พญาแสนหลวง เป็นขุนนางเมืองเชียงใหม่ซึ่งทำหน้าที่รักษาเมืองเชียงใหม่ระหว่างปี พ.ศ. 2175 ถึง พ.ศ. 2206 และถูกกล่าวถึงในหลักฐานของอยุธยา[1] พม่า[2][3][4] และเชียงแสน[5][6] พญาแสนหลวงอาจเป็นบุคคลหลายคนที่สืบทอดตำแหน่งต่อจากกันในช่วงเวลาดังกล่าว

พญาแสนหลวง
รักษาการเจ้าเมืองเชียงใหม่
ดำรงตำแหน่งพ.ศ. 2175 - พ.ศ. 2206
ก่อนหน้าเจ้าพลศึกซ้ายไชยสงคราม
ถัดไปมีนเยละจอ
ธิดาพระนางกุสาวดี

ตำแหน่งเจ้าเมืองเชียงใหม่ แก้

แสนหลวง หรือพญาแสนหลวง เป็น 1 ใน 4 ตำแหน่งขุนนางชั้นสูงของอาณาจักรล้านนาในสมัยราชวงศ์มังราย เมื่อพม่าเข้าปกครองล้านนา ก็ให้คงตำแหน่งไว้ตามเดิม โดยพญาแสนหลวงจะมีตำแหน่งสูงกว่าตำแหน่งอื่น[7]

ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่[8][9]ระบุว่าหลังจากพระเจ้าตาลูนตีเมืองเชียงใหม่แตกในปี พ.ศ. 2175 ทรงตั้งให้เจ้าฟ้าหลวงทิพเนตรแห่งเชียงแสน "กินนาสามล้านแต่งเชียงใหม่" ซึ่งสามล้านหมายถึงตำแหน่งขุนนางชั้นสูงรองจากพญาแสนหลวง[10] ในขณะที่พื้นเมืองเชียงแสน[5]และพงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน[6]ระบุว่าทรงตั้งให้เจ้าฟ้าหลวงทิพเนตร "เป็นใหญ่แก่ลานนาทั้งมวลคือว่า เชียงราย พะเยา เมืองฝาง หาง สาด ชะวาด น้อย ยาง มัน เมืองตวน ปุ เรง เมืองกก พู เพียง เชียงตุบ เมืองกาย สามท้าว เมืองม้า ท่าล่อ เมืองวะ เชียงขาน บ้านยู้ เมืองหลวย เมืองยอง เมืองสิง นอ เมืองหลวง ภูคา ภูคะทาง และเชียงชี เชียงของ เทิง เมืองล่อ น่าน แพร่ ละคร ทั้งมวล" โดยไม่มีเมืองเชียงใหม่อยู่ในรายชื่อ จากความคลาดเคลื่อนหลายประการของตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ผูกที่ 6[10] เกริก อัครชิโนเรศ และ ภูเดช แสนสา เห็นว่า ตำนานส่วนนี้นำเอาเอกสารปูมโหรของฝ่ายเชียงแสนมาใช้โดยไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้อง[11]

พงศาวดารเชียงใหม่ฉบับพม่า (Zinme Yazawin [en])[4], ราชวงศาพื้นเมืองเชียงใหม่ ต้นฉบับใบลานวัดเชียงมั่น[12] และพงศาวดารเชียงใหม่ ต้นฉบับใบลานวัดพระสิงห์เมืองเชียงราย[13]ได้บันทึกพระราชโองการของพระเจ้าตาลูนในวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2186 ระบุรายการเครื่องยศที่พระราชทานให้แก่พญาแสนหลวง พญาสามล้าน พญาจ่าบ้าน และขุนนางอื่นๆในเมืองเชียงใหม่ เจ้าเมืองเชียงแสน เจ้าเมืองน่าน และเจ้าเมืองอื่นๆในแคว้นล้านนา โดยไม่มีการกล่าวถึงตำแหน่งเจ้าเมืองเชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังมีพระราชโองการเพิ่มเติมว่า หากพญาแสนหลวงเสียชีวิต ให้เจ้าเมืองเชียงแสนสืบทอดตำแหน่งพญาแสนหลวงต่อไป หลักฐานเหล่านี้จึงสนับสนุนข้อสันนิษฐานว่า ในขณะนั้นเมืองเชียงใหม่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง โดยมีพญาแสนหลวงทำหน้าที่รักษาการเจ้าเมืองแทน แม้ว่ามหาราชวงษ์ พงษาวดารพม่า[14]ระบุว่าในปี พ.ศ. 2207 เจ้าเมืองเชียงใหม่เป็นผู้รายงานการถอยทัพของกองทัพอยุธยาแก่กษัตริย์พม่า แต่ในมหาราชวงศ์ฉบับภาษาอังกฤษ[2]ระบุเพียงว่าเป็นคนจากเมืองเชียงใหม่ (the men of Chiang Mai) เท่านั้น

