เจ้าชายเฟลิกซ์แห่งบูร์บง-ปาร์มา
Prince พยัญชนะของ Luxembourg ศตวรรษที่ 20
เจ้าชายเฟลิกซ์แห่งบูร์บง-ปาร์มา (28 ตุลาคม ค.ศ. 1893 - 8 เมษายน ค.ศ. 1970) เป็นพระราชสวามีในแกรนด์ดัชเชสชาร์ล็อตแห่งลักเซมเบิร์ก และเป็นพระบิดาของพระโอรส-ธิดา 6 พระองค์ รวมทั้งแกรนด์ดยุกฌ็องแห่งลักเซมเบิร์ก พระองค์ทรงเป็นคู่อภิเษกสมรสที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดของลักเซมเบิร์ก
เจ้าชายเฟลิกซ์ | |
---|---|
เจ้าชายพระราชสวามีแห่งลักเซมเบิร์ก | |
![]() | |
คู่อภิเษก | แกรนด์ดัชเชสชาร์ล็อตแห่งลักเซมเบิร์ก |
พระราชบุตร | แกรนด์ดยุกฌ็องแห่งลักเซมเบิร์ก เจ้าหญิงเอลิซาเบธ ดัชเชสแห่งโฮเฮนเบิร์ก เจ้าหญิงมารี แอดิเลดแห่งลักเซมเบิร์ก เจ้าหญิงมารี กาเบรียล เจ้าหญิงพระมารดาและเคาน์เตสแห่งโอลเทน-เลนเดอร์เบิร์ก เจ้าชายชาลส์แห่งลักเซมเบิร์ก เจ้าหญิงอลิซก์แห่งลักเซมเบิร์ก เจ้าหญิงพระมารดาแห่งลีญ |
ราชวงศ์ | บูร์บง-ปาร์มา |
พระบิดา | โรเบิร์ตที่ 1 ดยุคแห่งปาร์มา |
พระมารดา | อินฟานตามารีอา อันโตนีอาแห่งโปรตุเกส |
ประสูติ | 28 ตุลาคม ค.ศ. 1893 Schwarzau am Steinfeld, ประเทศออสเตรีย |
สิ้นพระชนม์ | 8 เมษายน ค.ศ. 1970 Fischbach Castle, ประเทศลักเซมเบิร์ก | (76 ปี)
พระประวัติแก้ไข
เจ้าชายเฟลิกซ์ประสูติเมื่อ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1893 เป็นพระโอรสของโรเบิร์ตที่ 1 ดยุคแห่งปาร์มาและอินฟานตามารีอา อันโตนีอาแห่งโปรตุเกส ทรงอภิเษกสมรสกับแกรนด์ดัชเชสชาร์ล็อตแห่งลักเซมเบิร์ก มีพระโอรส-ธิดา 6 พระองค์ คือ
พระเกียรติยศแก้ไข
พระอิสริยยศแก้ไข
ส่วนนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
- 28 ตุลาคม ค.ศ. 1893 - 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 1919: ฮิสรอยัลไฮเนส เจ้าชายเฟลิกซ์แห่งบูร์บง-ปาร์มา
- 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 1919 - 8 เมษายน ค.ศ. 1970: ฮิสรอยัลไฮเนส เจ้าชายเฟลิกซ์แห่งบูร์บง-ปาร์มาและลักเซมเบิร์ก
เครื่องราชอิสริยาภรณ์แก้ไข
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ลักเซมเบิร์กแก้ไข
- ลักเซมเบิร์ก: เครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชสีห์ทองคำแห่งราชวงศ์นัสเซา[1]
- ปาร์มา: เครื่องราชอิสริยาภรณ์เซนต์หลุยส์สำหรับกิตติคุณฝ่ายพลเรือน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศแก้ไข
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ http://www.angelfire.com/vt/luxenthronement/part1.html
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-11-06. สืบค้นเมื่อ 2015-02-08.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๘๒, ตอน ๑๑๓ ง, ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๘, หน้า ๓๒๖๓