ภาษาเติร์กเมน
ภาษาเติร์กเมน (türkmençe, түркменче, تۆرکمنچه, [tʏɾkmøntʃø][5] หรือ türkmen dili, түркмен дили, تۆرکمن ديلی, [tʏɾkmøn dɪlɪ])[6] บางครั้งเรียกเป็น "ภาษาเติร์กแบบเติร์กเมน" (Turkmen Turkic) หรือ "ภาษาตุรกีแบบเติร์กเมน" (Turkmen Turkish)[7][8][9][10] เป็นภาษาเตอร์กิกที่พูดโดยชาวเติร์กเมนในเอเชียกลาง ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศเติร์กเมนิสถาน, อิหร่าน และอัฟกานิสถาน โดยมีผู้พูดเป็นภาษาแม่ในประเทศเติร์กเมนิสถานประมาณ 5 ล้านคน และอีก 719,000 คนในอิหร่านตะวันออกเฉียงเหนือ[11] 1.5 ล้านคนในอัฟกานิสถานตะวันตกเฉียงเหนือ และ 155,000 คนในปากีสถาน[12][13] ภาษาเติร์กเมนมีสถานะเป็นภาษาทางการในประเทศเติร์กเมนิสถาน แต่ไม่มีสถานะทงการในบริเวณที่มีชุมชนเชื้อชาติเติร์กเมนขนาดใหญ่ในอิหร่าน, อัฟกานิสถาน หรือปากีสถาน ภาษาเติร์กเมนมีผู้พูดจำนวนน้อยในชุมชนเติร์กเมนในอุซเบกิสถานและทาจิกิสถาน และในชุมชนเติร์กเมนพลัดถิ่น โดยเฉพาะในตุรกีและรัสเซีย[14][15][16]
ภาษาเติร์กเมน | |
---|---|
türkmençe, türkmen dili, түркменче, түркмен дили, تۆرکمن ديلی ,تۆرکمنچه | |
ประเทศที่มีการพูด | เติร์กเมนิสถาน, รัสเซีย, อิหร่าน, อุซเบกิสถาน, ปากีสถาน, อัฟกานิสถาน, ทาจิกิสถาน[1][2] |
ชาติพันธุ์ | ชาวเติร์กเมน |
จำนวนผู้พูด | 11 million[3] (2009–2015)[4] |
ตระกูลภาษา | เตอร์กิก
|
ภาษาถิ่น | |
ระบบการเขียน | อักษรละติน (ชุดตัวอักษรเติร์กเมน), อักษรซีริลลิก, อักษรอาหรับ อักษรเบรลล์เติร์กเมน |
สถานภาพทางการ | |
ภาษาทางการ | เติร์กเมนิสถาน |
รหัสภาษา | |
ISO 639-1 | tk |
ISO 639-2 | tuk |
ISO 639-3 | tuk |
Linguasphere | ส่วนหนึ่งของ 44-AAB-a |
ผู้พูดภาษาเติร์กเมนในเอเชียกลาง | |
ภาษาเติร์กเมนเป็นสมาชิกของสาขาโอคุซของกลุ่มภาษาเตอร์กิก รูปแบบมาตรฐานของภาษาเติร์กเมน (ที่ใช้ในเติร์กเมนิสถาน) มีพื้นฐานจากสำเนียงเตเก ในขณะที่ชาวเติร์กเมนในอิหร่านส่วนใหญ่ใช้สำเนียงโยมุด และชาวเติร์กเมนในอัฟกานิสถานใช้สำเนียงเอร์ซารี[17] ภาษาเติร์กเมนมีความใกล้ชิดกับภาษาอาเซอร์ไบจาน, ตาตาร์ไครเมีย, กากาอุซ, ควาซไคว และตุรกี โดยมีความเข้าใจภาษาของกันและกันในระดับแตกต่างกันไป[18]
ภาษาเติร์กเมนเขียนโดยใช้อักษรซีริลลิกหรืออักษรอาหรับด้วย อย่างไรก็ดี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีซาปาร์มือรัต นือยาซอว์ ได้ประกาศให้เขียนภาษาเติร์กเมนโดยใช้อักษรโรมันที่ได้รับการดัดแปลง
การจำแนก ภาษาที่เกี่ยวข้อง และสำเนียง
แก้ภาษาเติร์กเมนเป็นภาษาในกลุ่มภาษาเตอร์กิก อยู่ในกลุ่มย่อยเตอร์กิกตะวันออก กลุ่มโอคุซตะวันออก ซึ่งกลุ่มนี้ได้รวมภาษาเติร์กโคซารานีด้วย ภาษาเติร์กเมนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับภาษาตาตาร์ไครเมียและภาษาซาลาร์และใกล้เคียงกับภาษาตุรกีและภาษาอาเซอร์ไบจาน
ภาษาเติร์กเมนเป็นภาษาที่มีการเปลี่ยนเสียงสระ เป็นภาษารูปคำติดต่อและไม่มีการแบ่งเพศทางไวยากรณ์และไม่มีกริยาอปกติ การเรียงลำดับคำในประโยคเป็นประธาน-กรรม-กริยา การเขียนของภาษาเติร์กเมนใช้ตามสำเนียงโยมุด และยังมีสำเนียงอื่น ๆ อีกมาก สำเนียงเตเกมักจะถูกอ้างว่าเป็นภาษาชะกะไตโดยเฉพาะในอัฟกานิสถาน แต่ภาษาเติร์กเมนทุกสำเนียงได้รับอิทธิพลจากภาษาชะกะไตไม่มากนัก
วรรณคดี
แก้กวีที่มีชื่อเสียงของภาษาเติร์กเมนคือ Magtymguly Pyragy ซึ่งมีชีวิตในช่วงพุทธศตวรรษที่ 23 ภาษาของเขาเป็นการแสดงช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างภาษาชะกะไตและภาษาเติร์กเมนที่เป็นภาษาพูด
ระบบการเขียน
แก้อย่างเป็นทางการ ภาษาเติร์กเมนในปัจจุบันเขียนด้วยอักษรใหม่หรืออักษรละติน อย่างไรก็ตาม อักษรยุคเก่าหรืออักษรซีริลลิกยังคงใช้อยู่ พรรคการเมืองหลายพรรคที่ต่อต้านนโยบายของประธานาธิบดีนิกาเยฟยังคงใช้อักษรซีริลลิกในเว็บไซต์และสื่อสิ่งพิมพ์
