อินต้ายบก มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า อิ่น ต้ามู่ (จีน: 尹大目; พินอิน: Yǐn Dàmù) ไม่ทราบชื่อตัว ชื่อรอง ต้ายบก หรือ ต้ามู่ (จีน: 大目; พินอิน: Dàmù) เป็นข้ารับใช้ของตระกูลโจ หลังจากวุยก๊กได้รับการก่อตั้ง อินต้ายบกได้ร่วมเป็นคนสนิทของจักรพรรดิ เคยมีตำแหน่งเป็นนายกองพันประจำพระที่นั่ง (殿中校尉 เตี้ยนจงเซี่ยวเว่ย์)

อินต้ายบก (อิ่น ต้ามู่)
尹大目
นายกองพันประจำพระที่นั่ง
(殿中校尉 เตี้ยนจงเซี่ยวเว่ย์)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. ? (?) – ค.ศ. ? (?)
กษัตริย์โจฮอง
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิดไม่ทราบ
เสียชีวิตไม่ทราบ
อาชีพขุนนาง
ชื่อรองต้ายบก (大目 ต้ามู่)

ประวัติ แก้

ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 249[a] โจฮองจักรพรรดิวุยก๊กเสด็จไปยังสุสานโกเบงเหลง (高平陵 เกาผิงหลิง) เพื่อสักการะอดีตจักรพรรดิโจยอย โดยมีโจซองผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และคนอื่น ๆ ตามเสด็จ สุมาอี้ซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการร่วมได้ฉวยโอกาสนี้ก่อการรัฐประหารในนครหลวงลกเอี๋ยง โดยอ้างว่าโจซองมีแผนคิดจะชิงบัลลังก์ สุมาอี้สั่งปลดโจซองจากตำแหน่งตามพระราชเสาวนีย์ของกวยทายเฮา ปิดประตูนครลกเอี๋ยง และยึดค่ายทหารของเหล่าน้องชายของโจซอง สุมาอี้ส่งเค้าอิ๋นและต้านท่ายไปเกลี้ยกล่อมโจซองให้ยอมจำนน เจียวเจ้ยังได้ส่งหนังสือถึงโจซองเพื่ออธิบายเจตนาของสุมาอี้ และยังส่งอินต้ายบกซึ่งเป็นนายกองพันประจำพระที่นั่งที่โจซองไว้วางใจมาโน้มน้าวโจซองให้สละอำนาจและกลับไปลกเอี๋ยง[2][3] ภายหลังโจซองและพรรคพวกถูกสุมาอี้สั่งประหารชีวิตสามชั่วโคตร อินต้ายบกรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นและต้องการจะแก้แค้นมาโดยตลอด

ในปี ค.ศ. 255 บู๊ขิวเขียมและบุนขิม พร้อมด้วยบุตรชายของบุนขิมคือบุนเอ๋งและบุนเฮา นำทัพเข้าโจมตีสุมาสู อินต้ายบกรู้ว่าลูกตาข้างหนึ่งของสุมาสูถลนออกจากเบ้าทำให้สุมาสูป่วยหนักใกล้จะเสียชีวิต อินต้ายบกจึงเข้าไปพูดกับสุมาสูว่า "เดิมบุนขิมเป็นคนที่ท่านไว้ใจ แต่ถูกคนอื่นหลอกใช้ เขายังเป็นคนบ้านเดียวกันกับองค์จักรพรรดิด้วย โดยปกติเขากับข้าพเจ้าเชื่อใจซึ่งกันและกัน ข้ายินดีไปเกลี้ยกล่อมเขาเพื่อท่าน ให้เขากลับมาเป็นมิตรกับท่านดังเดิม" สุมาสูเห็นชอบด้วย อินต้ายบกจึงสวมเกราะและขี่ม้าตัวใหญ่ออกไปเพียงลำพังไล่ตามบุนขิมไป แล้วสนทนากับบุนขิมจากที่ไกล ๆ ในใจอินต้ายบกนั้นคำนึงถึงตระกูลโจและรู้ว่าสุมาสูใกล้จะตาย แต่ไม่สะดวกที่จะบอกบุนขิมโดยตรง จึงพูดเป็นนัยไปว่า "เหตุใดท่านจึงไม่อดทนอีกไม่กี่วันเล่า" อินต้ายบกต้องการให้บุนขิมเข้าใจความหมายของ "อดทนอีกไม่กี่วัน" แต่บุนขิมไม่เข้าใจและตะโกนไปว่า "ท่านเป็นข้ารับใช้ของจักรพรรดิองค์ก่อน ไม่คิดตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณ แต่กลับร่วมมือกับสุมาสูทรยศต่อราชวงศ์ ท่านไม่เห็นแก่สวรรค์ สวรรค์ก็จะไม่อวยพรท่าน" แล้วง้างเกาทัณฑ์จะยิงอินต้ายบก อินต้ายบกร้องไห้และพูดว่า "การใหญ่ของแผ่นดินภินท์พังลงเสียแล้ว โปรดรักษาตนด้วยเถิด!"[4]

หมายเหตุ แก้

  1. วันเจี๋ยอู่ (甲午) ของเดือน 1 ในศักราชเจียผิงปีที่ 1 ตามพระราชประวัติโจฮองในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 4[1]

อ้างอิง แก้

  1. (嘉平元年春正月甲午,車駕謁高平陵。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 4.
  2. (宣王使許允、陳泰解語爽,蔣濟亦與書達宣王之旨,又使爽所信殿中校尉尹大目謂爽,唯免官而已,以洛水爲誓。爽信之,罷兵。) อรรถาธิบายจากชื่อ-ยฺหวีั่ในจดหมายเหตุสามก๊กเล่มที่ 9.
  3. (懿使侍中高陽、許允及尚書陳泰說爽宜早自歸罪,又使爽所信殿中校尉尹大目謂爽,唯免官而已,以洛水為誓) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 76.
  4. (殿中人尹大目小為曹氏家奴,常在天子左右,師將與俱行,大目知師一目已出,啟云:「文欽本是明公腹心,但為人所誤耳;又天子鄉里,素與大目相信,乞為公追解語之,令還與公復好。」師許之。大目單身乘大馬,被鎧冑,追欽,遙相與語。大目心實欲為曹氏,謬言:「君侯何苦不可復忍數日中也!」欲使欽解其旨。欽殊不悟,乃更厲聲罵大目曰:「汝先帝家人,不念報恩,反與司馬師作逆,不顧上天,天不祐汝!」張弓傅矢欲射大目。大目涕泣曰:「世事敗矣,善自努力!」) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 76.

บรรณานุกรม แก้