ดอว์น (ยานอวกาศ)
ยานสำรวจอวกาศ ดอว์น (อังกฤษ: Dawn) เป็นยานสำรวจอวกาศขององค์การนาซาแบบใช้หุ่นยนต์ควบคุม ถูกส่งไปในภารกิจสำรวจดาวเคราะห์น้อยดวงที่ใหญ่ที่สุด 2 ดวงในแถบดาวเคราะห์น้อย คือ ดาวเคราะห์น้อยเวสตา และดาวเคราะห์แคระ เซเรส ดอว์นขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2550 ถึงดาวเคราะห์น้อยเวสต้าเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ซึ่งมีกำหนดจะสำรวจต่อไปจนถึงปี พ.ศ. 2555 และมีกำหนดจะไปถึงดาวเคราะห์น้อยเซเรสในปี พ.ศ. 2558 นับเป็นยานอวกาศดวงแรกที่จะไปเยือนวัตถุในระบบสุริยะทั้งสองนี้ ดอว์นเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อให้ยานอวกาศสามารถเข้าไปอยู่ในวงโคจรรอบวัตถุทางดาราศาสตร์ ศึกษาวัตถุนั้น แล้วผละออกมาเพื่อมุ่งหน้าไปสำรวจเป้าหมายอื่น ขณะที่ยานสำรวจอวกาศอื่น ๆ ในโครงการก่อนหน้านี้ เช่นโครงการวอยเอจเจอร์ ได้ทำการสำรวจวัตถุดาราศาสตร์ต่าง ๆ โดยการเคลื่อนที่ผ่านเท่านั้น[5]
ดอว์น | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ภาพวาดจำลองของศิลปิน แสดงยานอวกาศดอว์น | |||||||||
ประเภทภารกิจ | ยานอวกาศหลายเป้าหมาย | ||||||||
ผู้ดำเนินการ | นาซา / เจพีแอล | ||||||||
COSPAR ID | 2007-043A | ||||||||
SATCAT no. | 32249 | ||||||||
เว็บไซต์ | http://dawn.jpl.nasa.gov/ | ||||||||
ระยะภารกิจ | 11 ปี 1 เดือน 4 วัน[1][2] | ||||||||
ข้อมูลยานอวกาศ | |||||||||
ผู้ผลิต | |||||||||
มวลขณะส่งยาน | 1,217.7 กิโลกรัม (2,684.6 ปอนด์)[4] | ||||||||
มวลแห้ง | 747.1 กิโลกรัม (1,647.1 ปอนด์)[4] | ||||||||
ขนาด | 1.64 × 19.7 × 1.77 เมตร (5.4 × 65 × 5.8 ฟุต)[4] | ||||||||
กำลังไฟฟ้า | 10 kW at 1 AU[4] 1.3 kW at 3 AU[5] | ||||||||
เริ่มต้นภารกิจ | |||||||||
วันที่ส่งขึ้น | 27 กันยายน ค.ศ. 2007, 11:34 UTC[6] | ||||||||
จรวดนำส่ง | Delta II 7925H | ||||||||
ฐานส่ง | แหลมคะแนเวอรัล SLC-17B | ||||||||
ผู้ดำเนินงาน | United Launch Alliance | ||||||||
สิ้นสุดภารกิจ | |||||||||
การกำจัด | วงโคจรเสถียรที่ไม่สามารถควบคุมได้ | ||||||||
ติดต่อครั้งสุดท้าย | 30 ตุลาคม 2018[7] | ||||||||
ลักษณะวงโคจร | |||||||||
ระบบอ้างอิง | ซีรีส | ||||||||
ระบบวงโคจร | Highly elliptical | ||||||||
กึ่งแกนเอก | 2,475.1356 กิโลเมตร (1,537.9780 ไมล์)[8] | ||||||||
ความเยื้อง | 0.7952 [8] | ||||||||
ระยะใกล้สุด | 37.004 กิโลเมตร (22.993 ไมล์) | ||||||||
ระยะไกลสุด | 3,973.866 กิโลเมตร (2,469.246 ไมล์) | ||||||||
ความเอียง | 76.1042 องศา[8] | ||||||||
คาบการโคจร | 1,628.68 นาที[8] | ||||||||
ลองจิจูดของจุดโหนดขึ้น | -79.4891 องศา[8] | ||||||||
