส ฟิสโตพร้อมกับเมซ วินดู อเจน โคลาร์ และเซซี ทิอินได้เข้าจับกุมสมุหนายก แต่พวกเขาล้มเหลว ในการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายกับซิธลอร์ด ฟิสโตถูกฆ่าด้วยมือของดาร์ธ ซีเดียส

อนึ่ง กระบี่แสงของคิท ฟิสโต้ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานใต้น้ำได้เป็นอย่างดี เพื่อรองรับทักษะต่อสู้ใต้น้ำที่เยี่ยมยุทธ์ของเขา

เครอา

แก้

เครอา (Kreia) เป็นตัวละครในสตาร์ วอร์ส มีบทบาทสำคัญในเกม Star Wars: Knights of the Old Republic II: The Sith Lords

เครอาเป็นมนุษย์หญิงที่ทำหน้าที่เป็นอาจารย์เจไดในช่วงหลายปีก่อนสงครามแมนดาลอเรียน ต่อมาขึ้นเป็นซิธลอร์ดในนามดาร์ธ เทรยา จ้าวแห่งการทรยศ ต่อมาหลังจากได้เข้าสู่ด้านมืดแล้ว ร่องรอยที่เธอเคยแสดงออกเมื่อครั้งยังเป็นอาจารย์เจไดทำให้เธอขึ้นเป็นจ้าวแห่งซิธลอร์ดอย่างเต็มภาคภูมิ หลังจากถูกทรยศทั้งจากเจไดและซิธ เธอก็เฝ้าคิดถึงการแก้แค้น ไม่เพียงต่อเจไดหรือซิธ แต่เป็นการแก้แค้นต่อสิ่งที่เธอเชื่อว่าลิขิตให้เธอต้องรับการทรยศเช่นนั้น คือพลัง

เมื่อเธอพบเจไดผู้ถูกเนรเทศ ผู้ซึ่งเธอเห็นศักยภาพในตัวนาง เพียงพอที่จะยังผลให้กับความฝันของการแก้แค้นของเธอได้ เครอาได้ "ช่วยชีวิต" ผู้ถูกเนรเทศ และฝึกฝนนางใหม่ในมุมมองของเธอ แม้ในขณะที่เธอกำลังวางแผนอยู่เบื้องหลังการกวาดล้างเจไดครั้งแรก เครอายังคงพยายามหล่อหลอมผู้ถูกเนรเทศ รวมทั้งเหล่าผู้เดินทางร่วมบนยานเอบอน ฮอว์ค ขึ้นใหม่ หลังจากเสร็จยุทธการทีลอส 4 ผู้ถูกเนรเทศเดินทางไปยังมาลาคอร์ 5 เพื่อเผชิญหน้ากับเครอา ซึ่งได้เปิดเผยตัวเองในฐานะดาร์ธ เทรยา และประลองกระบี่แสงกัน จนเครอาเสียชีวิตในที่สุด ในส่วนลึกที่สุดของวิทยาลัยเทรยัส


คิ อดิ มันดิ

แก้

คิ อดิ มันดิ (Ki-Adi-Mundi) เป็นตัวละครในสตาร์ วอร์ส ในภาพยนตร์ คิ อดิ มันดิปรากฏตัวครั้งแรกในภัยซ่อนเร้นและมีบทบาทตลอดจนถึงซิธชำระแค้น

คิ อดิ มันดิ เป็นอาจารย์เจไดชาวซีเรียน และสมาชิกของสภาสูงเจได เขามาจากดาวซีเรีย เนื่องมาจากอัตราการเกิดของชาวซีเรียนกำลังลดมาก เขาจึงได้รับอนุญาตจากนิกายเจไดให้แต่งงานได้ เขามีภรรยาสี่คน ลูกชายคนเดียว และลูกสาวอีกเจ็ดคน

มันดิเป็นคนแปลกใจที่สุดกับรายงานการกลับมาของซิธของไควกอน จินน์ เพราะเขาแน่ใจว่าซิธได้ถูกกำจัดไปหมดแล้ว ในฐานะนายพล เขาได้ทำการต่อสู้มากมายในช่วงสงครามโคลน เขาถูกฆ่าบนไมกีโตในช่วงคำสั่งที่ 66

คาล เคสติส

แก้

คาล เคสติส(Cal Kestis) เป็นตัวละครในเกมส์ชุดสตาร์ วอร์ส ซึ่งปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในเกมส์ สตาร์ วอร์ส เจได:ฟอลเลน ออร์เดอร์

คาล เคสติส เป็นตัวละครที่เป็นมนุษย์เพศชาย ผู้ซึ่งมีสัมผัสแห่งพลัง และเป็นอัศวินเจไดพาดาวันที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์คำสั่งที่ 66 ในช่วงสงครามโคลน เขาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เจไดนามว่า จาโร ทาปัล ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์การกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่ และได้มอบกระบี่แสงไว้ให้คาลก่อนสิ้นใจ คาลได้มาหลบซ่อนอยู่ที่ดาวบรักกา เพื่อปกปิดตัวตนจากจักรวรรดิกาแลกติกที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่มาเป็นเวลา 5 ปี(14 ปีก่อนยุทธการยาวิน) เขาได้กลายเป็นสมาชิกของสมาคมแยกชิ้นส่วนยานบนสถานีดาวบรักกา โดยทำงานเป็นริกเกอร์(ช่างแยกชิ้นส่วนและรื้อถอนยาน)ในช่วงยุคสมัยจักรวรรดิ

ในช่วงที่เขายังคงทำงานบนดาวบรักกา ซึ่งได้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด เพื่อนร่วมงานของเขากำลังจะตกสู่เบื้องล่างแห่งความตาย คาลจึงตัดสินใจใช้พลังที่ไม่ได้ใช้มานาน เพื่อช่วยชีวิตเพื่อนเอาไว้ได้ทัน ภายหลังจากเหตุการณ์นั้นทำให้จักรวรรดิกาแลคติกรับรู้ และได้ส่งผู้สอบสวนจักรวรรดิ( Inquisitors) 2 คน มาตามล่าคาล กระทั่งผู้สอบสวน เซคคันด์ซิสเตอร์ ได้สังหารเพื่อนของเขา กระบี่แสงของอาจารย์ที่เขาเก็บซ่อนไว้ก็ได้ถูกชักออกมาอีกครั้ง ทว่าคาลที่ห่างหายจากการฝึกฝนมานาน ไม่สามารถรับมือผู้สอบสวนจักรวรรด์ทั้ง 2 คนพร้อมกันได้ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากสองบุคคลปริศนาคาลจึงสามารถหนีออกจากดาวบรักกาได้สำเร็จ สองบุคคลปริศนาที่ช่วยคาลไว้คือ อดีตอาจารย์เจได เซียร์ จันดา และนักบินที่มีชื่อว่า กรีซ ไดรตัส ซึ่งทั้งสองคนได้มาพร้อมกับภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่มอบให้แก่คาล ก็คือ การตามหา เจไดโฮโลครอน เพื่อฟื้นฟูนิกายเจไดขึ้นมาใหม่ และ โค่นล้มอำนาจจักรวรรดิซิธให้จงได้

หลังได้รับภารกิจ คาลได้ลงสำรวจดาวเคราะห์โบกาโน่ เป็นที่แรก เขาก็ได้พบหุ่นดรอยด์ บีดีวัน (BD-1) ที่อาจารย์เจได อีโน คอร์โดว่า ทิ้งไว้ให้ ซึ่งต่อมากลายเป็นคู่หู่ที่พึ่งพาได้ และติดตามเขาอย่างใกล้ชิดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

แม้จะไม่ได้ฝึกฝนวิชาเป็นเวลา 5 ปี แต่คาลก็ยังคงมีพรสวรรค์ในด้านพลังอยู่ หลังจากฟื้นฟูการเชื่อมต่อกับพลังได้อย่างสมบูรณ์แล้ว คาลยังแสดงให้เห็นถึงทักษะการใช้กระบี่แสงที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นกระบวนท่าที่เกิดจากการผสมผสานทั้ง 6 รูปแบบเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังสามารถใช้กระบี่แสง 2 ปลาย และ กระบี่แสงคู่ได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย

