ความสัมพันธ์ไทย–พม่า
เนื้อหาในบทความนี้ล้าสมัย โปรดปรับปรุงข้อมูลให้เป็นไปตามเหตุการณ์ปัจจุบันหรือล่าสุด ดูหน้าอภิปรายประกอบ |
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
ความสัมพันธ์ไทย–พม่า หมายถึงความสัมพันธ์ของสองประเทศตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน พม่ามีสถานทูตประจำประเทศไทยที่กรุงเทพมหานคร ส่วนประเทศไทยมีสถานทูตประจำประเทศพม่าที่ย่างกุ้ง[1][2] ความสัมพันธ์พม่า–ไทยมักดำเนินไปในเรื่องของเศรษฐกิจและการค้า นอกจากนี้ก็มีความขัดแย้งเป็นระยะ ๆ เช่นกรณีพิพาทเกาะหลาม เกาะคัน และเกาะขี้นก[3]
พม่า |
ไทย |
การเปรียบเทียบ
แก้สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา | ราชอาณาจักรไทย | |
---|---|---|
ตราแผ่นดิน | ||
ธงชาติ | ||
ประชากร | 53,582,855 คน | 68,863,514 คน |
พื้นที่ | 676,578 ตร.กม. (261,228 ตร.ไมล์) | 513,120 ตร.กม. (198,120 ตร.ไมล์) |
ความหนาแน่น | 76 คน/ตร.กม. (196.8 คน/ตร.ไมล์) | 132.1 คน/ตร.กม. (342.1 คน/ตร.ไมล์) |
เมืองหลวง | เนปยีดอ | กรุงเทพมหานคร |
เมืองที่ใหญ่ที่สุด | ย่างกุ้ง – 5,160,512 คน (เขตปริมณฑล 7,360,703 คน) | กรุงเทพมหานคร – 8,305,218 คน (เขตปริมณฑล 10,624,700 คน) |
การปกครอง | เผด็จการทหาร | ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข |
ประมุขแห่งรัฐ | ประธานาธิบดี: มหยิ่นซเว (รักษาการ) | พระมหากษัตริย์: พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว |
หัวหน้ารัฐบาล | นายกรัฐมนตรี: มี่นอองไลง์ | นายกรัฐมนตรี: แพทองธาร ชินวัตร |
ภาษาราชการ | ภาษาพม่า | ภาษาไทย |
ศาสนาหลัก | ||
กลุ่มชาติพันธุ์ | ||
จีดีพี (ราคาตลาด) | 71.543 พันล้านดอลลาร์ (ต่อหัว 1,354 ดอลลาร์) | 516 พันล้านดอลลาร์ (ต่อหัว 7,607 ดอลลาร์) |
ค่าใช้จ่ายทางทหาร | 2.43 พันล้านดอลลาร์ | 5.69 พันล้านดอลลาร์ |
ประวัติศาสตร์
แก้สมัยอยุธยา
แก้สมัยอยุธยาการความสัมพันธ์เต็มไปด้วยความขัดแย้งจากสงครามนับแต่ครั้งอดีต โดยทั้งไทยและพม่าต่างชิงความเป็นใหญ่ในภูมิภาคเพื่อขยายอำนาจทางการเมือง การปกครอง และเป็นการควบคุมจุดยุทธศาสตร์ทางการค้าภายในแผ่นดินใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังพม่าได้เป็นใหญ่เหนือดินแดนมอญและไทใหญ่แล้ว พยายามขยายอำนาจเข้ามายังอาณาจักรอยุธยา โดยเดินทัพผ่านดินแดนมอญทางด้านตะวันตกหรือผ่านลงมาทางล้านนาทางด้านเหนือ การที่พม่ายกทัพมารบกับอยุธยาหลายครั้งแสดงให้เห็นถึงความต้องการเป็นใหญ่ในดินแดนแถบนี้ และพม่าต้องการสร้างความเป็นเอกภาพในดินแดนพม่าโดยการรวบรวมชนกลุ่มน้อยให้เป็นหนึ่งอันเดียวกัน แต่อุปสรรคสำคัญของพม่าคืออาณาจักรอยุธยาซึ่งมักสนับสนุนชนกลุ่มน้อยให้ต่อต้านอำนาจของพม่าเสมอ การยึดครองอยุธยาจึงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเป็นเอกภาพของพม่าด้วย ซึ่ง นำไปสู้การสูญเสียเอกราชของอยุธยา 2 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2112 และปี พ.ศ. 2310 ซึ่งอาณาจักรอยุธยาก็สามารถกอบกู้อิสรภาพได้ทั้งสองครั้ง
สมัยธนบุรี
แก้ส่วนใหญ่ไทยกับพม่าจะทำสงครามกันเกือบตลอดรัชกาลในสมัยกรุงธนบุรี ทั้งในด้านการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพจากพม่าของพระเจ้าตากสิน โดยไทยเป็นฝ่ายตั้งรับการรุกรานของพม่า หลังจากได้รับเอกราช ต้องทำสงครามกับพม่าถึง 9 ครั้ง และแย่งชิงความเป็นใหญ่ในอาณาจักรล้านนา บริเวณภาคเหนือของประเทศไทยในปัจจุบัน
สมัยรัตนโกสินทร์
แก้สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
แก้อยู่ในลักษณะทำสงครามสู้รบกัน โดยไทยทำสงครามกับพม่ารวมทั้งสิ้น 10 ครั้ง สงครามครั้งที่มีความสำคัญที่สุดคือ สงครามเก้าทัพ ใน พ.ศ. 2328 แต่เมื่อพม่าเผชิญหน้ากับการคุกคามของลัทธิจักรวรรดินิยมตะวันตก คือ สหราชอาณาจักร ในเวลาต่อมาก็ไม่ได้ยกทัพมาสู้รบกับไทยอีก
สมัยใหม่