ก่อน พ.ศ. 2472 ภาษาเติร์กเมนเคยเขียนด้วยอักษรอาหรับดัดแปลง ใน พ.ศ. 2472 - 2481 เปลี่ยนมาใช้อักษรละติน แล้วจึงเปลี่ยนมาใช้อักษรซีริลลิกในช่วง พ.ศ. 2481 - 2534 แล้วจึงเปลี่ยนมาใช้อักษรละตินที่ใช้ในปัจจุบัน แต่การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างช้าๆ
ไวยากรณ์
แก้การเปลี่ยนเสียงสระ
แก้เช่นเดียวกับภาษากลุ่มเตอร์กิกอื่นๆ ภาษาเติร์กเมนมีการเปลี่ยนเสียงสระ โดยทั่วไป ถ้าเป็นคำดั้งเดิมในภาษาจะประกอบด้วยสระหน้าหรือสระหลังเท่านั้น คำอุปสรรคและปัจจัยจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนเสียงสระนี้ โดยจะเปลี่ยนรูปไปตามคำที่เข้าประกอบ รูปกริยาแท้ของคำจะถูกจำแนกตามสระหย้าและสระหลัง คำที่มีที่มาจากภาษาอื่น ส่วนใหญ่เป็นภาษารัสเซีย ภาษาเปอร์เซียหรือภาษาอาหรับจะไม่มีการเปลี่ยนเสียงสระ
คำกริยา
แก้คำกริยาแบ่งเป็นรูปเอกพจน์และพหูพจน์ แบ่งตามบุรุษเป็นบุรุษที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มีการกของคำกริยา 11 การก มีคำกริยาสองชนิดในภาษาเติร์กเมนซึ่งแบ่งตามรูปของกริยาแท้ที่ลงท้ายด้วย -mak และ -mek โดย -mak จะตามรูปสระหลังส่วน -mek จะตามรูปสระหน้า
ปัจจัย
แก้ปัจจัยเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของภาษาเติร์กเมน
อ้างอิง
แก้- ↑ Ethnic composition, language and citizenship of the population of the Republic of Tajikistan, Volume III (in Russian)
- ↑ Ethnic Turkmen of Tajikistan Preserve Traditions of Their Ancestors
- ↑ Ahmet Cuneyd Tantug. A MT System from Turkmen to Turkish Employing Finite State and Statistical Methods. Istanbul Technical University. 2008. p.2
- ↑ ภาษาเติร์กเมน ที่ Ethnologue (21st ed., 2018)
- ↑ Clark, Larry (1998). Turkmen Reference Grammar (ภาษาอังกฤษ). Wiesbaden: Harrassowitz Verlag. p. 527.
- ↑ Clark, Larry (1998). Turkmen Reference Grammar (ภาษาอังกฤษ). Wiesbaden: Harrassowitz Verlag. p. 521.
- ↑ Gökçür, Engin (2015). "Upon Common Word แม่แบบ:As written of Turkmen Turkish and Turkey's Turkish Dialects". The Journal of International Social Research. 8 (36): 135. doi:10.17719/jisr.2015369495.
- ↑ Kara, Mehmet. Türkmen Türkleri Edebiyatı (The Literature of the Turkmen Turks), Türk Dünyası El Kitabı, Türk Kültürünü Araştırma Enstitüsü Yayınları, Ankara 1998, pp. 5–17
- ↑ Gökçür, Engin (2015). "Phonetic Events in Turkmen Turkish's Consonants of Words taken from Arabic and Persian". Turkish Studies. 10 (12): 429–448. doi:10.7827/TurkishStudies.8602.
- ↑ Kara, Mehmet. Türkmen Türkçesi Grameri (The Grammar of the Turkmen Turkish Language, Istanbul, 2012. Etkileşim Yayınları, pp. 1–10
- ↑ "Iran". Ethnologue.
- ↑ Project, Joshua. "Turkmen in Pakistan". joshuaproject.net (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2022-07-22.
- ↑ ภาษาเติร์กเมน ที่ Ethnologue (18th ed., 2015) (ต้องสมัครสมาชิก)
- ↑ "Where and how do the Turkmens abroad live? (in Russian)". Information Portal of Turkmenistan.
- ↑ Project, Joshua. "Turkmen in Pakistan". joshuaproject.net (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2022-07-16.
- ↑ "Turkmen". Ethnologue (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2022-07-16.
- ↑ "Who are the Turkmen and where do they live?". Center for Languages of the Central Asian Region. Bloomington, Indiana: Indiana University Bloomington. 2021 [2020]. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 June 2020. สืบค้นเมื่อ 24 August 2021.
- ↑ Sinor, Denis (1969). Inner Asia. History-Civilization-Languages. A syllabus. Bloomington. pp. 71–96. ISBN 0-87750-081-9.