หลังเผชิญบททดสอบต่าง ๆ ในการผจญภัยและสามารถก้าวข้ามมาได้สำเร็จ คาลก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวินเจไดเต็มตัว อย่างเป็นทางการ จากเซียร์ จันดา ในฐานะอาจารย์ใหม่ของเขา เนื่องจากในอดีตคาลสูญเสียอาจารย์ไประหว่างเหตุการณ์คำสั่งที่ 66 สถานะพาดาวันจึงยังติดตัวเขาตั้งแต่นั้นมา

ไจนา โซโล (Legends)

แก้

ไจนา โซโล เป็นอัศวินเจไดของนิกายเจไดใหม่ และเป็นพี่สาวฝาแฝดของจาเซน โซโล เธอเป็นบุตรสาวของฮันและเลอา ออร์กานา โซโล จึงได้รับความสามารถทางเครื่องกลมาจากพ่อ และสัมผัสแห่งพลังมาจากแม่ ทำให้เธอได้เข้ารับการฝึกในเจไดพราเซียม ระหว่างที่เข้ารับการฝึกอยู่นั้นเธอได้เข้าร่วมในการผจญภัยจำนวนมาก และมีส่วนในการขัดขวางจักรวรรดิที่สองขึ้นด้วย

เมื่อครั้งพวกยูซาน วอง รุกรานกาแลกซี ไจนาได้เข้าร่วมกับกองทัพแห่งสาธารณรัฐใหม่ในฐานะนักบินในฝูงบินโร้ก และเข้าร่วมการสู้รบในแนวหน้าระหว่างสงครามยูซาน วอง เสมอ จนได้รับตำแหน่งดาบแห่งเจไดจากลุค สกายวอล์คเกอร์ ผู้เป็นลุงของเธอ และเป็นที่รู้จักในหมู่พวกยูซาน วอง ในฐานะของ ยุน-ฮาร์ลา เทพธิดาแห่งการหลอกลวง อย่างไรก็ดี การเสียชีวิตของอนาคิน น้องชายของเธอ ทำให้ไจนาเฉียดเข้าใกล้ด้านมืดอย่างมาก ก่อนที่จะดึงตัวกลับมาได้และเข้าร่วมฝูงบินสุริยะคู่ ในขณะที่สงครามกำลังดำเนินไป ไจนาค้นพบหนทางที่จะใช้ยานรบและเทคโนโลยีชีวภาพของพวกยูซาน วอง เพื่อทำให้พันธมิตรเป็นฝ่ายได้เปรียบ ซึ่งนำไปสู่บทสรุปของสงคราม ภายหลังในฐานะของผู้รอดชีวิตจากภารกิจสู่มิร์คร์ ไจนาเข้าร่วมกับสังคมกิลลิก และเข้าไปเกี่ยวพันกับวิกฤตการณ์ดาร์คเนสท์และสงครามสวอร์มในเวลาต่อมา

จาโร ทาปัล

แก้

จาโร ทาปัล (Jaro Tapal) เป็นตัวละครในเกมส์ชุดสตาร์ วอร์ส ซึ่งปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในเกมส์ สตาร์ วอร์ส เจได:ฟอลเลน ออร์เดอร์

จาโร ทาปัล เป็นอาจารย์เจไดชาวลาซาต ผู้เป็นอาจารย์ของ คาล เคสติส ใช้กระบี่แสงสองปลายเป็นอาวุธ ด้วยความที่เขาเป็นชาวลาซาตซึ่งขึ้นชื่อเรื่องพละกำลังมาก ประกอบกับความสามารถในด้านพลัง จาโรจึงเป็นเจไดที่มีฝีมือเยี่ยมยุทธ์คนหนึ่ง เขาเข้าร่วมรบในสงครามโคลนและเสียชีวิตในเหตุการณ์กวาดล้างเจไดโดยคำสั่งที่ 66 โดยจาโรเสียชีวิตในขณะที่ปกป้องคาลจากห่ากระสุนบลาสเตอร์ของกองทัพโคลน ทำให้ดับเบิ้ลเซเบอร์ของเขาถูกทำลายไปครึ่งหนึ่ง เขาจึงมอบกระบี่แสงที่เหลืออีกข้างให้กับคาลก่อนสิ้นใจ การตายของจาโรทำให้จิตใจของคาลสั่นคลอนจนส่งผลกับการเชื่อมต่อของพลัง

ในการทดสอบบนดาวดาโธเมียร์ จิตของจาโรได้หลอมรวมกับพลังและมาปรากฏตัวต่อหน้าคาลอีกครั้ง คาลได้ต่อสู้กับอาจารย์และพบว่า พลังไม่ใช่คำตอบของทุกสิ่ง ความมุ่งมั่นเท่านั้นที่จะนำทางได้ การต่อสู้ครั้งนี้จึงเป็นเสมือนการสั่งสอนและเตือนสติลูกศิษย์ของจาโร

ซอร์ส แบนดีม

แก้

ซอร์ส แบนดีมเป็นตัวละครในภาพยนตร์และนวนิยายชุดสตาร์ วอร์ส ซอร์สปรากฏตัวครั้งแรกในซิธชำระแค้น การปรากฏตัวของเขาเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนถูกฆ่าโดยดาร์ธ เวเดอร์

ซอร์ส แบนดีม (อังกฤษ: ภาษาอังกฤษ: Sors Bandeam) เป็นยังลิ่งที่เป็นมนุษย์ซึ่งเรียนอยู่ในวิหารเจไดบนคอรัสซัง

ซอว์ เกอร์เรร่า

แก้

ซอว์ เกอร์เรร่า รับบทโดย Forest Whitaker (Rogue One) และให้เสียงโดย Andrew Kishino (The Clone Wars), Forest Whitaker (Rebels) เป็นอดีตทหารที่เคยรบในสงครามโคลน ต่อมาในบั้นปลายได้เป็นผู้นำนักรบกบฎหัวรุนแรง ต่อต้านจักรวรรดิกาแลกติก

เซียร์ จันดา

แก้

เซียร์ จันดา (Cere Junda) เป็นตัวละครในเกมส์ชุดสตาร์ วอร์ส ซึ่งปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในเกมส์ สตาร์ วอร์ส เจได:ฟอลเลน ออร์เดอร์

เธอเป็นลูกศิษย์ของปรมจารย์เจได อีโน คอร์โดวา โดยระหว่างเหตุการณ์กวาดล้างเจไดตามคำสั่งที่ 66 เธอถูกจับไปทรมานเพื่อเค้นความลับที่ซ่อนของเหล่า พาดาวัน และ ยังลิ่ง ที่หลบหนีอยู่ ด้วยความหวาดกลัวต่อดาร์ธ เวเดอร์ เซียร์จึงหลุดปากบอกที่ซ่อนนั้นไป ทำให้เหล่าพาดาวันและยังลิ่งถูกจับไปทั้งหมด รวมถึง ทริลล่า ซูดูริ พาดาวันของเธอ ซึ่งเมื่อถูกจับไปทรมาน ทริลล่า ก็ถูกด้านมืดอาบย้อมจนกลายเป็น เซคคันด์ซิสเตอร์ อินควิซิเตอร์ เมื่อเห็นลูกศิษย์ถูกพรากไปต่อหน้าต่อตา เซียร์ก็เกิดบันดาลโทสะระเบิดพลังด้านมืดออกมาและหลบหนีจากฐานทัพจักรวรรดิ์ได้สำเร็จ เหตุการณ์นี้กลายเป็นแผลในใจของเซียร์ เธอจึงละทิ้งฐานะเจได และตัดขาดตนเองจากพลังเพื่อไม่ให้ด้านมืดกลืนกินจิตใจ เมื่อหลบหนีมาได้ เซียร์ก็เดินทางไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งพบกับกรีส ไดรตัส นักบินยานแมนทิสผู้ชื่นชอบการพนันที่กำลังถูกเจ้าหนี้ตามล่า เซียร์ก็ได้ช่วยเขาไว้ด้วยการนำไคเบอร์คริสตัลจากเซเบอร์ของตนเองไปขาย เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ให้ กรีสจึงตอบแทนด้วยการอาสาขับยานพาเซียร์ไปตามหาและช่วยเหลือเจไดที่ยังหลงเหลืออยู่ก่อนที่จะถูกกำจัด รวมถึงการตามหา เจไดโฮโลครอน ที่บันทึกรายชื่อเหล่าผู้มีสัมผัสพลังซึ่ง อีโน คอร์โดวา ทิ้งเบาะแสไว้ให้ เพื่อกอบกู้ภาคีเจไดต่อไป กระทั่งทราบข่าวของ คาล เคสติส เธอกับกรีสจึงรีบรุดไปยังดาวบรักกาและคว้าตัวคาลไว้ได้ก่อนที่ฝ่ายจักรวรรดิ์จะได้ตัวเขาไป

