ชานจา

ชานจา
สถานะการอนุรักษ์
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Plantae
ไม่ได้จัดลำดับ: Angiosperms
ไม่ได้จัดลำดับ: Eudicots
ไม่ได้จัดลำดับ: Rosids
อันดับ: Rosales
วงศ์: Rosaceae
สกุล: Crataegus
สปีชีส์: C.  pinnatifida
ชื่อทวินาม
Crataegus pinnatifidaa
Bunge
ชื่อพ้อง[2]
รายการ
    • Malus longipes Wenz.
    • Pyrus cordata subsp. briggsii (Syme) Coombe & P.D.Sell
    • Pyrus cossonii Rehder
    • Pyrus gharbiana Trab.
    • Pyrus longipes Coss. & Durieu
    • Pyrus macropoda Rehder
ภาพวาดประกอบ

ซานจา หรือ ซัวจา หรือ เซียงจา (จีน: 山楂; พินอิน: shānzhā; อังกฤษ: Chinese hawthorn; ชื่อวิทยาศาสตร์: Crataegus pinnatifida) เป็นไม้ผลขนาดเล็กประเภทเบอร์รี่ชนิดหนึ่งในสกุลฮอว์ธอร์น คนส่วนมากรู้จักในฐานะเป็นผลไม้และขนมหวานกินเล่น ผลซานจาสีแดงมักจะนิยมนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้แก่ ซานจาแผ่นผลไม้อบแห้ง แยมผลไม้ เยลลี่ น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดต่าง ๆ เป็นพืชที่ปลูกในประเทศจีนทางตอนเหนือและประเทศเกาหลี

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ซานจาแตกต่างจากไม้ผลอื่นในสกุลฮอว์ธอร์น คือมีหนามสั้น จำนวนไม่มาก กระจัดกระจาย หนามชี้ขึ้นด้านบนและตั้งตรงมากกว่า แต่ดอกและผลมีสีแดงเหมือนที่พบได้ทั่วไปในสกุลฮอว์ธอร์น[3]

ลักษณะ

เป็นไม้ผลขนาดเล็ก[4] สูงได้ถึง 6 เมตร มีหนาม 1-2 เซนติเมตร บางครั้งไม่มีหนาม กิ่งและก้านมีสีน้ำตาลอมม่วงเมื่ออายุน้อย สีน้ำตาลอมเทาเมื่อแก่ ก้านกลม[5] แตกแขนงมาก

ใบรูปไข่กว้าง หรือรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ยาว 5–10 เซนติเมตร กว้าง 4–7.5 เซนติเมตร สีเขียวเข้ม แฉกหยักลึก ปลายแหลม ขอบใบเรียบเมื่ออ่อน ขอบหยักหรือกึ่งเรียบเมื่อต้นมีอายุมาก แฉกใบ 3–5 คู่[5]

ตาดอกสีม่วงแดง รูปไข่รูปสามเหลี่ยม เกลี้ยงเกลา ประมาณ 8 มิลลิเมตร[5]

ดอกสีขาว เป็นช่อกระจุก ก้านดอกยาว 2–6 เซนติเมตร เรียงรอบแกนก้าน ดอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 เซนติเมตร มีขนสีขาวอมเทาบนฐานดอก กลีบดอกรูปไข่กลับถึงรูปใบหอก 4-5 มิลลิเมตร เกสรตัวผู้ 20 เส้น รังไข่ 5 แฉก[5] ดอกมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ คล้ายกับปลาเน่าซึ่งดึงดูดแมลงวันขนาดเล็ก ซึ่งเป็นแมลงผสมเกสรหลักในการปฏิสนธิเกสร แม้ว่าดอกเมื่อบานใหม่ ๆ อาจจะออกกลิ่นหอมมากกว่า[3] ออกดอกเดือนพ.ค.–มิ.ย.