พญาแสนหลวงเริ่มถูกกล่าวถึงในฐานะเจ้าเมืองเชียงใหม่ จากพระราชพงศาวดารไทยที่ชำระในสมัยรัตนโกสินทร์ เช่น พระราชพงศาวดารกรุงสยาม จากต้นฉบับของบริติชมิวเซียม[15]

พญาแสนหลวงในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง แก้

พญาแสนหลวงถูกกล่าวถึงในพื้นเมืองเชียงแสน[5]และพงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน[6]ในฐานะผู้นำประชาชนกลับมาฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่ร่วมกับพญาสามล้านในปี พ.ศ. 2175 หลังจากถูกพระเจ้าตาลูนกวาดต้อนผู้คนไปจนเมืองร้าง อย่างไรก็ตาม มหาราชวงศ์ระบุไว้ในเชิงขัดแย้งว่า ในระหว่างที่มังรายกะยอฉะวาแห่งซะกุ๊กำลังล้อมเมืองขวาง (อังกฤษ: Maingkhwin) ที่ยังไม่ยอมอ่อนน้อมหลังเมืองเชียงใหม่ถูกตีแตกในเดือนเมษายน พ.ศ. 2175 พระเจ้าตาลูนประทับอยู่ที่เชียงใหม่ และได้ทรงต้อนรับราชทูตจากยะไข่ในเดือนกรกฎาคม กองทัพพม่าล้อมเมืองขวางอยู่ 8 เดือนจึงเข้ายึดสำเร็จ มังรายกะยอฉะวาเสด็จกลับไปรวมพลกับพระเจ้าตาลูนที่เมืองเชียงใหม่ จากนั้นทั้งสองพระองค์จึงเสด็จออกจากเชียงใหม่ในเดือนมกราคม/กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2176 โดยแต่งตั้งคนและกองทัพไว้รักษาเมือง[2]

ในปี พ.ศ. 2175 เดียวกัน จดหมายเหตุวันวลิตระบุว่า สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงยกทัพขึ้นมาตีเชียงใหม่ ทำให้เจ้าเมืองเชียงใหม่ต้องทิ้งเมืองหนีไป ทำให้กองทัพอยุธยาเปลี่ยนเป้าหมายไปโจมตีนครลาวซึ่งเป็นประเทศราชของเชียงใหม่[16] หลักฐานนี้บ่งชี้ว่า กองทัพอยุธยาพบว่าเมืองเชียงใหม่ที่อยู่ในสภาวะไม่มีเจ้าเมือง ซึ่งสอดคล้องกับบันทึกของเชียงแสน

พญาแสนหลวงถูกกล่าวถึงอีกครั้งโดยพื้นเมืองเชียงแสนและพงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสนในปี พ.ศ. 2193/2194 (จ.ศ. 1012) ในการบรรยายว่าเมืองเชียงใหม่เจริญรุ่งเรืองขึ้นมากจากเมื่อปี พ.ศ. 2175[5][6]

พญาแสนหลวงในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แก้

สงครามระหว่างราชวงศ์หมิงใต้และราชวงศ์ชิงในปี พ.ศ. 2202 ทำให้เกิดการรุกรานของจีนฮ่อในพม่าตอนบนและดินแดนโดยรอบ ตำนานล้านนาเชียงใหม่ ใบลานวัดแม่แก้ดหลวง[17]และหนังสือพื้นเมืองเชียงใหม่ ใบลานวัดศรีภุมมา[13]บันทึกว่ากองทัพจีนฮ่อสร้างความกังวลจนพญาแสนหลวงต้องนิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ เมื่อเห็นว่าพม่าไม่สามารถให้ความคุ้มครองเมืองเชียงใหม่ได้ พญาแสนหลวงจึงตัดสินใจสวามิภักดิ์ต่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2203 สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดให้จัดกองทัพขึ้นไปป้องกันเมืองเชียงใหม่ในเดือนพฤศจิกายน ฝ่ายเชียงใหม่หลังจากทราบว่าการรุกรานของจีนฮ่อคลี่คลายแล้วจึงกลับไปสวามิภักดิ์กับพม่าตามเดิม สมเด็จพระนารายณ์มหาราชจึงดำรัสสั่งให้เข้าตีเมืองเชียงใหม่แทน[1]

กองทัพอยุธยาเข้ายึดเมืองเชียงใหม่ได้ในต้นปี พ.ศ. 2204 (จ.ศ. 1022[5][6] ปลายศก[9]) หรือไม่ช้ากว่าเดือนตุลาคม[18] เมืองเชียงใหม่จึงตกเป็นประเทศราชของอยุธยาจนถึงปี พ.ศ. 2206 หลังจากพบว่าอยุธยาไม่ประสบความสำเร็จในการตีหัวเมืองมอญพม่า พญาแสนหลวงจึงแข็งเมืองต่ออยุธยา ทำให้อยุธยายกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่เป็นครั้งที่ 2[19][15] กองทัพอยุธยาตีเมืองเชียงใหม่แตกในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2206[2] และโจมตีทัพหนุนจากพม่าที่เพิ่งมาถึงจนล่าถอยกลับไป ชาวเชียงใหม่หลบหนีออกจากเมืองและคอยซุ่มโจมตีกองทัพอยุธยา จนในที่สุดฝ่ายอยุธยาตัดสินใจทิ้งเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2207[2][3]

พญาแสนหลวงและชาวล้านนาถูกกวาดต้อนลงไปที่กรุงศรีอยุธยาหลังจากเมืองเชียงใหม่แตก[19] เมื่อพระเจ้าปเยทรงทราบข่าวจากทางเมืองเชียงใหม่ จึงทรงแต่งตั้งให้มีนเยละจอให้เป็นเมียวหวุ่น[20]แห่งเชียงใหม่พระองค์ใหม่ในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2207[2][3]

การกล่าวถึงในหลักฐานสมัยรัตนโกสินทร์ แก้

ตำนานพระนางกุสาวดี แก้

พระราชพงศาวดารกรุงสยาม จากต้นฉบับของบริติชมิวเซียมระบุว่า หลังจากตีเมืองเชียงใหม่ได้แล้ว สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงรับธิดาของพญาแสนหลวงมาเป็นสนม[15] และมีพระโอรสด้วยกัน 1 พระองค์ คือ พระเจ้าเสือ ซึ่งคล้ายคลึงกับตำนานพระนางกุสาวดีในคำให้การชาวกรุงเก่า อย่างไรก็ตาม ตำนานดังกล่าวได้รับการวิจารณ์ว่ามีจุดที่น่าสงสัยและขาดการสนับสนุนจากหลักฐานอื่น[21][22]

วรรณกรรมพระยาตรัง แก้

พญาแสนหลวงได้รับการกล่าวถึงในฐานะ เจ้าเชียงใหม่ ผู้สนทนาโต้ตอบกับศรีปราชญ์เป็นโคลงกวี ซึ่งพระยาตรังได้รวบรวมไว้ในผลงานชื่อ โคลงกวีโบราณ[23]

ลิลิตพยุหยาตราเพชรพวง แก้

ชื่อพญาแสนหลวงปรากฏอยู่ในกระบวนพยุหะม้าร่วมกับเจ้าล้านนาจากเมืองต่างๆที่ถูกกวาดต้อนมายังอยุธยา[19] ในโคลงพยุหยาตราเพชรพวง ซึ่งประพันธ์โดยเจ้าพระยาพระคลัง (หน)[24]