แก้ในปี พ.ศ. 2415 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้เสด็จเยือนประเทศอาณานิคมอังกฤษ 2 ประเทศ คือประเทศอินเดีย และประเทศพม่า (บริติชราช) ทำให้ทรงได้ทอดพระเนตรความเจริญที่อังกฤษนำมาพัฒนาอาณานิคมทั้งสอง สิ่งเหล่านี้พระองค์ท่านได้นำมาพัฒนาบ้านเมืองให้เกิดความเจริญขึ้น
ในปี พ.ศ. 2478 หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อครั้งที่ทรงลี้ภัยการเมืองไปประทับอยู่ที่ปีนัง ได้ทรงเสด็จไปเยือนพม่าและได้ทรงบันทึกเรื่องราวขณะเสด็จเยือน ได้ทรงนำมานิพนธ์เป็นหนังสือเรื่องเที่ยวเมืองพม่า
วันที่ 2-5 มีนาคม พ.ศ. 2503 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยือนสหภาพพม่า เพิ่มพูนสัมพันธไมตรีกับพม่า การเสด็จเยือนครั้งดังกล่าวทำให้ความสัมพันธ์ไทยกับพม่าดีขึ้นอย่างมาก
ปัญหาความไม่สงบด้านชายแดน
แก้วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ทหารพม่ารบกับกะเหรี่ยงดีเคบีเอโดยได้มีระเบิดจากพม่าตกที่จังหวัดตากจำนวน 2 ลูก ส่งผลให้คนไทยได้รับบาดเจ็บจำนวน 8 ราย
วันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554 ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้ปิดเส้นทางถนนบ้านห้วยน้ำนัก , บ้านห้วยแห้ง ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ ไปยังบ้านช่องแคบ เนื่องจากการสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลพม่ากับฝ่ายกะเหรี่ยงดีเคบีเอและกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง เคเอ็นยูเกิดขึ้นบริเวณตรงข้ามบ้านห้วยน้ำนัก และก่อนหน้านี้มีลูกกระสุนปืนล้ำเข้ามาตกในเขตไทย
วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ถึง 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 พลตรีนะคะมวย ผู้บัญชาการทหารกองกำลังติดอาวุธชาวกะเหรี่ยงกองพลน้อยโกะทูบลอ สั่งทหารปิดช่องทางเข้าออกตามแนวชายแดนไทย-พม่า เพื่อตอบโต้ทางการไทยที่ขึ้นบัญชีดำเป็นพ่อค้ายาเสพติด และตอบโต้ที่ถูก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ประกาศว่าเป็นหนึ่งใน 25 คนที่มีหมายจับคดีค้ายาเสพติดมีค่าหัว 1 ล้านบาท
ความร่วมมือในด้านต่าง ๆ
แก้ด้านการค้า
แก้ในปี พ.ศ. 2558 การค้ารวมคิดเป็นมูลค่า 261,975.12 ล้านบาท (ลดลงร้อยละ 0.6 จากปี พ.ศ. 2557) ไทยส่งออก 140,789.55 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.32) นำเข้า 121,185 ล้านบาท (ลดลงร้อยละ 4.79 เนื่องจากมูลค่าการนำก๊าซธรรมชาติจากพม่าเข้าประเทศไทยลดลงจากการลดลงของราคาเชื้อเพลิงธรรมชาติในตลาดโลก) ได้ดุลการค้า 19,603.97 ล้านบาท เป็นการค้าชายแดนมูลค่า 214,694.38 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.95 ของมูลค่าการค้ารวม
ด้านการลงทุน
แก้ไทยมีการลงทุนสะสมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 – มกราคม พ.ศ. 2559 มูลค่า 114,804.37 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.54 ของการลงทุนจากต่างชาติ เป็นอันดับ 6 รองจากจีน สิงคโปร์ ฮ่องกง สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ สาขาการลงทุนที่สำคัญ ได้แก่ พลังงาน การผลิต ประมง และปศุสัตว์ ผู้ลงทุนรายใหญ่ อาทิ ปตท.สผ. การไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย (กฟผ.) อิตาเลียนไทย ซีพี และเครือซิเมนต์ไทย ทั้งนี้ รัฐบาลไทยส่งเสริมการลงทุนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคเอกชนไทยในพม่าอย่างมีความรับผิดชอบ
ดูเพิ่ม
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ Burmese embassy in Bangkok เก็บถาวร 2011-01-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ Thai embassy in Burma เก็บถาวร 2011-09-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ Sophal, Sek (13 January 2020). "New subs sign of troubles to come?" (Opinion). Bangkok Post. สืบค้นเมื่อ 13 January 2020.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในพม่า เก็บถาวร 2017-02-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน