มารี หลุยส์ ดัชเชสแห่งปาร์มา
อาร์ชดัชเชสมารี ลุซิอาแห่งออสเตรีย (เยอรมัน: Erzherzogin Maria Lucia von Österreich, อังกฤษ: Archduchess Maria Lucia of Austria, ฝรั่งเศส: Marie Louise d'Autriche, อิตาลี: Maria Luisa d'Austria) (พระนามเต็ม: มาเรีย ลูโดวิก้า ลีโอโพลดีน่า ฟรานซิสก้า เธเรเซีย โยเซฟา ลูเซีย, (ฝรั่งเศส: Maria Ludovika Leopoldina Francisca Theresia Josepha Lucia von Habsburg-Lorraine (Bonaparte)) ทรงเป็นอาร์ชดัชเชสแห่งออสเตรีย ก่อนที่จะทรงอภิเษกสมรสกับจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจักรวรรดิฝรั่งเศส และจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์[ต้องการอ้างอิง] พระองค์เป็นพระมเหสีองค์ที่ 2 ของนโปเลียน จึงทรงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส: impératrice Marie Louise des Français) และเมื่อปีพ.ศ. 2360 พระองค์ทรงเป็น ดัชเชสแห่งปาร์มา ปิอาเซนซ่า และกูแอสตาลล่า (อิตาลี: Maria Luigia, Duchessa di Parma, Piacenza, e Guastalla) นอกจากนี้ พระองค์ยังเป็นพระราชปนัดดาในสมเด็จพระราชินีมารี อังตัวเนตแห่งฝรั่งเศสอีกด้วย
มารี หลุยส์ ดัชเชสแห่งปาร์มา | |
---|---|
![]() จักรพรรดินีมารี หลุยส์ ในปี พ.ศ. 2353 | |
จักรพรรดินีแห่งฝรั่งเศส ดัชเชสแห่งปาร์มา | |
ระหว่าง | 11 มีนาคม พ.ศ. 2353 - 6 เมษายน พ.ศ. 2357 (4 ปี 26 วัน) |
พระราชสวามี | จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส (ค.ศ. 1810-1814) |
พระราชบุตร | นโปเลียนที่ 2 เคาน์เตสอัลเบอร์ไทน์ เคาน์วิลเฮล์ม อัลเบรชท์ เคาน์เตสมาธิลด์ |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค-โบนาปาร์ต |
พระบิดา | ฟรันซ์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ |
พระมารดา | มาเรีย เทเรซา แห่งเนเปิลส์และซิซิลี |
ประสูติ | 12 ธันวาคม พ.ศ. 2334 (ค.ศ. 1791) |
สิ้นพระชนม์ | 17 ธันวาคม พ.ศ. 2390 (ค.ศ. 1847) (56 พรรษา) |
พระราชประวัติแก้ไข
อาร์ชดัชเชสมาเรีย ลูเซียทรงประสูติเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2334 ณ กรุงเวียนนา ในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระราชธิดาองค์โตในจักรพรรดิฟรันซ์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (พระราชโอรสในสมเด็จพระจักรพรรดิลีโอโพลด์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์) และพระมเหสีองค์ที่ 2 ของพระองค์ มาเรีย เทเรซา แห่งเนเปิลส์และซิซิลี เมื่อทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงได้รับการศึกษาด้านภาษาจากครูผู้สอนชาวเยอรมัน ตามพระบัญชาของพระราชชนกและพระราชชนนี ดังนั้น พระองค์จึงทรงสามารถตรัสและทรงอักษรเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอิตาลี ภาษาละติน และภาษาสเปน เป็นต้น
สมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งฝรั่งเศสแก้ไข
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2353 อาร์ชดัชเชสมาเรีย ลูเซีย ซึ่งขณะนั้นมีพระชันษา 18 ชันษา ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส โดยพระองค์ทรงเป็นตัวแทนของการสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างจักรวรรดิออสเตรีย และจักรวรรดิฝรั่งเศส พระราชพิธีอภิเษกสมรสถูกจัดขึ้น ณ มหาวิหารพระราชวังลูฟว์ กรุงปารีส โดยจักรพรรดินโปเลียนทรงให้เหตุผลในการอภิเษกสมรสกับอาร์ชดัชเชสแห่งราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่เก่าแก่ที่สุดราชวงศ์หนึ่ง เพื่อในการเพิ่มศักยภาพและความยิ่งใหญ่ทัดเทียมราชวงศ์ต่าง ๆ ในยุโรป โดยก่อนหน้านี้ นโปเลียนเคยทรงทูลขออภิเษกสมรสกับแกรนด์ดัชเชสแอนนา พาฟลอฟนา ซึ่งเป็นพระขนิษฐาในจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งรัสเซีย โดยพระองค์ทรงปฏิเสธที่จะอภิเษกสมรสกับนโปเลียน