การตีความตัวตนทางประวัติศาสตร์และข้อขัดแย้ง แก้

พญาแสนหลวงที่ปรากฏในพระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ถูกตีความในชั้นหลังว่าเป็นบุคคลเดียวกับเจ้าฟ้าแสนเมืองแห่งเชียงแสน เช่น ในพงศาวดารโยนก[9] และในพงษาวดารเรื่องเรารบพม่า ครั้งกรุงศรีอยุทธยา[25] อย่างไรก็ตาม การตีความดังกล่าวมีข้อขัดแย้งกับหลักฐานต่างๆ ดังนี้

  • ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ระบุเกี่ยวกับเจ้าฟ้าแสนเมืองเพียงว่า "เอาพระแสงเมืองเป็นพระยาเชียงแสน แทนได้ 3 ปีเอาเมือเสียอังวะ"[8] (แปล: พระแสนเมืองขึ้นครองเมืองเชียงแสน 3 ปีต่อมาเดินทางไปเมืองอังวะ) โดยไม่ได้ระบุว่าเจ้าฟ้าแสนเมืองเคยปกครองเชียงใหม่ พื้นเมืองเชียงแสนและพงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสนบันทึกไปในทำนองเดียวกันว่าเจ้าฟ้าแสนเมืองปกครองเมืองเชียงแสนเท่านั้น
  • พงศาวดารและหลักฐานในสมัยรัตนโกสินทร์บ่งชี้ว่า พญาแสนหลวงถูกกวาดต้อนไปกรุงศรีอยุธยาหลังเมืองเชียงใหม่แตกในปี พ.ศ. 2206 ในขณะที่เจ้าฟ้าแสนเมืองยังคงปกครองเมืองเชียงแสนต่อไปจนถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 2215/2216 (จ.ศ. 1034) และเจ้าฟ้าอินทร์เมืองพระโอรสได้ขึ้นครองเชียงแสนต่อมา[5][6]