ดอลเทย์ ดอไฟน์

แก้

ดอลเทย์ ดอไฟน์เป็นตัวละครในภาพยนตร์ นวนิยาย และหนังสือการ์ตูนชุดสตาร์ วอร์ส ในภาพยนตร์ ดอลเทย์ ดอไฟน์ได้ปรากฏตัวครั้งแรกในภัยซ่อนเร้น

ดอลเทย์ ดอไฟน์ (Daultay Dofine) เป็นกัปตันชาวเนโมอีเดียนประจำยานประจัญบาน ลูเคอร์ฮัล์ค-คลาสซาอัคอัคของสมาพันธ์การค้าในช่วงการปิดกันและรุกรานบนนาบู ก่อนหน้านี้เขาได้บัญชาการยานประจัญบานชื่อรีวีนิวและแอคควิซิเตอร์ นอกจากอุปราชนูต กันเรย์ รูน ฮาอาโค และฮัธ มอนชาร์ ดอลเทย์เป็นหนึ่งในเนโมอีเดียนสี่คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับดาร์ธ ซีเดียส

เขาเป็นคนรอบคอบและมักกังวลใจ ผู้ซึ่งได้รับตำแหน่งอันสูงส่งผ่านทางครอบครัวของเขาและหักหลังเพื่อนร่วมงาน ดอไฟน์เสียใจที่นูต กันเรย์ร่วมมือกับซิธลอร์ด เขาและฮาอาโคแนะนำให้กันเรย์จบการต่อรอง อย่างไรก็ตาม กันเรย์ไม่สนใจดอไฟน์ ทำให้เขาต้องกลัดกลุ้มในการปฏิบัติหน้าที่อย่างการรุกรานนาบู

ดาร์ธ เพลกิส

แก้

ดาร์ธ เพลกิส (Darth Plagueis) เป็นตัวละครในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3: ซิธชำระแค้น

ดาร์ธ เพลกิส หรือรู้จักในนาม ดาร์ธ เพลกิส ผู้ทรงปัญญา มีชีวิตอยู่ในช่วงปีที่ 52 - 46 ก่อนยุทธการยาวิน เป็นลอร์ดมืดแห่งซิธชาวมุน ทายาทของนิกายซิธลอร์ดของดาร์ธ เบน และเป็นปรมาจารย์แห่งการควบคุมมิดิคลอเรียน มีชีวิตในช่วงร้อยปีก่อนเหตุการณ์ยุทธการนาบู เพลกิสผู้หลงใหลในชีวิตอมตะได้ทำการทดลองหาหนทางโกงความตายและสร้างชีวิตใหม่ขึ้นมาจากมิดิคลอเรียน

เพลกิสมีบทบาทมากในประวัติศาสตร์ของกาแลกซีผ่านทางการผลักดันดาร์ธ ซิเดียส ผู้เป็นศิษย์ ให้เข้าครอบครองกาแลกซี และสร้างยุคแห่งซิธขึ้น ซิเดียสผู้กังวลว่าจะถูกแทนที่ในฐานะศิษย์ของเพลกิส ได้ลอบสังหารเพลกิสในยามหลับ ตำนานของดาร์ธ เพลกิส ถูกซิเดียสใช้เพื่อล่อลวงอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ เข้าสู่ด้านมืดของพลัง แม้ในขณะนั้นตัวตนของเพลกิสยังเป็นปริศนาสำหรับเจไดและแม้กระทั่งล่วงเลยมาถึงยุคของพันธมิตรในช่วงเวลาของสหพันธ์กาแลกติก

ดาร์ธ มาลัก

แก้

ดาร์ธ มาลัก (Darth Malak) เป็นตัวละครในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวครั้งแรกในวิดีโอเกม Star Wars: Knights of the Old Republic ซึ่งได้รับการจัดจำหน่ายในปี พ.ศ. 2546 บนเครื่อง Xbox และ PC เหตุการณ์ในเกมนี้เกิดขึ้นตามเวลาในท้องเรื่องก่อนเหตุการณ์ในภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 4: ความหวังใหม่ เป็นเวลา 3,956 ปี นับเป็นปีที่ 3,956 ก่อนยุทธการยาวิน

ดาร์ธ มาลัก เป็นมนุษย์เพศชาย ถือกำเนิดบนดาวเควลิไอ ต่อมาถือตำแหน่งขึ้นเป็นลอร์ดมืดแห่งซิธในช่วงสงครามภายในนิกายเจได ก่อนที่จะใช้ชื่อมาลัก อาเลก สควินควาร์เจซิมุส หรือสควินท์ เป็นอัศวินเจไดและผู้บัญชาการทางทหารที่มีชื่อเสียง ในช่วงสงครามแมนดาลอเรียน อาเลกถูกมองว่าเป็นนักรบที่ดื้อรั้นและบ้าบิ่น เขาได้ผูกมิตรกับพาดาวันเซย์น คาร์ริก ซึ่งอาเลกได้ร่วมมือช่วยในการล้มล้างกลุ่มสัญญาเจได ไม่นานก่อนที่จะเริ่มใช้ชื่อมาลัก ซึ่งมีที่มาจากชื่อหมู่บ้านที่เขาเกิด ต่อมาได้ค่อยๆ เข้าใกล้ด้านมืด และในที่สุดก็ถูกล่อลวงด้วยคำสอนของซิธที่ถูกมอบให้โดยเพื่อนสนิท เรวาน

ในฐานะศิษย์ของเรวาน ดาร์ธ มาลักได้ช่วยอาจารย์ของตนไล่ตามหาเครื่องมือที่จะนำไปสู่เตาหลอมดารา และเข้ามีส่วนร่วมในความพยายามที่จะสร้างจักรวรรดิซิธขึ้นใหม่ ซึ่งจะเป็นปฏิปักษ์อันน่ากลัวต่อสาธารณรัฐกาแลกติกและนิกายเจไดที่ต่างกำลังอยู่ในภาวะอ่อนแอ

หลังจากได้ "สังหาร" ดาร์ธ เรวาน ผู้เป็นอาจารย์ และชิงตำแหน่งมา ในปีที่ 3,957 ก่อนยุทธการยาวิน มาลักบังคับบัญชาการกองกำลังซิธได้อย่างไม่มีใครต้าน เข้ายึดครองดินแดนแล้วดินแดนเล่าอย่างโหดร้าย ในที่สุดก็ได้ฝึกศิษย์ของตนเองคือดาร์ธ แบนดอน อดีตเจได และต่อมาก็ได้ครอบงำพาดาวันเจได บาสติลา ชาน