ผลสีแดงสด ทรงกลมหรือกลมแป้น ผิวเกลี้ยง มีจุดเหลืองหรือน้ำตาลซีดกระจายทั่วผิวผล เส้นผ่านศูนย์กลาง 1–2.5 เซนติเมตร[5] กินได้ มีรสเปรี้ยวจัด สัมผ้สค่อนข้างสาก และเป็นที่ดึงดูดของสัตว์กินพืช เช่น นก[3] ออกผลเดือนส.ค.–ก.ย.[5] ในแต่ละผลมี 3-5 เมล็ด[6]

การขยายพันธุ์

ซานจาปลูกง่าย ชอบดินร่วนปนชื้นที่มีการระบายน้ำดี เมื่อตั้งตัวได้แล้วหรือปลูกต้นที่อายุหลายปีสามารถทนต่อดินที่มีความชื้นส่วนเกินได้ (ดินเปียก ดินเหนียว ดินน้ำท่วม) และยังทนต่อความแห้งแล้ง ชอบแดดจัด แต่สามารถปลูกในที่ร่มบางส่วนได้ ซึ่งปริมาณแสงแดดที่ได้รับเป็นปัจจัยสำคัญของปริมาณผลที่ผลิดได้[3]

ต้นที่ปลูกจากเมล็ดอาจใช้เวลา 5 ถึง 8 ปีจึงจะเริ่มออกผล ต้นที่ปลูกจากการทาบกิ่งมักจะออกดอกเต็มที่ในปีที่ 3[3]

อนุกรมวิธานและศัพทมูลวิทยา

ในภาษาจีนกลาง เรียก "ชานจา" (山楂, shānzhā) แปลตามตัวว่า "ฮอว์ธอร์นภูเขา" หรือเรียก "ต้าหงกั่ว" (大红果, dà hóng guǒ) ซึ่งแปลว่า "ผลไม้สีแดงขนาดใหญ่" ในภาษาแต้จิ๋วเรียก "ซัวจา" จึงมักนิยมเรียก ซานจา นัยว่าเป็นชื่อในภาษาจีนกลาง (แทนที่ ชานจา ที่ควรเป็น) ส่วนคำว่า "เซียงจา" มักถูกใช้เป็นทั้งชื่อผลไม้และขนมหวานกินเล่น

ชื่ออื่นในภาษาอังกฤษ ได้แก่ mountain hawthorn[7], Chinese haw[8], Chinese hawberry[9][10]

พันธุ์ปลูก

  • Crataegus pinnatifida var. major N. E. Brown[5][11] เรียก ซานจาใหญ่ (山里红,红果; ชานหลี่หง, หงกั่ว) เป็นพันธุ์ปลูกขนาดใหญ่สูง 8 เมตร เปลือกต้นสีน้ำตาลเข้ม ใบใหญ่ ยาว 6-12 เซนติเมตร กว้าง 5-8 เซนติเมตร แฉกใบ 2–4 คู่ ผลใหญ่ ทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5 เซนติเมตร สีแดงเข้ม มีจุดสีเหลือง-ขาวขนาดเล็กจำนวนมาก 5 เมล็ด ออกดอกเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ระยะติดผลเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม มักใช้เป็นวัตถุดิบทางการแพทย์แผนจีน[12]
  • Crataegus pinnatifida var. psilosa C. K. Schneider

ถิ่นกำเนิดและการแพร่กระจายพันธุ์

ซานจา (Crataegus pinnatifida) เป็นไม้ผลที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออก[3] เจริญได้ดีที่ความสูง 100–2000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล บนที่ลาดเอียง[5] พบและปลูกมากในประเทศจีน ในมณฑลเหอเป่ย์[13][14] เฮย์หลงเจียง เหอหนาน หูเป่ย์ เจียงซู จี๋หลิน เหลียวหนิง มองโกลใน ส่านซี ชานตง ชานซี ซินเจียง เจ้อเจียง และประเทศเกาหลี[5]

เคมี

สารสำคัญในซานจามากกว่า 150 ชนิดได้แก่ ฟลาโวนอยด์ ไตรเทอร์พีนอยด์ สเตียรอยด์ โมโนเทอร์พีนอยด์ เซสควิทเทอร์พีนอยด์ ลิกแนน กรดไฮดรอกซีซินนามิก กรดอินทรีย์[15]

  • ฟลาโวนอยด์ จากใบ เช่น เอพิจีนิน, ลูทิโอลิน, ออเรียนติน, พินนาทิฟิโนไซด์ (doi)
  • ไตรเทอร์พีนอยด์และสเตียรอยด์ จากผล เช่น กรดแมสลินิค, เบทูลิน, เบตา-ซิโทสเตียรอล, เบตา-เดาโคสเตียรอล (doi)

