ฟูมิโอะ คิชิดะ

ฟูมิโอะ คิชิดะ (ญี่ปุ่น: 岸田 文雄โรมาจิKishida Fumio; เกิด 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2500) เป็นนักการเมืองชาวญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและหัวหน้าพรรคพรรคเสรีประชาธิปไตยคนปัจจุบัน

ฟูมิโอะ คิชิดะ
岸田 文雄
ภาพถ่ายอย่างเป็นทางการ พ.ศ. 2564
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
อยู่ในวาระ
เริ่มดำรงตำแหน่ง
4 ตุลาคม พ.ศ. 2564
กษัตริย์ จักรพรรดินารูฮิโตะ
ก่อนหน้า โยชิฮิเดะ ซูงะ
หัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย
อยู่ในวาระ
เริ่มดำรงตำแหน่ง
29 กันยายน พ.ศ. 2564
ก่อนหน้า โยชิฮิเดะ ซูงะ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น
ดำรงตำแหน่ง
26 ธันวาคม พ.ศ. 2555 – 3 สิงหาคม พ.ศ. 2560
นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ
ก่อนหน้า โคอิชิโร เกมบะ
ถัดไป ทาโร โคโนะ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
อยู่ในวาระ
เริ่มดำรงตำแหน่ง
18 กรกฎาคม พ.ศ. 2536
เขตเลือกตั้ง จังหวัดฮิโรชิมะ เขต 1
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2500 (65 ปี)
เขตชิบูยะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
พรรค พรรคเสรีประชาธิปไตย
คู่สมรส ยูโกะ คิชิดะ
บุตร 3 คน
ศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยวาเซดะ

ก่อนเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คิชิดะเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศภายใต้นายกรัฐมนตรีอาเบะ เขาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากจังหวัดฮิโรชิมะ เขต 1 ในสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่ พ.ศ. 2536

คิชิดะชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตยด้วยคะแนนร้อยละ 60.2[1] พร้อมสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรีต่อจากโยชิฮิเดะ ซูงะเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2564[2]

คิชิดะเกิดในครอบครัวนักการเมือง ในวัยเด็กเขาเข้าเรียนที่โรงเรียนประถมในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา หลังจากเริ่มต้นอาชีพทางการเงิน คิชิดะเข้าสู่การเมืองและได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปี พ.ศ. 2536 ในฐานะสมาชิกพรรคแอลดีพี คิชิดะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในคณะรัฐมนตรีของชินโซ อาเบะและยาซูโอะ ฟูกูดะระหว่าง พ.ศ. 2550 ถึง 2551 ต่อมาเขาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศใน พ.ศ. 2555 หลังจากที่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง คิชิดะดำรงตำแหน่งเป็นเวลาห้าปีถือเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น คิชิดะลาออกจากคณะรัฐมนตรีอาเบะใน พ.ศ. 2560 เพื่อเป็นหัวหน้าสภาวิจัยนโยบายของพรรคเสรีประชาธิปไตย (ญี่ปุ่น)

คิชิดะได้รับการพิจารณาว่าอาจจะสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคตมาอย่างยาวนาน แต่อย่างไรก็ตามในการสมัครรับเลือกตั้งผู้นำพรรค LDP ใน พ.ศ. 2563 คิชิดะพ่ายแพ้ให้กับ โยชิฮิเดะ ซูงะ แต่เขาก็ได้ลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกครั้งใน พ.ศ. 2564 คราวนี้เขาชนะในรอบที่สองซึ่งมีคู่แข่งคือทาโร โคโนะ จากนั้นในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2564 คิชิดะได้รับการยืนยันให้เป็นนายกรัฐมนตรีโดยสภาแห่งชาติ และนำพรรค LDP ไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2564 ในเดือนเดียวกันนั้น

คิชิดะได้รับการวิเคราห์ว่าเขาเป็นคนหัวอนุรักษ์นิยมปานกลาง และระบุว่านโยบายของเขามุ่งเน้นไปที่ "โมเดลใหม่ของระบบทุนนิยม" โดยพยายามที่จะใช้นโยบายการกระจายความมั่งคั่งเพื่อขยายชนชั้นกลางในญี่ปุ่น ในด้านนโยบายต่างประเทศเขาได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการสนทนาจตุรภาคีว่าด้วยความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรลุยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ในปี พ.ศ. 2565 เขาได้มีคำสั่งให้คณะรัฐมนตรีเพิ่มงบประมาณทางทหารของญี่ปุ่นเป็นสองเท่าขึ้นเป็น 2% ของ GDP

การศึกษาและชีวิตในวัยเด็กแก้ไข

คิชิดะเกิดเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2500 ในครอบครัวการเมือง ในเขตชิบูยะ โตเกียว [3][4][5] มีบิดาชื่อว่าฟูมิตาเกะ คิชิดะ ซึ่งเป็นข้าราชการในกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นและเป็นผู้อำนวยการของ The Small รวมถึงหน่วยงานวิสาหกิจขนาดกลาง เนื่องจากครอบครัวของคิชิดะมาจากฮิโรชิมะเขาและครอบครัวจึงกลับไปเยือนที่นั่นทุกฤดูร้อน สมาชิกในครอบครัวหลายคนของคิชิดะเสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมะ เมื่อคิชิดะเติบโตมาด้วยการได้ยินเรื่องราวจากผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณู[6] ทั้งพ่อของเขาและปู่ของเขาล้วนเป็นอดีตนักการเมืองที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น [5] และโยอิจิ มิยาซาวะซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นก็ยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของคิชิดะด้วย [7][8] คิชิดะยังมีอดีตนายกรัฐมนตรีคิอิจิ มิยาซาวะเป็นญาติคนห่าง ๆ [5]

ในวัยประถมเขาเข้าเรียนที่โรงเรียนประถม New York City Department of Education ในย่านเอล์มเฮิรสต์ เทศมณฑลควีนส์ รัฐนิวยอร์ก เขาได้เรียนที่นี่ก็เนื่องจากพ่อของเขาได้รับตำแหน่งงานในสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น.[9] ต่อมาเขาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนประถมโคจิมาจิและโรงเรียนมัธยมต้นโคจิมาจิ คิชิดะจบการศึกษาจากโรงเรียนไคเซอะคาเดมีเป็นที่ซึ่งเขาได้เคยเล่นในทีมเบสบอล[10]

หลังจากคิชิดะผิดหวังจากการถูกมหาวิทยาลัยโตเกียวปฏิเสธหลายครั้ง เขาได้เริ่มศึกษากฎหมายที่มหาวิทยาลัยวาเซดะ และจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวาเซดะในปี พ.ศ. 2525 [4][10] และเขาก็เป็นเพื่อนกับทาเคชิ อิวายะต่อมากลายเป็นนักการเมืองในอนาคต[11][12]

เกียรติยศแก้ไข

อ้างอิงแก้ไข

  1. "Fumio Kishida enters LDP leadership race as party sets voting plan". The Japan Times. สืบค้นเมื่อ 26 August 2021.
  2. "Fumio Kishida: Japan's new prime minister takes office". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 4 October 2021.
  3. Akimoto, Daisuke (7 September 2021). "The Arrival of Kishida Diplomacy?". The Diplomat (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 September 2021. สืบค้นเมื่อ 29 September 2021.
  4. 4.0 4.1 "Fumio Kishida". Kantei. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 September 2021. สืบค้นเมื่อ 30 September 2021.
  5. 5.0 5.1 5.2 "Abe Cabinet (Formed December 26, 2012)". The Japan Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 September 2021. สืบค้นเมื่อ 30 September 2021.
  6. Kishida, Fumio (2020). "第一章 故郷・広島への想い [Chapter 1 Thoughts on my hometown, Hiroshima]". 『核兵器のない世界へ 勇気ある平和国家の志』 [Towards a World Without Nuclear Weapons: Ambition of a Courageous Peaceful Nation]. 日経BP. ISBN 978-4296106974.
  7. "[自民党総裁選]岸田さんこんな人…「勝つまで戦う」酒豪 : トピックス : ニュース". 読売新聞オンライン (ภาษาญี่ปุ่น). 2020-09-09. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 October 2021. สืบค้นเมื่อ 2020-09-19.
  8. "Japan minister support staff 'put sex club on expenses'". BBC. 23 October 2014. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 October 2014. สืบค้นเมื่อ 24 October 2014.
  9. Landers, Peter (3 September 2021). "Japan's Next Prime Minister: Who Are the Candidates to Succeed Yoshihide Suga?". Wall Street Journal (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 September 2021. สืบค้นเมื่อ 28 September 2021.
  10. 10.0 10.1 Sin, Walter (2 October 2021). "Fumio Kishida: Japan's ronin turned prime minister-designate". The Straits Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 October 2021. สืบค้นเมื่อ 4 October 2021.
  11. Reynolds, Isabel; Hirokawa, Takashi (20 July 2017). "Abe's Low-Key Foreign Minister Watched as Potential Rival". Bloomberg.com (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 September 2021. สืบค้นเมื่อ 29 August 2020.
  12. "Fumio Kishida: calm centrist picked as Japan's next prime minister". INQUIRER.net (ภาษาอังกฤษ). Agence France-Presse. 29 September 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 October 2021. สืบค้นเมื่อ 8 October 2021.
  13. Decoraties Staatsbezoeken Japan en Republiek Korea เก็บถาวร 4 พฤศจิกายน 2014 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน - website of the Dutch Royal House