ดาร์ธ มอล

แก้

ดาร์ธ มอล เป็นลอร์ดมืดแห่งซิธ และเป็นศิษย์คนแรกเท่าที่ทราบของดาร์ธ ซิเดียส ในวัยเด็กนั้น มอลถูกลักพาตัวมาโดยซิเดียส และถูกฝึกสอนในวิถีแห่งด้านมืดของพลังอย่างลับๆ ด้วยความที่เขาเติบโตมาภายใต้การสั่งสอนของดาร์ธ ซิเดียส ทำให้ความรู้สึกเพียงอย่างเดียวที่มอลได้เรียนรู้ก็คือความกระหายเลือดและความโกรธเกรี้ยว แท้จริงแล้วถื่นกำเนิดของมอลคือ ดาว ดาโธเมียร์ และเผ่าพันธ์ของเขาก็คือ ไนท์บราเธอร์ บุตรแห่งมาเธอร์ทัลซิน ในด้านความสามารถ มอลถนัดใช้กระบี่แสง 2 ปลาย ซึ่งเข้ากันได้ดีกับกระบวนท่ารูปแบบที่ 6 ที่เขาเชี่ยวชาญ ในภาค : 1 ภัยซ่อนเร้น จากการต่อสู้กับเคโนบี มอลถูกฟันตัดครึ่งลำตัว และหายสาบสูญไปหลังร่วงลงไปในปล่องระบายอากาศ แต่ไม่น่าเชื่อว่าเขารอดชีวิต มอลปรากฎตัวอีกครั้งในสภาพครึ่งล่างคล้ายแมงมุม ที่เกิดจากการใช้พลังดึงเอาเศษเหล็กมาต่อกับร่างกาย และสติฟั่นเฟือน โดยเผยว่าเขาถูกช่วยเหลือโดยกลุ่มไนท์ซิสเตอร์ กลับไปทำการรักษาที่ดาโธเมียร์ อันเป็นบ้านเกิด กระทั่งต่อมาเขาก็กลับเป็นปกติ และได้รับการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายท่อนล่างด้วยขาจักรกล เป้าหมายของเขามีเพียงหนึ่งเดียว แก้แค้นและกำจัดโอบีวัน ตั้งแต่นั้นมา มอลก็ไล่ตามหาโอบีวันทั่วทุกดวงดาว แต่ก็ยังคงไม่พบ เวลาล่วงเลยมานับปี ในที่สุดเขาก็เจอกับโอบีวันที่ ทาทูอีน มอลสัมผัสได้ว่าโอบีวันไม่ได้มาที่นี่แบบไร้จุดประสงค์ หากว่ากำลังปกป้องบางสิ่ง หรือบางคนอยู่ นักรบซิธไม่รอช้า ชักกระบี่แสงพร้อมพุ่งเข้าโจมตีโอบีวัน แต่โอบีวันที่ในขณะนั้นมีฝีมือเทียบเท่าปรมาจารย์ สามารถเอาชนะมอลได้ภายใน 3 เพลงดาบ มอลล้มลงทันที แต่โอบีวันเข้าไปประคองไว้ ด้วยความที่เขาให้เกียรติมอลในฐานะคู่ต่อสู้ที่สมศักดิ์ศรี มอลที่กำลังจะสิ้นใจ เห็นว่าโอบีวันที่เขาเคียดแค้นมาตลอด ท้ายที่สุดกลับปฏิบัติต่อเขาอย่างดี จึงคลายความอาฆาตและจากไปอย่างสงบ

ดิน จาริน

แก้

ดิน จาริน (Din Djarin) ชาวแมนดาลอเรียนเพศชาย เป็นตัวละครในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในภาพยนตร์เดอะแมนดาลอเรียน

ดิน จาริน เป็นที่รู้จักในนาม เดอะแมนดาลอเรียน หรือ แมนโด มีชีวิตอยู่ในช่วงปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวิน เป็นนักล่าเงินรางวัลชาวแมนดาลอเรียนผู้มากความสามารถ มีฝีมือการต่อสู้ และทักษะการยิงปืนที่เยี่ยมยุทธ์ ในอดีตดินเป็นเด็กกำพร้าที่สูญเสียพ่อแม่ในสงครามกลางเมืองแมนดาลอร์ และถูกรับเลี้ยงโดยชาวแมนดาลอเรียนในเวลาต่อมา เขาได้รับการปฏิบัติและเลี้ยงดูเยี่ยงชาวแมนดาลอเรียนทุกอย่าง รวมถึงได้รับการฝึกฝนต่อสู้ การใช้อาวุธ รวมถึงการใช้เจ็ทแพ็ค ดินเติบโตมาในกลุ่มชาวแมนดาลอเรียนที่ชื่อว่า เดธวอทช์ (Death Watch) ซึ่งเคร่งครัดในกฎดั้งเดิมมากกว่าชาวแมนดาลอเรียนกลุ่มไหน ๆ โดยเฉพาะการไม่ถอดหมวกต่อหน้าผู้อื่น เพราะตามกฎถ้าหากถูกคนเห็นตอนถอดหมวกแล้ว จะไม่มีสิทธิกลับไปใส่ได้อีก จึงไม่มีใครเคยได้เห็นใบหน้าจริงของเขาเลย ดินยึดอาชีพเป็นนักล่าเงินรางวัลมาตลอด จนกระทั่งได้รับการกล่าวขานว่า เป็นนักล่าค่าหัวฝีมือระดับพระกาฬ ที่ค่าตัวแพงเป็นอันดับต้น ๆ ของวงการ แต่แล้วชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อได้รับภารกิจที่ต้องไปนำตัวเด็กทารกเผ่าพันธุ์เดียวกับ ปรมจารย์โยดา ไปมอบให้ฝ่ายจักรวรรดิ ซึ่งระหว่างภารกิจเขาก็ได้สัมผัสถึงสิ่งที่เขาไม่เคยคิดว่ามีในตัวเองมาก่อน ซึ่งก็คือ ความอ่อนโยน นั่นเอง

ดิน จาริน มีอาวุธหลักเป็นปืนยาว บลาสเตอร์ลองก์ไรเฟิ่ล และปืนพก บลาสเตอร์พิสทอล ในช่วงต้นเรื่องดินยังคงสวมชุดเกราะธรรมดาอยู่ แต่เมื่อได้รับค่าจ้างจากฝ่ายจักรวรรดิเป็นแร่เหล็กเบสการ์ โลหะของชาวแมนดาลอเรียน ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานที่ป้องกันได้ตั้งแต่กระสุนปืนจนถึงกระบี่แสงของเจได เขาก็ได้ไปหาช่างทำเกราะเพื่อให้เธอตีชุดเกราะใหม่ให้ นอกจากเพิ่มอาวุธให้แล้ว เธอยังมอบเจ็ทแพ็คมาให้ด้วย ดินจึงเปลี่ยนไปใส่ชุดเกราะเบสการ์ตั้งแต่นั้นจนจบซีซั่น 2

หลังจากที่เอาชนะมอฟ กีเดี้ยน ได้แล้ว ดินตั้งใจจะนำ ดาร์คเซเบอร์ มาคืนให้กับ โบ คาทาน ครีซ แต่เธอไม่ยอมรับมัน เนื่องด้วยชาวแมนดาลอเรียนมีธรรมเนียมที่ว่า การจะครอบครอง ดาร์คเซเบอร์ ได้ ต้องมาจากการดวลเพื่อชิงมาเท่านั้น ดินจึงเป็นผู้ครอบครองดาร์คเซเบอร์จนถึงปัจจุบัน และได้นำมาใช้เป็นอาวุธหลัก

ทิออน มีดอน

แก้

ทิออน มีดอน (Tion Medon) เป็นชาวเปาอันเพศชายและเป็นผู้จัดการท่ายานของเปาซิตี้ เขาตัวผอม ผิวหนังคล้ายมนุษย์สีเทา ทิออน มีดอนสวมชุดคลุมสีแดงที่ดูสง่าและมีไม้เท้าของทางสำนักงานถืออยู่ในมือ เขาได้ช่วยเหลือโอบีวัน เคโนบีในช่วงสงครามโคลน

ทารอน มาลิคอส

แก้

ทารอน มาลิคอส (Taron Malicos) เป็นมนุษย์เพศชาย ในสตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวครั้งแรกในเกมสตาร์ วอร์ส: การล่มสลายของภาคีเจได อดีตอาจารย์เจไดที่มาอาศัยอยู่บนดาว ดาโธเมียร์ อันเป็นที่อยู่ของเหล่า ไนท์ซิสเตอร์ และ ไนท์บราเธอร์ มาลิคอสมีจุดประสงค์ต้องการศึกษาเวทมนตร์ของเหล่าไนท์ซิสเตอร์ เพื่อให้ตนแข็งแกร่งและมีอำนาจมากขึ้น โดยตกลงกับพวกเขาว่าจะคุ้มครองให้พ้นจากจักรวรรดิ หลังจากที่จักรวรรดิมารุกรานดาโธเมียร์ และแล้วไนท์ซิสเตอร์ เมอร์รินก็หลงเชื่อ กระทั่งคาล เคสติส เดินทางมาค้นหา แอสเทรียม ที่ดาโธเมียร์ ความจริงจึงเปิดเผยว่า มาลิคอส คือเจไดที่ตกสู่ด้านมืด และพยายามชักชวนคาลให้มาเป็นพวก แต่คาลปฏิเสธ มาลิคอสจึงโกรธมาก ชักกระบี่แสงคู่ออกมา หมายเอาชีวิตคาล 2 เจไดเข้าปะทะกัน คาลตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในด้านพลัง แต่ด้วยความช่วยเหลือของเมอร์ริน คาลจึงสามารถเอาชนะได้ สุดท้ายมาลิคอสก็ถูกเมอร์รินร่ายเวทมนตร์ให้ธรณีสูบลงไปจนถึงแก่ความตาย

