เตียวเหยียง
เตียวเหยียง[1] (เสียชีวิต ค.ศ. 189) มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า จาง ร่าง จีนตัวย่อ: 张让; จีนตัวเต็ม: 張讓; พินอิน: Zhāng Ràng) เป็นขันทีราชสำนักและขุนนางชาวจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก เป็นหัวหน้าของขันทีกลุ่มสิบเสียงสี (十常侍 ฉือฉางชื่อ) ซึ่งเป็นกลุมขันทีที่มีอิทธิพลในรัชสมัยพระเจ้าเลนเต้ (漢靈帝 ฮั่นหลิงตี้)
เตียวเหยียง (จาง ร่าง) | |
---|---|
張讓 | |
ผู้ถวายงานกลาง (中常侍 จงฉางชื่อ) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. ? – ค.ศ. 189 | |
กษัตริย์ | พระเจ้าเลนเต้ หองจูเปียน |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | ไม่ทราบ นครสฺวี่ชาง มณฑลเหอหนาน |
เสียชีวิต | ค.ศ. 189 แม่น้ำฮองโห |
อาชีพ | ขันทีราชสำนัก, ขุนนาง |
บรรดาศักดิ์ | เลี่ยโหว (列侯) |
ประวัติ
แก้ด้วยความไว้วางพระทัยของพระเจ้าเลนเต้ เตียวเหยียงและคณะขันทีจึงมีอำนาจในราชสำนัก กดขี่รีดนาทาเร้นราษฎรจนได้รับความลำบาก ทำให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งทนระบบการบริหารราชการแผ่นดินของราชวงศ์ฮั่นไม่ไหวจึงได้รวมตัวกันขึ้นต่อสู้เพื่อคิดล้มล้างราชวงศ์ฮั่น ต่อมา ทหารหลวงได้ปราบปรามกองกำลังเหล่านี้ได้สำเร็จ
ต่อมาพระเจ้าเลนเต้สวรรคต โฮจิ๋นได้ทูลเชิญหองจูเปียนขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าฮั่นเซ่าตี้ โฮจิ๋นได้กุมอำนาจทางการทหารไว้ในมือและคิดกำจัดขันทีทั้งสิบจึงได้ส่งหนังสือเรียกเจ้าเมืองต่าง ๆ ให้ยกมาปราบขันที เตียวเหยียงและคณะขันทีรู้ตัวจึงได้ออกอุบายลวงโฮจิ๋นมาฆ่าได้สำเร็จ ฝ่ายโจโฉและอ้วนเสี้ยว ทหารในบังคับบัญชาของโฮจิ๋นเมื่อทราบว่าโฮจิ๋นเสียชีวิต จึงนำกำลังทหารเข้ากำจัดขันทีทั้งสิบ เตียวเหยียงและขันทีอีกคนจึงได้ลักพาตัวพระเจ้าฮั่นเซ่าตี้และหองจูเหียบพระอนุชา ออกไปนอกวัง ด้วยความกลัวจึงได้ทิ้งทั้งสองพระองค์ไว้ และกระจายกันหนีไป เตียวเหยียงหนีจนไปจนมุมที่แม่น้ำแห่งหนึ่ง ขณะนั้นทหารหลวงได้ล้อมเตียวเหยียงที่แม่น้ำ เตียวเหยียงจึงกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย
ดูเพิ่ม
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ ("แลพวกเทาเจียดขันทีซึ่งเปนผู้ใหญ่นั้นเก้าคน ชื่อเตียวต๋งหนึ่ง เตียวเหยียงหนึ่ง ฮองสีหนึ่ง ต๋วนกุยหนึ่ง เหาลำหนึ่ง เกียนสิดหนึ่ง เห้หุยหนึ่ง ก๊กเสงหนึ่ง เชียกงหนึ่ง เปนสิบคนทั้งเทาเจียด ถ้าขุนนางผู้ใดมิได้อยู่ในโอวาทก็ให้ถอดเสีย ผู้ใดอยู่ในบังคับบัญชานั้นก็ให้ยกตั้งแต่งขึ้น แลเทาเจียดกับพวกเก้าคนนั้นตั้งชื่อตัวเปนสิบเสียงสี") "สามก๊ก ตอนที่ ๑". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ July 9, 2025.
บรรณานุกรม
แก้- ซือหม่า กวาง (1084). จือจื้อทงเจี้ยน.
- ฟ่าน เย่ (คริสต์ศตวรรษที่ 5). โฮ่วฮั่นชู.