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 "ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๔ - วิกิซอร์ซ". th.wikisource.org.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 U Kala (2016). The Great Chronicle, 1597-1711. แปลโดย Tun Aung Chain. Yangon: MKS Publishing. pp. 118–122, 199, 201–202. ISBN 9789997102201.
  3. 3.0 3.1 3.2 THIEN, NAI (29 February 1912). "INTERCOURSE BETWEEN BURMA AND SIAM AS RECORDED IN HMANNAN YAZAWINDAWGYI" (PDF). สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์. pp. 88–93. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2 June 2021. สืบค้นเมื่อ 8 December 2023.
  4. 4.0 4.1 Gamani Thingyan Sithu (2003). Tun Aung Chain (บ.ก.). Zinme Yazawin [Chronicle of Chiang Mai]. แปลโดย Ni Ni Myint. Yangon: Universities Historical Research Centre. pp. 57–67. OCLC 53201709.
  5. 5.0 5.1 5.2 5.3 5.4 5.5 อ๋องสกุล, สรัสวดี (2003). เอียวศรีวงศ์, นิธิ (บ.ก.). พื้นเมืองเชียงแสน. กรุงเทพฯ: อมรินทร์. pp. 114, 121–122. ISBN 9742726612.
  6. 6.0 6.1 6.2 6.3 6.4 6.5 "ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๑ - วิกิซอร์ซ". th.wikisource.org.
  7. อ๋องสกุล, สรัสวดี (2023). ประวัติศาสตร์ล้านนา (พิมพ์ครั้งที่ 13 ed.). เชียงใหม่: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำนักงานบริหารงานวิจัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. p. 130. ISBN 9786163989055.
  8. 8.0 8.1 Minister, Office of the Prime, English: Fundamental History of the City of Chiang Mai (PDF), p. 81, สืบค้นเมื่อ 2023-02-22
  9. 9.0 9.1 9.2 ประชากิจกรจักร, พระยา (2516). พงศาวดารโยนก. กรุงเทพฯ: บุรินทร์การพิมพ์. pp. 408–413.
  10. 10.0 10.1 Kirigaya, Ken (29 November 2014). "Some annotations to the Chiang Mai chronicle: The era of Burmese rule in Lan Na" (PDF). Journal of the Siam Society. 102: 273, 275 – โดยทาง The Siam Society under Royal Patronage.
  11. สุขคตะ, เพ็ญสุภา (16 July 2023). "ตระหนัก 'ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่' (จบ) ความคลาดเคลื่อนที่ควรแก้ไข ทุกฝ่ายร่วมชำระใหม่แบบขยายความ". มติชนสุดสัปดาห์. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 December 2023. สืบค้นเมื่อ 8 December 2023.
  12. Premchit, Sommai; Tuikheo, Puangkam (2518). ราชวงศาพื้นเมืองเชียงใหม่ ภาคปริวรรต ลำดับที่ ๔. เชียงใหม่: ภาควิชาสังคมวิทยา และมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. pp. 33–36.
  13. 13.0 13.1 อ๋องสกุล, สรัสวดี (2565). งานวงศ์พาณิชย์, กรกฎ (บ.ก.). พิเคราะห์หลักฐาน ประวัติศาสตร์ล้านนา. เชียงใหม่: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำนักงานบริหารงานวิจัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. pp. 13–18, 104–105. ISBN 9786163986634.
  14. วงษ์เทศ, สุจิตต์, บ.ก. (2545). มหาราชวงษ์ พงษาวดารพม่า. แปลโดย นายต่อ. กรุงเทพฯ: มติชน. p. 192. ISBN 9743225951.
  15. 15.0 15.1 15.2 ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๘๒ เรื่อง พระราชพงศาวดารกรุงสยาม จากต้นฉบับของ บริติชมิวเซียมกรุงลอนดอน (พิมพ์ครั้งที่ 2 ed.). กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร. 2537. pp. 234, 244–245. ISBN 9744190256.
  16. ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 79 จดหมายเหตุวันวลิต (พิมพ์ครั้งที่ 3 ed.). กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร. 2515. pp. 87–90.
  17. วิพากษ์ประวัติศาสตร์ (11 November 2021). "สงครามขยายอำนาจของสมเด็จพระนารายณ์ ตอนที่ 1 – ล้านนาตอนล่าง". Facebook. สืบค้นเมื่อ 1 March 2024.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)^
  18. วิพากษ์ประวัติศาสตร์ (22 November 2021). "สงครามขยายอำนาจของสมเด็จพระนารายณ์ ตอนที่ 3 – เชียงใหม่ ล้านนาตอนบน ล้านช้าง". Facebook. สืบค้นเมื่อ 1 March 2024.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)^
  19. 19.0 19.1 19.2 วิพากษ์ประวัติศาสตร์ (8 December 2021). "สงครามขยายอำนาจของสมเด็จพระนารายณ์ ตอนที่ 5 – เชียงใหม่ครั้งที่สอง". Facebook. สืบค้นเมื่อ 1 March 2024.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)^
  20. แซ่เซียว, ลัดดาวัลย์ (2545). 200 ปี พม่าในล้านนา. กรุงเทพฯ: โครงการอาณาบริเวณศึกษา 5 ภูมิภาค. pp. 87–92. ISBN 9747206099.
  21. สุขคตะ, เพ็ญสุภา (20 October 2023). "ปริศนาโบราณคดี : พระปีย์ vs พระเจ้าเสือ ใครคือโอรสลับของพระนารายณ์?". มติชนสุดสัปดาห์. สืบค้นเมื่อ 1 March 2024.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  22. Slight06 (5 June 2013). "ใครรู้จัก ประวัติพระนางกุสาวดี พระมารดาของสมเด็จพระเจ้าเสือบ้างคะ". Pantip. สืบค้นเมื่อ 1 March 2024.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  23. ไม่ปรากฏผู้สร้างสรรค์, รวบรวมโดย พญาตรัง. "โคลงกวีโบราณ/โคลง - วิกิซอร์ซ". th.wikisource.org.
  24. "ไฟล์:เพชรพวง ศรีวิชัย ราชคฤห์ - หน - ๒๕๐๗.pdf - วิกิซอร์ซ" (PDF). commons.wikimedia.org. p. 47.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  25. "ดัชนี:เรารบพม่า - ดำรง - ๒๔๖๓ (๑).pdf - วิกิซอร์ซ" (PDF). th.wikisource.org. pp. 238–247.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
ก่อนหน้า พญาแสนหลวง ถัดไป
เจ้าพลศึกซ้ายไชยสงคราม   รักษาการเจ้าเมืองเชียงใหม่
(พ.ศ. 2175 - พ.ศ. 2206)
  มีนเยละจอ