ทริลลา ซูดูริ

แก้

ทริลลา (Trilla Suduri) เป็นตัวละครมนุษย์เพศหญิงใน สตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวครั้งแรกในเกมสตาร์ วอร์ส: การล่มสลายของภาคีเจได อดีตเจไดพาดาวันหญิง ลูกศิษย์ของ เซียร์ จันดา ที่รอดชีวิตจากหลบหนีทหารโคลนในเหตุการณ์ คำสั่งที่ 66 เหล่าเจไดถูกกวาดล้าง ทำให้พวกเธอต้องหนีไปซ่อนตัว แต่เซียร์ถูกจับไปและถูกทรมานจนหลุดปากคายความลับที่ซ่อนของพวกลูกศิษย์ ทริลลาจึงถูกจับตัวมาเข้ากระบวนการทรมานเพื่อกระตุ้นด้านมืดในจิตใจ จนกลายเป็น เซคคันด์ซิสเตอร์ อินควิซิเตอร์ ผู้ติดตามรับใช้ซิธลอร์ด ดาร์ธ เวเดอร์ เธอได้รับกระบี่แสงเล่มใหม่ ที่มีปลาย 2 ด้านและสามารถหมุนใบมีดโจมตีได้ ทริลลาได้รับคำสั่งให้ตามหาเจไดที่หลบหนีอยู่บนดาวบรักกา ซึ่งก็คือ คาล เคสทิส แต่คาลหลบหนีไปได้พร้อมกับลูกเรือยานแมนทิสที่มีอดีตอาจารย์ของเธอในนั้นด้วย ต่อมาเธอสืบพบว่า พวกคาลกำลังตามหาเจไดโฮโลครอนซึ่งมีรายชื่อเด็กผู้มีสัมผัสในพลังบรรจุอยู่ เธอจึงพยายามชิงมันมา แต่คาล เคสทิส เข้ามาขัดขวางเสียก่อน จึงเกิดการต่อสู้กัน หลังจากที่คาลสามารถไขปริศนาของ อีโน คอร์โดวา ได้สำเร็จและได้โฮโลครอนมาไว้ในมือ ทริลลาที่รอโอกาสอยู่ก็มาชิงมันไป พวกคาลจึงตามเธอไปจนถึงฐานใต้ทะเลสาบของจักรวรรดิ กระทั่งพบทริลลาและประดาบกัน ระหว่างนั้นคาลก็พยายามโน้มน้าวทริลลาให้กลับมาสู่ด้านสว่าง จึงเกิดความขัดแย้งขึ้นในใจเธอ จนในที่สุดคาลก็เอาชนะเธอได้ เซียร์ที่ตามมาก็เข้าไปเจรจาและสำนึกผิดที่ทอดทิ้งศิษย์อย่างเธอไป ทริลลาได้ฟังดังนั้นจึงลดโทสะลงและกำลังจะกลับสู่ด้านสว่าง ขณะที่ทุกอย่างกำลังจะจบลงด้วยดี ดาร์ธ เวเดอร์ ก็ปรากฏตัวขึ้นและลงดาบสังหารทริลลาโทษฐานที่เธอทำงานล้มเหลว

เบรู ลาร์ส

แก้

เบรู ลาร์ส (Beru Lars)หรือ เบรู ไวท์ซัน (Beru Whitesun) เป็นตัวละครรองปรากฏตัวครั้งแรกในสตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 4: ความหวังใหม่ เป็นภรรยาของโอเวน ลาร์สและเป็นป้าของลุค สกายวอล์คเกอร์ เขาถูกพวกสตอร์มทรูปเปอร์ฆ่าตายที่บ้านขณะที่ลุคอยู่กับเบน เคโนบี

เบน สกายวอล์คเกอร์

แก้

เบล ออร์กานา

แก้

เบล เพรสเตอร์ ออร์กานา (Bail Prestor Organa) : เป็นตัวละครในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวในภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 2: กองทัพโคลนส์จู่โจม และสตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3: ซิธชำระแค้น มีชีวิตตามเวลาในท้องเรื่องระหว่างปีที่ 69 ก่อนยุทธการยาวิน ถึงปีที่ 0 ก่อนยุทธการยาวิน

เบลเป็นบิดาบุญธรรมของเจ้าหญิงเลอา ออร์กานา และมิตรของอาจารย์เจได โอบีวัน เคโนบี สมรสกับเจ้าหญิงเบรฮา ออร์กานา แห่งอัลเดอราน และดำรงตำแหน่งเจ้าแห่งราชวงศ์ออร์กานาในฐานะพระสวามีของสมเด็จพระราชินีนาถ มีนามอย่างเป็นทางการคือ เบล ออร์กานา อุปราชและเจ้าชายแห่งอัลเดอราน เขาได้รับการเคารพนับถือในฐานะผู้สละชีพในหน้าที่ในพันธมิตรกบฏ(เบล ออร์กาน่าเสียชีวิตจากการถูกทำลายของดาวอัลเดอรานโดยลำแสงจากสถานีอวกาศดาวมรณะโดยคำสั่งของทาร์คิน)และรัฐสืบเนื่องอันได้แก่สาธารณรัฐใหม่และสหพันธรัฐพันธมิตรอิสระ

บีบีเอท

แก้

บีบีเอท (อังกฤษ: BB-8) เป็นตัวละครหุ่นยนต์ประเภทดรอยด์ในสตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส: อุบัติการณ์แห่งพลัง โดยเป็นหุ่นยนต์ที่ใช้รีโมตคอนโทรลในการบังคับ ซึ่งต่างจากตัวละครที่ใช้นักแสดงเชิดหรือสวมชุดในภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ มีลักษณะลำตัวท่อนล่างเป็นทรงกลม และเคลื่อนไหวโดยการกลิ้ง มีอุปกรณ์สารพัดประโยชน์เก็บไว้ในตัว เดิมที บีบีเอท เป็นหุ่นดรอยด์คู่หูของ โพ ดาเมรอน แต่พลัดหลงกันขณะที่ปฐมภาคีบุกโจมตีดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง บีบีเอทได้ไปพบกับ ฟิน และ เรย์ เข้า จึงได้ติดตามทั้ง 2 มาจนสามารถกลับมาที่ฐานทัพกลุ่มต่อต้านได้สำเร็จ ฝ่ายปฐมภาคีต้องการตัว บีบีเอท เนื่องจาก โพได้ซ่อนแผนที่ระบุตำแหน่งของปรมาจารย์เจได ลุค สกายวอล์คเกอร์ เอาไว้ ไคโลเร็น จึงต้องการหาตัวเขาเพื่อกำจัดเสีย

บีดีวัน

แก้

บีดีวัน (อังกฤษ: BD-1) เป็นตัวละครหุ่นยนต์ประเภทดรอยด์ในสตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวครั้งแรกในเกมสตาร์ วอร์ส: การล่มสลายของภาคีเจได ในอดีตเป็นหุ่นยนต์ของปรมาจารย์ อีโน คอร์โดวา โดยก่อนที่จะหายตัวไป อาจารย์เจไดผู้นี้ได้ฝังข้อความลับไว้ในบีดีวัน ซึ่งจะนำทางไปสู่คลังข้อมูลใน เจได-โฮโลครอน มีเพียงเจไดที่หุ่นตัวนี้เห็นว่าคู่ควรเท่านั้น ที่จะเข้าถึงข้อมูลได้ จากนั้นคอร์โดวาก็ทำการลบความจำ บีดีวันถูกนำมาปล่อยไว้ที่ดาวโบกาโน่หลังจากนั้น ก่อนที่คาล เคสติส จะเดินทางมาพบเข้า