การใช้ประโยชน์

 
ซานจาแผ่น (โดยทั่วไปเรียก "เซียงจา")

การประกอบอาหาร

เนื่องผลสุกเปรี้ยวจัดจึงนิยมแปรรูปเป็นอาหารมากกว่าการกินผลสด[16] ในอาหารจีนตอนเหนือ ผลซานจาสุกใช้ในขนมถังหูหลู (ผลไม้เคลือบน้ำตาลเสียบไม้) และซานจาเกา นอกจากนี้ยังใช้ทำลูกกวาดแบบดั้งเดิม เช่น ซานจาแผ่น (ฮอว์เฟลก) และซานจาม้วน (ฮอว์โรล) รวมทั้งทำเป็น แยมผลไม้ เจลลี่ น้ำผลไม้ และไวน์ ยังใช้เป็นส่วนผสมในซอสเปรี้ยวหวานแบบกวางตุ้งดั้งเดิม ถึงแม้ว่าปัจจุบันมักถูกแทนที่ด้วยซอสมะเขือเทศก็ตาม[17]

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ในเกาหลีซานจาเป็นส่วนปรุงรสและกลิ่นในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เรียก ซานซาชุน (산사춘, Sansachun) เป็นเหล้าขาวเกาหลีที่ทำจากข้าว ชานจูยฺหวี (ซานจูยฺหวี) และผลซานจา ซึ่งมีประวัติอย่างน้อย 400 ปี ปัจจุบันผลิตโดยบริษัทแบซางมยุน (Bae Sang Myun Brewery)[18]

โภชนาการและสรรพคุณทางยา

ในการแพทย์แผนจีน ผลซานจาแห้งใช้เป็นยาช่วยย่อยอาหาร[19]อาจใช้ลดอาการปวดเมื่อมีอาการท้องเสีย ท้องร่วง[20][21] ไม่ควรกินมากโดยเฉพาะผู้ที่มีม้ามและกระเพาะอาหารอ่อนแอ (11hkbu) เก็บเกี่ยวผลในฤดูใบไม้ร่วงเมื่อผลสุก หั่นเป็นชิ้นหนาแล้วตากให้แห้ง (11hkbu)

ผล เมล็ด และใบซานจาซึ่งมีสารสำคัญประเภท ฟลาโวนอยด์ กรดไตรเทอร์พีนิก และเซคควิเทอร์พีน (sesquiterpene ) อาจช่วยในการควบคุมและรักษาสมดุลภาวะเมแทบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome) ให้ดีขึ้น[22]

ใบเก็บเกี่ยวในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงและตากแดดให้แห้ง ใช้ชงชาหรือเป็นยาต้ม ช่วยส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตและขจัดภาวะเลือดคั่ง อาจช่วยลดภาวะความดันโลหิตสูง (11hkbu)[23]

ในศิลปวัฒนธรรม

ซานจาปรากฏทั่วไปในงานวรรณกรรมจีน และภาพยนตร์ ที่เป็นที่รู้จักได้แก่ "ใต้ต้นซานจา" (山楂树之恋, Under the Hawthorn Tree (2010)) สร้างจากวรรณกรรม Hawthorn Tree Forever (ชื่อเดียวกันในภาษาจีน 山楂树之恋) โดย อ้าย หมี่ (艾米) เรื่องราวกล่าวถึงช่วงท้ายของการปฏิวัติวัฒนธรรม ในหมู่บ้านเล็กๆ ในเมืองอี้ชาง มณฑลหูเป่ย์ และมีฉากหลังเป็นต้นซานจา "ต้นไม้แห่งผู้กล้า" ของหมู่บ้านที่ได้รับการเล่าว่าเติบโตขึ้นการหล่อเลี้ยงด้วยเลือดของผู้พลีชีพชาวจีนที่ถูกประหารใต้ต้นโดยชาวญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