หลังจากทั้ง 2 พระองค์ทรงอภิเษกสมรสแล้ว อาร์ชดัชเชสมารี ลูเซีย ก็ทรงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์แห่งฝรั่งเศส (The Empress Marie Louise of the French) และเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2354 พระองค์ทรงให้ประสูติกาลพระราชโอรส 1 พระองค์ จักรพรรดินโปเลียนทรงพระราชทานพระนามพระราชโอรสองค์เดียวของพระองค์ว่า นโปเลียน ฟรองซัวส์ โจเซฟ ชาร์ลส์ โบนาปาร์ต
สมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์ทรงดำรงตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตั้งแต่เดือนเมษายน ถึง เดือนธันวาคม พ.ศ. 2355 ขณะที่พระราชสวามีของพระองค์ทรงนำกองทัพไปรบกับจักรวรรดิรัสเซีย และทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อีกครั้งเมื่อพระราชสวามีทรงนำกองทัพไปรบกับปรัสเซีย รวมทั้งกลุ่มในประเทศเยอรมัน เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2356 ถึง เดือนมกราคม พ.ศ. 2357 หลังจากสงครามเสร็จสิ้นแล้ว ผลปรากฏว่าฝรั่งเศสพ่ายแพ้สงครามทั้งหมด นโปเลียนจึงทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่6 เมษายน พ.ศ. 2357 และทรงอพยพไปที่เกาะเอลบา ประเทศอิตาลี ส่วนสมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์ก็เสด็จกลับประเทศออสเตรีย แล้วก็ไม่ทรงเห็นพระราชสวามีของพระองค์อีกเลย
ดัชเชสแห่งปาร์มาแก้ไข
หลังจากที่นโปเลียนสละราชสมบัติเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2357 แล้ว สมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์และพระราชโอรสองค์เดียวก็ทรงอพยพจากกรุงปารีสไปยังเมืองบลอยส์ จากนั้นก็อพยพต่อไปยังกรุงเวียนนา ในการประชุมสนธิสัญญาฟอนเท็นเนอโบลว์ เมื่อวันที่11 เมษายน พ.ศ. 2357 ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า อนุญาตให้พระองค์ใช้พระราชอิสริยยศสมเด็จพระจักรพรรดินีได้ และยังให้พระองค์เป็นองค์พระประมุขแห่งแคว้นปาร์มา ปิอาเซนซ่า และกูแอสตาลล่า และให้พระราชโอรสของพระองค์เป็นองค์รัชทายาทอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อปี พ.ศ. 2358 การประชุมใหญ่แห่งเวียนนา ได้นำพระราชอิสริยยศของดัชเชสแห่งปาร์มา มาเป็นหัวข้อในการประชุม ในการประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า หลังจากที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว จะทำการคัดเลือกพระบรมวงศานุวงศ์ที่เหมาะสมแก่การสืบราชบัลลังก์ต่อ โดยเมื่อปีพ.ศ. 2360 มีการทำสนธิสัญญาว่า จะยกแคว้นทั้งหมดให้กับพระบรมวงศานุวงศ์แห่งราชวงศ์บูร์บง อย่างในปี พ.ศ. 2387 แคว้นกูแอสตาลล่าได้ถูกผนวกเข้ากับแคว้นโมเดน่า
อภิเษกสมรสครั้งใหม่แก้ไข
เมื่อปี พ.ศ. 2364 ซึ่งหลังจากที่นโปเลียนสิ้นพระชนม์ 4 เดือน สมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์ก็ทรงอภิเษกสมรสอีกครั้งกับ เคานต์อดัม อัลเบิร์ตแห่งไนปเปร์ก โดยทั้ง 2 มีพระโอรส 1 พระองค์ และพระธิดา 2 พระองค์ ซึ่งพระโอรสและพระธิดา 2 พระองค์แรกได้ประสูติก่อนที่ทั้ง 2 พระองค์จะทรงอภิเษกสมรสกัน
- เคานเตสอัลเบอร์ไทน์แห่งมอนเตนูโว (พ.ศ. 2330 – พ.ศ. 2410) สมรสกับเคานต์ลุยกิ ซานวิเทลแห่งฟอนทาเนลลาโต
- เคานต์วิลเฮล์ม อัลเบรชท์แห่งมอนเตนูโว (พ.ศ. 2362 – พ.ศ. 2438) ภายหลังได้รับเลื่อนพระอิสริยยศเป็นเจ้าชายแห่งมอยเตนูโว (The Prince of Montenuovo) สมรสกับเคานเตสจูเลียนา บัธเธียนาแห่งเนเมทูยาร์
- เคานเตสมาธิลด์แห่งมอนเตนูโว (พ.ศ. 2365 – พ.ศ. 2443) ไม่ทรงอภิเษกสมรส