ระหว่างการเดินทางและไขปริศนา บีดีวันก็ได้ประเมินว่าคาลมีความน่าเชื่อถือ และสามารถฝากชะตากรรมของนิกายเจไดเอาไว้ได้ บีดีวันจึงค่อย ๆ ฟื้นความจำกลับมา และเปิดข้อความลับที่ว่านั้นให้คาลได้ทราบ
บีดีวัน มีความสามารถในการแฮ็คระบบคอมพิวเตอร์ สะเดาะกล่องนิรภัยที่ล็อคด้วยรหัส เก็บสำรองแคปซูลยา สติม สำหรับรักษาคาล เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บ และยังสามารถช่วยคาลในการโหนสลิงได้ นอกจากนี้คาลยังได้ทำการดัดแปลงอัพเกรดให้บีดีวัน จนสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาได้ด้วย

ปาปานอยดา

แก้

บารอนปาปานอยดา (อังกฤษ: Papanoida) เป็นชายชาวแพนทอราน ประธานแห่งดาวเคราะห์แพนทอราในช่วงปลายยุคสาธารณรัฐ วุฒิสมาชิกชี อีคเวย์ผู้เป็นบุตรสาว เคยกล่าวว่าเขาเป็นคนที่มีอำนาจมาก

ตัวละครนี้แสดงโดยจอร์จ ลูคัส ผู้สร้างสตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวในภาพยนตร์ซิธชำระแค้น ต่อมาจึงมีบทบาทเพิ่มเติมในซีรีส์ Star Wars: The Clone Wars ตอน "Sphere of Influence ให้เสียงโดย Corey Burton

โพล คูน

แก้

โพล คูนเป็นชาวเคล ดอร์เพศชายจากดอรินซึ่งต่อมาได้เป็นอาจารย์เจไดและสมาชิกถาวรของสภาสูงเจได โพล คูนเข้ารับตำแหน่งนี้ตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์การรุกรานนาบูจนถึงการล่มสลายของสาธารณรัฐในปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวิน ในช่วงสงครามโคลน คูนได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายพลใหญ่ของกองทัพใหญ่สาธารณรัฐ นอกจากนั้นแล้วโพล คูนยังเป็นนักบินยานรบที่มีฝีมือคนหนึ่ง

โพลมีหลานสาวคนหนึ่งคือชา คูน ซึ่งเป็นสมาชิกนิกายเจไดเช่นกัน และยังปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้สื่อสารส่วนตัวระหว่างกองกำลังเจไดจู่โจมกับสาธารณรัฐในช่วงสงครามสตาร์กไฮเปอร์สเปซ โพล คูนเป็นเพื่อนสนิทของอาจารย์เจไดไควกอน จินน์ (ซึ่งทั้งสองได้ร่วมรบกันในสงครามสตาร์กไฮเปอร์สเปซ) มิคาห์ กิเอตต์ และนักบินที่เก่งกาจอีกคนหนึ่งคือแซสซี ทีน เขาถูกสังหารขณะบังคับยานรบบนดาวคาโต้ เนโมเดียโดยทหารโคลนทรูปเปอร์ในสังกัดในช่วงที่มีการประกาศใช้คำสั่งที่ 66

ชื่อจริงคือ ชีฟว์ พัลพาทีน หรือ ดาร์ธ ซิเดียส (Darth Sidious)เป็นบุตรชายคนโตของตระกูลพัลพาทีน จากดาวนาบู เป็นสมุหนายกคนสุดท้ายของสาธารณรัฐกาแลกติก(ปีที่ 32 ก่อนยุทธการยาวินถึงปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวิน)และผู้ตั้งตนเองเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิกาแลกติก (ปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวินถึงปีที่ 4 หลังยุทธการยาวิน และปีที่ 10 หลังยุทธการยาวินถึงปีที่ 11 หลังยุทธการยาวิน) เขาเป็นผู้ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระดับกาแลกซีอย่างสงครามโคลนเพื่อที่จะกุมอำนาจโดยใช้กฎอัยการศึกที่ประกาศโดยสภากาแลกติกในระหว่างสงครามโคลน พัลพาทีนเป็นผู้นำที่แท้จริงของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในฐานะของซิธลอร์ด ดาร์ธ ซิเดียส ทั้งยังเป็นผู้นำตามกฎหมายของฝ่ายสาธารณรัฐอีกด้วย ทำให้เขาสามารถวางแผนความเป็นไปของสงครามทั้งหมดได้ ยังผลให้พัลพาทีนได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่คือการถือกำเนิดของจักรวรรดิกาแลกติก

เมอร์ริน

แก้

เมอร์ริน (Merrin) เป็นตัวละครหญิงชาวซาบรัค ผิวกายสีเทา และผมสีเงิน อาศัยอยู่บนดาว ดาโทเมียร์ หรือที่รู้จักกันในนาม ไนท์ซิสเตอร์ ปรากฏตัวครั้งแรกในเกม สตาร์ วอร์ส: การล่มสลายของภาคีเจได เธอคือไนท์ซิสเตอร์คนสุดท้ายของเผ่า หลังจากเหตุการณ์กวาดล้างของจักรวรรดิได้ผ่านไป พี่น้องและครอบครัวของเธอถูกสังหารจนสิ้น เธอจึงอาศัยอย่างเดียวดายอยู่บนดาวบ้านเกิด แต่แล้ววันหนึ่ง กลุ่มลูกเรือยานแมนทิส ก็เดินทางมาที่ดาโทเมียร์ เมอร์รินคิดว่าพวกเขาเป็นผู้บุกรุก จึงแอบซุ่มโจมตี และปะทะเข้ากับเจไดหนุ่ม คาล เคสติส แต่คาลก็ไม่ได้ตอบโต้ และพยายามพูดคุยเจรจากับเธอ ทีแรกเมอร์รินไม่คิดเจรจาด้วย แต่เมื่อคาลได้พบกับเจไดมืด มาลิคอส และพยายามพูดคุยกับเมอร์ริน เธอจึงเริ่มยอมปรับความเข้าใจทีละน้อย และเล่าถึงความจริงที่เกิดขึ้นกับเผ่าของเธอ จนในที่สุด คาลก็ได้ประดาบกับมาลิคอส และได้เมอร์รินคอยสนับสนุน จนสามารถปราบมาลิคอสลงได้ เมื่อได้ทราบจุดประสงค์ของคาล เมอร์รินก็ตัดสินใจร่วมเดินทางไปกับคาลด้วย หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของเธอกับคาลก็เริ่มสนิทสนมขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งในเกม สตาร์ วอร์ส: เจไดเซอร์ไวเวอร์ ช่วง 9 ปีก่อนยุทธการยาวิน ก็ได้เผยว่า เธอกับคาล ได้สานสัมพันธ์กันจนถึงขั้นโรแมนติก และกลายเป็นคู่รักในที่สุด โดยมีจุมพิตแรกของทั้งคู่เป็นสิ่งยืนยัน

เมอร์รินเป็นผู้มีความสามารถด้านการใช้พลัง เช่นเดียวกับเจไดและซิธ แต่เป็นพลังในแบบของเผ่าไนท์ซิสเตอร์ ซึ่งจะมีลักษณะไปในทางเวทมนตร์คาถา