อ้างอิง

  1. Botanic Gardens Conservation International (BGCI) & IUCN SSC Global Tree Specialist Group (2019). "Crataegus pinnatifida". IUCN Red List of Threatened Species. 2019: e.T61957322A136776311. สืบค้นเมื่อ 14 April 2020.
  2. "Pyrus cordata Desv". Plants of the World Online. Board of Trustees of the Royal Botanic Gardens, Kew. 2017. สืบค้นเมื่อ 22 September 2020.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 "Crataegus pinnatifida (Chinese Hawberry, Chinese Hawthorn, Hawthorn, Hawthorne, Mountain Hawthorn, Thornapple) | North Carolina Extension Gardener Plant Toolbox". plants.ces.ncsu.edu.
  4. ""ซานจา" ขนม หรือ ผลไม้? จากบล็อก โอเคเนชั่น oknation.net". oknation.nationtv.tv.
  5. 5.0 5.1 5.2 5.3 5.4 5.5 5.6 5.7 5.8 "Crataegus pinnatifida in Flora of China @ efloras.org". www.efloras.org.
  6. "藥用植物圖像數據庫 - 山楂 Shanzha". 藥用植物圖像數據庫 (ภาษาอังกฤษ).
  7. English Names for Korean Native Plants (PDF). Pocheon: Korea National Arboretum. 2015. p. 424. ISBN 978-89-97450-98-5. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 25 May 2017. สืบค้นเมื่อ 24 December 2016 – โดยทาง Korea Forest Service.
  8. Plants for a Future, สืบค้นเมื่อ 20 October 2015
  9. Hummer, K.E.; Janick, J. (2008). Folta, Kevin M.; Gardiner, Susan E. (บ.ก.). Genetics and genomics of Rosaceae. New York: Springer. p. 11. ISBN 978-0-387-77490-9.
  10. Flint, Harrison L. (1997). Landscape plants for eastern North America : exclusive of Florida and the immediate Gulf Coast. New York: Wiley. p. 158. ISBN 978-0-471-59919-7.
  11. "Crataegus pinnatifida Bunge — The Plant List". www.theplantlist.org.
  12. "藥用植物圖像數據庫 - 山里紅 Shanlihong". 藥用植物圖像數據庫 (ภาษาอังกฤษ).
  13. "ปลูก"ซันจา"สร้างรายได้ให้ชาวอำเภออู่อี้-CRI". thai.cri.cn.
  14. Thai, Xinhua. "เกษตรกรเหอเป่ยเก็บเกี่ยว 'ซานจา' ผลผลิตงอกงามเต็มสวน | Xinhua Thai". LINE TODAY.
  15. Wu, Jiaqi; Peng, Wei; Qin, Rongxin; Zhou, Hong (2014-01-30). "Crataegus pinnatifida: Chemical Constituents, Pharmacology, and Potential Applications". Molecules (ภาษาอังกฤษ). 19 (2): 1685–1712. doi:10.3390/molecules19021685. ISSN 1420-3049. PMC 6271784. PMID 24487567.{{cite journal}}: CS1 maint: PMC format (ลิงก์)
  16. L, Ellen. "Chinese Hawthorn Fruit 山楂".
  17. Chinese Cooking Demystified (26 November 2018). Old School Sweet and Sour Pork, without Ketchup (山楂咕噜肉) (ภาษาอังกฤษ). YouTube. สืบค้นเมื่อ 2 February 2019.
  18. LookatKorea. "Sansachun" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
  19. Dharmananda S. (2004). "Hawthorn (Crataegus). Food and Medicine in China". January. Institute of Traditional Medicine Online. {{cite journal}}: Cite journal ต้องการ |journal= (help)
  20. "Chinese Medicine Specimen Database". libproject.hkbu.edu.hk.
  21. ""ซานจา" ขนม หรือ ผลไม้? จากบล็อก โอเคเนชั่น oknation.net". oknation.nationtv.tv.
  22. Dehghani, Shahrzad; Mehri, Soghra; Hosseinzadeh, Hossein (2019-05). "The effects of Crataegus pinnatifida (Chinese hawthorn) on metabolic syndrome: A review". Iranian Journal of Basic Medical Sciences. 22 (5). doi:10.22038/ijbms.2019.31964.7678. PMC 6556496. PMID 31217924. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)CS1 maint: PMC format (ลิงก์)
  23. 山楂葉 Shanzhaye. Hong Kong Babtist University, School of Chinese Medicine. สืบค้นเมื่อ 25 สิงหาคม 2564.