และเมื่อปี พ.ศ. 2377 พระองค์ทรงอภิเษกสมรสอีกครั้งกับ มาร์ควิสมาร์ค มารีแห่งบอมแบลล์ โดยทั้ง 2 ทรงไม่มีพระบุตรด้วยกัน
สิ้นพระชนม์แก้ไข
สมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์ทรงสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2390 ณ แคว้นปาร์มา สิริพระชนมพรรษาได้ 56 พรรษา พระศพของพระองค์ถูกย้ายจากปาร์มามายังเวียนนา เพื่อทำการฝังพระศพไว้ที่วิหารฮาพส์บวร์ค ซึ่งเป็นที่ฝังพระศพพระบรมวงศานุวงศ์ออสเตรียมาช้านาน
พระราชอิสริยยศแก้ไข
- 12 ธันวาคม พ.ศ. 2334 - 13 เมษายน พ.ศ. 2350: อาร์ชดัชเชสมาเรีย ลูเซียแห่งออสเตรีย (Her Royal Highness Archduchess Maria Lucia of Austria)
- 13 เมษายน พ.ศ. 2350 - 11 มีนาคม พ.ศ. 2353: อาร์ชดัชเชสมาเรีย ลูเซียแห่งออสเตรีย เจ้าฟ้าหญิงแห่งฮังการี และโบฮีเมีย (Her Imperial Highness The Archduchess of Austria, the Princess Royal of Hungary and Bohemia)
- 11 มีนาคม พ.ศ. 2353 - 6 เมษายน พ.ศ. 2357: สมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งฝรั่งเศส (Her Imperial Majesty The Empress of the French)
- 6 เมษายน พ.ศ. 2357 - 17 ธันวาคม พ.ศ. 2390: สมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์, ดัชเชสแห่งปาร์มา ปิอาเซนซ่า และกูแอสตาลล่า (Her Imperial Majesty The Empress Marie Louise, Duchess of Parma, Piacenza, and Guastalla)
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงได้รับพระยศเป็น เคานเตสแห่งไนป์เปิร์ก (Countess of Neipperg) และ เคานเตสแห่งบอมแบลลส์ (Countess of Bombelles) จากการอภิเษกสมรสทั้ง 2 ครั้งด้วย
ราชตระกูลแก้ไข
อาร์ชดัชเชสมารี หลุยส์แห่งออสเตรีย | พระชนก: จักรพรรดิฟรันซ์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (จักรพรรดิฟรันซ์ที่ 1 แห่งออสเตรีย) |
พระอัยกาฝ่ายพระชนก: สมเด็จพระจักรพรรดิลีโอโพลด์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ |
พระปัยกาฝ่ายพระชนก: จักรพรรดิฟรันซ์ที่ 1 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ |
พระปัยยิกาฝ่ายพระชนก: จักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา | |||
พระอัยยิกาฝ่ายพระชนก: เจ้าหญิงมาเรีย ลุยซา แห่งสเปน |
พระปัยกาฝ่ายพระชนก: พระเจ้าการ์โลสที่ 3 แห่งสเปน | ||
พระปัยยิกาฝ่ายพระชนก: เจ้าหญิงมาเรีย อมาเลียแห่งแซ็กโซนี | |||
พระชนนี: เจ้าหญิงมาเรีย เทเรซ่าแห่งทู ซิชิลีส์ |
พระอัยกาฝ่ายพระชนนี: สมเด็จพระราชาธิบดีเฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งทู ซิชิลีส์ |
พระปัยกาฝ่ายพระชนนี: พระเจ้าการ์โลสที่ 3 แห่งสเปน | |
พระปัยยิกาฝ่ายพระชนนี: เจ้าหญิงมาเรีย อมาเลียแห่งแซ็กโซนี | |||
พระอัยยิกาฝ่ายพระชนนี: อาร์ชดัชเชสมารี แคโรไลน์แห่งออสเตรีย |
พระปัยกาฝ่ายพระชนนี: จักรพรรดิฟรันซ์ที่ 1 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ | ||
พระปัยยิกาฝ่ายพระชนนี: จักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา |
อ้างอิงแก้ไข
- Schom, Alan. Napoleon Bonaprate
- Markham, Felix, Napoleon
แหล่งข้อมูลอื่นแก้ไข
ก่อนหน้า | มารี หลุยส์ ดัชเชสแห่งปาร์มา | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
โฌเซฟีน เดอ โบอาร์แน | สมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งฝรั่งเศส Empress of the French (ค.ศ. 1810 - 1815) |
เจ้าหญิงมารี-เทเรส ชาร์ลอตแห่งฝรั่งเศส | ||
ไม่มี | ดัชเชสแห่งปาร์มา ปิอาเซนซ่า และกูแอสตาลล่า Duchess of Parma, Piacenza, and Guastalla (ค.ศ. 1814 - 1847) |
ดยุคชาร์ลส์ที่ 2 แห่งปาร์มา |