เรวา เซแวนเดอร์

แก้

เรวา เซแวนเดอร์ (Reva Sevander) หรือ ภคนีที่ 3 แห่งกลุ่มนักสอบสวนจักรวรรดิ (Third Sister Inquisitor) เป็นตัวละครหญิงผู้มีสัมผัสแห่งพลัง ในอดีตเธอคือหนึ่งในยังลิ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ เหตุการณ์คำสั่งที่ 66 ซึ่งขณะนั้นเธออยู่ในวิหารเจไดในขณะที่ อนาคินหรือ เวเดอร์ พร้อมด้วยกองพัน 501 กำลังทำการกวาดล้างเจไดอยู่ และเวเดอร์ก็มาพบเธอและเพื่อน ๆ เข้า และสังหารยังลิ่งทุกคนยกเว้นเรวา ต่อมาเวเดอร์ก็นำตัวเธอไปทรมาน และเปลี่ยนให้กลายเป็น อินควิซิเตอร์ ลำดับที่ 3 เธอใช้กระบี่แสง 2 ปลายแบบหมุนใบมีดได้ (Double Bladed Spinning Lightsaber) เช่นเดียวกับอินควิซิเตอร์คนอื่น ๆ แต่กระบี่แสงของเธอจะมีเอกลักษณ์เฉพาะคือ ด้ามสามารถถอดแยกออกเป็น 2 เล่มได้

เรวาหมกมุ่นกับการตามหาโอบีวัน เพื่อให้ได้รับความเชื่อใจจากเวเดอร์มากขึ้น โดยที่หวังตำแหน่งแกรนด์อินควิซิเตอร์ ทำให้เธอมักขัดแย้งกับ อินควิซิเตอร์คนอื่น ๆ อยู่เสมอ แต่เหตุผลที่แท้จริงคือ เธอต้องการจะลอบสังหารเวเดอร์เพื่อล้างแค้น โดยโอบีวันรู้ถึงจุดนี้ด้วยเช่นกัน เรวาดำเนินการตามแผนจับตัวโอบีวัน และ เลอา ไปตามที่เวเดอร์สั่ง ซึ่งในที่สุดเธอก็สบโอกาส แต่ก็ฝีมือของเธอไม่อาจเทียบชั้นกับเวเดอร์ได้ และถูกกระบี่แสงแทงเข้าที่ท้อง อย่างไรก็ตาม เรวายังรอดชีวิต และเดินทางไปยังทาทูอีนหลังจากทราบข่าวเรื่องที่โอบีวันปกป้อง ลุค และ เลอา อยู่ เธอหมายจะสังหาร โอเว่น และ เบรู ซึ่งก็คือลุงและป้าของลุค แต่เธอก็ทำไม่ลง โอบีวันที่ตามมาพบก็ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เธอได้สติ พร้อมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ และสามารถใช้ชีวิตตามที่ตนต้องการ เรวาจึงละทิ้งฐานะอินควิซิเตอร์ และเดินไปตามเส้นทางของตนเอง

ลัชนอส ดอไฟน์

แก้

ลัชนอส ดอไฟน์ (Lushros Dofine) เป็นกัปตันของยานพิฆาต/บรรทุกเครื่องบิน โพรวิเดนซ์-คลาสอินวิซิเบิลแฮนด์ในช่วงสงครามโคลน เขาเกิดในครอบครัวดอไฟน์แห่งเนโมอีเดีย เขาแสดงให้เห็นพฤติกรรมอันสงบเยือกเย็นต่างจากชาวเนโมอีเดียนคนอื่นๆ และดังนั้นเขาจึงได้ตำแหน่งทางสังคมมาอย่างง่ายดาย เขาถูกฝึกให้เป็นกัปตันยานโดยสมาพันธ์การค้า และในเวลานั้นเอง เขาได้บัญชาการยานประจัญบาน ลูเคอร์ฮัล์ค-คลาส ในปีที่ 22 ก่อนยุทธการยาวิน เขาได้ปรากฏตัวในยุทธการจีโอโนซิส และเขาได้ช่วยนายพลกรีวัสในการล่าถอยจากการโจมตีของสาธารณรัฐกาแลกติก

การกระทำของดอไฟน์ที่จีโอโนซิสได้สร้างความเคารพจากกรีวัส ผู้ซึ่งให้เขาเป็นผู้บัญชาการอินวิซิเบิลแฮนด์ ดอไฟน์ได้เข้าร่วมการรบมากมายในสงครามโคลน และความใจเย็นของเขาที่เขาสร้างมาตลอดทั้งชีวิตก็ช่วยเขาได้มาก เนโมเดียนได้ทำการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ดาวหลักของสาธารณรัฐ คอรัสซัง หลังจากที่กรีวัสได้ลักพาตัวสมุหนายกพัลพาทีน ดอไฟน์เริ่มทำการล่าถอย แต่ก็ถูกก่อกวนโดยอัศวินเจไดทั้งสองซึ่งขึ้นมาบนยาน และยานพิฆาตดาราลัชรอส ดอไฟน์ ได้หลบหนีกลับเข้าไปในสภาแบ่งแยกดินแดนและวางแผนในที่ปลอดภัย

ลูมิยา (Legends)

แก้

ลูมิยาหรือชื่อเดิมคือชิรา เอลาน คอลลา บริเอ (Shira Elan Colla Brie) : เป็นมนุษย์ผู้เชี่ยวชาญแห่งด้านมืด (Dark Side adept) ที่ได้รับการฝึกโดยดาร์ธ เวเดอร์ (Darth Vader) และต่อมาได้เป็นเลดี้มืดแห่งซิธ (Dark Lady of the Sith) มีชื่อเสียงในด้านการใช้แส้แสง (lightwhip) เป็นอาวุธ

บริเอเป็นสมาชิกของหน่วยสืบราชการลับแห่งจักรวรรดิ (Imperial Intelligence) ได้รับคำสั่งจากเวเดอร์ให้แทรกซึมเข้าไปในพันธมิตรกบฏและคอยเป็นบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของลุค สกายวอล์คเกอร์ (Luke Skywalker) ผู้เป็นบุตรของเวเดอร์ แต่อย่างไรก็ตามเธอและลุคมีความสัมพันธ์แบบคนรักแต่ก็ต้องจบลงเมื่อลุครู้ว่า เธอคือสายลับแห่งจักรวรรดิ หลังจากบริเอได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการยิงของสกายวอล์คเกอร์ เวเดอร์ได้ช่วยชีวิตเธอไว้ และต่อเติมร่างกายด้วยอวัยวะเทียมหลายส่วน

บัดนี้บริเอเรียกตนเองว่าลูมิยา เธอได้รับการฝึกสอนในความรู้บางส่วนของซิธ (Sith) โดยเวเดอร์ และได้รับการเสนอต่อพัลพาทีน (Palpatine) ให้ขึ้นเป็นหัตถ์จักรพรรดิ (Emperor's Hand) หลังจากการเสียชีวิตของพัลพาทีนและเวเดอร์ในยุทธการเอนดอร์ (Battle of Endor) ลูมิยาได้ถือตนเองขึ้นเป็นเลดี้มืดแห่งซิธ หลังจากนั้นได้ฝึกจาเซน โซโล (Jacen Solo) ให้เป็นซิธ และจุดชนวนสงครามสหพันธ์-พันธมิตรกาแลกติก (Confederation-Galactic Alliance War) ก่อนที่จะพ่ายแพ้ให้แก่กระบี่แสง (Lightsaber) ของลุค สกายวอล์คเกอร์ อดีตคนรักในปีที่ 40 หลังยุทธการยาวิน เป็นการเปิดโอกาสให้จาเซนถือตนเองขึ้นเป็นลอร์ดมืดแห่งซิธและใช้ชื่อใหม่ว่าดาร์ธ เคดัส

สโนค

แก้

ผู้นำสูงสุดสโนค (อังกฤษ: Supreme Leader Snoke) เป็นตัวละครในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์อุบัติการณ์แห่งพลัง สโนคเป็นชายผู้มีสัมผัสแห่งพลัง ดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของปฐมภาคีในช่วงเวลาประมาณ 30 ปี หลังยุทธการเอนดอร์ เขาเป็นผู้มีอำนาจ เก่งกาจในด้านมืดของพลัง เคยได้ฝึกไคโล เร็น และศิษย์อีกอย่างน้อยหนึ่งคน ต่อมาสโนคก็ได้ถูกไคโล เร็นสังหารโดยใช้พลังเปิดกระบี่แสงที่อยู่ข้างตัวตัดลำตัวจนขาดในภาคปัจฉิมบทเจได

