ผู้ใช้:Magnamonkun/กระบะทราย
ในการประมูลหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ได้เกิดการทุจริตโครงการอย่างโจ่งแจ้งจนนำไปสู่การล้มประมูลโครงการเมื่อวันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564[1] และทำให้หนึ่งในผู้เข้าร่วมประมูลคือ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือของ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) และผู้เกี่ยวข้องกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มทั้งหมด ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง[2] ถือเป็นหนึ่งในการดำเนินงานที่ผิดพลาดของคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 62 ที่มี ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย พ.ศ. 2564 จิรายุ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 16 พรรคเพื่อไทย ได้ใช้การทุจริตครั้งนี้อภิปรายโจมตีฝ่ายรัฐบาล โดยเรียกปฏิบัติการนี้ว่า ปฏิบัติการ 16 วัน ทันใจนาย[3] และในช่วงเวลาเดียวกัน สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายซ้ำว่าการทุจริตดังกล่าวส่อเป็นการใช้อำนาจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย[4]
ภาพรวม
แก้ข้อกล่าวหาการทุจริตในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เริ่มขึ้นจากการจัดตั้งคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ขึ้นโดยมีรายนามดังนี้[5]
- นายกิตติกร ตันเปาว์ ผู้ช่วยผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานกรรมการ
- นายประสิทธิ์ ศิริภากรณ์ อธิบดีอัยการ ผู้แทนสำนักอัยการสูงสุด
- นางสาวกนกรัตน์ ขุนทอง ผู้แทนสำนักงบประมาณ
- นายประภาส คงเอียด ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
- นายสรพงษ์ ไพฑูรย์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ผู้แทนกรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม
- นายกาญผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาโครงการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เลขานุการ
- นายอัฌษไธก์ รัตนดิรก ณ ภูเก็ต ผู้ทรงคุณวุฒิ
- นายวิทยา ยาม่วง ผู้ทรงคุณวุฒิ
โดยคณะกรรมการได้ออกข้อกำหนดทั้งหมด สำรวจความเห็นนักลงทุน ทำประชาพิจารณ์ และเปิดขายซองเมื่อวันที่ 10–24 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 มีผู้เข้าซื้อซองข้อเสนอทั้งหมด 10 ราย เดิมมีกำหนดการให้เอกชนยื่นข้อเสนอภายในเดือน กันยายน พ.ศ. 2563 แต่ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2563 ได้มีหนังสือส่งจากผู้ซื้อซองรายหนึ่งถึงสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. แล้ว สคร. ได้ส่งต่อหนังสือนั้นถึงคณะกรรมการฯ และรฟม. เพื่อให้มีการพิจารณาตามคำร้องขอ ในวันเดียวกันคณะกรรมการได้มีการจัดประชุมฉุกเฉินแล้วเชิญบุคคลภายนอกเข้าร่วมประชุมด่วน 2 คน ได้แก่ นายภคพงษ์ ศิริกันธรมาศ ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ตัวแทนจากที่ปรึกษากลุ่ม BMTO ซึ่งสุ่มเสี่ยงว่าการให้บุคคลภายนอกสองคนเข้าร่วมประชุมจะทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ส่อให้เอกชนรายหนึ่งผูกขาดสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าโดยชัดเจน โดยผลการประชุมวันนั้นคือมีมติแก้ไขสาระสำคัญของเงื่อนไขการประมูล เป็นเหตุให้บีทีเอสซีต้องออกมาฟ้องร้องเพื่อความเป็นธรรม
ข้อกล่าวหาการทุจริต
แก้- 7 สิงหาคม พ.ศ. 2563 บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) มีหนังสือที่ ITD/ORW/15.00/0001 ส่งตรงถึงผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ขอให้มีการพิจารณาเปลี่ยนเงื่อนไขการประมูล ด้วยเหตุว่าโครงการมีความเสี่ยงสูงมาก มีความจำเป็นต้องผ่านพื้นที่อนุรักษ์เกาะรัตนโกสินทร์ชั้นใน รวมถึงต้องขุดเจาะลอดแม่น้ำเจ้าพระยา จึงต้องให้มีการจัดการก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน รวมถึงการที่โครงการเป็นระบบใต้ดิน จึงต้องจัดหาระบบรถไฟฟ้าที่มีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตรายต่อประชาชน จึงเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยพิจารณาข้อเสนอทางเทคนิคร่วมกับข้อเสนอทางการเงิน เพื่อหาเอกชนที่มีศักยภาพ มีความเหมาะสม และมีประสบการณ์สูงเข้าดำเนินงานแทนรัฐ
- 13 สิงหาคม พ.ศ. 2563 สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ โดย นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ได้ส่งหนึ่งสือที่ กค. 0820.1/4810 ถึงผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พร้อมสำเนาหนังสือ ที่ ITD/ORW/15.00/0001 ของ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยพิจารณาโดยด่วน เนื่องจากเรื่องดังกล่าวอยู่ในอำนาจของ คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์)
- 21 สิงหาคม พ.ศ. 2563 คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีการจัดการประชุมด่วน และมีมติ 7 ต่อ 1 เสียง ให้ เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขตามที่ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เสนอมา โดยในการประชุม คณะกรรมการ ได้เชิญบุคคลภายนอกเข้าร่วมประชุมด้วย 2 คน และทั้งสองได้เสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขตามที่ อิตาเลียนไทยฯ เสนอมา ทั้งนี้หนึ่งเสียงที่คัดค้านคือ นางสาวกนกรัตน์ ขุนทอง ผู้แทนสำนักงบประมาณ
- 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563 รฟม. มีหนังสือแก้ไข เอกสารประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุน เพิ่มเติม ครั้งที่ 1 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) (RFP Addendum 1) ถึงเอกชนทั้ง 10 ราย พร้อมกับยืดระยะเวลาจัดทำข้อเสนอเพิ่มอีก 45 วัน เป็นวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
- 17 กันยายน พ.ศ. 2563 บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) โดย บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้เข้ายื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ต่อศาลปกครองกลางเพื่อให้มีการคุ้มครองการประมูล และปรับไปใช้กติกาการประมูลรูปแบบเดิมก่อนการลงมติเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เป็นคดีหมายเลขดำที่ 2280/2563[6]
- 20 ตุลาคม พ.ศ. 2563 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โครงการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยศาลวินิจฉัยว่ามติดังกล่าวเป็นการกระทำที่น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ชะลอการใช้หลักเกณฑ์ใหม่แล้วกลับไปใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาเดิมจนกว่าศาลจะเห็นเป็นอย่างอื่น[7]
- 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยได้ยื่นอุทธรณ์ขอเพิกถอนคำสั่งศาลปกครองกลางที่ให้กลับไปใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาเดิมต่อศาลปกครองสูงสุด ด้วยเหตุผลว่าเป็นคำสั่งที่ส่งผลกระทบและเป็นอุปสรรคแค่การบริหารงานของรัฐ และการบริการสาธารณะของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง[8]