มุมของจุดใกล้ที่สุด | 164.1014 องศา[8] | ||||||||
วันที่ใช้อ้างอิง | 30 ตุลาคม 2018, 00:00:00 UTC[8] | ||||||||
บินผ่านดาวอังคาร | |||||||||
เข้าใกล้สุด | 18 กุมภาพันธ์ 2009, 00:27:58 UTC[6] | ||||||||
ระยะทาง | 542 กิโลเมตร (337 ไมล์)[6] | ||||||||
ยานอวกาศโคจรรอบ 4 เวสต้า | |||||||||
แทรกวงโคจร | 16 กรกฎาคม 2011, 04:47 UTC[9] | ||||||||
ออกวงโคจร | 5 กันยายน 2012, 06:26 UTC[6] | ||||||||
ยานอวกาศโคจรรอบ 1 ซีรีส | |||||||||
แทรกวงโคจร | 6 มีนาคม 2015, 12:29 UTC[6] | ||||||||
| |||||||||
Dawn mission patch |
สถานะ
แก้วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ดอว์นได้จับภาพเป้าหมายเป็นครั้งแรกที่ระยะห่าง 1.2 ล้านกิโลเมตรจากเวสต้า และเริ่มเข้าสู่ช่วงบินเข้าหาดาวเคราะห์น้อยดังกล่าว[10] วันที่ 12 มิถุนายน ความเร็วของดอว์นเทียบกับเวสต้าลดลงเพื่อเตรียมการเข้าสู่วงโคจรในอีก 34 วันให้หลัง[11]
ดอว์นมีกำหนดจะเข้าสู่วงโคจรเมื่อเวลา 05:00 UTC วันที่ 16 กรกฎาคม หลังช่วงผลักดันด้วยเครื่องยนต์ไอออน เนื่องจากสายอากาศของดอว์นชี้ออกจากโลกในระหว่างการผลักดัน ทำให้นักวิทยาศาสตร์ไม่อาจยืนยันได้ในทันทีทันใดว่าดอว์นสามารถเข้าสู่วงโคจรได้สำเร็จหรือไม่ ยานอวกาศดังกล่าวกำหนดทิศทางใหม่และมีกำหนดจะเข้าทำงานเมื่อเวลา 06:30 UTC ของวันที่ 17 กรกฎาคม[12] ภายหลัง องค์การนาซาได้ยืนยันว่าองค์การได้รับข้อมูลทางไกลจากดอว์นซึ่งบ่งชี้ว่ายานอวกาศดังกล่าวเข้าสู่วงโคจรรอบเวสต้าได้สำเร็จ[13] ยังไม่มีการยืนยันเวลาที่แน่นอนของการเข้าสู่วงโคจร เพราะขึ้นอยู่กับการกระจายมวลของเวสต้า ซึ่งยังทำได้แค่ประมาณการเท่านั้น[14]
ภารกิจ
แก้เป้าหมายของภารกิจ เพื่อบรรยายลักษณะและกระบวนการของมหายุคแรกสุดของระบบสุริยะ โดยการสำรวจรายละเอียดดาวเคราะห์ก่อนเกิดสองดวงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่ยังคงไม่ได้รับความเสียหายนับแต่ระบบสุริยะก่อตัวขึ้น เซเรสและเวสต้ามีลักษณะเฉพาะที่ขัดกันเป็นอย่างมากซึ่งคาดกันว่าเป็นผลมาจากการที่พวกมันก่อตัวขึ้นในสองบริเวณที่แตกต่างกันในระบบสุริยะยุคแรกเริ่ม มีตัวอย่างจากเซเรสจำนวนมากที่นักวิทยาศาสตร์สามารถเข้าถึงได้ ในรูปของอุกกาบาต HED มากกว่า 200 ลูก ซึ่งให้ความกระจ่างแก่ประวัติศาสตร์และโครงสร้างธรณีวิทยาของเวสต้า เชื่อกันว่าเวสต้าประกอบด้วยแก่นโลหะเหล็ก-นิกเกิล ชั้นแมนเทิลที่มีโอลิวีนเหมือนหินที่อยู่ด้านบน และผิวเปลือก[15][16][17]
อ้างอิง
แก้- ↑ McCartney, Gretchen; Brown, Dwayne; Wendel, JoAnna (September 7, 2018). "Legacy of NASA's Dawn, Near the End of its Mission". NASA. สืบค้นเมื่อ September 8, 2018.