ในภาพยนตร์อุบัติการณ์แห่งพลัง สโนคเป็นตัวละครที่ถูกสร้างจากคอมพิวเตอร์กราฟิกด้วยเทคนิกการจับการเคลื่อนไหว (โมชั่นแคปเจอร์) จากการแสดงของแอนดี้ เซอร์กิส

ลักษณะของตัวละครสโนคถูกเปลี่ยนแปลงมาหลายต่อหลายครั้งระหว่างการพัฒนาภาพยนตร์ จนได้รูปลักษณ์สุดท้ายเมื่อตุลาคม พ.ศ. 2558 หรือเพียง 2 เดือน ก่อนภาพยนตร์จะออกฉาย เจเจ อับรามส์และนีล สแกนแลนไม่อยากให้ตัวละครนี้ดูชราและเสื่อมสังขารเหมือนดาร์ธ ซิเดียส นอกจากนี้ยังเคยพิจารณาให้ตัวละครนี้เป็นผู้หญิงด้วย

ในภาพยนตร์ กำเนิดใหม่สกายวอลเกอร์ ต้นกำเนิดของสโนคได้รับการเปิดเผยว่า สโนคคือร่างโคลนของดาร์ธ ซีเดียส ซึ่งผู้ที่สร้างขึ้นมาคือดาร์ธ ซีเดียสที่ฟื้นคืนชีพโดยการใช้ร่างโคลนจากความช่วยเหลือของเหล่าบรรดาผู้ภัดดีต่อซีเดียส ซิธอันเป็นนิรันดร์(Sith Eternal) ด้วยการตัดต่อพันธุกรรมที่ผิดพลาดทำให้เขามีรูปร่างที่อัปลักษณ์ แต่กลับมีพลังที่เทียบเท่ากับดาร์ธ ซีเดียส หลังจากนั้นดาร์ธ ซีเดียสได้ใช้สโนคเข้าหาเบนโซโลและชักชวนเข้าสู่ด้านมืด จากนั้นก็ก่อตั้งกลุ่มปฐมภาคีเพื่อที่ได้ควบคุมกาแลคซี่อีกครั้งหนึ่ง

เอกซาร์ คุน (Legends)

แก้

เอกซาร์ คุนเป็นผู้ฝึกเจไดที่มีพรสวรรค์มากคนหนึ่งของอาจารย์เจไดโวโดซิออสก์ บาส หลังจากพลัดเข้าสู่ด้านมืดของพลังก็กลายเป็นซิธลอร์ดที่ทรงพลังและเป็นอันตรายที่สุดคนหนึ่งของกาแลกซี ได้ชักนำเอาอูลิก เคลโดรมามาเป็นศิษย์ของตน หลังจากนั้นได้เริ่มสงครามซิธครั้งใหญ่ขึ้นจนทำให้สาธารณรัฐกาแลกติกแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยสงครามย่อยหลายต่อหลายครั้ง จนสุดท้ายเขาได้ปิดผนึกวิญญาณของตัวเองไว้ในวิหารมาสซาสซีบนดวงจันทร์ยาวิน 4

หลายพันปีต่อมา วิญญาณของคุนได้ย้อนกลับไปยัง wreak havoc ในเจไดพราเซียมของลุค สกายวอล์คเกอร์ และได้ยึดร่างของนักเรียนสองคนคือแกนโทริสและคิป ดูร์รอน นำทั้งสองเข้าสู่ด้านมืดของพลังและสังหารแกนโทริสลงในที่สุด นอกจากนั้นยังประสบความสำเร็จในการดึงเอาวิญญาณของลุคออกจากร่าง แต่สุดท้ายก็ถูกปราบลงด้วยการร่วมมือกันของเหล่านักเรียนของลุค

โอเวน ลาร์ส

แก้

โอเวน ลาร์สเป็นบุตรชายของชาวไร่ความชื้นคลี้ก ลาร์ส และน้องชายต่างบิดาของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ สมรสกับเบรู ไวท์ซัน หลังจากที่บิดาเสียชีวิต โอเวนได้สืบทอดงานชาวไร่ความชื้นต่อมา ในปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวิน เบรูโน้มน้าวให้โอเวนรับบุตรชายของอนาคิน ลุค สกายวอล์คเกอร์มารับเลี้ยงในฐานะหลานลุง หลังจากที่อนาคินหันเข้าสู่ด้านมืด กลายเป็นดาร์ธ เวเดอร์

สองสามีภรรยา โอเวนและเบรู เลี้ยงหลานชายคนเดียวอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เนื่องจากโอเวนหวาดกลัวในศักยภาพของลุค และระแวงภัยจากกาแลกซีภายนอกเขาจึงพยายามที่จะกีดกันไม่ให้ลุคได้เปิดหูเปิดตา และปิดเรื่องครอบครัวของเขาไว้เป็นความลับจากเจ้าตัว โอเวนยังกลัวอีกว่าเบน เคโนบีจะดึงลุคเข้าสู่วิถีแห่งเจไดเหมือนกับผู้เป็นพ่อ เขาจึงไม่ค่อยอยากให้เบนมายุ่งย่ามกับลุคเท่าไรนัก แต่เมื่อมีภัย พวกเขาก็ได้รับการช่วยเหลือเบนจากอยู่บ่อยครั้ง


ในช่วงสงครามกลางเมืองกาแลกติค โอเวนได้ซื้อหุ่นยนต์ อาร์ทูดีทู และซีทรีพีโอ จากกลุ่มพวกจาว่าและมอบให้ลุค ต่อมา ลุคก็ได้รับข้อความจากโฮโลแกรม และออกตามหา เบน พร้อมกับหุ่นยนต์ 2 ตัว ในขณะนั้นพวกสตอร์มทรูปเปอร์ได้ตามรอยอาร์ทูดีทู และซีทรีพีโอมาถึงบ้านของโอเวน โอเวนถูกกองทหารสตอร์มทรูปเปอร์ฆ่าตายพร้อมภรรยาของเขาในช่วงปีที่ 0 แห่งยุทธการยาวิน เป็นเหตุทำให้ลุคตัดสินใจออกเดินทางไปช่วยเจ้าหญิงเลอาพร้อมกับเบน

นายพลฮักซ์

แก้

นายพลอาร์มิทาจ ฮักซ์ (อังกฤษ: Armitage Hux) รับบทโดย โดนัลล์ กลีสัน (อุบัติการณ์แห่งพลัง) เป็นมนุษย์เพศชาย ดำรงตำแหน่งนายพลแห่งปฐมภาคีในช่วงเวลาประมาณ 30 ปีหลังยุทธการเอนดอร์ เขาเป็นเจ้าหน้าที่หนุ่มผู้โหดเหี้ยม เชื่อมั่นในแสนยานุภาพของกองทัพ กระบวนการฝึกสอน และอาวุธยุทโธปกรณ์ เขาเป็นสมาชิกลำดับสูงสุดคนหนึ่งของปฐมภาคี ภายใต้การนำของผู้นำสูงสุดสโน้ก นอกจากนี้ยังเป็นผู้บังคับบัญชาของอาวุธมหาประลัยฐานทัพสตาร์คิลเลอร์อีกด้วย

โฮลโด

แก้

รองผู้การยาน เอมิลิน โฮลโด (อังกฤษ: Amilyn Holdo) รับบทโดย Laura Dern (ปัจฉิมบทแห่งเจได) เป็นมนุษย์เพศหญิง ผู้เคยร่วมปฏิบัติหน้าที่กับเลอา ออร์กานา มานาน และเป็นรองผู้การยานของกองยานฝ่ายต่อต้านปฐมภาคี เธอได้ขึ้นบังคับบัญชากองยานฝ่ายต่อต้านเมื่อครั้งเลอาบาดเจ็บหนัก และได้ออกคำสั่งให้ทุกคนอพยพไปยังดาวเคราะห์เครต หลังจากนั้นจึงได้เสียสละตัวเอง บังคับยานรบ Raddus แห่งฝ่ายต่อต้าน โจนเข้าไฮเปอร์สเปซเพื่อทำลายยานเมกาสตาร์เดรดนอท Supremacy ของปฐมภาคี ทำให้ยานดังกล่าวเสียหายหนัก และฝ่ายต่อต้านจำนวนมากสามารถหลบหนีไปได้สำเร็จ