- ↑ "GSpace Topics: Dawn". Planetary Society. สืบค้นเมื่อ November 9, 2013.
- ↑ "Dawn".
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 "Dawn at Ceres" (PDF) (Press kit). NASA / Jet Propulsion Laboratory. March 2015.
- ↑ 5.0 5.1 Rayman, Marc; Fraschetti, Thomas C.; Raymond, Carol A.; Russell, Christopher T. (April 5, 2006). "Dawn: A mission in development for exploration of main belt asteroids Vesta and Ceres" (PDF). Acta Astronautica. 58 (11): 605–616. Bibcode:2006AcAau..58..605R. doi:10.1016/j.actaastro.2006.01.014. สืบค้นเมื่อ April 14, 2011.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 6.4 "Dawn". National Space Science Data Center. NASA. สืบค้นเมื่อ November 20, 2016.
- ↑ Chang, Kenneth (November 1, 2018). "NASA's Dawn Mission to the Asteroid Belt Says Good Night - Launched in 2007, the spacecraft discovered bright spots on Ceres and forbidding terrain on Vesta". The New York Times. สืบค้นเมื่อ November 2, 2018.
- ↑ 8.0 8.1 8.2 8.3 8.4 8.5 8.6 "Nasa Horizons Ephemeris – Target body name: Dawn (spacecraft) (-203)". NASA JPL. 6 January 2022.
- ↑ Brown, Dwayne C.; Vega, Priscilla (August 1, 2011). "NASA's Dawn Spacecraft Begins Science Orbits of Vesta". NASA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-02-02. สืบค้นเมื่อ August 6, 2011.
- ↑ http://www.nasa.gov/mission_pages/dawn/news/dawn20110511.html เก็บถาวร 2012-08-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน NASA
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-03-22. สืบค้นเมื่อ 2011-07-19.
- ↑ Wall, Mike (July 16, 2011). "NASA Spacecraft Now Orbiting Huge Asteroid Vesta ... Hopefully". Space.com. สืบค้นเมื่อ July 17, 2011.
- ↑ Jonathan Amos (17 July 2011). "Dawn probe orbits asteroid Vesta". BBC News.
- ↑ Vega, Priscilla; Brown, Dwayne (July 16, 2011). "NASA's Dawn Spacecraft Enters Orbit Around Asteroid Vesta". NASA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-06-19. สืบค้นเมื่อ July 17, 2011.
- ↑ Ghosh, A; McSween, Harry Y. (1998). "A Thermal Model for the Differentiation of Asteroid 4 Vesta, Based on Radiogenic Heating". Icarus. 134 (2): 187–206. Bibcode:1998Icar..134..187G. doi:10.1006/icar.1998.5956.
- ↑ Sahijpal, S.; Soni, P.; Gagan, G. (2007). "Numerical simulations of the differentiation of accreting planetesimals with 26Al and 60Fe as the heat sources". Meteoritics & Planetary Science. 42 (9): 1529–1548. Bibcode:2007M&PS...42.1529S. doi:10.1111/j.1945-5100.2007.tb00589.x.
- ↑ Gupta, G.; Sahijpal, S. (2010). "Differentiation of Vesta and the parent bodies of other achondrites". J. Geophys. Res. Planets. 115 (E8): E08001. Bibcode:2010JGRE..115.8001G. doi:10.1029/2009JE003525.